เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 [2] 3 4
  พิมพ์  
อ่าน: 10445 ถึงคุณนิลกังขา กับ ทีมงานวิชาการ
CrazyHOrse
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1899



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 15  เมื่อ 23 มี.ค. 06, 16:34

 พระพรหม คือ ผู้สร้าง
พระนารายณ์ คือ ผู้รักษา
พระอิศวร คือ ผู้ทำลาย

น่าคิดว่าธรรมชาติของมนุษย์เอาใจผู้รักษา และเกรงใจผู้ทำลาย

ส่วนผู้สร้าง สร้างแล้วก็แล้วกันไป

พระพรหมจึงเป็นมหาเทพที่ถูกลืมเช่นนี้แล

ส่วนเมืองไทยบ้านเรา ผู้สร้างโดนทำลายไปแล้วครับ

ฮาาาาาาาา (ไม่ออก)
บันทึกการเข้า

"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
นิลกังขา
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1012

ทำงานราชการ


ความคิดเห็นที่ 16  เมื่อ 23 มี.ค. 06, 17:03

 อ้อ
ว่าด้วยตุ๊กแก (ธรรมดา ไม่ใช่ตุ๊กแกสวรรค์)

เชิญท่านผู้สนใจไปดูกระทู้ที่ห้องวิทย์ทั่วไปครับ มีกระทู้ถามว่า (ตีน) ตุ๊กแกสามารถเกาะเทฟล่อนได้หรือไม่? ซึ่งนับว่าสร้างสรรค์มาก คำถามนี้ เพราะสิ่งหนึ่งได้รับการออกแบบมาให้สามารถเกาะติดได้ทุกพื้นผิว อีกสิ่งหนึ่งได้รับการออกแบบมาให้เป็นพื้นผิวที่ไม่มีอะไรเกาะติดอยู่ได้เลย...

เมื่อได้คำตอบแล้ว ว่าตุ๊กแกเกาะติดหรือไม่ติด (ผมไม่เฉลยครับ เชิญไปดูกระทู้โน้นเอง) ก็น่าจะถามต่อไปว่า พื้นผิวผนังวิมานไกรลาสของพระศุลีนั้น มีคุณสมบัติเป็นพื้นผิวแบบไหน?ฮืมฮืม
บันทึกการเข้า
รำเพย
อสุรผัด
*
ตอบ: 27


ความคิดเห็นที่ 17  เมื่อ 23 มี.ค. 06, 20:42

 รำเพยจำได้ว่าเคยอ่านมาก่อนแล้วนา...(น่าจะในพันทิป) ว่าเกาะไม่ติด เพราะว่าเท้าน้องตุ๊กแกมันยึดเกาะกับผิวของเทฟล่อนไม่ได้เพราะสารที่เคลือบอยู่บนกระทะนั่นแล

เอาไว้ว่างๆ เดี๋ยวรำเพยจับตุ๊กแกบนหน้าต่างข้างเตียงนอนไปลงกระทะดูดีกว่า    ฮี่ๆๆ

กลับมาเรื่องรถยนต์ส่วนตัว เอ๊ย พาหนะส่วนตัวของเทพเจ้าต่างๆ คิดไปคิดมาน่าจะรวบรวมทำทะเบียนบ้านเหมือนกันนะนี่ มีใครเคยเขียนหรือยังคะ? ช่วงนี้รำเพยไม่ค่อยมีอะไรทำเพราะหมอสั่งให้นอนเฉยๆบนเตียง หาอะไรมาเขียนเล่นดีกว่า    
บันทึกการเข้า
paganini
องคต
*****
ตอบ: 406

ทำงาน


ความคิดเห็นที่ 18  เมื่อ 23 มี.ค. 06, 21:06

อืมมมมมม
ต้องขออภัยด้วยเหมือนกันที่มีส่วนทำลายบรรยากาศ
ในกระทู้โน้น
ถ้าไม่ใช่อาจารย์เทาชมพูอันเป็นที่รักของกระผมไม่มาออกหน้าผมไม่ยอมหรอกนะ อิอิอิอิ
คิดไปคิดมา ก็เออ จะเถียงไปทำไมถ้าคนเขาไม่อยากถกเถียงกัน บางครั้งพอเลือดมันร้อน มันก็ขาดความเยือกเย็นแบบพี่   นกข.ไป

ตอนนี้ไม่ต้องเถียงกันก็ดี เพราะวันนี้มีข่าวดีมากๆ (23 มีค.49)เกิดขึ้น ก็คงเห็นแล้วว่าอะไรเป็นอะไร (เอ๊ะยังอยู่ในประเด็นการเมืองหรือป่าวหว่า)

จากกระทู้พระพรหมแล้ว
ผมว่าเรื่องไสยศาสตร์ก็น่าสนใจมาเล่าสู่กันฟังนะครับเพราะเป็นสิ่งที่ฝังอยู่ในความคิดของสังคมไทยเหมือนกัน
บันทึกการเข้า
paganini
องคต
*****
ตอบ: 406

