OBORO
ชมพูพาน
  
ตอบ: 158
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
เมเจอร์ฟิสิกส์
|
ความคิดเห็นที่ 330 เมื่อ 09 ต.ค. 06, 20:50
|
|
รัตติกาลนานเนิ่นข้าเพลินจิต ระลึกคิดถึงเจ้าพริ้มเพราเอ๋ย ตั้งแต่จากกันวันนั้นไม่มีเลย คิดจะเชยหญิงใดในโลกา
ใต้แสงจันทร์ฝันหวานสะท้านจิต พะวงคิดอยากชิดใกล้ใจบุหงา แนบเนื้อน้องหนุนตักเจ้าแก้วตา ดวงยุพาอยู่หนใดใจรำพัน
หนาวสะท้านเยือกสั่นให้ขวัญหาย อาจมลายสลายวับด้วยจอมขวัญ เพียงเจ้ามาสบพบพักตร์แม้สักวัน มาปลอบขวัญใจดวงน้อยหน่อยกานดา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
OBORO
ชมพูพาน
  
ตอบ: 158
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
เมเจอร์ฟิสิกส์
|
ความคิดเห็นที่ 331 เมื่อ 09 ต.ค. 06, 21:14
|
|
สุริยะอัสดง ณ พงพี ปฐวีเหนื่อยล้าแทบอาสัญ ธาราเหือดแห้งยิ่งนานวัน ไม้เถาวัลย์ตายซากวินาศไป
พอน้ำมาคงคาเชี่ยวม้วนเกลียวกวาด พัดพินาศลากลอยตามแรงไหล พอหมดแรงก็จางหายสร่างไป ถึงวันใหม่ตะวันมาน้ำตาคลอ
บทน้ำมาพาสูญแทบอาสัญ หมดน้ำพลันก็แห้งเหือดมิเหลือหรอ อาทิตย์ส่องร้อนวาบสาดไม่พอ พาต้นตอแหล่งน้ำวินาศไป
ดั่งเคราะห์ซ้ำกรรมซัดวิบัติทั่ว มิเลือกตัวทั่วไปคอยผลักไส ทุกข์ใจทุกข์กายแทบวายไป คือผองไทยหมู่อีสานบ้านเมืองนอน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
OBORO
ชมพูพาน
  
ตอบ: 158
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
เมเจอร์ฟิสิกส์
|
ความคิดเห็นที่ 332 เมื่อ 09 ต.ค. 06, 21:32
|
|
งามสง่าดุจฟ้านภามาส นวยนาดกรีดกรายละม้ายเหมือน เทพธิดานภาลัยแม่ดวงเดือน อย่าแชเชือนเลือนหายมลายเลย
หยาดฟ้ามาสู่ดินถิ่นสมัย โฉมใจพิสมัยวิไลเอ๋ย ศศิธรไหนๆไม่มีเลย จะเปรียบเปรยดั่งเจ้าพริ้มเพราได้
อรชรอ้อนแอ้นแฉล้มหนอ ดวงละอออ่อนหวานน้ำตาลไหน หวานยิ่งยิ่งดอกไม้ที่กลางใจ พี่มอบให้ยอมแล้วแก้วกมล
อันต้นรักปลูกแล้วแก้วตาเอ๋ย ไฉนเลยเมินไปไม่เก็บผล เจ้าเมินหนีหน้าพี่ไยรสสุคนธ์ เกิดเป็นคนรักกันเถิดเบิกอุรา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
OBORO
ชมพูพาน
  
ตอบ: 158
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
เมเจอร์ฟิสิกส์
|
ความคิดเห็นที่ 333 เมื่อ 09 ต.ค. 06, 21:36
|
|
ไม่ได้ลงกลอนเสียนาน ลงทีชุดใหญ่คงไม่ว่ากันใช่ไหมครับ อิอิ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Little Sun
พาลี
   
ตอบ: 212
กำลังตามหาความฝัน
|
ความคิดเห็นที่ 334 เมื่อ 10 ต.ค. 06, 23:34
|
|
ไม่ว่าค่ะ ลิตเติ้ลว่าคุณOBORO แต่งได้ดีนะคะ
รักแล้วไม่แคล้วทำใจให้เป็นทุกข์ แม้จะสุขแต่ก็ทุกข์มหาศาล เฝ้าคำนึงถึงเธอทุกรัตติกาล ช่างทรมานใจยิ่งนักไม่ได้เจอ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
OBORO
ชมพูพาน
  
ตอบ: 158
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
เมเจอร์ฟิสิกส์
|
ความคิดเห็นที่ 335 เมื่อ 11 ต.ค. 06, 14:44
|
|
ขอบคุณครับสำหรับคำถาม เอ้ย! ชม(ไม่ใช่นางงามนี่นะ)
หมู่นี้กระทู้นี้เงียบๆไปนะครับ ผมจะพยายามมาปั้มบ่อยๆ ฝึกปรือฝีมือไปในตัวอิอิ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
OBORO
ชมพูพาน
  
ตอบ: 158
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
เมเจอร์ฟิสิกส์
|
ความคิดเห็นที่ 336 เมื่อ 11 ต.ค. 06, 15:03
|
|
รักเจ้าเอยโปรดเผยเฉลยเถิด เจ้าบังเกิดแต่ไรด้วยใครหนา มาแต่ไหนเกิดที่ใดในอุรา โชคชะตาหรือเปล่าหนอท้อหัวใจ
เมื่อแรกพบสบตาพาใจสั่น ระริกหวั่นสะท้านทรวงลวงใช่ไหม เกิดตรงกลางระหว่างเราเขาหรือไม่ เกิดตรงไหนไยยากลำบากจริง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
OBORO
ชมพูพาน
  
