อูย...อ่านกระทู้นี้แล้วเกิดอาการบอกไม่ถูกขึ้นมาทีเดียว
เรื่องเมื่อสมัย นานนนนนนนน มากแล้ว
กล้าพูดได้เต็มปากว่าอิฉันเนี่ยก็หนึ่งในตองอู (ไม่สิ...ไม่เคยอยู่ตองอู ตอนนั้นอยู่กรุงเทพต่างหาก) อาจารย์เรียกหาเสมอ ส่งประกวดที่ไหนเป็นได้รางวัลกลับมา
เขียนอะไรไปกี่งาน อิฉันก็เก็บใส่สมุดบันทึกส่วนตัวไว้ทุกชิ้นงาน เขียนมาได้สิบกว่าปี พอมาเจอความหนักหนาของวิทยานิพนธ์เข้า สมุดบันทึกเล่มนั้นไม่เคยมีคำประพันธ์ฉันทลักษณ์ใหม่ๆเพิ่มเข้าไปอีกเลย
ยิ่งมาใช้ชีวิตแบบเป็นมนุษย์เงินเดือน ยิ่งแล้วใหญ่ นี่ก็นับได้อีกร่วมสิบปีแล้วที่อิฉันทำความภูมิใจตัวเองหล่นหายไป
อันที่จริงไม่ควรโทษสิ่งแวดล้อมหรอกค่ะ สำหรับกรณีอิฉันเนี่ย มันอยู่ที่ว่าตั้งใจจริงหรือเปล่าที่จะกู่เจ้าสามารถที่เคยมีกลับมา (นี่กำลังดุตัวเองต่อหน้าท่านผู้ชม...เผื่อจะสำนึกได้

)
ส่วนเรื่องของการเขียนแล้วยังรู้สึกว่าไม่โดนใจ มันก็ธรรมดาค่ะคุณติบอ เวลาอิฉันเปิดสมุดบันทึกเล่มนั้นดู ก็เห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตามเวลา ตามทักษะที่เพิ่มพูน และตามการมองโลกที่เปลี่ยนไป
ชิ้นงานสมัยแรกๆของอิฉัน มันถูกฉันทลักษณ์ไปซะหมด แต่ไร้อารมณ์น่าดู อ่านยังไงก็ไม่เคยรู้สึกสัมผัสใจเลย ผิดกับงานชิ้นหลังๆจากหน้ามือเป็นหลังมือเชียว
เอาใจช่วยคุณติบอค่ะ