ติบอ
|
ความคิดเห็นที่ 30 เมื่อ 10 มี.ค. 06, 14:29
|
|
 .
ชนิดนี้เรียกว่ามหาพรหมครับ ดอกสีขาว - ม่วง สวยมาก (เป็นหนึ่งในพืชในวงศ์นี้ที่ผมชอบที่สุดเลยล่ะครับ) ชื่อวิทยาศาสตร์ Mitrephora winitii นะครับ สูงราวๆซัก 10 เมตรได้ กระจายตัวอยู่บนเทือกเขาหินปู 100 - 150 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล |
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ติบอ
|
ความคิดเห็นที่ 31 เมื่อ 10 มี.ค. 06, 14:33
|
|
ชนิดนี้เป็นสายพันธุ์ใหม่ เพิ่งค้นพบได้ไม่นานนัก หน้าตาต่างจากดอกด้านบนเล้กน้อย เรียกว่ามหาพรหมราชินี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ติบอ
|
ความคิดเห็นที่ 32 เมื่อ 10 มี.ค. 06, 14:34
|
|
 ภาพหลุดนะครับ ลองเทียบกันดูใหม่อีกรอบครับผม |
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ศนิ
มัจฉานุ
 
ตอบ: 95
- The Ultimate Aim of Education is the
Development of Charactor -
|
ความคิดเห็นที่ 33 เมื่อ 10 มี.ค. 06, 17:12
|
|
ไม่มีภาพ สมุนไพรมาฝาก เลยเอาภาพแมว มาฝากแทนค่ะ
 |
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Vivi
อสุรผัด

ตอบ: 5
เรียน
|
ความคิดเห็นที่ 34 เมื่อ 11 มี.ค. 06, 11:38
|
|
เรียน คุณ จขกท 1) ขอเรียนให้ทราบฮะ คุณหยิบรูปจากพันทิปมา 5-6 รูป หากกระทู้คนละลักษณะ แม้นหยิบรูปมามากอาจไม่เป็นไรฮะแต่หากกระทู้เรื่องเดียวกัน การหยิบรูปมามาก แม้คุณจะอ้างอิง ก็ผิดหลักการนะฮะ
2) โปรดช่วยกันรณรงค์ใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง โดยเฉพาะชื่อกระทู้ ถ้าเป็นนักเรียนมัธยม พออภัยได้ฮะ สมุนไพรครับ....จะน่าฟังกว่าคับ คับ คับ คับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ติบอ
|
ความคิดเห็นที่ 35 เมื่อ 11 มี.ค. 06, 17:40
|
|
เรียนคุณ Vivi ครับ
ขอบพระคุณครับ ที่ช่วยท้วงติงผมมา ขออนุญาตชี้แจงทั้ง 2 ข้อนะครับ
ข้อแรก กระทู้ในพันทิปกระทู้นี้เป็นกระทู้ที่ผมอ่านอยู่เมื่อหลายเดือนที่แล้ว เมื่อจะตั้งกระทู้นี้ผมได้กลับเข้าไปดูอีกครั้ง แต่ปรากฏว่ากระทู้ไม่ได้มีส่วนให้แสดงความคิดเห็นเสียแล้ว เนื่องจากกลายเป็นกระทู้ในคลังกระทู้เก่าไป (ลองอ่านดูในความเห็นที่ 33 ได้นะครับ) การหยิบภาพมา หรือ quote ข้อมูลบางส่วนจากในกระทู้ เพื่อความสบายใจของผมเอง ผมจึงใช้วิธีเน้นสี และอ้างอิงแหล่งข้อมูลให้ได้มากที่สุด แม้แต่การหยิบข้อมูลหรือภาพ จากเวบไซต์หรือเวบบอร์ดอื่นๆผมก็ทำเช่นเดียวกัน ถ้าเห็นว่าไม่ใช่เวบที่ลงภาพไว้ประกอบธุรกิจ สำหรับกระทู้นี้เพราะเห็นว่าการจะไปเปิดกระทู้ขออนุญาต หรือ ขออนุญาตในกระทู้อื่นดูจะเป็นเรื่องไม่สมควรสำหรับผม ถ้าคุณ Vivi เห็นสมควรอย่างไร ช่วยชี้แนะด้วยนะครับ
