เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
อ่าน: 15632 สุลต่านสุไลมาน
nuttav
อสุรผัด
*
ตอบ: 8

นิสิต


 เมื่อ 03 มี.ค. 06, 00:23

 อยากทราบเกี่ยวกับประวัติของสุลต่านสุไลมานอ่ะค่ะ ว่าจริงๆแล้วมาจากอิ่หร่าน หรือ เกาะชวา คือเคยอ่านในของเว๊บวิชาการนี่แล่ะค่ะ แต่อยากทราบต่อว่าปัจจุบันยังมีบุคคลที่สืบเชื้อสายมาจากสุลต่านสุไลมานใช่มั๊ยคะ เคยได้ยินมาว่า ตระกูลบุนนาค ก็สืบมาเช่นกัน แต่ยังมีตระกูลอื่นอีกมั๊ยคะ???

ขอบคุณมากค่ะ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 1  เมื่อ 03 มี.ค. 06, 09:46

 ตระกูลบุนนาคไม่ได้สืบเชื้อสายจากสุลต่านสุไลมานค่ะ    แต่สืบเชื้อสายจากท่านเฉกอะหมัด  พ่อค้าอาหรับที่เดินทางมาค้าขายที่กรุงศรีอยุธยา
แล้วเข้ารับราชการจนได้เป็นเจ้าพระยา

ลูกหลานสุลต่านสุไลมาน สืบเชื้อสายมาถึงปัจจุบันมีอยู่มาก   สมาชิกเรือนไทย 1 ท่าน ก็เป็นเชื้อสายสายตรง  พวกนี้ใช้นามสกุลว่า ณ พัทลุง
ส่วนที่ไปแต่งกับนามสกุลอื่น มีลูกหลานใช้นามสกุลอื่นก็มีอีกนับไม่ถ้วน  
เท่าที่นึกออกตอนนี้ก็คือ ท่านผู้หญิงจงกล กิตติขจร  
คุณแถมสิน  รัตนพันธุ์ เจ้าของคอลัมน์ "ลัดดาซุบซิบ"
บันทึกการเข้า
Nuchana
สุครีพ
******
ตอบ: 979


ความคิดเห็นที่ 2  เมื่อ 03 มี.ค. 06, 13:41

 สุไลมาน มีการสะกดอีกแบบหนึ่ง คือ สุลัยมาน

อ่านเพิ่มเติม

สุลต่านสุไลมานกับราชวงศจักรี
 http://vcharkarn.com/reurnthai/sultan.php

เฉกอะหมัด และสุลัยมาน
 http://www.sakulthai.com/DSakulcolumndetailsql.asp?stcolumnid=3387&stissueid=2613&stcolcatid=2&stauthorid=13

เชื้อสายสุลัยมาน
 http://www.thairath.co.th/thairath1/2547/column/bible/nov/28_11_47.php  
บันทึกการเข้า
nuttav
อสุรผัด
*
ตอบ: 8

นิสิต


ความคิดเห็นที่ 3  เมื่อ 03 มี.ค. 06, 19:03

 ประมานว่า ไปเห็นจาก webboard ของ manager อ่ะค่ะ เรื่องมุสลิมพันธ์ใหม่ ในนั้นมีคนบอกว่าเป็นมุสลิมแล้วออกไม่ได้ ก็เลยมีคนตอบค่ะว่า
"ทำไมจะออกไม่ได้
คนที่เข้าไปตอนแต่งาน แล้วหย่าก็เห็นออกกันเป็นแถวๆ ไครจะสนใจ
ถ้าเราอยู่คนเดียว หรือแยกบ้านออกมา ออกไปก็มาก
ตระกูลบุนนาค ก็อิสลามเก่า และ วสันตสิงห์ ศิริสัมพันธ์ ทายาทสุลต่านสุไลมาน ก็ไปถือพุทธ รวมถึงพระราชมารดา ร.3ด้วย
ก็เห็นเจริญดี บุญบาปอยู่ที่การกระทำที่ไม่เบียดเบียนผู้อื่น แล้วช่วยเหลือผู้อื่น
ถ้าจะทำดีแล้วศาสนาใดก็ดีทั้งน้น
ไม่เช่นนั้น พวกคอมมิวนิสต์ ก็ต้องตกนรกสิ
พวกคอมมิวนิสต์ เจริญดีก็หลายคน ถ้าไม่เบียดเบียน สร้างกรรมต่อไป"
อ่านแล้วเลยค่อนข้าง งง ค่ะ
บันทึกการเข้า
nuttav
อสุรผัด
*
ตอบ: 8