ตอบ: 158
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
เมเจอร์ฟิสิกส์
|
ความคิดเห็นที่ 337 เมื่อ 11 ต.ค. 06, 15:09
|
|
เงียบงันงกสงบวิเวกแว่ว ไม่มีแล้วเหล่าประชันหันหน้าหนี โอ้ตัวเราเปลี่ยวเปล่าเหงาชีวี หลายวันนี้หนีไปหมดรันทดจริง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
OBORO
ชมพูพาน
  
ตอบ: 158
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
เมเจอร์ฟิสิกส์
|
ความคิดเห็นที่ 338 เมื่อ 11 ต.ค. 06, 15:12
|
|
พูดคนเดียวก็ได้เรานี่หนอ ดูบ้าบอสติเสียเพลียหนักหนา ใครมาอ่านคงคิดสะกิดอุรา ว่าเราบ้าพูดเออเองเซ็งหัวใจ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
จิตแผ้ว
|
ความคิดเห็นที่ 339 เมื่อ 11 ต.ค. 06, 22:48
|
|
ถึงจะบ้าก็บ้ากลอนอักษรศรี บ้าความดีบ้าเถิดจะเกิดผล ถึงบ้าใบ้ชนะในใจของตน มีค่าล้นกว่าคนดีที่บ้ากาม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
OBORO
ชมพูพาน
  
ตอบ: 158
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
เมเจอร์ฟิสิกส์
|
ความคิดเห็นที่ 340 เมื่อ 12 ต.ค. 06, 15:31
|
|
โอ้.. มิตรแท้มาแต่ไหนเมื่อใดหนา รจนาพาชื่นระรื่นแสน ฉะนั้นไซร้มาสถิตย์ ใน ดินแดน ร่วมอยู่ในแว่นแคว้นแดนถิ่นนี้
มาร่วมสร้างเสกสรรพลันบังเกิด ร่ายรสบทเพริศบรรเจิดศรี มาแต่ไหนอย่าหลีกไซร้ท่านกวี กระทู้นี้มีแต่เราจับเจ่าเอย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
กุรุกุลา
|
ความคิดเห็นที่ 341 เมื่อ 13 ต.ค. 06, 01:53
|
|
แม้หยดน้ำลำพังขังเพียงหยด ยังบอกรสสดชุ่มชอุ่มชื่น อันหวานกานท์หวานว่างค้างเพียงคืน หรือจะชืดรสชื่นในพื้นกานท์
รอสักหน่อยปล่อยกาลให้ผ่านพ้น คงมีคนเห็นค่าว่ารสหวาน เหมือนหยดน้ำลำพังขังไม่นาน ก็ยังพืชยืดผ่านเจริญพรรณ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
จิตแผ้ว
|
ความคิดเห็นที่ 342 เมื่อ 13 ต.ค. 06, 12:05
|
|
ความอยากได้อยากมีและอยากเป็น คอยเคี่ยาเข็ญคุกคามคนจนป่นปี้ แรกกำเนิดเกิดคนล้วนคนดี ไม่กี่ปีคนกลับกลายร้ายเหลือคน
กามกิเลสตัณหาพาใจบอด ไม่ทันจอดเรือก็คว้างคว่ำกลางหน คุณธรรมไม่น้อมนำพร่ำสอนตน วุ่นวกวนเวียนว่ายตายทั้งเป็น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
อ้อ
มัจฉานุ
 
ตอบ: 53
นักศึกษาปริญญาโท
หลักสูตรการศึกษามหาบัณฑิต การสอนฟิสิกส์ ที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
|
ความคิดเห็นที่ 343 เมื่อ 14 ต.ค. 06, 17:32
|
|
อันคนเราย่อมมีทั้งสองด้าน ความเกียจคร้านขยันหมั่นมองเห็น มีความสุขความทุกข์ให้ลำเค็ญ มีร้อนเย็นเลือกได้ให้เหมาะเรา
มีความฝันดั้นด้นให้ไปถึง หวังให้ซึ้งให้ไกลไม่อับเฉา ทะยานไปให้ไกลดั่งใจเรา อย่าอายเขามั่นใจไม่ลดลา
ความอยากได้อยากมีและอยากเป็น อย่างที่เห็นมีได้ให้หรรษา อย่าให้ใครเดือดร้อนอย่าโกรธา อย่าริษยาแก่งแย่งอย่างชิงดี
หากอยากได้สิ่งใดตั้งใจมั่น จงบากบั่นด้วยตัวมีศีกดิ์ศรี จงอดทนขยันทำสิ่งดี ชีวิตนี้ทำฝันได้ให้สุขใจ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
จิตแผ้ว
|
ความคิดเห็นที่ 344 เมื่อ 25 ต.ค. 06, 12:01
|
|
ลมหนาวโบยโบกมาอีกคราแล้ว พัดผ่านแนวภูดอยให้หงอยเหงา คร่ำใจครวญหวลถวิลถิ่นเคยเนา เสียงแคนเป่าเคล้าน้ำตาคราจากเรือน
น้ำค้างพรมลมกระหน่ำช้ำในอก วูบดาวตกอกไหวใจถูกเฉือน ก่อนอำลาสัญญาใจใครลืมเลือน ไม่หวนกลับมาเยี่ยมเยือนเหมือนวาจา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|