ส่วนเรื่องชื่อกระทู้ ตอนตั้งผมไม่ได้ใส่ใจครับ ผมถือว่าชื่อกระทู้ เป็นคำโปรยชนิดหนึ่ง อาจมีลักษณะทางภาษาที่ใช้เพื่อให้ดึงดูดใจผู้อ่านได้ ถ้าชื่อไม่ได้มีความหมายก้าวร้าว - เบี่ยงประเด็นจากข้อมูลของกระทู้ หรือ ใช้คำพูดไม่เหมาะสม ผมก็พออะลุ่มอล่วย แต่ถ้าคุณเห็นว่าไม่สมควร เกณฑ์ในการตัดสินความเหมาะสมของเราคงไม่เท่ากันมั้งครับ
ลองอ่านดูในกระทู้นะครับ ถ้ามีคับๆๆๆๆ ติดกัน รบกวนคุณquoteข้อความมาแล้วกันนะครับ ผมจะได้ขออนุญาตให้ทางทีมวิชาการเข้ามาช่วยแก้ไข เพราะแม้แต่คำหลายคำ ที่เด็กวัยรุ่นจำนวนมากพูดกันจนติดปาก ผมก็เห็นว่าไม่สมควรให้มีแทรกอยู่ในภาษากึ่งทางการในการตอบกระทู้ของผมแต่อย่างใด
ปล. รอหญ้าหนวดแมวอยู่นะครับ อิอิ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
pharmaceutical scientist
มัจฉานุ
 
ตอบ: 70
|
ความคิดเห็นที่ 36 เมื่อ 11 มี.ค. 06, 19:02
|
|
 มาโพสต์ตามสัญญาครับ เมื่อวานกลับดึกไปหน่อยเลยไม่มีเวลาค้นข้อมูล
หญ้าหนวดแมว (Cat's Whisker หรือ Java Tea) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Orthosiphon aristatus เป็นพืชในวงศ์ LABIATAE เช่น เดียวกับ โหระพา กระเพรา แมงลัก ต้อยติ่ง หรือแม้แต่ตำแยแมวและ Catnip อย่างที่ได้กล่าวมาในความเห็นข้างต้น หญ้าหนวดแมวนี้แม้จะเรียกว่าหญ้าแต่ไม่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพืชในตระกูลหญ้าเลย (พืชตระกูลหญ้าคือพืชที่อยู่ในวงศ์ GRAMINACEAE ได้แก่ ข้าว ไม้ไผ่ หญ้าพันธุ์ต่างๆ ซึ่งเป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว) เหตุที่เรียกว่าหญ้า คงเป็นเพราะคนไทยจะเรียกวัชพืชที่เกิดรวมๆกันในพงหญ้าป่าละเมาะว่า “หญ้า” กันทั้งหมด โดยไม่สนใจถึงความสัมพันธ์ใกล้ชิดทางวิวัฒนาการ (evolution) หรือแม้แต่รูปพรรณสัณฐาน (morphology) หญ้าหนวดแมวก็เป็นหนึ่งในวัชพืชที่เกิดแซมตามพงหญ้าแถวป่าละเมาะเช่นกัน ส่วนที่มาของชื่อพืชก็ได้จากลักษณะของดอกที่มีเกสรยื่นออกมาเหมือนหนวดแมว ดังรูป (ที่มาของรูป www.kanchanapisek.or.th)
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
pharmaceutical scientist
มัจฉานุ
 
ตอบ: 70
|
ความคิดเห็นที่ 37 เมื่อ 11 มี.ค. 06, 19:06
|
|
 หญ้าหนวดแมวมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ มีโพแทสเซียมสูง ทำให้ปัสสาวะเป็นด่าง ลดการตกตะกอนของกรดยูริกในปัสสาวะ มีการศึกษาในผู้ป่วยที่เป็นโรคนิ่วทางเดินปัสสาวะ โดยใช้กิ่งและใบแห้งขนาด 4 กรัม กับน้ำเดือด 750 ซี.