vun
|
 กรณี บ้านพระยาสาทร ที่เห็นสมัยก่อนมีกรณีพิพาศกันว่าจะทุบหรือไม่ทุบ เพิ่งได้ทราบข่าวมาว่าขึ้นทะเบียนโบราณสถานของชาติไปแล้ว เลยรอดจากการถูกทำลายไป
อยากทราบว่าขณะนี้ได้รับการบูรณะอะใรหรือยังครับ
และอยากทราบข้อมูลเกี่ยวกับบ้านพระน้ำพระยาพอสังเขปเท่าที่พวกท่านทราบก็ช่วยมาโพสถ์ลงหน่อยครับเพราะในอินเตอร์เน็ตปราศจากขอมูลเลยครับ
อย่างเช่น บ้านสุริยานุวัฒน์ บ้านพิบูลธรรม หรือบ้านพระยาท่านอื่นๆที่ถูกลืมไร้การบูรณะ มีภาพประกอบได้ยิ่งดีครับ |
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Nuchana
|
ความคิดเห็นที่ 1 เมื่อ 05 ก.พ. 06, 10:30
|
|
อย่างใร, อะใร...... ใช้ไม้มาลัย พิพาศ...................พิพาท
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
vun
|
ความคิดเห็นที่ 2 เมื่อ 05 ก.พ. 06, 13:35
|
|
พิมพ์ผิดนิดหน่อยครับ ขออภัย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 3 เมื่อ 05 ก.พ. 06, 19:14
|
|
ชื่อที่ถูกต้องคือหลวงสาทรราชายุกต์ (ยม พิศลยบุตร)ค่ะ ไม่ใช่พระยาสาทร
ถ้าคุณมาจากยมราช ข้ามสะพานลอยตรงไปทางถนนเพชรบุรี ก่อนถึงทางเลี้ยวไปเจริญผล คุณจะเห็นตึกเก่าแก่หลังหนึ่งทางขวามือ ถูกบังด้วยต้นไม้ใหญ่เกือบมิด แต่ก็พอมองเห็นได้จากถนน เป็นตึกสวยมาก ก่ออิฐถือปูน ฉาบสีส้ม ด้านหน้ามีมุขแปดเหลี่ยมยื่นออกมา หน้าต่างยาวจดพื้นกั้นด้วยลูกกรงปูนปั้น เช่องโค้งบนผนัง เดิมเป็นบ้านพระยาพรหมทัตศรีพิลาส ต่อมาตกเป็นสมบัติของคุณหญิงฉลวย สุทธิอรรถนฤมนตรี แต่ไม่ทราบว่าเจ้าของปัจจุบันคือใคร เหตุใดจึงทิ้งบ้านไว้ในสภาพปิดร้าง สถาปนิกผู้ออกแบบคือพระสาโรชรัตนนิมมานก์
อีกแห่งหนึ่งอยู่ที่ถนนคอนแวนต์ ค่อนไปทางถนนสาทร อยู่ทางขวามือเลยสำนักชีมืด ปัจจุบันทำเป็นร้านอาหาร มี 2 หลัง หลังแรกเป็นตึก หลังที่ลึกเข้าไปเป็นบ้านไม้ 3 ชั้น แบบยุโรป หลังคาซ้อน 2 ชั้น ทำด้วยไม้สักทั้งหลัง ตีฝาไม้ทางนอนซ้อนเกล็ด เป็นการประยุกต์บ้านแบบยุโรปเข้ากับอากาศเมืองร้อนแบบไทยๆ เดิมเป็นบ้านคุณหญิงถนิม ณ เชียงใหม่ ภรรยาเจ้ากาวิละวงศ์ เมื่อถึงแก่กรรม ทายาทได้ขายให้คุณเล็ก ภรรยาหลวงชาติตระการโกศล อดีตอธิบดีกรมตำรวจ ปัจจุบันมีผู้มาเช่าทำร้านอาหาร ผู้ออกแบบคือหลวงบุรกรรมโกวิท
บ้านทั้งสองหลังเป็นสถาปัตยกรรมรุ่นปลายรัชกาลที่ 6 หรือไม่ก็รัชกาลที่ 7 ซึ่งหายากขึ้นทุกที ควรจะหาโอกาสไปดูถ้ามีเวลา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Nuchana
|
ความคิดเห็นที่ 4 เมื่อ 06 ก.พ. 06, 00:00
|
|
