เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 [2]
  พิมพ์  
อ่าน: 5873 พระสิทธัตถะศักดินาฝ่ายชนชั้นกรรมาชีพ
Nuchana
สุครีพ
******
ตอบ: 979


ความคิดเห็นที่ 15  เมื่อ 20 ก.พ. 06, 10:14

 ไว้วันหลังค่อยเฉลยก็ได้ค่ะ ขอถามก่อนว่าศาสนาพุทธเกิดในประเทศเนปาล/อินเดีย
แต่ทำไมศาสนานี้จึงมีอิทธิพลไม่มากเท่าไรในชมพูทวีป กลับมี impact มากใน SEA
บันทึกการเข้า
HotChoc
มัจฉานุ
**
ตอบ: 62


ความคิดเห็นที่ 16  เมื่อ 20 ก.พ. 06, 22:15

 เห็นด้วยครับว่าบทความนี้พยายามยัดเยียดให้เจ้าชายสิทธัตถะเป็นคาร์ลมาร์กซ์ยุคโบราณ เผอิญว่าหลักคำสอนของพระองค์ไม่แบ่งแยกวรรณะอยู่แล้ว เลยถูกตู่เอาว่าเป็นการพยายามทำลายระบบวรรณะได้ง่ายๆ

แต่เรื่องที่ทางพราหมณ์ลุกขึ้นมาต่อต้านก็อาจจะจริงนะครับ แต่คงไม่ถึงกับลอบสังหารด้วยยาพิษล่ะมั้ง เคยได้ยินว่าหลังจากพระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพาน ทางฮินดูก็กลืนพุทธไป เห็นว่าสอนกันว่าพระพุทธเจ้าเป็นปางหนึ่งของพระนารายณ์น่ะครับ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 17  เมื่อ 21 ก.พ. 06, 21:12

 ขอบคุณคุณHotChoc ที่แวะเข้ามาช่วยอธิบายค่ะ
พระพุทธเจ้าไม่แบ่งชนชั้นวรรณะ   เพราะมนุษย์ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะหลุดพ้นจากสังสารวัฏได้เช่นกัน
ไม่เลือกว่าต้องอยู่ในวรรณะนั้น  ส่วนวรรณะนี้ไม่มีสิทธิ์
พระสงฆ์ในพุทธศาสนาก็มาจากทุกวรรณะ

กลับมาเรื่องเดิม
ความพยายามบรรลุถึงการพ้นทุกข์ทำกันมามากแล้วก่อนพุทธกาล
หรือแม้แต่สมัยพุทธกาลก็มีลัทธิและศาสนาอื่นอีกหลายแห่งที่มีจุดมุ่งหมายเหมือนกัน

แต่สัจจธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ ก็คือ อริยสัจจ์ ๔  คือความจริงอันประเสริฐ ๔ อย่าง

เรียงลำดับได้ตามนี้
๑) ทุกข์  ได้แต่ความทรมาน ลำบาก เจ็บปวดกายและใจซึ่งมนุษย์ทุกคนต้องประสบ พระพุทธเจ้าได้ตรัสถึงความทุกข์ไว้ 10 ประการคือ
- สภาวทุกข์ คือทุกข์ที่มีประจำในสสารทุกประเภท คือทุกข์เพราะการเกิด แก่ เจ็บ และตาย
- ปกิณณทุกข์ คือทุกข์ที่ประสบเป็นครั้งคราว เช่น ความเศร้าโศกเสียใจ ความเจ็บปวด
- นิพัทธทุกข์ คือทุกข์ที่เกิดประจำวัน คือร้อน หนาว หิวกระหาย เป็นต้น
-พยาธิทุกข์หรือทุกขเวทนา เช่น มีโรคภัยเบียดเบียน
- สันตาปทุกช์ คือทุกข์ที่เกิดจากความเร่าร้อน เพราะราคะ โทสะ และโมหะ
- วิบากทุกข์ คือทุกข์เพราะถูกลงอาญา ถูกลงโทษจากภัยพิบัติต่าง ๆ
- สหตคทุกข์ คือทุกข์ที่มาพร้อมกับความสุข เช่น มียศก็มีเสื่อมได้
-อาหารปริเยฏฐิทุกข์หรืออาชีวทุกข์ คือทุกช์ที่เกิดเพราะการหาเลี้ยงชีพ
- วิวาทมูลทุกข์ คือทุกข์ที่เกิดจากการทะเลาะวิาท ชกต่อยกัน
- ทุกขขันธ์ คือทุกข์รวมยอด ได้แก่ทุกข์เพราะการยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ 5 (รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)