ซี. ดื่มต่างน้ำตลอดวัน นาน 1-6 เดือน พบว่านิ่วหลุดหายเองร้อยละ 40 และคนไข้มีอาการปวดขัดลดลงร้อยละ 20 ของผู้ป่วยทั้งหมด http://medplant.mahidol.ac.th/pubhealth/orthosip.html เนื่องจากมีฤทธิ์ที่พิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แล้ว ด้วยเหตุนี้จากวัชพืชธรรมดาจึงกลายมาเป็นพืชเศรษฐกิจตัวหนึ่งซึ่งทำเงินได้เช่นกัน มีการนำมาเตรียมเป็นยาสมุนไพรทั้งในรูปของแคปซูลหรือทำเป็นชาชงขายดาษดื่นทั่วไป อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะเป็นพืชสมุนไพรแต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะปลอดภัยในการบริโภคร้อยเปอร์เซ็นต์ เนื่องจากมีโพแทสเซียมสูงจึงต้องระวังในผู้ป่วยโรคหัวใจ การรับประทานยาสมุนไพรร่วมกับยาแผนปัจจุบันควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรด้วยทุกครั้ง |
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Vivi
อสุรผัด

ตอบ: 5
เรียน
|
ความคิดเห็นที่ 38 เมื่อ 11 มี.ค. 06, 19:36
|
|
ตอบ ค.ห. 35
1) ก็ได้แต่เตือนฮะ ไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่านี้ การหยิบภาพและเรื่องมาประกอบเรื่องของตนเอง ทั้งๆที่ขออนุญาต ก็ยังอาจผิดหลักวิชาการบ้างฮะ เช่น -โควต มากเกินไป ลองคุณเขียนวิทยานิพนธ์แล้วอ้างอิงซอร์สใดซอร์สหนึ่งมากเป็นพิเศษ ก็เข้าข่าย "เกินงาม" ฮะ -การขออนุญาต ไม่ได้ทำให้ สิ่งที่ไม่เหมาะสม กลายเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ขึ้นมาฮะ เช่น ในท้องตลาด มีคนเขียนเรื่องเที่ยวเขมรไว้แล้ว หากคุณจะเขียนเรื่องเที่ยวเขมรอีก ก็ไม่ควรอ้างอิงหรือหยิบภาพของเขามาใช้หลายภาพ แต่ถ้าคุณเอาภาพเขมรไปใช้ในหนังสืออื่นที่มิใช่ท่องเขมร จะโอเคมากกว่าฮะ
ก็ไม่ได้ติเตียนอะไร เพียงแต่นักศึกษาบางครั้งไม่ทราบฮะ
2) คิดว่าชื่อกระทู้ควรจะใช้ภาษาให้เรียบร้อยเป็นพิเศษฮะ แล้วคำบรรยายต่อจากนั้นจะใช้ภาษาอย่างไร ถึงผิดจะไม่เด่นชัดเท่า การดึงดูดความสนใจโดยจงใจใช้ภาษาที่ผิดสำหรับหลายๆคน ไม่น่านิยมฮะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ติบอ
|
ความคิดเห็นที่ 39 เมื่อ 11 มี.ค. 06, 21:52
|
|
 ขออนุญาตนำภาพมาเสริมข้อมูลของพี่ pharmaceutical scientist นะครับ เพราะเท่าที่จำได้หญ้าหนวดแมวมี 2 สี คือขาวและม่วง เหมือนที่กะเพรามีทั้งขาวและแดงไงครับ ความเห็นเพิ่มเติมนี้ผมก้เลยขออนุญาตนำภาพหญ้าหนวดแมวสีม่วงมาลงไว้แล้วกันนะครับ
สำหรับคุณVivi นะครับ อย่างที่บอกคุณViviไปแล้ว เกณฑ์ในการตัดสินความไม่เหมาะสมของเราสองคนคงไม่ตรงกันหลายประการมั้งครับ
เพราะถ้าเป็นผม ถึงจะทราบมาอย่างแน่ชัด ว่ามีคนตัดเอาคำพูดของผมส่วนไหนไปเขียนอ้างอิงลงในรายงาน หรือวิทยานิพนธ์ของตัวเองเพื่อกล่าวอ้างสนับสนุนงานเขียนของเขา ผมจะภูมิใจ ว่างานเขียนของผมเป็นที่ยอมรับของคนในสังคมได้ และที่กล้าพูด ก็เพราะเคยพบกับตัวเองมาแล้ว ทั้งในลักษณะของการอ้างอิง การลอกเลียน หรือแม้กระทั่งนำไปเสนอว่ามีจุดบกพร่องในส่วนไหน ทั้งภาพและข้อเขียน