ทำงาน


ความคิดเห็นที่ 19  เมื่อ 23 มี.ค. 06, 21:13

 ลืมถามไปเรื่องพระพรหม

มีท่านใดทราบเรื่องราวเกี่ยวกับการสร้างถาวรวัตถุที่อยู่ตรงข้ามกับพระพรหมในแนวทแยงมุงของ 4 แยกบ้างมั้ยครับ เพราะเชื่อกันว่าการมีพระพรหม อยุ่ตรงนั้นทำให้กิจการของห้างตรงข้ามนั้นไม่รุ่งเรืองเท่าที่ควร เห็นว่ามีการแก้เคล็ด เปลี่ยนแปลง ลองผิดลองถูกกันน่าดูเลย เคยได้ยินมาแต่จำรายละเอียดไม่ได้แล้ว
บันทึกการเข้า
Nuchana
สุครีพ
******
ตอบ: 979


ความคิดเห็นที่ 20  เมื่อ 24 มี.ค. 06, 01:35

ดิฉันขอใช้สิทธิ์ที่คุณ paganini พาดพิง ดิฉันจะโพสต์ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายค่ะ
เพื่อไม่ให้เกิดความร้าวฉานต่อเพื่อนสมาชิก อยากเก็บความรู้สึกดีๆ ที่เหลือไว้ให้คิดถึงกันดีกว่า

สมัยเป็นวัยรุ่นขึ้นศาลทั้งหมด 5 ครั้ง เป็นทั้งโจทก์และจำเลย ทั้งใน small claim court,
และ university court ถามว่าทำไมไม่ตั้งมั่นในความสงบ คำตอบคือไม่ชอบคำขู่
ใครท้า...ใครขู่....เอา...เดี๋ยวพบกัน  บังเอิญชนะคดีทุกครั้ง
เพราะทราบว่าตัวเองมีสิทธิ์แค่ไหน และจะต้องไม่ก้าวล่วงสิทธิผู้อื่น

ในกระทู้พระพรหม
ค.ห. 13 เป็นเรื่องของกฎหมาย  และ ค.ห. 15 เป็นเรื่อง superstition
กลับไปอ่านใหม่ มันไม่ใช่การเมือง และไม่ได้โชว์เค้าลางของการโต้เถียง
มันอาจจะแตะการเมืองอ้อมเท่านั้น ไม่มี impact อะไร เพราะระวังตัวอยู่แล้ว

ดิฉันไม่อยากทำผิดกติกา เพราะรู้สึกไม่ดีมากๆที่ vTeam “ตั้งท่า” ยัดข้อหาที่ไม่เคยมีอยู่ในหัว  
ขออภัยที่เบรกแตก  warning+threatening, one after another สะสมอยู่ จึงออกอาการ
ขอบคุณสำหรับไมตรีจิต และสิ่งดีๆที่เคยร่วมสนุกกันมาค่ะ
***********
Q: ผมเห็นพี่โพสต์ในกระทู้มีตติ้งอย่างเมามัน เลยต้องขอเวลานอกหน่อย
กติกามีอยู่ว่าพี่ห้ามบอก หรือใบ้ว่าอาจารย์เป็นใครนะครับ
ไม่งั้นผมอาจจะต้องปิดกระทู้นั้น เพราะอาจารย์คงยังไม่อยากให้
คนรู้จักตัวจริงมากเกินไป ..........โดยเฉพาะในโลกอินเทอร์เน็ต
อาจมีผู้ไม่หวังดีเข้ามาป่วนได้ หวังว่าพี่คงเข้าใจกติกานะครับ

A: ทราบดีค่ะ ทำไมถึงคิดว่าจะบอกล่ะ ช่วยปกปิดให้สุดๆ……

Q: ไม่ได้คิดว่าพี่มีเจตนาจะบอกหรอกครับ แต่กระทู้มันอาจจะพาไป
เดี๋ยวมีคนถามเยอะเดากันมามากๆอาจจะเกิดปัญหาได้ ผมเห็นพี่กำลังสนุก
กลัวจะเผลอแล้วจะเกิดปัญหามาที่หลัง เลยต้องกันไว้ก่อนนะครับ
ผมก็กำลังดูกระทู้อยู่ ตอนนี้ยังไม่มีปัญหาถึงขั้นต้องปิดครับ
******
ขออภัยคุณรำเพยด้วยค่ะ ที่รบกวนเนื้อที่
บันทึกการเข้า
นิลกังขา
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1012

ทำงานราชการ


ความคิดเห็นที่ 21  เมื่อ 24 มี.ค. 06, 09:52

 All's well that ends well อีกทีครับ  



ผมก็พยายามจะทำใจให้เย็น แต่ถ้าอ่านกระทู้เก่าๆ จะรู้ว่าบางทีผมก็เคยใจร้อนวู่วามได้ไม่น้อยเลยครับ อิอิ



