เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 [2] 3 4 ... 16
  พิมพ์  
อ่าน: 47282 เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
jomyutmerai
อสุรผัด
*
ตอบ: 51

ทำงาน


ความคิดเห็นที่ 15  เมื่อ 25 ม.ค. 06, 11:12

 ไม่มีกรอบกรองคำก็งามได้
อยู่ที่ใครจะไปถึงซึ่งได้ที่
เมื่อสำนึกลึกซึ้งถึงบทกวี
มีไม่มีฉันทลักษณ์ไม่รู้แล้ว

ลืมฉันทลักษณ์บ้างก็ได้ : สุจิตต์  วงษ์เทศ
บันทึกการเข้า
ศนิ
มัจฉานุ
**
ตอบ: 95

- The Ultimate Aim of Education is the Development of Charactor -


ความคิดเห็นที่ 16  เมื่อ 25 ม.ค. 06, 11:53

 สรุปว่า ทุกสิ่งต่างก็มีความสำคัญค่ะ
อันดับหนึ่งคือผู้แต่ง มีใจที่จะแต่ง
เรื่องราวที่จะนำมาแต่ง
ตอนเริ่มแรกถ้าจะให้ดีก็ควรเป็นเรื่องที่ผู้แต่งถนัด
หรือเป็นเรื่องที่ผู้แต่งอยู่ในเหตุการณ์ค่ะ
จะทำให้สามารถเข้าถึงอารมณ์และสามารถถ่ายทอดออกมาได้จริงๆ
คือ ไม่ต้องปรับอารมณ์ให้เข้ากับกลอน
แต่ มีอารมณ์ดังกล่าวนั้นๆ อยู่แล้ว แล้วจึงบรรยายออกมาเป็นบทกลอนค่ะ

ขั้นนี้คือ พิจารณาถึงความรู้สึกของผู้แต่งแต่อย่างเดียวนะคะ
ยังไม่ต้องกังวลถึงความรู้สึกของผู้อ่านค่ะ
ตอนที่แต่งขอให้ถ่ายทอดอารมณ์ผู้แต่งแล้วผู้แต่งเข้าใจก็เพียงพอ

อีกเรื่องคือเรื่องฉันทลักษณ์เป็นสิ่งสำคัญค่ะ
ในความคิดของดิฉันหากกลอนไม่มีฉันทลักษณ์ ก็ไม่ใช่กลอน
แต่ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าเนื้อกลอนจะถูกกดโดยฉันทลักษณ์ไปเสียหมดนะคะ
ดิฉันว่า ฉันทลักษณ์ก็เหมือนด้ายกับเข็ม คำทุกคำก็เหมือนดอกไม้
ในการร้อยมาลัย ผู้ร้อยก็สามารถประดิษฐ์ลวดลายได้แตกต่างกัน และผู้มองก็สามารถมองได้หลายแบบ
หากด้ายขาด หรือเข็มหักเสียแล้ว จะเป็นมาลัยได้อย่างไรกันคะ
บันทึกการเข้า
ศรีปิงเวียง
องคต
*****
ตอบ: 566

เรียนจบแล้ว


ความคิดเห็นที่ 17  เมื่อ 25 ม.ค. 06, 18:16

 บทนี้ผมลองแต่งมานะครับ
ฟ้ามิแจ่มฟ้ามิแจ้งกระจ่างฟ้า   ฟ้าหม่นหมองครึ้มมาทั่วธาตรี
ฟ้าไร้แสงดวงดาราสง่าศรี   ฟ้ามิมีแสงจันทราที่พึงชม
แม้จะคอยกาลเวลาอันนานเนิ่น   คืนนี้เกินที่ขอรอจึงขื่นขม
จะมีใครที่ปลดเปลื้องอกอันตรม   ทุกข์ระทมจึ่งจางหายไปจากใจ