อย่างไรก็ตาม ขอบคุณนะครับ ที่หวังดีสมัครสมาชิกเรือนไทย เพื่อกรุณาเข้ามาเตือนผมว่าถ้าผมยังอ้างอิงในลักษณะนี้ต่อไป ผมอาจถึงขั้นชุบมือเปิบเข้าสักวัน |
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Vivi
อสุรผัด

ตอบ: 5
เรียน
|
ความคิดเห็นที่ 40 เมื่อ 12 มี.ค. 06, 11:52
|
|
ตอบ ค.ห. 39 "อย่างที่บอกคุณViviไปแล้ว เกณฑ์ในการตัดสินความไม่เหมาะสมของเราสองคนคงไม่ตรงกันหลายประการมั้งครับ"
-ตรงนี้คิดว่าคุณ จขกท คงพูดผิดฮะ การ "หยิบยืม" นั้นมีกฎเกณฑ์สากลเป็นที่ยอมรับทั่วไปฮะ ที่ติติงขึ้นมา เพราะคิดว่านักศึกษาบางครั้งไม่ทราบ หรือมองข้ามไปฮะ มันไม่ใช่กฎเกณฑ์ "ของท่าน" "ของฉัน" หรือ "ของเขา" ฮะ
---------------
"เพราะถ้าเป็นผม ถึงจะทราบมาอย่างแน่ชัด ว่ามีคนตัดเอาคำพูดของผมส่วนไหนไปเขียนอ้างอิงลงในรายงาน หรือวิทยานิพนธ์ของตัวเองเพื่อกล่าวอ้างสนับสนุนงานเขียนของเขา ผมจะภูมิใจ ว่างานเขียนของผมเป็นที่ยอมรับ ของคนในสังคมได้"
อย่าตะแบงจนผิดประเด็นสิฮะ
1) การ "ขอยืม" มีขอบเขตจำกัดฮะ ถ้า "สมน้ำสมเนื้อ" ไม่มีใครว่าได้ฮะ
2) ที่ จขกท โควตมา ยอมรับได้ในบางส่วนฮะ ไม่ทุกส่วนเพราะคุณไม่ได้บอกว่าเขาโควตไปแค่ไหน 3) ตอบคำถามนี้สิฮะ หากคุณเรียนวิชา "การเขียนรายงาน" หรือวิชาที่ต้องทำสารนิพนธ์ คุณใช้แหล่งอ้างอิงเพียง 3 แหล่ง รับรองว่าอาจารย์ที่ปรึกษาจะไม่ปล่อยให้คุณผ่านขั้นตอน "ใช้แหล่งอ้างอิงที่เหมาะสม" แต่จะ "กัก" ให้คุณ หาแหล่งอ้างอิงเพิ่มเติมฮะ
คุณเขียนกะทู้เหมือนพันทิป ก็เพียงแต่หารูปเอง หรือเท็กซ์เอง ก็หมดเรื่องฮะ ถ้าต้อง "ขอยืม" ก็ดูให้สมน้ำสมเนื้อ เท่านี้เองฮะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ติบอ
|
ความคิดเห็นที่ 41 เมื่อ 12 มี.ค. 06, 16:15
|
|
 ต้องขอบคุณคุณVivi นะครับ อุตส่าห์เข้ามาตอบกระทู้ผมถึง 3 ครั้งเชียว (และมั่นใจว่าหลังจากที่ผมโพสต์ โพสต์นี้ไปแล้ว คงมีครั้งต่อๆไปอีก)
อย่างที่บอกล่ะครับ "เกณฑ์ในการตัดสินความเหมาะสมของเราคงต่างกันมากจริงๆ" เพราะความหมายของผมทั้งในความเห็นที่ 39 และความเห็นนี้ไม่ได้หมายความถึงแค่เรื่องการขอหยิบขอยืม แต่หมายรวมถึงวิธีการโต้ตอบ หรือคำพูดต่างๆในกระทู้ด้วย เช่นที่เราคุยกันไปแล้วบ้างผ่านความเห็นเพิ่มเติมที่ 35 และ 38 ตามลำดับนะครับ