เรื่องทแยงมุม คุณ Paganini ลองอ่านบทความที่คุณจ้อทำลิ๊งก์ให้ในกระทู้พระพรหมเดิม จะพบว่า ตรงนั้นเป็นชุมนุมเทพเจ้าจริงๆ แต่ละองค์ทรงแผ่รัศมีรังสีฤทธิ์ปะทะกันสนุกไปหมด
บันทึกการเข้า
ศรีปิงเวียง
องคต
*****
ตอบ: 566

เรียนจบแล้ว


ความคิดเห็นที่ 22  เมื่อ 29 มี.ค. 06, 13:40

 ขออนุญาตเข้าห้องครับ คุณพระนิล(นกข.),คุณรำเพย,อ.เทาชมพู,คุณจ้อ,คุณpaganini และคุณCrazyHOrse
ผมเห็น อ. นิรันดร์ โพสต์ในกระทู้  ของฝากครูฟิสิกส์  ครับ ที่ความเห็น 550-551
"เขาเอาของในรูปข้างบนมาเรียง ๆ กันเป็นจอภาพขนาดใหญ่
ถ้าอยากเห็นของจริง พรุ่งนี้ ไปสยามพารากอน ก็แวะเวิร์ดเทรดเซ็นเตอร์เสียหน่อย
เงยหน้าสักนิด
อยู่บนถนนราชดำริ เยื้อง ๆ ท้าวมหาพรหมที่เพิ่งมีข่าวถูกทุบไป

น่าสนใจว่า เมืองไทยของเราสามารถผสานผสมกลมกลืนความเชื่อถือทางไสยศาสตร์กับไฮเทคโนโลยีได้อย่างลงตัว

จอ Super LED ในภาพข้างบนจะอยู่ตรงกลางระหว่าง
พระตรีมูรติซึ่งเป็นตนรวมของ 3 เทพเจ้าฮินดู มีพระอิศวร
พระนารายณ์ และพระพรหม
(ตรงข้ามโรงแรมเอราวันพอดี)
กับพระพิคเนศวร์ เทพเจ้าที่มีเศียรเป็นช้าง และเป็นลูกพระอิศวร (ตรงหน้า ISATON ใกล้ประตูน้ำ)
"

ป.ล. ตุ๊กแกเกาะเกาะติดเทฟล่อน ดูได้ที่กระทู้นี้ครับ
 http://www.vcharkarn.com/include/vcafe/showkratoo.php?Cid=101&Pid=47863  
บันทึกการเข้า

ไม่เห็นใครแน่นอน
นิลกังขา
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1012

ทำงานราชการ


ความคิดเห็นที่ 23  เมื่อ 04 เม.ย. 06, 12:15

 ข้อมูลใหม่ครับ ที่จริงเก่า แต่ผมเพิ่งเห็น

มีบทความหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งบอกว่า คุณหลวงสุวิชาน์ฯ เมื่อท่านตั้งพิธีเชิญเทพลงมานั้น ไม่ได้ตั้งใจเชิญพระพรหมฮินดู แต่เชิญพรหมทางพุทธครับ เป็นท่านท้าวมหาพรหมองค์หนึ่ง ไม่ใช่พระธาดาพรหมผู้สร้างโลก

ทางพุทธศาสนาก็มีพรหม แต่ไม่ได้ถือว่าเป็นมหาเทพ ถือว่าเป็น "สิ่งมีชีวิต" ประเภทหนึ่งเท่านั้น คือประเภทที่สูงกว่าเทวดาธรรมดา และไม่ได้มีองค์เดียว มีมากมายหลายองค์ สวรรค์ชั้นพรหมอยู่เหนือสวรรค์ของเทวดาขึ้นไปอีก รู้สึกจะมี 16 ชั้นฟ้าที่เรียกว่าสวรรค์ชั้นโสฬส ("โส - ลด" ครับ แปลว่า 16)

ถ้าผมจำไม่ผิด ผู้บำเพ็ญเพียรทางจิตจนได้ฌาน ตายไปก็ไปเกิดเป็นพรหม มีความสุขที่ละเอียดประเสริฐกว่าสุขของเทวดา
บันทึกการเข้า
ศรีปิงเวียง
องคต
*****
ตอบ: 566

เรียนจบแล้ว


ความคิดเห็นที่ 24  เมื่อ 04 เม.ย. 06, 12:26

 สวัสดีครับ คุณพระนิลกังขา(นกข.)
จากความเห็นล่าสุด
"ผู้บำเพ็ญเพียรทางจิตจนได้ฌาน ตายไปก็ไปเกิดเป็นพรหม มีความสุขที่ละเอียดประเสริฐกว่าสุขของเทวดา"

น่าจะตรงกับชั้นอรูปพรหมครับ
ส่วนพรหม 16 ชั้นฟ้า เรียกว่า รูปพรหม ครับ
ตอนนี้ รอให้ผู้รู้มาตอบดีกว่าครับ
บันทึกการเข้า

