เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 [2] 3
  พิมพ์  
อ่าน: 35199 ตามรอยอารยะธรรมโบราณ.....เล่าขานประวัติศาสตร์แห่งความเผ็ด...... พริก...เล็กดีแต่ร้อนแรง
Andreas
แขกเรือน
ชมพูพาน
***
ตอบ: 130


ความคิดเห็นที่ 15  เมื่อ 22 ก.พ. 06, 11:56

 เรียนผู้อ่านทุกท่านครับ

จริงๆแล้วผมก็พยายามจะโพสต์ทุกวันครับ...แต่วันนี้ผมกลับจากที่ทำงานช้ามากครับ เลยแปลเอกสารที่ปรินท์ออกมาแล้วไม่ทันครับ ..... แต่ก็พยายามอ่านและกลั่นกรองอยู่ครับ รับรองพรุ่งนี้ได้อ่านต่อแน่ครับ

การเขียนบทความครั้งนี้ค่อนข้างยากมากครับ เพราะต้องค้นคว้าและอ่านเอกสารจากหลายเวปมากครับ นอกจากนั้นผมพิมพ์ภาษาไทยได้เฉพาะเวลากลับมาที่บ้านเท่านั้นครับ เลยทำให้พิมพ์ช้ามาก (ทั้งๆที่แอบอ่านข้อมูลต่างๆที่ที่ทำงาน ตอนเวลาว่างครับ)

ต้องขอโทษด้วยนะครับ แต่ผมรับรองว่าไม่ทิ้งเรื่องนี้กลางคันแน่นอนครับ เพียงแต่อาจก้าวไปช้าๆหน่อย..... (ผมพยายามเดินตามรอยคุณเทาชมพู คือโพสต์ทุกวัน....แต่ช่วงนี้ยอมแพ้ครับ เพราะกลับบ้าน สองสามทุ่มทุกวันครับ)
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 16  เมื่อ 22 ก.พ. 06, 12:33

ไม่เป็นไรค่ะ   ตามสบาย
คนที่เข้ามาอ่าน หลายท่านก็ไม่ได้เข้ามาทุกวัน  หลายๆวันเข้ามาที
ก็จะได้ติดตามอ่านสบายๆ ไม่รีบร้อน
บันทึกการเข้า
Andreas
แขกเรือน
ชมพูพาน
***
ตอบ: 130


ความคิดเห็นที่ 17  เมื่อ 22 ก.พ. 06, 12:52

 ไหนๆก็ไหนแล้ว...ไม่อยากเสียความตั้งใจเดิมที่จะโพสต์วันละครั้ง....เลยต้องปั่นเอามาให้อ่านกันจนได้ครับ

**********

ผมเรียนไปตั้งแต่ตอนต้นแล้วว่า “มายา” ไม่สามารถรวมเป็นอาณาจักรใหญ่เดียวกันได้ ซึ่งจริงๆแล้วต้องเรียกภาพรวมของมายาว่า “จักรวรรดิมายา” มากกว่าครับ เพราะเอกสารทางโบราณคดีที่กล่าวถึงรูปแบบการปกครองของมายากล่าวว่า “จักรวรรดิมายา” ประกอบด้วยอาณาจักรใหญ่น้อยกระจัดกระจายอยู่บนที่ราบ Yucatan Peninsula และบริเวณอื่นๆ ทั้งที่ราบลุ่มและที่ราบสูงในอเมริกากลาง

ภายในอาณาจักรต่างๆยังประกอบด้วยเมืองหลวงและเมืองเล็กๆในเขตการปกครองที่มีจำนวนไม่มากนัก ส่วนใหญ่จะพบว่าหนึ่งอาณาจักรจะมีเพียงหนึ่งเมืองเท่านั้นซึ่งก็คือเมืองหลวงครับ ทั้งนี้ในแต่ละอาณาจักรก็มีชื่อเป็นของตนเอง โดยจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแต่ละอาณาจักรขึ้นอยู่กับราชวงศ์ที่ปกครองอยู่ครับ

วิธีสังเกตเมืองหลวงของอาณาจักรมายา ก็คือ บริเวณที่เป็นส่วนของพระราชวัง บ้านของชนชั้นปกครอง วิหาร และลานสำหรับทำพิธีกรรมตามความเชื่อนั่นเองครับ ถัดไปรอบๆ นั้นก็คือที่พักของชาวบ้านทั่วๆไป