นิสิต


ความคิดเห็นที่ 4  เมื่อ 03 มี.ค. 06, 19:07

 เมื่อวานอ่านเข้าไปเจอในเว็บนี้ค่ะ เรื่องเหตุร้ายภาคใต้ http://www.kamalulislam.com/news1.htm
แต่ขอ copy มาเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องนะคะ
"พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ จึงชี้ชัดในยุคนั้นว่าที่จริงแล้วปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมาจากความ “หวาดระแวง” และท่านก็ทุ่มเทพลังสติปัญญาเพื่อแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง ในฐานะที่วงตระกูลของท่านสืบไปถึง “สุลต่านสุไลมาน” ที่เป็นมุสลิม"

ฮืมฮืม
บันทึกการเข้า
นิลกังขา
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1012

ทำงานราชการ


ความคิดเห็นที่ 5  เมื่อ 06 มี.ค. 06, 14:24

 ขอบพระคุณครับ คุณครูเทาชมพู

เรื่องของสุลต่านสุไลมาน เจ้าผู้ครองรัฐอิสระสงขลาเมื่อสมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งต่อมาถูกทางอยุธยาปราบลงได้ ลูกหลานก็เลยกลายเป็นข้าราชการราชสำนักอยุธยานั้น เคยมีการคุยกันแล้วจริงๆ ในเรือนไทยนี้ครับ

เผอิญ ผมเองเป็นผู้สืบเชื้อสายคนหนึ่งมาจากท่านสุลต่าน แล้วจะพยายามหาโอกาสมาเล่าครับ แต่ตอนนี้ขอยืนยันว่า คุณชวลิต ยงใจยุทธ เป็นผู้สืบเชื้อสายมาจากท่านสุลต่านท่านหนึ่งด้วยเหมือนกันจริงๆ ครับ
บันทึกการเข้า
นิลกังขา
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1012

ทำงานราชการ


ความคิดเห็นที่ 6  เมื่อ 07 มี.ค. 06, 09:41

ขอตอบคำถามก่อน

ตามประวัติศาสตร์ฉบับบอกเล่า หรือมุขปาฐะที่เล่าสืบกันมาในตระกูลนั้น ท่านสุลต่านสุไลมานเป็นคนมาจากเมืองเล็กๆ ชื่อ สาเลห์ หรืออะไรทำนองนั้น บนเกาะชวา ไม่ไกลจากย็อกยาการ์ตาเท่าไรนัก แถวๆ โบราณสถานบุโรบุดูร์และปรัมบานันนั่นแหละครับ

คำบอกเล่าบางกระแสว่าเมืองสาเลหรือสาเลห์ (ซึ่งจริงๆ จะชื่อซัลและห์หรืออะไรก็ไม่ทราบ แต่ลูกหลานที่กลายเป็นคนไทยไปแล้วออกเสียงแบบไทยๆ ว่า สาเล บางแห่งเรียกว่า สาลัย) ว่ากันว่าเมืองสาเลนี่ เป็นเมืองลูกหลวงของย็อกยาการ์ตา

ท่านบิดาของท่านสุลต่านสุไลมาน ชื่อดะโต๊ะโมกอล เป็นชนชั้นปกครองของสาเล เมื่อราวๆ สักสี่ร้อยกว่าปีมาแล้วโน้น กองกำลังของนักล่าอาณานิคมชาวดัชท์รุกมาถึงชวา เมืองสาเลได้พยายามต่อสู้แต่สู้ฝรั่งไม่ได้ ท่านจึงพาท่านสุไลมานลูกชายท่านและครอบครัว รวมทั้งประชาชนชาวสาเล ลงเรืออพยพหนีภัยฝรั่งนักล่าอาณานิคมแล่นขึ้นเหนือไปจนเข้าเขตอาณาจักรกรุงศรีอยุธยา
บันทึกการเข้า
นิลกังขา
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1012