ไม่เห็นใครแน่นอน
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 25  เมื่อ 04 เม.ย. 06, 13:10

 อ่านเกี่ยวกับพรหมภูมิ  หรือที่อยู่ของพระพรหม ทางพุทธศาสนา( ไม่ใช่ฮินดู) ได้ที่นี่ค่ะ

 http://www.geocities.com/tanakorn_world/prom.htm

พ ร ห ม ภู มิ

-พรหมอุบัติ-

ท่านผู้มีความเพียรกล้า ทรงไว้ซึ่งปัญญาเกินสามัญญชน ปรารถนาจะพ้นจากกิเลสานุสัย เพราะเห็นว่ามีโทษพาให้ ยุ่งนัก ใคร่จักห้ามจิตมิให้ตกอยู่ในอำนาจกิเลส จึงสู้ อุตสาหะพยายามบำเพ็ญสมถภาวนา ตามที่ท่านบุรพา จารย์สั่งสอนกันสืบๆ มา บางพวกเป็นชีป่าดาบส บางพวก ทรงพรตเป็นโยคี ฤาษี ในสมัยที่มีพระพุทธศาสนาเกิดขึ้น ในโลก บางพวกก็เป็นพระภิกษุสามเณร ต่างบำเพ็ญ สมถภาวนา จนได้สำเร็จฌาน ครั้นถึงกาลกิริยาตายจาก มนุษย์โลก ก็ตรงไปอุบัติเกิดในพรหมวิมาน ณ พรหมโลก ตามอำนาจแห่งฌานที่ตนได้บรรลุ เป็นพระพรหมผู้วิเศษ
ล้วนแต่บุรุษเพศทั้งสิ้น ไม่ต้องกินไม่ต้องบริโภคอาหาร เหมือนสัตว์ในภูมิอื่น ด้วยว่าแช่มชื่นอิ่มเอิบโดยมีฌาน สมาบัติเป็นอาหาร
จึงไม่ต้องมีการถ่ายคูตรมูถคืออุจจาระ ปัสสาวะอันลามกเหม็นร้ายเลย

สรีระร่างกายหน้าตาแห่งบรรดาพระพรหมนั้น มีสัณฐาน กลมเกลี้ยงสวยงามนัก มีรัศมีออกจากกายตัวเลื่อม ประภัสสรรุ่งเรืองกว่ารัศมีพระอาทิตย์และพระจันทร์ หลายพันเท่า
เพียงแต่หัตถ์หนึ่งเล่าอันพระพรหมทั้งหลาย เหยียดยื่นออกไปหวังจะให้ส่องรัศมีไปทั่วห้วงจักรวาล ก็ย่อมจักทำได้
อวัยวะร่างกายที่ต่อกัน คือหัวเข่าก็ดี แขนก็ดี มีสัณฐานกลมเกลี้ยงเรียบงามนัก จักได้เห็นที่ ต่อกันนั้นหามิได้ เกศเกล้าแห่งองค์พระพรหมเจ้าทั้งหลาย นั้นงามนัก
ปรากฏโดยมากมีศีรษะประดับด้วยชฎา เช่นเดียวกับชีป่าและโยคีฤาษีสิทธิ์ผู้มีฤทธิ์ สถิตย์เสวยสุข พรหมสมบัติอยู่ ณ พรหมโลกที่ตนอุบัติบังเกิดตราบจน กว่าจะสิ้นอายุ ซึ่งเป็นเวลานานแสนนาน
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 26  เมื่อ 04 เม.ย. 06, 13:12

 -ประเภทของพระพรหม-

รูปพรหม

๑. พรหมปาริสัชชาภูมิ
พรหมโลกชั้นที่ ๑ พรหมปาริสัชชาภูมิ = ที่อยู่ของพระพรหม ผู้เป็นบริษัทท้าวมหาพรหมซึ่งสถิตย์อยู่ชั้นมหาพรหมาภูมิ เป็นพรหมโลกชั้นแรกคือชั้นต่ำที่สุด
แต่ก็ตั้งอยู่เบื้องบน สูงกว่าปรนิมมิตวสวัตตีสวรรค์ขึ้นไปถึงห้าล้านห้าแสน แปดพันโยชน์ นับว่าไกลจากมนุษยโลกนักหนา ไม่สามารถ นับได้

พระพรหมแต่ละองค์ ณ พรหมพิมานแห่งตนในที่นี้ล้วนแต่ มีคุณวิเศษ โดยเคยเจริญสมถกรรมฐานจนได้บรรลุ ปฐมฌาน อย่างสามัญมาแล้วทั้งสิ้น
เสวยปณีตสุขอยู่ มีความเป็นอยู่อย่างแสนจะสุขนักหนา ตราบจนหมด พรหมายุขัย