แต่ละอาณาจักรของชาวมายาจะมีพระราชาปกครองอยู่ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชาย (น้อยมากที่บางครั้งจะมีพระราชินีปกครองครับ) การเป็นพระราชาปกครองเมืองจะใช้วิธีสืบทอดทางสายเลือดภายในวงศ์ตระกูล โดยที่พระราชาจะมอบบัลลังก์ให้กับลูกชายคนโตครับ เมื่อตอนที่ทายาทผู้สืบบัลลังก์เกิดขึ้นมา พระราชาจะต้องทำการบูชายันโดยการกรีดเลือดตนถวายแด่บรรพบุรุษ และหลังจากพระราชาสละบัลลังก์ให้กับทายาทแล้ว ผู้ที่จะเป็นพระราชาองค์ต่อไปต้องทำการบูชายันอีกครั้ง โดยการนำเชลยศึกมาเป็นเครื่องเซ่นต่อวิญญาณบรรพบุรุษ พิธีกรรมครั้งนี้สำคัญมากเพราะเป็นการประกาศความยิ่งใหญ่และเป็นการแสดงอำนาจของพระราชาต่อประชาชนชาวมายาทั่วไปด้วย หลังจากเสร็จสิ้นพิธีแล้วจึงสามารถเป็นพระราชาได้อย่างสมบูรณ์

(picture from: www.renatodorfman.com/ classic_mayan_art.htm)  
บันทึกการเข้า
Andreas
แขกเรือน
ชมพูพาน
***
ตอบ: 130


ความคิดเห็นที่ 18  เมื่อ 23 ก.พ. 06, 13:15

 อย่าเพิ่งบ่นว่า..พริก..หายไปไหนนะครับ.....เจ้าตัวเล็กนี่ กำลังจะมาแล้วครับ รอให้ผมเล่าเรื่องมายาให้จบก่อน...เจ้าพริกตัวเล็กก็จะพาท่านเดินทางไปต่อครับ.....

**********
เมื่อวานผมเล่าเรื่องรูปแบบการปกครองของจักรวรรดิมายาให้ฟังแล้วใช่มั้ยครับ วันนี้ผมจะมาเล่าเรื่องภาษาให้ฟังครับ

ตามความเข้าใจส่วนตัวของผมแล้ว (ไม่แน่ว่าจะถูกหรือเปล่าครับ) ผมเข้าใจว่า ภาษาเขียนคือดัชนีหนึ่งที่บ่งบอกความเจริญรุ่งเรืองของจักรวรรดิหรืออาณาจักรใดๆในโลกยุคเก่า นอกเหนือจากสถาปัตยกรรมที่แสดงถึงความสามารถในการก่อสร้าง รวมถึงความรู้ด้านคณิตศาสตร์และโหราศาสตร์  

มายาจัดเป็นจักรวรรดิที่เจริญรุ่งเรืองมากที่สุดในที่ราบอเมริกากลางในยุคเก่า ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะมีรูปแบบภาษาเขียนที่เป็นของตนเองครับ

ภาษาเขียนของชาวมายาเป็นอักษรภาพ หรือที่เรียกว่า Hieroglyphics แบบเดียวกับภาษาของอียิปต์โบราณครับ (จัดอยู่ในกลุ่มการเขียนแบบ Logographic) ซึ่งจะถ่ายทอดกันอยู่ในคนสองกลุ่มเท่านั้นคือ นักปกครองและนักบวชครับ โดยนักบวชจะเป็นทั้งผู้สอนหนังสือแก่นักปกครองรวมถึงทำหน้าที่จดบันทึกเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น รวมถึงข้อมูลต่างๆครับ

การจดบันทึกจะใช้วิธีแกะสลักบ้างรวมถึงการเขียนด้วยหมึกสีดำและเน้นด้วยสีแดงแบบทำไฮไลท์ลงบนหินหรือเปลือกไม้ นอกจากจดบันทึกตามวัสดุทั่วไปแล้วชาวมายยังผลิตคัมภีร์เพื่อบันทึกเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นลงไปอีกด้วย ซึ่งลักษณะของคัมภีร์จะเป็นเปลือกไม้ พับและผูกติดกันเป็นเล่ม  เรียกว่า Codex แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า เพราะอากาศที่ร้อนและชื้น คัมภีร์ต่างๆจึงสูญสลายไปเกือบทั้งหมด โดยหลงเหลืออยู่เพียงไม่กี่เล่มเท่านั้น

