เมืองหลวงใหม่ของพม่า

[บ้านายคำเก่ง]

สรัสวัสสดีน่อเจ้าทังหลายเหย......เห็นว่าเป็นเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยจึงเอามาเล่าสู่กันฟัง เมืองหลวงที่พม่าย้ายไปอยู่ใหม่นี้คือเมือง ปยินมะนา(Pyin-ma-na) ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์การรวมชาติพม่าอย่างมาก.... ก่อนอื่นต้องกล่าวถึงอาณาจักรพม่าก่อนว่ามาอย่างไร เราเคยได้ยินมาว่าพม่ามีเมืองหลวงที่พุกาม แล้วถูกจีนรุกราน ตีพม่าได้...แต่จะไปถึงตอนนั้นมาดูกันก่อนว่า ปยินมะนาอยู่ที่ไหน หากจำประวัติศาสตร์ได้จะเห็นชื่อเมืองๆหนึ่งชื่อว่า เมืองตองอู เมืองนี้เป็นบ้านเกิดพระเจ้าตะเบงชเวตี้ (คนอยุธยาเรียกพระเจ้าหงสาวดีลิ้นดำ ส่วนคนล้านนาไม่รู้จัก เพราะล้านนาเสียเมืองสมัยบุเรงนองหรือเจ้าฟ้ามังทรา)..เมืองปยินมะนานี้อยู่ทางทิศเหนือของเมืองตองอู หลังจากพม่าถูกจีนตีได้แล้ว พม่าก็แตกออกเป็น 3 กลุ่มอำนาจได้แก่ 1.อังวะทางด้านทิศเหนือมีพวกเงี้ยวเป็นกษัตริย์(ชาวพม่าเป็นชนชั้นใต้ปกครอง) 2.พุกาม ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือมีชาวพม่าเป็นกษัตริย์ 3.แปรทางทิศตะวันตกเฉียงใต้เป็นกษัตริย์ และนอกจากนั้นยังมีกลุ่มที่ไม่เกี่ยวข้องกับพม่าคือ มอญ มีเมืองหงสาวดีเป็นเมืองหลวงมีพวกมอญเป็นกษัตริย์ เมืองตองอู สมัยนั้นอยู่ภายใต้การปกครองของเมืองอังวะ ซึ่งก็คือต้องยอมรับอำนาจของกษัตริย์เงี้ยวนั่นเอง... ในรัชกาลของพระบิดาของพระเจ้าตะเบงชเวตี้ชื่อ มินจีโญ่(อยุธยาเรียกแมงกะยินโย) เห็นว่าชาวพม่าควรจะเป็นผู้นำเหมืองบ้านเมืองอื่นดังนั้นจึงเริ่มสะสมกำลัง และเคลื่อนกองทัพไปตีเมืองปยินมะนาทางทิศเหนือเป็นเมืองแรก ในปี พ.ศ.2030...และตีลงมาทางใต้แต่สวรรคตเสียก่อน พอถึงสมัยพระเจ้าตะเบงชเวตี้ผู้เป็นโอรส ก็ได้ตีเมืองต่อและสามารถบุกยึดหงสาวดีได้ และตีเมืองแปร พุกามได้ตามลำดับ (อยุธยาก็ถือว่าพม่ามาตีด้วย ครั้งนั้นเป็ฯศึกที่อยุธยาเสียพระสุริโยทัยไป) หลังจากนั้นก็เตรียมที่จะบุกอังวะ แต่เกิดการลอบปลงพระชนม์พระเจ้าตะเบงชเวตี้เสียก่อยจึงงดไป ครั้นเมื่อบุเรงนองได้ครองราชย์ก็สามารถตีอังวะได้ ดังนั้นพวกเงี้ยวจึงอยู่ภายใต้การปกครองของพม่านับแต่นั้นมา พระเจ้าบุเรงนองก็ตีมาทางตะวันออกบุกเมืองนายซึ่งเป็นเมืองขึ้นของล้านนา (ดูเพิ่มในพื้นเมืองเชียงใหม่) แล้วเคลื่อนกองทัพมายังเมืองเชียงใหม่ จนล้านนาต้องเสียเอกราชในปี พ.ศ.2101-2102(อยู่ในช่วงเปลี่ยนศักราชพอดี) ดังนั้นเมืองปยินมะนาจึงถือว่าเป็นเมืองแรกที่เป็นจุดเริ่มต้นในการรวมพม่าอีกครั้ง จนอาณาจักรพม่ากว้างใหญ่และ จนถึงปัจจุบันกลายเป็นประเทศเมียนร์ม่า....... เมืองปยินมะนาจึงถือเป็นความสำเร็จของ ราชวงศ์ตองอู ....(ที่เลื่องชื่อในผู้ชนะสิบทิศ) เสริมเรื่องเมืองอังวะ.... ในสมัยพระเจ้านันทบุเรง อาณาจักรพม่าแตกเป็นก๊กต่างๆอีก มีเมืองหงสาวดี แปร และอังวะ ... แล้วรวมอาณาจักรได้อีกครั้งสมัยพระเจ้าอนุคเปคหลุ่น และเมืองหลวงตั้งอยู่ที่หงสาวดี ต่อมาสมัยพระเจ้าสุทโธ(ล้านนาเรียกสุทโธธัมมราชา ตรงกับพระเจ้าปราสาททองของอยุธยา)ก็ย้ายเมืองหลวงไปที่เมืองอังวะ เนื่องจากเชื่อว่าเป็นศูนย์กลางแห่งจักรวาล เราจึงรู้จักกันติดปากว่า พม่าอังวะ เพราะพม่าตั้งเมืองหลวงที่นี่ยาวนานมาก แม้ในสมัยพระเจ้ามินดง(ตรงกับ ร.4 แห่งสยาม) ก็ย้ายเมืองไปที่ทัณฑะเลเรียกกรุงอังวะ เพราะว่ามัณฑะเลเป็นเขาที่อยู่ในเมืองอังวะ เขานี้แหล่ะที่เชื่อว่าเป็นที่ตั้งของเขาพระสุเมธแก่นกลางจักรวาล... ต่อมาสมัยอังกฤษปกครองจึงย้ายมาที่ย่างกุ้ง เรื่องพม่าย้ายเมืองหลวงนี้คงมีนัยยะทางประวัติศาสตร์ ถือการเอากฤษ์เอาชัย ซึ่งพม่าหวังว่าในอนาคตจะรวมกลุ่มเชื้อชาติต่างๆได้ และจะเป็นประเทศประชาธิปไตยต่อไป (อาจไม่เป็นก็ได้).... ปยินมะนาเป็นเมืองกันดารมีแต่ลูกรัง ต้นไม้ใบหญ้าไม่เขียวชะอุ่ม มีเทือกเขาสลับซับซ้อน...แต่อาศัยที่พม่าเป็นประเทศสังคมนิยม สามารถระดมทุนมาช่วยภาครัฐได้โดยไม่ต้องการเสียงสนับสนุนและประชามติ พม่าจึงสามารถนำเงินประเทศมาเนรมิตเมืองที่ไม่ค่อยจะน่าอยู่นี้ได้.... เหมือนในสมัยพระเจ้ามินดง ที่ย้ายเมืองหลวงจากอมระปุระ(ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองอังวะเหมือนกัน ใกล้ตัวเวียงเก่า) ไปสร้างเวียงใหม่ที่มัณฑะเล โดยใช้เวลาไม่กี่วัน พม่าย้ายเมืองก็สรุปได้ดังที่กล่าวมา