๒. พรหมปุโรหิตาภูมิ
พรหมโลกชั้นที่ ๒ พรหมปุโรหิตาภูมิ = ที่อยู่ของพระพรหม ทั้งหลายผู้ทรงฐานะประเสริฐ คือเป็นปุโรหิตของท่าน มหาพรหม

ความเป็นอยู่ทุกอย่างล้ำเลิศวิเศษกว่าพรหมโลกชั้นแรก รัศมีก็รุ่งเรืองกว่า รูปทรงร่างกายใหญ่กว่า สวยงามกว่า
ทุกท่านล้วนมีคุณวิเศษ ได้เคยเจริญสมถกรรมฐานจนได้ บรรลุ ปฐมฌาน ขั้นมัชฌิมะ คือขั้นปานกลาง มาแล้วทั้งสิ้น

๓. มหาพรหมาภูมิ
พรหมโลกชั้นที่ ๓ มหาพรหมาภูมิ = ที่อยู่แห่งท่านพระพรหม ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย มีความเป็นอยู่และรูปกายประเสริฐยิ่งขึ้น ไปอีก
ได้เคยเจริญสมถกรรมฐานจนได้บรรลุปฐมฌานขั้น ปณีตะคือขั้นประณีตสูงสุดมาแล้วทั้งสิ้น

พรหมโลก ๓ ชั้นแรกนี้ ตั้งอยู่ ณ ระดับพื้นที่ระดับเดียวกันแต่แยกเป็น ๓ เขต

๔. ปริตตาภาภูมิ
พรหมโลกชั้นที่ ๔ ปริตตาภาภูมิ = ที่อยู่ของพระพรหม ทั้งหลายผู้มีรัศมีน้อยกว่าพระพรหมที่มีศักดิ์สูงกว่าตน
ล้วนมีคุณวิเศษ โดยได้เจริญภาวนากรรมบำเพ็ญ สมถกรรมฐาน จนได้บรรลุ ทุติยฌาน ขั้นปริตตะ คือ ขั้นสามัญมาแล้วทั้งสิ้น

๕. อัปปมาณาภาภูมิ
พรหมโลกชั้นที่ ๕ อัปปมาณาภาภูมิ = ที่อยู่ของพระพรหม ทั้งหลายผู้มีรัศมีรุ่งเรืองมากมายหาประมาณมิได้
ล้วนแต่ทรงคุณวิเศษ โดยได้เคยเจริญภาวนาการบำเพ็ญ สมถกรรมฐาน จนได้บรรลุ ทุติยฌาน ขั้นมัชฌิมะ คือขั้นปานกลางมาแล้วทั้งสิ้น

๖. อาภัสราภูมิ
พรหมโลกชั้นที่ ๖ อาภัสสราภูมิ = ที่อยู่ของพระพรหม ทั้งหลายผู้มีประกายรุ่งโรจน์แห่งรัศมีนานาแสง ล้วนมีคุณวิเศษ
โดยได้เคยเจริญภาวนากรรมบำเพ็ญ สมถกรรมฐานจนได้บรรลุ ทุติยฌาน ขั้นปณีตะ คือ ประณีตสูงสุดมาแล้วทั้งสิ้น

อนึ่งพรหมโลกชั้นที่ ๔ - ๖ นี้ทั้งสามชั้น ความจริงตั้งอยู่
ณ พื้นที่ระดับเดียวกัน แต่แยกสถานที่เป็น ๓ เขต
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 27  เมื่อ 04 เม.ย. 06, 13:19

 ๗. ปริตตสุภาภูมิ
พรหมโลกชั้นที่ ๗ ปริตตสุภาภูมิ = ที่อยู่ของพระพรหม ทั้งหลาย ผู้มีความสง่าสวยงามแห่งรัศมีเป็นส่วนน้อย คือน้อยกว่าพระพรหมในพรหมโลกที่สูงกว่าตนนั่นเอง
ล้วนแต่เป็นผู้ทรงคุณวิเศษ โดยได้เคยเจริญภาวนากรรม บำเพ็ญสมถกรรมฐานจนได้บรรลุ ตติยฌาน ขั้นปริตตะ คือขั้นสามัญมาแล้วทั้งสิ้น

๘. อัปปมาณสุภาภูมิ
พรหมโลกชั้นที่ ๘ อัปปมาณสุภาภูมิ = ที่อยู่ของพระพรหม ทั้งหลาย ผู้มีความสง่าสวยงามแห่งรัศมีมากมายไม่มีประมาณ
สง่าสวยงามแห่งรัศมีซึ่งซ่านออกจากกายตัว มากมายสุดประมาณ ล้วนแต่เป็นผู้ทรงคุณวิเศษ
โดยได้เคยเจริญภาวนากรรมบำเพ็ญสมถกรรมฐาน จนได้บรรลุ ตติยฌาน ขั้นมัชฌิมะ คือขั้นปานกลางมาแล้วทั้งสิ้น