ในปัจจุบันคัมภีร์ที่เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางเพราะสามารถรอดจากการถูกทำลายโดยทั้งธรรมชาติและช่วงที่ถูกยึดครองโดยเสปน คือ  The Dresden Codex, The Madud Codex, The Paris Codex, The Grolier Codex

รูปที่ผมเอามาให้ดูนี่คือ คัมภีร์ที่เรียกว่า Paris Codex ครับ

(Picture from: www.crystalinks.com/ mayanwriting.html)  
บันทึกการเข้า
Andreas
แขกเรือน
ชมพูพาน
***
ตอบ: 130


ความคิดเห็นที่ 19  เมื่อ 26 ก.พ. 06, 13:13

 ศิลปะของชาวมายาจะสะท้อนให้เห็นถึงชีวิตความเป็นอยู่ของตนเอง โดยผ่านทางภาพเขียนบนแผ่นกระดาษ การแกะสลักลงบนไม้และแผ่นหิน ตลอดจนการปั้นดินเหนียว ถึงจะมีทั้งแบบที่เรียบง่ายและแบบที่มีความประณีตบรรจงงดงาม  
บันทึกการเข้า
Andreas
แขกเรือน
ชมพูพาน
***
ตอบ: 130


ความคิดเห็นที่ 20  เมื่อ 26 ก.พ. 06, 13:20

 ชาวมายามีการติดต่อซื้อขายกันระหว่างอาณาจักรเล็กๆ โดยอาณาจักรที่อยู่บนที่สูง High Land Maya จะต้องซื้อผลผลิตทางการเกษตรจากอาณาจักรที่อยู่ในที่ราบต่ำ Low Land Maya เพราะบนที่ราบสูงไม่มีน้ำเพียงพอสำหรับการทำการเกษตรครับ โดยสิ่งของที่ใช้ในการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าคือ พลอยและหยกที่มีอยู่ทั่วไปบนภูเขานั่นเอง ซึ่งชาวมายาในที่สูงมีไว้ในครอบครอง  
บันทึกการเข้า
Andreas
แขกเรือน
ชมพูพาน
***
ตอบ: 130


ความคิดเห็นที่ 21  เมื่อ 26 ก.พ. 06, 13:31

 นอกเหนือจากศิลปะชิ้นเล็กชิ้นน้อย เช่นภาพเขียน สิ่งแกะสลักต่างๆ รวมถึงเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ แล้ว  สถาปัตยกรรมของชาวมายาก็ถือเป็นศิลปกรรมชั้นยอดที่สร้างขึ้นในช่วงยุครุ่งเรืองของจักรวรรดิ โดยแสดงออกมาในรูปของการก่อสร้างปิรามิด วิหาร พระราชวัง ตลอดจนรูปแบบการวางผังเมืองที่เป็นเอกลักษณ์สอดคล้องไปกับธรรมชาติรอบๆตัว ซึ่งมีความงดงามและน่าเกรงขามมากครับ  
บันทึกการเข้า
Andreas
แขกเรือน
ชมพูพาน
***
ตอบ: 130


ความคิดเห็นที่ 22  เมื่อ 26 ก.พ. 06, 13:58

 ถ้าถามผมว่ามายายิ่งใหญ่ขนาดไหน....ผมว่าคงต้องตอบว่าประมาณอาณาจักรขอมโบราณมั้งครับ...หรือท่านผู้อ่านเห็นว่าอย่างไรครับ

สิ่งที่เหมือนกันของอาณาจักรโบราณทุกๆแห่งคือ เมื่อมีการเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุดแล้วก็จะเริ่มเสื่อมลงและล่มสลายไปในที่สุด ............มายาก็เช่นกันครับ

นักโบราณคดีสันนิษฐานว่าจักรวรรดิมายาเริ่มล่มสลายในช่วงยุคที่สามครับ คือยุค Post-Classic ซึ่งอยู่ในช่วงคริสต์ศักราชที่ 900 จนถึง คริสต์ศักราชที่ 1,500 เหตุผลของการเสื่อมอำนาจของจักรวรรดิมายามีหลายสาเหตุครับ ทั้งเรื่องการทำสงครามระหว่างอาณาจักร การแก่งแย่งทรัพยากรธรรมชาติ ความแห้งแล้งและขาดแคลนน้ำจึงทำให้ทำเกษตรกรรมไม่ได้ รวมถึงการสิ้นสุดของราชวงศ์ที่ปกครองอาณาจักรต่างๆ