ทำงานราชการ


ความคิดเห็นที่ 7  เมื่อ 07 มี.ค. 06, 10:04

 เมื่อท่านดะโต๊ะโมกอล ท่านสุไลมาน และชุมชนมุสลิมจากอดีตเมืองสาเลมาถึงภาคใต้ของสยาม ก็เข้าตั้งรกรากสร้างบ้านเมืองใหม่ที่ชายฝั่งทะเลแถวๆ เขาแดง สงขลาเดี๋ยวนี้ โดยไม่มีการกระทบกระทั่งกับชุมชนไทยเดิมในพื้นที่แต่อย่างใด อยู่ร่วมกันโดยสงบสุข ท่านดาโต๊ะโมกอลก็มีความสัมพันธ์อันดีกับกรุงศรีอยุธยา (สมัยนั้นเป็นรัชกาลพระเจ้าทรงธรรม) ท่านได้สวามิภักดิ์กับกรุงศรีฯ ในแผ่นดินใหม่บ้านใหม่ของท่าน และได้รับแต่งตั้งเป็นข้าหลวงต่างพระเนตรพระกรรณพระเจ้าทรงธรรมด้วย ก็อยู่กันมาจนถึงรุ่นลูกคือท่านสุไลมานก็อยู่กันมาด้วยดี

เรื่องมาเกิดขึ้นตอนที่เกิดการปฏิวัติล้มล้างอำนาจพระเจ้าทรงธรรมในอยุธยา โดยออกญากลาโหม ซึ่งผมเข้าใจว่าเมื่อขึ้นครองราชสมบัติแล้วจะได้เป็นพระเจ้าปราสาททอง ถ้าผิดพลาดขออภัยครับ แต่เอาเป็นว่ามีการกบฏ แต่ทำสำเร็จ เลยเปลี่ยนราชวงศ์ก็แล้วกัน

ทีนี้ทางสงขลาท่านสุไลมานท่านเห็นว่า ท่านและบิดาได้สามิภักดิ์รับราชการกับพระเจ้าทรงธรรมด้วยความจงรักภักดีมาแล้ว เมื่อมีผู้ครองอำนาจคนใหม่ขึ้นมาโดยเป็นขบถต่อราชวงศ์เดิม ท่านก็ไม่ยอมก้มหัวให้ทางอยุธยาถือว่ารัฐบาลใหม่ไม่ชอบธรรม จึงเลยสถาปนาตนเองเป็นสุลต่านสุไลมาน ตั้งสงขลาเป็นรัฐอิสระ อยู่เป็นเอกราชถึงราว 40 ปีเศษ ทัพอยุธยามาตีก็ตีไม่แตก ท่านได้สร้างนครรัฐสงขลาขึ้นมาจนเป็นเมืองท่าค้าขายที่สำคัญ ฝรั่งรู้จัก ปรากฏในแผนที่เดินเรือของพ่อค้าฝรั่งสมัยโน้น เรียกว่าซิงโกรา

ศพท่านสุลต่านยังคงฝังอยู่ที่กุโบร์หรือสุสานมุสลิมที่เขาแดง จังหวัดสงขลา จนทุกวันนี้ คุณชวลิตก็เคยไปไหว้มาแล้ว ผมก้ไปเคารพมาแล้วเหมือนกัน ยังมีซากป้อมปืนและปราการที่ท่านสร้างเรียงรายไปตามชายทะเลสงขลาเหลืออยู่ด้วย

จนต่อมากรุงศรีฯ เกณฑ์ทัพมาตีสงขลาอีกหนเป็นทัพใหญ่ จึงสามารถปราบปรามได้ นครรัฐสงขลาก้กลายมาเป็นหัวเมืองที่ขึ้นกับกรุงศรีฯ เหมือนเดิม

เมื่อปราบลงได้แล้ว อำนาจรัฐบาลกลางได้เข้ามา "สลายกำลัง" โดยโยกย้ายคนในวงศ์สกุลท่านสุไลมานไปที่ต่างๆ ออกจากพื้นที่เดิม บางส่วนเข้ากรุงศรีฯ (และบ้างก็เข้ารับราชการด้วย) บางส่วนไปไชยา บางส่วนไปพัทลุง ฯลฯ จนบัดนี้ตามการค้นคว้าของนักประวัติศาสตร์ด้านการสืบสายวงศ์สกุล แบ่งผู้สืบเชื้อสายจากท่านสุลต่านสุไลมานออกเป็น ที่เรียกว่า 5 มหาสาขา ผมเองจำไม่ได้ว่าสายไหนเป็นสายไหนนะครับ แต่สายหนึ่งลงมาเวลาผ่านไป 400 ปีเศษ ก็มาเป็นผม

จาก 5 สาขาใหญ่นี่ กลายมาเป็นคนไทยนามสกุลไทยเป็นร้อยๆ นามสกุล ที่ยกมาข้างบนแล้วก็มี ณ พัทลุง วสันตสิงห์ ยงใจยุทธ รัตนพันธ์ และ ฯลฯ ญาติผมบางสาขายังเป็นไทยมุสลิมอยู่ บางสาขาได้กลายมาเป็นพุทธเป็นร้อยปีแล้ว เช่นทางสายผม แต่ความเป็นญาติก็ยังมีอยู่สืบกันได้ และความรู้สึกที่เรามีเหมือนกันก็คือว่า เราทั้งหมดเป็นคนไทย ได้กลายเป็นพลเมืองของแผ่นดินนี้ไปแล้วโดยสมบูรณ์
บันทึกการเข้า
นิลกังขา
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1012