๙. สุภกิณหาภูมิ
พรหมโลกชั้นที่ ๙ สุภกิณหาภูมิ = ที่อยู่ของพระพรหม ทั้งหลาย ผู้มีความสง่าสวยงามแห่งรัศมี ที่ออกสลับปะปนกันอยู่เสมอเป็นนิตย์
ทรงรัศมีนานาพรรณ เป็นที่น่าเพ่งพิศทัศนานักหนา ล้วนแต่เป็นผู้ทรงคุณวิเศษ
โดยได้เคยเจริญภาวนากรรมบำเพ็ญสมถกรรมฐาน จนได้บรรลุ ตติยฌาน ขั้นปณีตะ คือขั้นประณีตสูงสุดมาแล้วทั้งสิ้น

พรหมโลกชั้นที่ ๗ ชั้นที่ ๘ และชั้นที่ ๙ นี้ ความจริงตั้งอยู่
ณ พื้นที่ระดับเดียวกัน แต่แยกสถานที่เป็น ๓ เขต

๑๐. เวหัปผลาภูมิ
พรหมโลกชั้นที่ ๑๐ เวหัปผลาภูมิ = ที่อยู่ของพระพรหม ทั้งหลายผู้ได้รับผลแห่งฌานกุศลอย่างไพบูลย์

อนึ่ง ผลแห่งฌานกุศล ที่ส่งให้ไปอุบัติเกิดในพรหมโลก ๙ ชั้นแรกนั้น ไม่เรียกว่ามีผลไพบูลย์เต็มที่ ทั้งนี้ก็โดยมี เหตุผลตามสภาพธรรมที่เป็นจริง ดังต่อไปนี้
ก. เมื่อคราวโลกถูกทำลายด้วยไฟ นั้น ๔ ชั้นแรก ก็ถูกทำลายไปด้วย
ข. เมื่อคราวโลกถูกทำลายด้วยน้ำ นั้น ๖ ชั้นแรก ก็ถูกทำลายไปด้วย
ค.เมื่อคราวโลกถูกทำลายด้วยลม นั้น ทั้ง ๙ ชั้นแรก ก็ถูกทำลายไปด้วยไม่มีเหลือเลย

๑๑. อสัญญีสัตตาภูมิ
พรหมโลกชั้นที่ ๑๑ อสัญญีสัตตาภูมิ = ที่อยู่ของ พระพรหมทั้งหลาย ผู้ไม่มีสัญญา พระพรหมไม่มีสัญญาทั้งหลาย ผู้อุบัติเกิดด้วยอำนาจ แห่งสัญญาวิราคภาวนาและสถิตย์อยู่ในพรหมโลกชั้นนี้
ย่อมมีแต่รูป ไม่มีนามคือจิตและเจตสิก เสวยสุขอัน ประณีตนักหนา ล้วนแต่มีคุณวิเศษยิ่งนัก
โดยได้เคยเจริญภาวนากรรมบำเพ็ญสมถกรรมฐาน จนได้สำเร็จ จตุตถฌาน อันเป็นรูปฌานขั้นสูงสุด มาแล้วทั้งสิ้น

ทรงเพศเป็นพระพรหมผู้วิเศษ สถิตย์อยู่ในปราสาท แก้วพรหมวิมานอันมโหฬารกว้างขวางนักหนา
มีบุปผชาติ ดอกไม้ประดับประดาเรียบเรียงเป็นระเบียบ ไม่รู้แห้งเหี่ยว โรยรา โดยรอบ
ผู้ที่ไปอุบัติเกิดในพรหมภูมิชั้นนี้ มี มากมายนักหนาจนนับไม่ถ้วน ล้วนแต่มีหน้าตาเนื้อตัว สวยสง่ามีอุปมากังรูปพระปฏิมากรพุทธรูปทองคำขัดสี ใหม่ งามซึ้งตรึงใจสุดพรรณนา
แต่มีอิริยาบถไม่เหมือนกัน บางองค์นั่ง บางองค์นอน บางองค์ยืน มีอิริยาบถใดก็ เป็นอย่างนั้นตลอดไป ไม่เคลื่อนไม่ไหวติง
จักษุทั้งสอง ก็มิได้กะพริบเลย สถิตย์เฉยเสวยสุขเป็นประดุจรูปปั้น อยู่อย่างนั้นชั่วกาลนานนักแล

อนึ่ง เวหัปผลาภูมิและอสัญญีสัตตาภูมินี้ ความจริงตั้งอยู่ ณ พื้นที่ระดับเดียวกัน แต่แยกสถานที่กันอยู่ และมีระยะ ห่างไกลกันมาก
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 28  เมื่อ 04 เม.ย. 06, 13:20