นอกจากนั้นนักโบราณคดีบางกลุ่มยังให้เหตุผลเรื่องการเสื่อมอำนาจของอาณาจักรมายา เพราะเหตุการณ์แผ่นดินไหว หรือภูเขาไฟระเบิดอีกด้วยครับ

การเสื่อมอำนาจของจักรวรรดิมายาดำเนินไปอย่างช้าๆ และบางครั้งก็มีการกอบกู้ความรุ่งเรื่องขึ้นมา แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ประสบความสำเร็จ.... อาณาจักรเล็กๆ เริ่มลดหายไป เหลือแต่อาณาจักรใหญ่ๆ เพียงไม่กี่อาณาจักร จนกระทั่งถูกรุกรานจากชาวเสปนในยุคล่าอาณานิคมครับ

อาณาจักรสุดท้ายที่ต่อสู้กับกองกำลังของเสปนก่อนจะพ่ายแพ้ไปในที่สุดคือ อาณาจักร Itza ซึ่งถูกครอบครองอย่างสมบูรณ์โดยเสปนเมื่อปี ค.ศ. 1697  
บันทึกการเข้า
Andreas
แขกเรือน
ชมพูพาน
***
ตอบ: 130


ความคิดเห็นที่ 23  เมื่อ 26 ก.พ. 06, 14:13

 เป็นที่น่าแปลกว่า.....ชาวมายาปลูกพริกและบริโภคพริกอยู่เป็นประจำเป็นพันๆปี แต่มิได้ประยุกต์เอาพริกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมครับ..... เป็นชาว Atzec ต่างหากที่ประยุกต์เอาพริกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในวัฒนธรรมของตน เช่นการใช้พริกเพื่อบูชาพระเจ้ากระหายเลือด (อีกอย่างหนึ่งคือ sex ครับ ที่ใช้สำหรับบูชาพระเจ้าองค์นี้)  เป็นต้นครับ

คราวหน้าเจ้าตัวเล็กแต่ร้อนแรง...จะพาท่านผู้อ่านไปรู้จักชาว Aztec ครับ....แต่คงเป็นแบบคร่าวๆ แล้วแต่ความพอใจของผู้เขียนครับ ......ha ha ha ha ha
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 24  เมื่อ 08 มี.ค. 06, 19:49

 คุณ Andreas หายไปไหนเอ่ย  
มาใส่ค.ห.ไม่ให้กระทู้ตกไปเร็วนักค่ะ  
บันทึกการเข้า
ต้นกล้าเป็นspy
อสุรผัด
*
ตอบ: 25

โรงเรียนแก่นนครวิทยาลัยครับ


ความคิดเห็นที่ 25  เมื่อ 08 มี.ค. 06, 22:40

 ว้าว การเดินทางของพริก
บันทึกการเข้า
Andreas
แขกเรือน
ชมพูพาน
***
ตอบ: 130


ความคิดเห็นที่ 26  เมื่อ 09 มี.ค. 06, 10:13

 ขอบพระคุณคุณเทาชมพูครับ ที่กรุณาช่วยดันกระทู้ไม่ให้ตกลงไปครับ...

ต้องขอโทษด้วยครับที่หายหน้าไปหลายวันครับ...เนื่องจากงานประจำที่ทำอยู่รัดตัวมากครับ..ต้องเดินทางไปประชุมนอกสถานที่บ่อยๆในหลายวันที่ผ่านมา..รวมถึงมีของแถมคือต้องดูแลนักศึกษาปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยที่นี่สองคน ให้พวกเขาเขียน proposal ขอทุนได้สำเร็จครับ....

ด้วยเหตุผลดังกล่าวเลยต้องพักการค้นคว้าข้อมูลเรื่อง Aztec ไว้ก่อนครับ...แต่ช่วงนี้พอดีลืมตาอ้าปากได้บ้างเลยเข้ามาตอบคุณเทาชมพูได้ครับ... ผมคาดว่าเสาร์อาทิตย์นี้น่าจะได้อ่านเรื่องราวต่อไปที่เจ้าพริกตัวเล็กไปผูกพันครับ....