หลวงสาทรราชายุตก์ (ยม) กรมท่าซ้าย เกิดเมื่อ พ.ศ.2400 ภรรยาชื่อริ้ว เป็นบุตรพระยาพิสณฑ์- สมบัติบริบูรณ์ (เจ้าสัวยิ้ม) และ (ขรัวยาย) ปราง มาจากสกุลสมบัติศิริ (หลวงสาทรฯ เป็นน้องของ เจ้าจอมมารดาอ่วม และพี่ของเจ้าจอมมารดาเอม ในรัชกาลที่ 5) ได้รับพระราชทานเบี้ยหวัดปีละ 1 ชั่ง ป่วยเป็นอหิวาตกโรคมาตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน ร.ศ.114 ได้หาหมอฝรั่งมารักษา อาการหาคลายไม่ จึงเปลี่ยนให้หมอพุดเชลยศักดิ์รักษา อาการทรุดหนักลง รุ่งขึ้นวันที่ 1 พฤษภาคม หลวงสาทรฯ ถึงแก่กรรม อายุได้ 38 ปี พระราชทานน้ำอาบศพ หีบเชิงชายเป็นเกียรติยศ
พระยาพิสณฑ์สมบัติบริบูรณ์ (เจ้าสัวยิ้ม) เป็นผู้ขุดคลองภาษีเจริญ และเจ้าของเรือเมล์ไปสิงคโปร์ เมื่อเจ้าสัวยิ้มถึงแก่กรรม นายยมได้สืบต่องานขุดคลอง และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งกอมปนีขุดคลองแลคูนามสยาม และเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการจากรัชกาลที่ 5 ในการจัดหาสิ่งของต่างๆ สำหรับใช้ในการก่อสร้าง พระราชวังบางปะอิน จนเมื่อการก่อสร้างสำเร็จลงแล้ว ก็ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์และราชทินนามว่า หลวงสาทรราชายุตต์
กิจการอื่นๆที่เจ้าสัวยมทำต่อจากบิดาคือการเดินเรือ การรับจ้างขนสินค้าจากแม่น้ำเจ้าพระยาไปยังเกาะสีชัง และจากเกาะสีชังไปสิงคโปร์ การค้ากับเมืองจีนโดยสั่งสินค้าจำพวกเครื่องมุก ลายคราม กระดาษฟาง เข้ามาขาย แต่เจ้าสัวยมถึงแก่กรรมเมื่ออายุเพียง 30 ปีเศษในขณะลูกๆ ยังมีอายุน้อย กิจการทั้งหมด จึงตกอยู่ภายใต้การดูแลของ นายถมยา หรือ หลวงจิตรจำนงวานิช บุตรเขยที่มาแต่งงานกับนางสาวแช่ม ธิดาคนโตของหลวงสาทร
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Nuchana
|
ความคิดเห็นที่ 5 เมื่อ 06 ก.พ. 06, 00:05
|
|
เมื่อหลวงจิตรจำนงวานิช ต้นสกุล รงควนิช เข้ามาสืบทอดกิจการแล้วก็ได้คิดลงทุนทำกิจการโรงสี
ตามแบบเจ้าสัวอื่นๆ นางแช่มเป็นเจ้าของนาหลายพันไร่ แถวรังสิต มีเรือขนข้าวเป็นของตระกูล
หลวงจิตรจำนงวานิช จึงคิดทำโรงสีซึ่งมีเกือบ 10 โรง ในระยะแรก กิจการประสบความสำเร็จมาก
โรงสีข้าวต้องทำงานทั้งกลางวันและกลางคืน และความต้องการกรรมกรของโรงสีมีมากถึงขนาด
ต้องเอาเรือของห้างไปรับกรรมกรถึงเกาะไหหลำเป็นประจำเลยทีเดียว
จากนี้ หลวงจิตรจำนงก็เพิ่มกิจการทำโรงงานทำอิฐ ซื้อที่ดิน สนับสนุนให้มีการจัดตั้งธนาคารจีน-สยาม
สนับสนุนบริษัทเดินเรือจีนสยาม และคิดทำการค้าข้าวใหญ่โต หลวงจิตรจำนงนับเป็นพ่อค้าข้าวคนแรก
ที่บุกเบิกตลาดข้าวไทยในยุโรป แต่การทำธุรกิจค้าข้าวทำได้ไม่นานก็เกิดปัญหาเนื่องจากค้าผ่านเอเยนต์
ซึ่งต้องทำสัญญาขายข้าวกันล่วงหน้าด้วยระยะเวลาที่นานเกินไป