 สุทธาวาสภูมิ
เป็นพรหมโลกอีกชนิดหนึ่ง ต่างจากทั้ง ๑๑ ชั้นแรก ภูมินี้ เป็นที่อยู่แห่งพระพรหมอริยบุคคลในบวรพุทธศาสนา ชั้นพระพรหมอนาคามีริยบุคคล ผู้มีความบริสุทธิ์ เท่านั้น
ส่วนท่านที่ทรงคุณวิเศษอื่นๆ แม้จะได้สำเร็จฌานวิเศษเพียงใด ก็ไปอุบัติเกิดในสุทธาวาสภูมินี้ไม่ได้ อย่างเด็ดขาด
สุทธาวาสภูมินี้มีอยู่ ๕ ชั้น ตั้งอยู่ท่ามกลางอากาศ และตั้งอยู่เป็นชั้นๆ ขึ้นไป ตามลำดับภูมิ หาได้ตั้งอยู่ในระดับเดียวกันไม่

๑๒. อวิหาสุทธาวาสภูมิ
สูงขึ้นไปจากอสัญญีสัตตาภูมิประมาณ ๕ ล้าน ๕ แสน ๘ พันโยชน์ อวิหาสุทธาวาสภูมิ = ภูมิอันเป็นที่อยู่อัน บริสุทธิ์แห่งพระพรหมอนาคามีอริยบุคคลทั้งหลาย ผู้ไม่เสื่อมคลายในสมบัติของตน

พระพรหมในพรหมโลกชั้นนี้ ย่อมไม่ละทิ้งสมบัติ กล่าวคือ สถานที่ของตนโดยเวลาเพียงเล็กน้อย
เพราะว่าพระพรหม ที่อุบัติเกิดและสถิตย์อยู่ ณ ที่นี้ ท่านย่อมไม่จักจุติเสียก่อน จนกว่าจะสถิตย์อยู่นานถึงมีอายุครบกำหนด
ซึ่งแปลก ออกไปจากพระพรหมในสุทธาวาสภูมิที่เหลืออยู่อีก ๔ ภูมิ คือพระพรหมในอีก ๔ สุทธาวาสภูมินั้นอาจไม่ได้อยู่ ครบกำหนดอายุก็มีการจุติหรือนิพพานเสียก่อน

พระพรหมในอวิหาสุทธาวาสภูมินี้ แต่ละองค์นั้น ล้วนแต่ เป็นผู้มีวาสนาบารมี กิเลสธุลีเหลือติดอยู่ในจิตสันดาน น้อยนักหนา
โดยได้เคยเป็นสาวกแห่งพระพุทธองค์ พบพระบวรพุทธศาสนาแล้วมีปกติเห็นภัยในวัฏสงสาร อุตสาหะจำเริญ วิปัสสนากรรมฐาน
จนยังตติยมรรคให้ เกิดในขันธสันดานได้สำเร็จเป็นพระอนาคามีอริยบุคคล มาแล้ว
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 29  เมื่อ 04 เม.ย. 06, 13:21

 ๑๓. อตัปปาสุทธาวาสภูมิ
สูงขึ้นไปต่อจากอวิหาสุทธาวาสภูมิขึ้นไปอีกประมาณ ได้ ๕ ล้าน ๕ แสน ๘ พันโยชน์ อตัปปาสุทธาวาสภูมิ = ภูมิเป็นที่อยู่อันบริสุทธิ์แห่งพระพรหมอนาคามี
อริยบุคคลทั้งหลาย ผู้ไม่มีความเดือดร้อน หมายความว่า ท่านเหล่านี้ย่อมไม่มีความเดือดร้อน ทั้งทางกาย วาจาและใจเลย ย่อมเข้าฌานสมาบัติ หรือผลสมาบัติอยู่เสมอ
นิวรณธรรมซึ่งเป็นกิเลสอันทำให้ จิตเดือดร้อนไม่มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้ ฉะนั้นจิตใจของ ท่านเหล่านั้นจึงมีแต่สงบเยือกเย็น
ท่านเหล่านี้เคยเป็น พระสาวกแห่งพระพุทธองค์ อุตสาหะจำเริญวิปัสสนา กรรมฐานจนสามารถยังตติยมรรคให้บังเกิดในขันธสันดาน ได้สำเร็จเป็นพระอนาคามีอริยบุคคลและในขณะที่เจริญ วิปัสสนากรรมฐาน
ปรากฏว่าเป็นผู้มีวิริยินทรีย์ คือมี วิริยะแก่กล้ากว่าอินทรีย์อย่างอื่น