แอบรู้สึกผิดและเกร็งเล็กน้อยน่ะครับ เพราะเห็นกระทู้ตัวเองกลายเป็นกระทู้แนะนำไปเสียแล้ว....ที่รู้สึกผิดก็เพราะไม่ได้อัพเดทข้อมูลเสียหลายวัน...กลัวท่านผู้อ่านจะผิดหวังเอาครับ...แล้วก็ไม่กล้าแปลแบบลวกๆหรือแบบขอไปทีเพื่อจะได้เอามาโพสต์ให้ท่านผู้อ่าน อ่านกันทุกวัน....สำหรับผมแล้ว ถ้าทำไม่ดี สู้ไม่ทำเลยดีกว่าครับ..รอให้พร้อมแล้วค่อยทำ..นั่นคือเหตุผลที่หยุดพักไปเสียหลายวันครับ

ส่วนเหตุผลที่เกร็ง...ก็เพราะตอนแรกอยากเขียนสนุกๆเท่านั้นเองครับ....ตั้งใจจะตอบแทนคุณเทาชมพูที่อุตสาห์เสียสละเวลานำความรู้ต่างๆมาฝากพวกเราตั้งเยอะ...ผมไม่มีดอกไม้มามอบให้..ไม่มีโอกาสไปร่วมงานเลี้ยงของเรือนไทย...ไม่มีโอกาสตอบแทนคุณเทาชมพูด้วยสิ่งของ...ดังนั้นวิธีเดียวที่ผมทำได้คือ เดินตามรอยเท้าของคุณเทาชมพู...ครูผู้ให้...โดยกลายเป็นฝ่ายที่ให้ความรู้แทนคุณครูบ้างเป็นครั้งคราวครับ

พอหลังจากกระทู้กลายเป็นกระทู้แนะนำก็เกร็งเพราะว่า.... กลัวงานของตนเองจะไม่ดีพอที่กลายเป็นกระทู้แนะนำ...กลัวขายหน้าเรือนไทยเสียเปล่าๆ.... เก็บไว้หลังบ้าน..หรือไต้ถุนเรือน แค่นี้ผมก็ภูมิใจที่สุดแล้วครับ

ผมมิใช่นักภาษาศาสตร์..นักโบราณคดี หรือศิลปินนักเขียน...ผมเป็นนักวิทยาศาสตร์...สมองซีกที่ผมใช้เป็นประจำมันคนละส่วนกับทางศิลปะและภาษา....ผมก็เลยออกจะกลัวว่า สิ่งที่ผมกำลังทำอยู่...เช่นการเรียบเรียงเรื่องราวเรื่องเจ้าพริกตัวน้อยนี้..มันจะไม่ดีพอก็เท่านั้นเองครับ

อย่างไรก็ตามครับ...ผมจะพยายามทำให้ดีที่สุด..แต่อาจจะเดินไปช้าๆหน่อยครับ เพราะต้องค้นคว้ามากหน่อยครับ.... ถ้าคุณเทาชมพูลำบากใจหรือท่านผู้อ่านเห็นว่าไม่สมควรเป็นกระทู้แนะนำ..ก็เชิญปลดลงไปเก็บไว้ใต้ถุนเรือนตามเดิมนะครับ....

แล้วเจอกันช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ครับ
บันทึกการเข้า
Andreas
แขกเรือน
ชมพูพาน
***
ตอบ: 130


ความคิดเห็นที่ 27  เมื่อ 13 มี.ค. 06, 10:18

 มาต่อแล้วครับ....หวังว่าคงไม่หาว่าผมผิดสัญญานะครับ...ตอนนี้ยังเป็นวันอาทิตย์ในเวลาของผมอยู่ครับ

ชาว Aztec จัดเป็นกลุ่มผู้อพยพกลุ่มใหญ่ที่อพยพมาจากทางตอนเหนือของอเมริกา เดินทางมาเรื่อยๆ จนมาถึงบริเวณที่ราบลุ่มใน Central Mexico  เมื่อประมาณศริสต์ศักราชที่ 12-13 จึงได้หยุดการอพยพและตัดสินใจตั้งถิ่นฐาน ก่อร่างสร้างเมืองบนเกาะกลางทะเลสาบ Texcoco  (ปัจจุบันอยู่ในเมือง Mexico City) โดยมีเมืองหลวงของอาณาจักรชื่อว่า Tenochtitlan และมีช่วงอายุของความรุ่งเรืองทางวัฒนธรรมนับตั้งแต่ศริสต์ศักราชที่ 13 จนถึง 16 ครับ

