แดจังกึม ไม่ใช่คลื่นลูกแรกของการรุกทางวัฒนธรรมของเกาหลีนะครับ ก่อนหน้านี้ Full House, Winter Love Song ฯลฯ ทั้ง Series และ ภาพยนตร์อีกหลายเรื่องเริ่มบุกมาพักใหญ่แล้วครับ
นอกจากบ้านเราแล้ว จีนเองก็รับเข้าไปเต็มๆ ญี่ปุ่นก็รับเข้าไปไม่น้อย แดจังกึมดังไปทั่วแล้ว
ปลายปีที่แล้วผมมีกิจธุระต้องไปโซล 4-5 วันก็เลยขอรายงานสภาพที่นั่นไว้พอสังเขปดังนี้ โดยจะเปรียบเทียบกับเพื่อนบ้านอย่างญี่ปุ่นที่น่าจะเป็นที่คุ้นเคยกันมากกว่านะครับ
เมืองหลวง"โซล"ของเกาหลีใต้นั้นถ้าอ่านชื่อแบบเกาหลีจริงๆจะอ่านว่า ซออุล ครับ เป็นเมืองบนเนินเขาสลับซับซ้อน กลางเมืองมีแม่น้ำไหลผ่าน ชื่อว่าแม่น้ำฮันกัง (ออกเสียงแบบจีนกลางว่า ฮั่นเจียง) ตอนแรกนึกว่า หานเจียง (หาน = เกาหลี)พอเห็นตัวอักษรจีนก็งงเหมือนกันครับที่มันคือ (ฮั่น = จีน)
ระบบคมนาคมในเมืองสะดวกสบาย มีรถไฟใต้ดินถึง 10 เส้นทาง ราคาก็ไม่แพงเริ่มต้นที่ราวๆ 35-40 บาทต่อเที่ยว การซื้อตั๋วโดยมากจะต้องซื้อที่ counter ขายตั๋วที่มีคุณลุงแก่ๆเป็นคนขาย หลังจากยืนสังเกตสักพักก็พบว่าใช้วิธียื่นเงินเข้าไปพร้อมกับบอกสถานีปลายทาง คุณลุงแต่ละสถานีจะเชี่ยวชาญมาก สามารถส่งตั๋วราคาที่ถูกต้องพร้อมเงินทอนกลับมาได้อย่างรวดเร็วและไม่ผิดพลาดครับ
สภาพรถไฟใต้ดินค่อนข้างโทรมและไม่สะอาดเท่าไหร่ครับ คนสูงอายุจะได้สิทธิ์ขึ้นรถใต้ดินฟรี(โดยการรับตั๋วที่ counter ขายตั๋วของสถานีที่จะขึ้น) บนรถจะกันที่นั่งไว้สำหรับคนสูงอายุและคนพิการ คนเกาหลีจะเคารพกติกาและให้เกียรติผู้สูงอายุมาก ที่นั่งคนสูงอายุนี้จะถูกทิ้งว่างไว้เสมอถ้าไม่มีคนสูงอายุขึ้นมาครับ ลักษณะแบบนี้จะต่างจากญี่ปุ่นที่คนยึดที่นั่งคนแก่กันประจำ
ในรถไฟใต้ดินจะมีเซลส์แมนขึ้นมาขายสินค้ากันเป็นปกติ ผมเดาเอาว่าน่าจะถูกกฎหมายเพราะไม่เคยเห็นว่ามีใครทำท่ารังเกียจอะไร ของที่ขายก็มีตั้งแต่ของเล่น, เครื่องนับก้าวเดินอิเล็คโทรนิคส์ไปจนถึงรายหนึ่งที่ผมเชื่อว่าเขารับทำนามบัตรครับ นับว่าพิลึกเอามากๆ นอกจากนี้ก็ยังมีวณิพกขึ้นมาขอทานบนรถไฟใต้ดินด้วย โดยมากก็เป็นผู้สูงอายุพิการที่ผมเดาเอาว่าน่าจะประสบเคราะห์กรรมมาจากสมัยสงครามเกาหลีครับ
ราคา Taxi เริ่มต้นที่ประมาณ 70-80 บาท ก็ถือว่าไม่แพงนัก นอกจากนี้ยังมีระบบรถเมล์เชื่อมต่อกับเครือข่ายรถใต้ดิน ผมไม่ได้ลองนั่งแต่เท่าที่ทราบราคาก็พอๆกับรถใต้ดินครับ เท่าที่ทราบสามารถใช้ตั๋วต่อโดยคิดตามระยะทางรวมของรถเมล์และรถใต้ดินได้ด้วยครับ
ค่าอาหารในโซลนั้นค่อนข้างแพง ใกล้เคียงกับในญี่ปุ่น หรืออาจจะแพงกว่าเล็กน้อยด้วยซ้ำ ราคาอาหารแบบเป็นเรื่องเป็นราวเริ่มต้นที่ประมาณ 250 บาทขึ้นไป แต่ข้างถนนจะมีแผงลอยขายโอเด้งอยู่ทั่วไป โดยเฉพาะตอนเย็นๆจะออกมากันเยอะมากครับ ราคาก็เริ่มต้นที่ไม้ละประมาณ 40 บาท และแน่นอนว่า ที่ใดมีแผงลอย ความสกปรกก็จะตามมา ทางเท้าในโซลไม่ได้สะอาดไปกว่ากทม.