Nuchana
|
ความคิดเห็นที่ 15 เมื่อ 22 มี.ค. 06, 22:22
|
|
อย่าพึ่งไปไหนนะคะ ทำใจเป็นกลางที่สุด เมื่อวานได้ยินกับหูว่า "เขา" จะเอาซากพระพรหมเก่า ใส่ปนเข้าไปในพระพรหมที่จะสร้างขึ้นใหม่ เมื่อกี้คุณ ส ออกมาย้ำว่าในที่สุด สิ่งที่เขาพูดก็เป็นความจริง (เรื่องใส่ปน) รอคุณ ส ขยายความตอน 5 ทุ่ม แล้ววิเคราะห์กันเอาเองค่ะ ว่ามีเค้าความจริงบ้างไหม
แต่ที่แน่ๆคือ นายกฯได้ให้ข่าวว่าจะเอาซากเก่าปนไปจริงๆ เดี๋ยวนี้อะไรที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้ ก็เป็นไปแล้ว เมื่อไม่กี่เดือนก่อน ดิฉันยังตกใจว่าไอเดียพิลึกของใครไปจัดประชุมครม. ที่ปราสาทเขาพนมรุ้ง (implication??) แทบจะตั้งเก้าอี้เกยเข้าไปในปราสาท นัยว่าต้องการแก้เคล็ด อะไรบางอย่าง ฟังหูไว้หูแล้วกัน (แต่ก็สมเพชไอเดียอุตริพิสดารจริงเทียว)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
จ้อ
|
ความคิดเห็นที่ 16 เมื่อ 22 มี.ค. 06, 22:36
|
|
แฮะๆ ขอเวลานอกนิดหนึ่งครับ ... ตอนนี้สถานะการณ์บ้านเมืองกำลังสับสน ทีมงานต้องขอความกรุณาให้ทุกๆท่านแสดงความเห็นในลักษณะเป็นกลางทางการเมืองนะครับ จะรักใครชอบใคร หรือมีความคิดเห็นอย่างไรในด้านการเมือง ไม่ว่าจะเห็นด้วยกับฝ่ายใดก็ตาม ขอสงวนสิทธิ์ในการไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองซึ่งเป็นหลักการของเว็บเรา
ตอนนี้สถานะการณ์ยิ่งตึงเครียดเรายิ่งต้องเพิ่มความเข้มงวดยิ่งขึ้น กระทู้และความเห็นใดที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการเมือง หรือที่ทีมงานพิจารณาแล้วว่าอาจนำไปสู่ความขัดแย้งอันเกี่ยวเนื่องจากสถานนะการณ์บ้านเมืองในปัจจับันจะถูกลบทิ้งครับ
ผมในฐานะของทีมงานวิชาการดอทคอมต้องขออภัยด้วย และหวังว่าทุกท่านคงจะเข้าใจจุดยืนของเราและปฎิบัติตามนะครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นิลกังขา
แขกเรือน
สุครีพ
     
ตอบ: 1012
ทำงานราชการ
|
ความคิดเห็นที่ 17 เมื่อ 22 มี.ค. 06, 22:38
|
|
เฮ้ออออ...
ใช่ ผมว่าการเมืองไทยตอนนี้บางทีก็มีการลากกันไป โยงกันมาจนมึนแล้วเหมือนกัน ไปกันใหญ่แล้ว
ข้อมูลเพิ่มเติมครับ คุณผู้ตายนั้น มีรอยสักกลางหลังว่า อามีน (ทำให้คุณพ่อจำลูกได้เมื่อได้ยินข่าวทางวิทยุ) แล้วไทยรัฐวันนี้รายงานข่าวบอกว่าญาติได้ทำพิธีศพไปแล้วเงียบๆ ที่สุเหร่ามหานาค
นั่นแปลว่า ครอบครัวของพ่อหนุ่มคนนั้น เป็นมุสลิม คำว่า อามีน ในศาสนาอิสลาม ตรงกับคำว่าอาเมนของคริสต์
ด้วยความเคารพมุสลิมทุกท่านที่อาจจะผ่านเข้ามานะครับ ข้อมูลชิ้นเล็กๆ นี้ ทำให้ผมอาจจะเข้าใจเหตุผล (ถ้าเราเรียกได้ว่าเหตุผล) ในใจพ่อคนนั้นได้บ้างนิดหน่อย แต่อย่าลืมว่าเป็นเหตุผลที่ไม่เป็นเหตุผลแบบคนใจไม่ปกติ เขาป่วยนะครับ และที่ผมว่าผมเข้าใจเขาได้บ้างนั้นไม่ได้แปลว่าผมเห็นด้วยหรือยอมรับเหตุผลของเขา นั้นประเด็นหนึ่ง และผมไม่ถือว่าความป่วยของเขาคนเดียวนั้น เป็นเรื่องของกลุ่มคนทั้งหมด เพราะที่จริงมันไม่ใช่ เรื่องของคนๆ เดียวก็เป็นเรื่องของคนๆ เดียว นี่อีกประเด็น