ทำงานราชการ


ความคิดเห็นที่ 8  เมื่อ 07 มี.ค. 06, 10:08

 พวกบุนนาคไม่ใช่ญาติสายผมครับ หมายความว่าไม่ใช่สืบมาแต่สายโลหิตเดียวกัน เพียงแต่บรรพชนเป็นมุสลิมเหมือนกัน อย่างที่อาจารย์เทาชมพูว่า ตระกูลบุนนาคสืบมาแต่ท่านเฉกอะหมัดหรือชี้คอาห์เม็ด ชาวเปอร์เซียหรืออิหร่านเดียวนี้ ถ้าผมจำไม่ผิด ท่านเฉกฯ ท่านมาจากเมือง Qum ในอิหร่านเดี๋ยวนี้

ในชั้นหลังเมื่อต่างฝ่ายต่างก็มาตั้งรกรากในเมืองไทย บ้างก็กลายเป็นขุนนางไทยไปแล้วนั้น จะได้มีการแต่งงานระหว่างกันหรือไม่ผมไม่ทราบ อาจจะมีบ้างก้ได้ ถ้าเป็นยังงั้นก็อาจจะถือว่าเป็นญาติกันโดยแต่งงาน และมาเป็นเอาทีหลัง
บันทึกการเข้า
นิลกังขา
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1012

ทำงานราชการ


ความคิดเห็นที่ 9  เมื่อ 07 มี.ค. 06, 13:47

 เรื่องการเปลี่ยนหรือเลือกนับถือศาสนานั้น ผมออกจะถือว่าเป็นสิทธิส่วนบุคคล ผมไม่ทราบว่าในหลักศาสนาอิสลามมีข้อกำหนดอย่างไรหรือไม่ อาจจะมีอยู่จริงครับว่า มุสลิมประพฤติตนอย่างไรจึงถือว่า "ตกศาสนา" หรือขาดจากความเป็นมุสลิม ซึ่งก็ไม่แปลกอะไร ศาสนาอื่นๆ ก็มีกำหนดไว้

แต่ในด้านของมนุษย์ปุถุชนธรรมดาและในแง่ข้อเท็จจริงทางปฏิบัติ คนที่เปลี่ยนศาสนานั้นมีอยู่แน่นอน ไม่เป็นเรื่องแปลกอะไร บรรพชนผมรุ่นใดรุ่นหนึ่งก็คงจะได้เปลี่ยนศาสนามาแล้ว ตัวผมถึงได้เป็นพุทธอยู่นี่ แต่ญาติสายอื่นที่ไม่เปลี่ยนก็ยังเป็นมุสลิมอยู่ เมื่ออิสลามธรรมแพร่มาถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยมากับพ่อค้านักเดินเรือชาวอาหรับ ชุมชนในแถบบ้านเรานี้แถวชวามาเลย์ที่เข้ารับอิสลาม ก็ได้เปลี่ยนใจจากศาสนาเดิมมาเหมือนกัน เพราะวัฒนธรรมดั้งเดิมแถวนี้เป็นวัฒนธรรมพุทธและฮินดู ก็เปลี่ยนออกจากศาสนาเดิมมารับอิสลาม แล้วไงล่ะ?

ข้อที่สำคัญ คือเราสามารถอยู่ร่วมสังคมเดียวกันได้โดยรักใคร่นับถือกัน และเคารพเข้าใจในศรัทธาของอีกฝ่ายหนึ่งต่างหาก
บันทึกการเข้า
นิลกังขา
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1012

ทำงานราชการ


ความคิดเห็นที่ 10  เมื่อ 07 มี.ค. 06, 13:54

 เจ้าจอมมารดาเรียม สมเด็จกรมพระศรีสุลาไลยฯ พระราชมารดา ร.3 นั้น ท่านก็ทรงเป็นกุลสตรีไทย เชื้อสายมุสลิมปักษ์ใต้ สืบมาแต่สุลต่านสุไลมานเช่นกันจริงครับ นั่นหมายความว่า พระบรมราชจักรีวงศ์นั้นมีทั้งเลือดไทย เลือดมอญ เลือดจีน เลือดมุสลิม อยู่ในสายพระโลหิตด้วย แล้วก็อย่างที่ทราบกันดี รัชกาลที่ 3 ท่านก็ทรงเป็นพุทธมามกะ เคยทรงผนวช ทรงสร้างวัดไว้ก็หลายวัด ไม่ได้มีความขัดแย้งอะไรนี่ครับ
บันทึกการเข้า
nuttav
อสุรผัด
*
ตอบ: 8