ป.ล. ผมนึกไม่ออกครับว่าจะแต่งอย่างไรอีก
บันทึกการเข้า

ไม่เห็นใครแน่นอน
Nuchana
สุครีพ
******
ตอบ: 979


ความคิดเห็นที่ 18  เมื่อ 25 ม.ค. 06, 18:24

 บทแรก เสียงคำสุดท้ายของวรรครับ (สามัญ)
ควรสลับตำแหน่งกับนั่นของวรรครอง (สูง) ค่ะ
บันทึกการเข้า
ศนิ
มัจฉานุ
**
ตอบ: 95

- The Ultimate Aim of Education is the Development of Charactor -


ความคิดเห็นที่ 19  เมื่อ 25 ม.ค. 06, 20:14

 เท่าที่สังเกตได้จากการอ่านบทประพันธ์ของหลายๆท่านนะคะ
การแต่งกลอนแปด จะนิยมใช้เสียงวรรณยุกต์ที่แตกต่างกัน
ในการลงท้ายแต่ละวรรค

วรรคสดับ มักลงท้ายด้วยเสียงเอก โท ตรี จัตวา
พบเสียงโทมากที่สุด รองลงมาคือเสียงเอก ส่วนเสียงสามัญไม่ค่อยพบ
วรรครับ มักลงท้ายด้วยเสียงโท จัตวา
พบเสียงจัตวามากที่สุด
วรรครองและวรรคส่ง มักลงท้ายด้วยเสียงสามัญ

ยกตัวอย่างจากนิราศพระบาทของสุนทรภู่นะคะ

.....พี่ตันอกตกยากจากสถาน.....เห็นอาหารหวนทอดใจใหญ่หือ
ค่อยขืนเคี้ยวข้าวคำสักกำมือ......พอกลืนครือคอแค้นดังขวากคม
จะเจือน้ำซ้ำแสบในทรวงเสียว....ที่เค็มเปรี้ยวกล้ำกลืนก็ขื่นขม
กินประทับแต่พอรับกับโรคลม....ครั้นค่ำพรมน้ำค้างอยู่พร่างพราย
บันทึกการเข้า
jomyutmerai
อสุรผัด
*
ตอบ: 51

ทำงาน


ความคิดเห็นที่ 20  เมื่อ 26 ม.ค. 06, 10:21

 มีกลอนอยู่ชุดหนึ่งที่อยากให้ลองอ่านดูครับ

วิเวกหวานหว่านทำนองร้อยกรองกล่อม
ทับกระท่อมโอฬารพิมานสรวง
แจ้วจักจั่นเจื้อยราวหนาวลมลวง
คืนดาวช่วงประชันฉายพรายเพ็ญจันทร์

ริ้วลมเหนือเอื้ออายห่มกายอุ่น
เมฆละมุนมาคลอทอปุยฝัน
น้ำค้างพร่างเพียงเก็จแพรวเพชรพรรณ
สาดสีสันเสน่หาห้อมราตรี

โดยสายหมอกเส้นไหมไฟความหวัง
คอยเหนี่ยวรั้งเติมรักเลือนศักดิ์ศรี
ความเร่าร้อนฟ้อนเสน่ห์แห่งเทวี
เหมือนฝนที่เทกระหน่ำพรำพรำมา

โอ้อกเอ๋ยเคยคู่กู่กระซิบ
บรรทมทิพย์แทนเรือนทุกเถื่อนท่า
เพลงสวาทวาบหวามยามนิทรา
จนโหยหามิห่างร้างรื่นรมย์

เจ้านกเอี้ยงเอียงคอพ้อไพรพฤกษ์
รอลมดึกโชยมาแทนผ้าห่ม
สบเนตรพริ้มเพียงแก้วแววตาคม
มันบาดจมเปลือกใจคนใกล้เคียง

คัดคำสวยแต่งสีคีตลักษณ์
หมายใจจักบรรเจิดพริ้งเพริศเสียง
บริบทรสคำร่ายจำเรียง
ให้ฟังเพียงเพลินหู...อย่าดูความ

กลอนชุดนี้แต่งโดยสหายท่านหนึ่งของผมคือ คุณเวทย์

อ่านแล้วอยากให้ลองพิจารณาดูว่าเป็นอย่างไรบ้างครับ
บันทึกการเข้า
ถาวภักดิ์
พาลี
****
ตอบ: 240