ในการตีความของหนุ่มผู้น่าสงสารคนนั้น หรือความเข้าใจของเขาซึ่งจะผิดเพี้ยนอย่างไรก็ตาม อาจจะเกี่ยวกันเล็กน้อยกับหลักการของอิสลาม ที่ห้ามไม่ให้มุสลิมนับถือรูปเคารพใดๆ (ในบัญญัติสิบประการของยิวและคริสต์ก็มี) ก็ได้
แต่ถึงมุสลิมจะไม่ได้นับถือรูปเคารพใดๆ เพราะเขาเคารพพระเจ้าของเขาองค์เดียวก็จริง แต่เพื่อนพี่น้องมุสลิมของเราอีกเป็นจำนวนมากมายมหาศาลที่อยู่รวมกับศาสนิกในศาสนาอื่นๆ ในสังคม ก็ไม่ได้มีใครลุกขึ้นมารำขวานควงค้อนไล่ทุบตีเทวรูปอย่างพ่อคนนี้เลย เขาก็มีขันติธรรมและสุภาพพอที่จะปล่อยให้เราไหว้พระของเราไป เขาไหว้ไม่ได้กับเราด้วยครับ ผิดศาสนาของเขาครับ แต่ทั้งเราทั้งเขาก็เป็นเพื่อนกันได้ในมิติอื่นๆ ของกิจกรรมในสังคม ซึ่งมีอีกหลายด้าน โดยต่างฝ่ายต่างเคารพและเข้าใจกันในศรัทธาของอีกฝ่าย
คนที่บ้าเข้าขั้นพอๆ กับพ่อหนุ่มผู้น่าสงสารของเรารายนี้ ก็คือกลุ่มหัวรุนแรงในอัฟกานิสถานเมื่อไม่กี่ปีก่อน ที่ระเบิดพระพุทธรูปบามียันลงไปไม่เหลือซาก โดยแอบอ้างหลักการข้อนี้แหละ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้น ประชากรมุสลิมอัฟกันแถบนั้นเขาก็อยู่ของเขาด้วยกันกับพระพุทธรูปโบราณเหล่านั้นมาเป็นพันปี ไม่มีใครว่าอะไร เพียงแต่ไม่ไหว้เท่านั้นเอง แต่ไม่ทำลาย
พอตอลีบันขึ้นมามีอำนาจ เมื่อพวกตอลีบันขู่จะระเบิดพระบามียันทิ้ง องค์การยูเนสโก ใครต่อใคร แม้แต่นักปราชญ์ราชบัณฑิตและรัฐบาลประเทศมุสลิมเองหลายประเทศออกมาค้าน บอกว่าเสียดายในแง่โบราณวัตถุและศิลปวัตถุที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และอารยธรรม นายจะไม่นับถือเป็นรูปเคารพทางศาสนาก็ไม่เป็นไร ช่างนาย แต่ขอช่วยปล่อยไว้เป็นศิลปสมบัติของโลกเหอะ - แต่ในที่สุดก็กล่อมไม่สำเร็จ ตอลีบันระเบิดพระทิ้งจนได้
ถึงอย่างไรตัวพ่อมือทุบพระพรหมคนนั้น ก็ตายไปแล้ว อโหสิกรรมให้แกไปเถอะครับ แต่คนที่ไปทำร้ายเขาถึงตายนั่น อย่างไรก็ควรจะต้องชดใช้โทษตามกฎหมาย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นิลกังขา
แขกเรือน
สุครีพ
     
ตอบ: 1012
ทำงานราชการ
|
ความคิดเห็นที่ 18 เมื่อ 22 มี.ค. 06, 22:49
|
|
เรื่องที่ผมสงสัยมานานหลายปีแล้ว ตั้งแต่ได้อ่านตำนานการสร้างศาลท่านท้าวมหาพรหมที่เอราวัณซึ่งก็เล่าขานกันมานาน แต่ผมตอบตัวผมเองไม่ได้ ก็คือว่า ทำไมคุณหลวงสุวิชาน์แพทย์ อดีตนายแพทย์ใหญ่กองทัพเรือ (แต่มีความรู้พิเศษเกี่ยวกับสิ่งลึกลับ และการนั่งทางใน) ท่านนั่งแล้วจึงได้แนะนำให้แก้เคล็ดชื่อโรงแรมเอราวัณว่า ควรสร้างศาลพระพรหม?
ผมก็ไม่ใช่นักนั่งทางใน ไม่มีความรู้พิเศษเหมือนคุณหลวงท่าน แต่นึกเอาเองว่าเมื่อเอาชื่อช้างเอราวัณอันเป็นเทพพาหนะของพระอินทร์ลงมาตั้งเป็นชื่อโรงแรม จนเกิดเหตุประหลาดหลายอย่างดังว่า วิธีแก้ก็น่าจะเป็นการสร้างศาลพระอินทร์? (อีกหลายปีต่อมา เมื่อมีอัมรินทร์พลาซ่าติดกับเอราวัณ - เดี๋ยวนี้เปลี่ยนไปแล้ว - ก็เลยมีศาลพระอินทร์ขึ้นจริงๆ ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็ยังอยู่)
อาจจะเป็นได้ว่าพระพรหมท่านเป็นมหาเทพที่สูงกว่าพระอินทร์เสียอีก จะอัญเชิญเทพลงมาทั้งทีเอาองค์มหาเทพเสียเลย รับรองคุมช้างเอราวัณอยู่ได้แน่ สบายๆ หรืออย่างไรก็ไม่ทราบครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|