มากนัก เดินไปตามตรอกซอกซอยอาจเจอขยะกองโตอยู่ข้างถนนแบบบ้านเราได้เหมือนกัน อาหารของที่นั่นจะไม่มีเนื้อสัตว์มากนัก เพราะราคาสูงมากครับ หมูย่างเกาหลีไม่ใช่ของถูกเลย ราคาเริ่มต้นที่ ประมาณ 400-500 บาท ถ้าเป็นเนื้อล่ะก็... คูณเข้าไปอีก 3 ครับ แต่รสชาติอร่อยขาดลอยไปเลย อันนี้ใครอยากลองเชิญได้ที่คองจูที่คุณอ๊อฟแนะนำไว้ ใช้ได้ครับ อาหารเกาหลีจะเสิร์ฟมาพร้อมกิมจิเสมอ กระทั่งกินมาม่าข้างถนนยังมีกิมจิถ้วยเล็กๆมาให้เลยครับ คนไทยไปเกาหลีน่าจะพอเอาชีวิตรอดได้เพราะอาหารเกาหลีจะมีรสเปรี้ยวเผ็ด ถึงไม่ดุเดือดเท่าบ้านเราแต่ก็พอไหวครับ
คนเกาหลีมารยาทค่อนข้างแย่เมื่อยึดตามมาตรฐานสากล แต่ก็เป็นเพียงความแตกต่างทางวัฒนธรรม เขาไม่ได้มีเจตนาจะหยาบคาย โดยทั่วไปแล้วก็มีน้ำใจเช่นเดียวกับเราๆท่านๆทั้งหลายนี่แหละครับ ภาษาเกาหลีเองจะมีไวยากรณ์และการออกเสียงคล้ายภาษาญี่ปุ่นแต่รับเอาคำจากจีนไปใช้ในชีวิตประจำวันมากกว่าที่ญี่ปุ่นรับไปจากจีนครับ ที่น่าสังเกตคือคำจีนที่ใช้ สำเนียงส่วนมากจะคล้ายพวกฮกเกี้ยนหรือแต้จิ๋วมากกว่าจีนกลางครับ
ภาษาอังกฤษของคนเกาหลีนั้นเลวร้ายขนาดหนักครับ ญี่ปุ่นที่คนบ่นว่าภาษาอังกฤษแย่จะต้องชิดซ้ายหงายเก๋งไปเลยครับ เพราะญี่ปุ่นที่ว่าแย่ ก็จะแย่คล้ายๆคนไทย คือรู้จักคำศัพท์ แต่ออกเสียงไม่ถูกต้องและเอามารวมเป็นประโยคไม่เป็น แต่เกาหลีที่ว่าแย่คือไม่ค่อยรู้จักศัพท์ภาษาอังกฤษเลย แถมยังออกเสียงได้เลวร้ายขนาดหนัก ผมไปถามทางนักศึกษามหาวิทยาลัย น้องๆเขาพอฟังเข้าใจ แต่ตอบกลับไม่เป็น ก็ยังอุตส่าห์มีน้ำใจมาผมเดินไปจนเห็นจุดหมายแล้วชี้ให้ดู ก่อนจะบอกว่าตรงนั้นเรียกว่า "ไอลุปะ" ผมเดินเข้าไปใกล้ถึงได้เห็นว่าตึกนั้นชื่อ Alpha ครับ พับเผื่อย!
เรื่องที่เหมือนเมืองไทย(และอาจจะทุกๆที่)อย่างหนึ่งคือ คนที่สื่อสารเก่งคือแม่ค้าครับ นักศึกษาพูดไม่ได้เดินหนี แต่แม่ค้าสู้ตาย ศัพท์แสงไวยากรณ์ไม่ต้องสนใจกันล่ะ แต่สื่อสารรู้เรื่องครับ
โรงแรมที่พักที่เกาหลี ราคาถูกกว่าญี่ปุ่นประมาณ 20-30% เรียกว่ายังแพงอยู่ดีเมื่อเทียบกับมาตรฐานคนไทย และที่นี่ไม่มีวัฒนธรรมการทิปหรือถีบใดๆนะครับ ผมไปพักที่โรงแรม ทิปให้ bellboy เขาไม่ยอมรับท่าเดียวครับ สุดท้ายต้องขอบคุณเขาเลย เพราะเขามีน้ำใจมากทีเดียว ยิ่งพบว่าทำโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนอย่างนี้ทำให้รู้สึกดีมากจริงๆครับ ส่วน Taxi เขาจะทอนเงินตามมิเตอร์ทุกบาททุกสตางไม่มีขาด ถึงหน้าตา มารยาทจะดูโหดหิน แต่ไม่มีโกงเด็ดขาดครับ
ทีวีเกาหลีเองจะเน้นรายการตลกเบาสมองครับ พวกเกมโชว์ ละครทีวี ทั้งแบบปัจจุบันและ period แต่เกือบทั้งหมดจะต้องมีฮาครับ ฟังไม่ออกสักคำแต่จะมีเสียงฮาประกอบแบบ sit com ของฝรั่งอยู่ตลอดเวลาครับ
ตอนนี้เกาหลีเองอาศัยละครและภาพยนตร์พวกนี้ทำการตลาดเรียกนักท่องเที่ยวเต็มที่ เมืองไทยดูกระแสได้ที่ BP Pantip ครับ มีคนมาถามกันทุกวัน เท่าที่ทราบทัวร์จีนก็เข้าไปเยอะ คนญี่ปุ่นนี่ไม่ต้องพูดเลย เพราะเป็นนักท่องเที่ยวหลักของเขาอยู่แล้ว
เอาเป็นว่าพอสังเขปเท่านี้ครับ ผิดพลาดประการใดขออภัยไว้นะที่นี้เพราะเป็นประสบการณ์แบบจิ้มจุ่มเนื่องจากมีเวลาน้อยมากๆ อย่าได้เอาไปใช้อ้างอิงเชิงวิชาการเลย