๑๔. สุทัสสาสุทธาวาสภูมิ
สูงขึ้นไปต่อจากอตัปปาสุทธาวาสภูมิขึ้นไปอีกประมาณ ได้ ๕ ล้าน ๕ แสน ๘ พันโยชน์ สุทัสสาสุทธาวาสภูมิ = ภูมิเป็นที่อยู่อันบริสุทธิ์แห่งพระพรหมอนาคามี
อริยบุคคลทั้งหลาย ผู้มีความแจ่มใส คือท่านเหล่านี้ ย่อมมีความเห็นอย่างชัดแจ้งแจ่มใส สามารถเห็น สภาวธรรมได้โดยแจ้งชัด
เพราะเป็นพระพรหมที่บริบูรณ์ ด้วยประสาทจักษุ ทิพพจักษุ ธัมมจักษุและปัญญาจักษุ จึงเห็นสภาวธรรมได้แจ่มใส ชัดเจน จิตใจสงบเยือกเย็น ท่านเหล่านี้เคยเป็นพระสาวกแห่งพระพุทธองค์ อุตสาหะจำเริญวิปัสสนากรรมฐานจนสามารถยัง ตติยมรรคให้บังเกิดในขันธสันดาน
ได้สำเร็จเป็นพระอนาคามีอริยบุคคลและในขณะที่เจริญ วิปัสสนากรรมฐาน ปรากฏว่าเป็นผู้มีสตินทรีย์ คือมี สติแก่กล้ากว่าอินทรีย์อย่างอื่น

๑๕. สุทัสสีสุทธาวาสภูมิ
สูงขึ้นไปต่อจากสุทัสสาสุทธาวาสภูมิขึ้นไปอีกประมาณ ได้ ๕ ล้าน ๕ แสน ๘ พันโยชน์ สุทัสสีสุทธาวาสภูมิ = ภูมิเป็นที่อยู่อันบริสุทธิ์แห่งพระพรหมอนาคามี อริยบุคคลทั้งหลาย ผู้มีความเห็นอย่างแจ่มใสมากกว่า
คือนอกจากธัมมจักษุที่มีกำลังเท่ากับพระพรหมในขั้น สุทัสสาสุทธาวาสภูมิแล้ว พระพรหมในสุทัสสีพรหมโลกนี้ ประสาทจักษุ ทิพพจักษุ ปัญญาจักษุ
ทั้ง ๓ นี้มีกำลังแก่กล้ากว่าพระพรหมในสุทัสสาสุทธาวาสภูมิ ทำให้ท่านมีความเห็นในสภาวธรรมได้ชัดเจนแจ่มใสยิ่ง
ท่านเหล่านี้เคยเป็นพระสาวกแห่งพระพุทธองค์ อุตสาหะจำเริญวิปัสสนากรรมฐานจนสามารถยังตติยมรรค ให้บังเกิดในขันธสันดานได้สำเร็จเป็นพระอนาคามีอริยบุคคล
และในขณะที่เจริญวิปัสสนากรรมฐาน ปรากฏว่าเป็นผู้มี สมาธินทรีย์ คือมีสมาธิแก่กล้ากว่าอินทรีย์อย่างอื่น

๑๖. อกนิฏฐสุทธาวาสภูมิ
สูงขึ้นไปต่อจากสุทัสสีสุทธาวาสภูมิขึ้นไปอีกประมาณ ได้ ๕ ล้าน ๕ แสน ๘ พันโยชน์ อกนิฏฐสุทธาวาสภูมิ = ภูมิเป็นที่อยู่อันบริสุทธิ์แห่งพระพรหมอนาคามี อริยบุคคลทั้งหลาย ผู้ทรงคุณวิเศษโดยไม่มีความ เป็นรองกัน

เบื้องอกนิฏฐสุทธาวาสพรหมโลกนี้ มีพระเจดีย์เจ้าองค์ สำคัญ ซึ่งเป็นสัญญลักษณ์แสดงว่าเป็นพรหมโลกที่ เคารพนับถือพระบวรพุทธศาสนาประดิษฐานอยู่ องค์หนึ่งมีนามว่า ทุสสะเจดีย์

เหล่าพรหมทั้งปวงในที่นี้ ย่อมเป็นผู้ทรงคุณวิเศษโดย ไม่มีการเป็นรองกัน คือไม่ต่ำกว่ากันทั้งในด้านความ สุขและความรู้ ทั้งนี้เพราะทรงล้วนแต่เป็นผู้มีวาสนาบารมี
ในจิตสันดานมีกิเลสธุลีเหลือติดอยู่น้อยนักหนา โดยท่านเหล่านี้เคยเป็นพระสาวกแห่งพระพุทธองค์ อุตสาหะจำเริญวิปัสสนากรรมฐานจนสามารถยัง ตติยมรรคให้บังเกิดในขันธสันดาน

ได้สำเร็จเป็นพระอนาคามีอริยบุคคลและในขณะที่เจริญ วิปัสสนากรรมฐาน ปรากฏว่าเป็นผู้มีปัญญินทรีย์ คือมี ปัญญาแก่กล้ากว่าอินทรีย์อย่างอื่น

ฉะนั้น ท่านพระพรหมอนาคามีบุคคลที่อุบัติเกิดใน อกนิฏฐพรหมโลกนี้ จึงมีคุณสมบัติวิเศษยิ่งกว่า
บรรดาพระพรหมทั้งสิ้นในพรหมโลกทั้งหลายรวมทั้ง สุทธาวาสพรหมทั้งสี่ที่กล่าวมาแล้วด้วยก็เทียบไม่ได้
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2] 3 4
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.089 วินาที กับ 19 คำสั่ง