เมื่อเอา Axtec ไปเปรียบกับ Maya ก็จะพบว่า Aztec เกิดที่หลัง Maya ถึงพันกว่าปีเลยทีเดียวครับ.. และถ้าพิจารณาอาณาเขตของอาณาจักร...ท่านผู้อ่านพอจะจำได้มั้ยครับว่า Maya รุ่งเรืองที่บริเวณใด......ถ้าจำไม่ได้ผมก็จะบอกอีกครั้งว่า Maya อยู่บริเวณ Yucatan Peninsula ครับ (แหลมที่ยื่นออกไปในอ่าวเม็กซิโกในแผนที่ที่ผมเอามาให้ดูข้างล่างครับ) ...  แต่ Aztec นี่จะตั้งอยู่ทางตอนเหนือขึ้นไปอีก (บริเวณ Mexico City)เรียกง่ายๆคือ อยู่ชายแดนไกลๆของอาณาจักรมายาครับ

Picture from: http://edition.cnn.com/2000/WORLD/americas/03/31/mexico.time.change/map.mexico.mexico.city.jpg  
บันทึกการเข้า
Andreas
แขกเรือน
ชมพูพาน
***
ตอบ: 130


ความคิดเห็นที่ 28  เมื่อ 13 มี.ค. 06, 10:40


เอาภาพเมืองหลวงมาให้ดูครับ.....จัดเป็นเมืองเกาะกลางน้ำที่มีการวางผังเมืองได้สวยงามมากครับ....ดูๆไปก็คล้ายๆกับมายาเหมือนกันครับ

Picture from: http://www.mcah.columbia.edu/dbcourses/riseofciv/large/TENOCHTITLAN.jpg  
บันทึกการเข้า
Andreas
แขกเรือน
ชมพูพาน
***
ตอบ: 130


ความคิดเห็นที่ 29  เมื่อ 13 มี.ค. 06, 12:30

ชาวAztec เป็นกลุ่มอารยชนที่ฉลาดมากครับ...สามารถพลิกพื้นแผ่นดินที่ไม่มีใครเหลียวแล......แผ่นดินที่ถูกเรียกว่าเป็น poor land ของชนกลุ่มอื่นๆ ให้กลายเป็นแผ่นดินทอง...กลายเป็นแผ่นดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ สามารถสร้างเมืองและทำเกษตรกรรม การเลี้ยงสัตว์ และการประมงได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ

นอกเหนือจากความชาญฉลาดแล้ว..ชาว Aztec ดูเหมือนว่าจะโหดร้ายอยู่ซักหน่อยครับ เพราะนิยมการบูชายันต์โดยใช้มนุษย์เป็นเครื่องสังเวยต่อเทพเจ้า (Human Sacrifices) แม้ว่าชาวมายาและชาวอินคาจะกระทำบ้าง แต่ไม่ถือว่าเป็นกิจวัตรหรือแพร่หลายแบบชาว Aztec

หลักฐานทางโบราณคดีและข้อมูลที่เก็บรวบรวมได้บ่งชี้กรณีการสังเวยครั้งใหญ่คือเมื่อตอนการเฉลิมฉลอง Great Pyramid of Tenochtitlan ในปี ค.ศ.1487 โดยชาว Aztect อ้างว่าพวกเขาได้สังเวยเชลยถึง 84,400 คน ในช่วงเวลาสี่วัน (ในช่วงนั้นชาว Aztec ที่อาศัยอยู่ในเมืองหลวงมีทั้งสิ้นประมาณ 80,000 ถึง 120,000 คนเท่านั้น) เรียกได้ว่าฆ่าเชลยที่จับมาได้เกือบเท่ากับจำนวนประชากรของตนเลยทีเดียวครับ

ผมเอารูปปีรามิดใจกลางเมืองของชาว Aztec มาให้ดูครับ ลองทายกันซิครับว่าอันไหนเป็น The great pyramid

Picture From: http://www.geocities.com/stefan_azteken/tenochtitlan/tenochtitlan.htm  
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2] 3
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.076 วินาที กับ 19 คำสั่ง