[เทาชมพู]

เข้ามาลงชื่อว่าตามอ่านอยู่ค่ะ

[Hotacunus]

 "เรื่องพม่าย้ายเมืองหลวงนี้คงมีนัยยะทางประวัติศาสตร์ ถือการเอากฤษ์เอาชัย"

อ่านถึงตรงนี้ก็แว๊บมานึกถึงบ้านเราตอนนี้ครับ

กำลังมี Reality Show ที่ "อาจสามารถ" อิอิ

มีการวิเคราะห์กันว่าเป็นการเอากฤษ์เอาชัยเหมือนกัน เนื่องจาก "อาจสามารถ" มาจาก "องอาจ" กับ "สามารถ" มาที่นี่แล้ว กลับไปจะเป็นผู้มีความองอาจและมีความสามารถ

แต่ว่า "อาจสามารถ" รูปคำแบบนี้เลยนะครับ แปลว่า "อาจะทำได้ หรือ อาจจะทำไม่ได้" ก็ได้เช่นกัน อิอิ

เช่น "อาจสามารถทำได้" แสดงว่า อาจจะทำไม่ได้ หรือ ทำได้ก็ได้ ยังไม่แน่นอนนัก

เล่าสู่กับฟังเฉยๆ ครับ ไม่ได้พาดพิงถึงใคร