ช่วง พ.ศ.2453 หลวงจิตรจำนงซึ่งเคยมีฐานะมั่งคั่งและมีชื่อเสียงในระดับแนวหน้าของวงการ กลับกลายเป็น
ลูกหนี้คนสำคัญ มีหนี้สินต้องจ่ายให้แก่แหล่งเงินต่างๆเช่นพระคลังข้างที่ ธนาคารจีนสยาม ฯลฯ
รวมกันแล้วถึงล้านกว่าบาท และแล้วกิจการของหลวงจิตรจำนงก็ต้องถึงแก่ 'ล้มละลาย'
ทรัพย์สินของหลวงจิตรจำนงที่จำนองไว้กับพระคลังข้างที่คือโรงสี 2 โรง ที่ดินและบ้านอันโอ่อ่า
ณ ถนนสาทร (ต่อมากลายเป็นสถานทูตรัสเซีย) ตลอดจนทรัพย์สินต้างๆ ของตระกูลพิศลยบุตร
ต้องพลอยสูญสิ้นไปกับการล้มละลายครั้งนี้เอง
(เนชั่น 11-17 พ.ย. 45)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Nuchana
|
ความคิดเห็นที่ 6 เมื่อ 06 ก.พ. 06, 00:13
|
|
เอ...สับสนหน่อยค่ะ หลังนี้ไม่ใช่ที่อยู่แถวสาทร ตัดนราธิวาสฯ เหรอคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Nuchana
|
ความคิดเห็นที่ 7 เมื่อ 06 ก.พ. 06, 10:55
|
|
 Luang Sathorn Mansion/Russian Embassy Site ประวัติการขุดคลองสายต่างๆของหลวงสาทรในมือมียาวเหยียด ขอเวลาอ่านยามว่างก่อนค่ะ แต่กังขาในอีกประเด็นหนึ่ง หลวงสาทรถึงแก่กรรมในปี พ.ศ 2438 แต่อาคารหลังนี้สร้างราวปี พ.ศ. 2457 แล้วจะเรียกว่า "คฤหาสน์หลวงสาทร" ได้อย่างไรคะ |
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Nuchana
|
ความคิดเห็นที่ 8 เมื่อ 06 ก.พ. 06, 11:02
|
|
 ตึกใหญ่ ด้านหน้า |
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Nuchana
|
ความคิดเห็นที่ 9 เมื่อ 06 ก.พ. 06, 11:03
|
|
 โถงใหญ่ |
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Nuchana
|
ความคิดเห็นที่ 10 เมื่อ 06 ก.พ. 06, 11:05
|
|
 สภาพตึกที่ถูกทิ้งร้าง หลังสถานทูตรัสเซียย้ายออกไป |
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Nuchana
|
ความคิดเห็นที่ 11 เมื่อ 06 ก.พ. 06, 11:06
|
|
 ด้านหลัง มุมหนึ่ง |
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Nuchana
|
ความคิดเห็นที่ 12 เมื่อ 06 ก.พ. 06, 11:09
|
|
 ด้านหลังคฤหาสน์ ภาพชุดนี้มี 20 กว่ารูป จะลงหมดก็ยาวเกิน หากคุณ vun สนใจ ติดต่อหลังไมค์ค่ะ (ขอเวลาหา link ก่อน ว่า save มาจากที่ใด) |
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Nuchana
|
ความคิดเห็นที่ 13 เมื่อ 07 ก.พ. 06, 12:40
|
|
 Another panoramic view in the back. ตึกอายุ 100 ปี หลังใหญ่ขนาดนี้ คงน่ากลัวพิลึกยามค่ำค่ะ |
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
vun
|
ความคิดเห็นที่ 14 เมื่อ 11 ก.พ. 06, 21:51
|
|
ขอบพระคุณมากนะครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|