ส่วนเรื่องอื่น ผมไม่คิดว่าจะต้องอธิบายอะไร เพราะสำหรับกระทู้นี้ในเนื้อกระทู้เอง ที่ผมหยิบเรื่องตำแยแมวขึ้นมาเป็นเรื่องแรก ก็บอกอยู่เต็มๆ ว่านำกระทู้ไหนมาเล่าใหม่ หรือบางกระทู้ที่ผมตั้ง ผมก็อ้างอิงไว้แล้วว่าที่เปิดเพราะเข้าฟังบรรยายที่ไหน ชมนิทรรศการอะไร ทำไมถึงมีแรงบันดาลใจมาเปิดกระทู้ กระทู้นี้แต่แรกอย่างในเนื้อกระทู้ก็ไม่ได้ตั้งใจเปิด เพียงแต่คิดว่าถ้าจะนำกระทู้นี้ไปเล่าใหม่ในกระทู้อื่นที่ไม่ได้มีหัวเรื่องเกี่ยวกับสมุนไพร ก็จะทำให้เนื้อหากระทู้ถูกเบี่ยงประเด็นไปได้ เลยนำมาเปิดไว้เป็นกระทู้ใหม่ และได้พี่ pharmrceutical scientist ซึ่งมีความรู้ในด้านสมุนไพรหลายชนิดมากกว่าผมเข้ามาช่วยเป็นธุระ เล่าเรื่องราวต่างๆ และแก้ไขข้อมูลที่ผมพิมพ์ผิดพลาดไปด้วย (ต้องขอบคุณพี่ที่น่ารักไว้ด้วยนะครับ อิอิ) ถ้าคุณจะคิดว่าผมนำเอาข้อความของผู้อื่นมาทำเป็นสมบัติส่วนตัว ก็เป็นสิทธิอันชอบธรรมของคุณในการ "คิด" นะครับ
เปลี่ยนมาคุยกันเรื่องอื่นดีกว่าครับ เดี๋ยวกระทู้สมุนไพรจะกลายเป็นกระทู้ที่ผมคุยกับ คุณVivi ไปเปล่าๆ
วันนี้ผมมาเล่าเรื่องพืชในวงศ์กระดังงาแล้วกันครับ (วงศ์โปรดผมอ่ะ อิอิ) |
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ติบอ
|
ความคิดเห็นที่ 42 เมื่อ 12 มี.ค. 06, 16:43
|
|
เล่าง่ายๆละกันนะครับ (แต่ถ้ามีศัพท์ยากๆ ไม่เข้าใจก็ถามกันนะครับ)
วงศ์กระดังงา หรือจะวงศ์น้อยหน่าก็ได้ (แต่คนไทยส่วนใหญ่เห็นติดปากว่าวงศ์กระดังงา)
เรามาเริ่มจากลักษณะคร่าวๆประจำวงศ์ก่อนดีกว่าครับ
พืชในวงศ์กระดังงาเป็นพืชใบเลี้ยงคู่ ในอันดับ Ranales ซึ่งมีอยู่หลายวงศ์ เช่น วงศ์จำปี-จำปา(Magnoliaceae) วงศ์อบเชย(Lauraceae) วงศ์จันทน์ป่า จันทน์แดง(Myristicaceae) เป็นต้น
ดังนั้น ลักาณะร่วใของอันดับ จึงพอจะเห็นได้อยู่บ้างนะครับ
เช่น ดอกส่วนมากเป็นดอกสมบูรณ์เพศ มีวงกลีบดอกจำนวนมาก กลีบดอกและกลีบเลี้ยงแยกออกจากกันไม่ชัดเจน และมักแยกออกจากกัน มีจำนวนน้อยที่เชื่อมติดกันเป็นอันเดียว
เช่นในภาพ เป็นดอก Magnolia จากวงศ์ Magnoliaceae แสดงให้เห็นกลีบดอกซึ่งซ้อนกันหลายวง และแยกออกจากกลีบเลี้ยงได้ยาก
 |
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ติบอ
|
ความคิดเห็นที่ 43 เมื่อ 12 มี.ค. 06, 16:55
|
|
โคลสอัพอีกซักภาพ ว่ากลีบดอกและกลีบเลี้ยงของพืชในอันดับนี้มักแยกออกจากกันได้ยากครับ เพราะอย่างที่เห็น นอกจากใบประดับที่มีขนๆที่โคนดอกแล้ว ส่วนที่เกิดจากกลีบดอกและกลีบเลี้ยงรวมกันก็แทงออกจากใบประดับมาประกอบเป็นดอกเลย มีศัพท์วิทยาศาสตร์เรียกรวมๆกันว่า tepal หรือภาษาไทยใช้คำว่า "กลีบรวม" นะครับ หมายความว่ากลีบดอกและกลีบเลี้ยงแยกออกจากกันได้ไม่ชัดเจน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ติบอ
|
ความคิดเห็นที่ 44 เมื่อ 12 มี.ค. 06, 16:58
|
|
 หลุดนะครับ เอามาลงใหม่ครับ |
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|