นิสิต


ความคิดเห็นที่ 11  เมื่อ 07 มี.ค. 06, 16:16

 ขอบคุณมากๆเลย ค่ะ สำหรับความรู้ที่ได้รับ
ขอบคุณ คุณ เทาชมพู คุณ Nuchana และ คุณนิลกังขา มากๆๆค่ะ รู้สึกมีความรู้ขึ้นอีกเยอะ
บันทึกการเข้า
นิลกังขา
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1012

ทำงานราชการ


ความคิดเห็นที่ 12  เมื่อ 07 มี.ค. 06, 18:21

 ในพงศาวดารเมืองพัทลุง มีการกล่าวถึงท่านผู้เป็นบรรพชนของเจ้าเมืองพัทลุงไว้ 2 ชื่อ ว่าตะตูมรหุ่ม ชื่อหนึ่ง ตะตูมรโหม ชื่อหนึ่ง ชาวบ้านธรรมดาเรียกท่านว่า "ทวดหุ่ม" ท่านหนึง "ทวดโหม" ท่านหนึ่ง



"ตะตูมรหุ่ม" นั้น คือท่านสุลต่านสุไลมาน "ตะตูมรโหม" เป็นใครผมลืมไปแล้ว คล้ายๆ ว่าจะเป็นน้องท่านหรือลูกของท่าน



คำสองคำนี้ที่ลงบันทึกไว้ ตอนแรกนักประวัติศาสตร์ก็อ่านกันไม่ออก งงกันอยู่ ต่อมาจึงรู้ว่า มาจากภาษาอาหรับ กับภาษาชวามาเลย์ ตะตู นั้นสันนิษฐานว่ามาจากคำว่า ดาโต๊ะ หรือไม่ก็ ระตู ทำนองว่าเป็นบรรดาศักดิ์เจ้านาย ส่วนมรหุ่ม มรโหมนั้น สันนิษฐานว่ามาจากคำว่า อัล-มาร์ฮุม ในภาษาอารบิก เป็นคำยกย่องผู้ที่สิ้นชีวิตไปแล้ว หรือผู้ที่ "ไปสู่พระกรุณาของพระผู้เป็นเจ้า" แล้ว



ดังนั้นทั้งตะตูมรหุ่มและตะตูมรโหม ที่จริงอาจสันนิษฐานได้ว่าเป็นคำเดียวกัน แต่ใช้แยกเรียกคน 2 คน แปลตามความหมายเดิมจริงๆ อาจจะพอได้ว่า 'the late lord' เป็นคำสามัญหมายถึงเจ้านายที่สิ้นไปแล้วองค์ไหนก็ได้ การที่คนรุ่นหลังมาแยกกำหนดเรียกให้เป็น 2 อย่าง และให้หมายถึงบุคคล 2 ท่านนี้เฉพาะเจาะจงนั้น ผมเข้าใจว่าจะเกิดในชั้นหลัง ซึ่งพัทลุงได้กลายเป็นหัวเมืองไทยภายใต้กรุงศรีฯ ไปแล้วเรียบร้อย เหลือแต่ร่องรอยภาษาอาหรับกับมาเลย์อยู่
บันทึกการเข้า
นิลกังขา
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1012

ทำงานราชการ


ความคิดเห็นที่ 13  เมื่อ 08 มี.ค. 06, 14:15

 คุณ Nuttav

นอกจากลิ๊งก์ในกระทู้นี้แล้ว (ที่คุณ Nuchana กรุณาทำให้) มีอีกกระทู้หนึ่ง เก่างั่กเลยหลายปีแล้ว ผมไปควานหามาเจอ แต่ผมทำลิ๊งก์ไม่เป็น เลยได้แต่ตอบความเห็นเข้าไปใหม่มันจะได้โผล่ขึ้นมาหน้าแรกใหม่ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ในการค้นคว้าบ้างครับ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 14  เมื่อ 08 มี.ค. 06, 14:24

 ทำลิ้งค์ให้ค่ะ

 http://www.vcharkarn.com/include/vcafe/showkratoo.php?Cid=18&Pid=4937  
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.085 วินาที กับ 19 คำสั่ง