๒) สมุทัย  คือสาเหตุให้เกิดทุกข์  ได้แก่ตัณหาหรือความอยาก  3 ประการคือ
- กามตัณหา คือความอยากหรือต้องการในกามคุณ ได้แก่ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสและธรรมรมณ์ ได้แก่ ความรัก ความใคร่ ความชอบใจ ความปรารถนา เป็นต้น
- ภวตัณหา คือ ความกระหายอยากเป็น เช่นอยากมีเงินทอง ชื่อเสียงและเกียรติยศมาก ๆ
-วิภวตัณหา คือความรังเกียจไม่อยากเป็น เช่น ไม่อยากจน ไม่อยากเจ็บป่วย ไม่อยากแก่ ไม่อยากตาย

๓) นิโรธ แปลว่าดับ ได้แก่การดับเชื้อที่ก่อให้เกิดทุกข์ ซึ่งได้แก่ตัณหาต่าง ๆ โดยอาศัยการบำเพ็ญคุณธรรมให้สูงขึ้น  
ละกิเลสลงไปได้ตามลำดับ จนถึงสุดท้ายคือตัดกิเลสโดยสิ้นเชิง บรรลุพระอรหันต์

๔)  มรรค  คือ หนทางที่นำไปสู่การดับกิเลส   คือการปฏิบัติตัวให้ถึงความดับทุกข์ได้สิ้นเชิง
เป็นทางสายกลาง ไม่หย่อนหรือตึงจนเกินไป  มี ๘ อย่างด้วยกัน
ประกอบด้วย
1. สัมมาทิฏฐิ -  ความเห็นถูกต้องตามความเป็นจริง เห็นว่าอะไรคือทุกข์ อะไรคือเหตุแห่งทุกข์ สภาวะเช่นใดคือความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ วิธีการใดคือทางปฏิบัติเพื่อความดับไม่เหลือแห่งทุกข์
2. สัมมาสังกัปปะ - ดำริชอบ คือ ดำริในการออกจากความลุ่มหลงทางโลก ออกจากความพยาบาท ออกจากความเบียดเบียนผู้อื่น
3. สัมมาวาจา - วาจาชอบ คือ งดเว้นจากการพูดปด พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ
4. สัมมากัมมันตะ - การงานชอบ หรือ ประพฤติชอบ (ทางกาย) คือ เว้นจากการฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม
5. สัมมาอาชีวะ - เลี้ยงชีพชอบ คือ การประกอบอาชีพที่สุจริต ไม่ผิดศีลธรรม
6. สัมมาวายามะ - ความเพียรชอบ คือ
    1.) เพียรระวังบาปที่ยังไม่เกิด มิให้เกิดขึ้น
    2.) เพียรละบาปที่เกิดขึ้นแล้ว
    3.) เพียรทำกุศลที่ยังไม่เกิด ให้เกิดขึ้น
    4.) เพียรรักษากุศลที่เกิดขึ้นแล้ว ให้มั่นคงต่อไป
7. สัมมาสติ - มีสติรับรู้ได้ถูกต้อง คือ รู้ความเป็นไปของกาย เวทนา จิต และธรรม
8. สัมมาสมาธิ - ตั้งใจมั่นในทางที่ควรทำ ได้แก่ แน่วแน่มั่นคงเพื่อการกำจัดกิเลส
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 18  เมื่อ 21 ก.พ. 06, 21:17

 เรื่องพระพุทธเจ้าทรงถูกสารหนู( บอกเป็นนัยว่าเป็นการวางยาพิษ ) ก็ไม่ตรงกับพระไตรปิฎก  ไม่ทราบว่าเจ้าของบทความอ้างจากไหน
พระไตรปิฎกกล่าวว่าเสวยอาหารที่ประกอบด้วย สุกรมัทวะ เข้าไป
แต่อาหารชนิดนี้เป็นอะไรกันแน่ก็ยังเถียงกันอยู่   บางท่านว่าเป็นเนื้อหมู  บางท่านว่าเป็นเห็ดชนิดหนึ่งที่หมูชอบกิน
หลังจากนั้นอาการอาพาธกำเริบขึ้น    ประชวรหนักและเสด็จปรินิพพาน
ก็ไม่เห็นมีตรงไหนบอกว่าเป็นสารหนู    
ถ้าหากว่าเป็น  กษัตริย์ทั้งหลายที่ทรงนับถือพุทธศาสนา ก็คงไม่ยอมให้เรื่องเงียบหายไปง่ายๆ  
คงจะต้องมีการไต่สวนซักฟอกกันเป็นการใหญ่จนกว่าจะหาตัวต้นเหตุได้
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 19  เมื่อ 23 ก.พ. 06, 11:01

 แหล่งที่มา
 http://www.84000.org/true/524.html
http://www.thai-folksy.com/ELearning/Religion/13-01-Hindu.htm
http://www.google.co.th  ค้นคำว่า  โมกษะ
 http://www.stjohn.ac.th/University/Press/India/India.html  
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.05 วินาที กับ 19 คำสั่ง