ความคิดเห็นที่ 21  เมื่อ 26 ม.ค. 06, 15:15

 หุหุ ขอต่อกลอนให้คุณศรีปิงฯคร้าบ

ฟ้ามิแจ่มฟ้ามิแจ้งกระจ่างฟ้า   ฟ้าหม่นหมองครึ้มมาทั่วธาตรี
ฟ้าไร้แสงดวงดาราสง่าศรี   ฟ้ามิมีแสงจันทราที่พึงชม
แม้จะคอยกาลเวลาอันนานเนิ่น   คืนนี้เกินที่ขอรอจึงขื่นขม
จะมีใครที่ปลดเปลื้องอกอันตรม   ทุกข์ระทมจึ่งจางหายไปจากใจ....


เจ็บศรหักปักทรวงหน่วงหนักนึก   ต้องตรอมตรึกตกตรองหมองหม่นไหม้
สุดคะนึงนุชนาสุดอาลัย   เกินกลืนกลั้นฝันใฝ่ไม่คืนคลาย
คงนานแล้วแก้วตาลาลืมพี่   เพราะเธอมีคู่ครองประคองหมาย
แกล้งยั่วเย้าหยอกเอินให้เขินอาย   ลวงให้ชายชอกช้ำระกำเอย
บันทึกการเข้า
Nuchana
สุครีพ
******
ตอบ: 979


ความคิดเห็นที่ 22  เมื่อ 26 ม.ค. 06, 16:36

 ขอตอบคุณถาวภักดิ์คนดี
ไปไหนพี่ไม่แชทให้หายกังขา
น้องเปิดเมล์เท่าไรเมล์ไม่มา
สี่สัปดาห์เปล่าเปลี่ยวไม่เหลียวดู

อันคนเราขึ้นต้นไว้ไม่สานต่อ
อย่ารั้งรอดักลอบต้องหมั่นกู้
แยปแล้วหนีเดินแว้บหายตายละตู
น้องลุ้นอยู่รอไปก็ไลฟ์บอย
บันทึกการเข้า
ศรีปิงเวียง
องคต
*****
ตอบ: 566

เรียนจบแล้ว


ความคิดเห็นที่ 23  เมื่อ 26 ม.ค. 06, 17:14

 ประนตน้อมวอนกราบกรานท่านถาวศักดิ์ นักเลงนักกลอนแห่งเรือนไทยเอ๋ย
กระหม่อมนั้นเลบงกลอนถึงทรามเชย แม้มิเคยมีคู่ครองตระกรองใจ
อันตัวท่านจะแชทไปช่างท่านเถิด ข้าน้อยเอิดเถิดเทิงจะถอยให้
ตัวท่านนี้แต่งกลอนดีมาแต่ไร แต่งอีกไซร้คงจะมันม่วนงันดี
บันทึกการเข้า

ไม่เห็นใครแน่นอน
ถาวภักดิ์
พาลี
****
ตอบ: 240


ความคิดเห็นที่ 24  เมื่อ 26 ม.ค. 06, 17:31

 ยังล้อหลอกตอกย้ำเป็นซ้ำสอง
ถูกจับจองเคล้าเคียงเรียบเรียงร้อย      
มีมิ่งมิตรสนิทหมอนเฝ้านอนคอย      
ไยแต่งถ้อยปล่อยเสน่ห์เป็นเล่ห์กล         
สนุกหรือแกล้งทำให้ช้ำแสน
เหลือคิดแค้นแน่นจุกทุกข์โรมล้น
ใจร้ายนักหักชายไห้ระทม
ใกล้สิ้นลมสมจิตที่คิดทำ
บันทึกการเข้า
ถาวภักดิ์
พาลี
****
ตอบ: 240


ความคิดเห็นที่ 25  เมื่อ 26 ม.ค. 06, 18:09

 ท่านศรีปิงมิ่งเมืองกระเดื่องชื่อ
นามเลื่องลือยอดครูไม่รู้หนี
ประคารมคมวิชาไม่ปราณี
ทั้งปฐพีลี้หลบสยบสิ้น
ขอรับเกียรติคำชมคารมหวาน
ที่ทำทานผู้น้อยด้อยศาสตร์ศิลป์
จะน้อมนึกตรึกคุณเป็นอาจินต์
ย้อมชีวินชุ่มชื่นคืนกำลัง
บันทึกการเข้า
Nuchana
สุครีพ
******
ตอบ: 979


ความคิดเห็นที่ 26  เมื่อ 26 ม.ค. 06, 18:51

 รู้ว่าผิดแกล้งตัดพ้อป้อคำหวาน
มัวทำการบ้านอื่นไงน่าใจหาย
แกล้งกลบเกลื่อนรู้ทันสันดานชาย
เบื่อหน่ายจับมัจฉาพลั้งทั้งสองมือ

อย่าทำซื่อแล้วตะแบงแสร้งตัดพ้อ
ไม่มัวรอพี่แกล้งไก๋ทำไขสือ
พลาดทางโน้นชม้ายเมียงเสียงล่ำลือ
ไม่ใช่ชื่อยอดพธูหมูในอวย
บันทึกการเข้า
ภูมิ
แขกเรือน
ชมพูพาน
***
ตอบ: 196


ความคิดเห็นที่ 27  เมื่อ 27 ม.ค. 06, 11:16

 ฟ้ามิแจ่มฟ้ามิแจ้งกระจ่างฟ้า  
ฟ้าไร้แสงดวงดาราสง่าศรี
ฟ้าหม่นหมองมาครึ้มทั่วธาตรี
ฟ้ามิมีแสงจันทราที่พึงชม

ลองสลับคำเล่นดู
บันทึกการเข้า
ถาวภักดิ์
พาลี
****
ตอบ: 240


ความคิดเห็นที่ 28  เมื่อ 27 ม.ค. 06, 11:48

 เพิ่งมาเห็นมา 2 วรรคท้าย ดันสับสนใช้แม่กมแทนแม่กน
ขอแก้หน่อยนะครับ เพื่อความถูกต้องของฉันทลักษณ์

ยังล้อหลอกตอกย้ำเป็นซ้ำสอง
ถูกจับจองเคล้าเคียงเรียบเรียงร้อย
มีมิ่งมิตรสนิทหมอนเฝ้านอนคอย
ไยแต่งถ้อยปล่อยเสน่ห์เป็นเล่ห์กล
สนุกหรือแกล้งทำให้ช้ำแสน
เหลือคิดแค้นแน่นจุกทุกข์โรมล้น
ใจร้ายนักหักชายไห้ทมทน
ถึงปี้ป่นย่อยยับนับวันตาย
บันทึกการเข้า
ถาวภักดิ์
พาลี
****
ตอบ: 240


ความคิดเห็นที่ 29  เมื่อ 27 ม.ค. 06, 12:36

 "....รู้ว่าผิดแกล้งตัดพ้อป้อคำหวาน
มัวทำการบ้านอื่นไงน่าใจหาย
แกล้งกลบเกลื่อนรู้ทันสันดานชาย
เบื่อหน่ายจับมัจฉาพลั้งทั้งสองมือ
อย่าทำซื่อแล้วตะแบงแสร้งตัดพ้อ
ไม่มัวรอพี่แกล้งไก๋ทำไขสือ
พลาดทางโน้นชม้ายเมียงเสียงล่ำลือ
ไม่ใช่ชื่อยอดพธูหมูในอวย..."


อันใจพี่มีหนึ่งไม่พึงสอง
ไม่คิดลองเปลี่ยนเตียงเพียงเห็นสวย
ต้องงามพิศงามจิตจึงงงงวย         
งามพร้อมด้วยกริยาจึงกล้าชม
อนิจจาเรือนร้างเพียงนางแก้ว
ถึงเพริดแพร้วใสส่องทองประสม
เหมือนกรงขังชังเหงาเศร้าซวนซม
คงขื่นขมจมช้ำทุกค่ำคืน
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2] 3 4 ... 16
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.066 วินาที กับ 19 คำสั่ง