เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 5 6 [7] 8
  พิมพ์  
อ่าน: 26027 ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
MathGuy
อสุรผัด
*
ตอบ: 24

อาจารย์สอนคณิตศาสตร์


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 90  เมื่อ 16 ม.ค. 06, 16:03

 ขอบคุณ คุณเทาชมพู ที่ช่วยตอบใน คหพ#68

ครับ ที่ถาม จริงๆ เป็นเพียงรู้สึกแปลกๆ นิดหน่อย

ต้องขอบอกว่า ผมไม่เคยได้เข้ามา ถาม พูดคุย
ในประเด็นกระทู้ ทำนองนี้ (พึ่งจะลองเข้ามาดู)

ก็ให้สังเกตเห็นว่า คนในแวดวงกระทู้นี้ ก็มีอะไรแปลกๆ
น่ารักกันดี

ตอนที่เป็นเรื่องเป็นราวกัน ผมก็พลอยตกใจไปด้วย
แต่แล้วทุกอย่างก็คลี่คลายได้ดี

พอดี ผมมาทาง ตรรกศาสตร์ ที่ไม่พยายามใช้ความรู้สึก
บางทีก็เลยไม่ได้ นึกถึงเรื่อง ศิลปะ ความงามอะไรมากนัก

มีคนเคยว่าผมว่า  ผมอยู่กับตัวเลข

จริงๆ ตอนนี้ผมก็อยู่กับหนังสือ อยู่กับความคิดต่างๆ
พยายามสังเกตสังคม และออกมามีส่วนร่วมในอีกมุมมอง
ที่ผมจะทำได้


ในทางศิลปะ ทางสังคม ทางสื่อ ทางมวลชน คำพูด คำเขียนมักจะมีพลังของความรู้สึก

บางทีผมก็ อดไม่ได้ ที่จะเอาคำเหล่านั้นมาขบคิด สงสัย

แต่จริงๆ คำเหล่านั้นถูกยอมรับ ถูกใช้ไปในคนหมู่มาก
และคนใช้ก็ไม่ได้ ใช้อย่างเจตนาร้าย


กรณีคำว่า คนต่างจังหวัด ก็เป็นตัวอย่างหนึ่ง

ผมว่า ถ้าว่ากันตามจริง คนกรุงเทพ ที่ไม่ใช่คนต่างจังหวัดนี่
เราอาจจะแยกแยะกันลำบาก

โดยส่วนตัวผม คำว่า "คนต่างจังหวัด" จึงไม่สื่อเท่าไหร่
และโดยส่วนตัว รู้สึกไม่ดีต่อผู้พูดนิดๆ ที่ได้ยินเช่นนั้น
เหมือนเรา imply ว่า คนกรุงเทพจะ "ดีกว่า" คนต่างจังหวัด

แต่อ่านคำอธิบายของคุณเทาชมพูแล้ว ผมก็ OK แล้วครับ
ว่า ไม่ได้ถูกใช้ในลักษณะเช่นนั้น


คำว่า "รสนิยม" ว่าไปแล้วคำนี้ก็มีปัญหา

ยิ่งถ้าเราจะไปบอกว่า คนนั้น คนนี้ มีรสนิยมไม่ดี
เพราะก็จะกลายเป็นอวดตัวว่า เรามีรสนิยมดีกว่า

ซึ่งผมว่า รสนิยม นี่ ถ้าจะบอกว่า ใครดีกว่าใคร ต้องถกกันเรื่อง จริยธรรม เลยทีเดียว

เขาบอกว่า การศึกษา ก็เหมือนกับการปลูกกล้วยไม้
ที่กว่าจะเห็นดอกสวยๆ นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะทำได้ในเวลาอันสั้นๆ

ละครดีๆ ก็คงเช่นกัน เราคงไม่ได้เห็นง่ายๆ

ยิ่งเมื่อละคร ถูกนำไป รับใช้ระบบทุนนิยม
เราก็คงทำอะไรไม่ได้

ยกเว้นว่า เราจะมีเงินมากๆ แล้วทำละครเอาบุญ เอากุศล



ครับ มีอะไรอีกมากมาย ไม่ใช่เพียง ละคร
ที่รับใช้ระบบทุนนิยม ระบบการบริโภคของเรา


ละคร ก็เป็นเพียง ภาพสะท้อนอันหนึ่งเท่านั้นเอง

ว่าไปแล้ว ชีวิตของแต่ละคน ก็เป็นละคร อีกหลายๆล้านเรื่อง
ที่เราแต่ละคน ต้องพยายามสร้าง เขียนบทของเราเอง

จะน้ำเน่า หรือ สร้างสรรค์ ก็สุดแต่ว่าเราจะเลือกอะไรให้กับตัวเรา
บันทึกการเข้า
มิกกี้
อสุรผัด
*
ตอบ: 1

เรียนที่ ร.ร.วิจิตราพิทยา อุบลฯ


ความคิดเห็นที่ 91  เมื่อ 17 ม.ค. 06, 16:18

 ไม่เห็นยากตรงไหนเลย ก็คนไทยอิจฉาริษยากันออก
ไม่อยากให้ใครดีใครเด่นเกินตัว  แต่ถ้หนังไทยไม่มีตัวอิจฉาและบทริษยาจะไปสนุกได้ยังไงจริงมั๊ย?ฮืมฮืมฮืม??
บันทึกการเข้า
อ๊อฟ
ชมพูพาน
***
ตอบ: 167

SIIT, TU


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 92  เมื่อ 17 ม.ค. 06, 16:44

 เลียนแบบคุณ traveller ครับ เห็นมีคน Forward มาให้เลยเอามาโพสต์ให้อ่านเล่น

30 พล๊อตอมตะหนังจีน

1.เป็นพระเอกไม่มีงานทำแต่มีเงินใช้ตลอดเรื่อง

2.ไม่ว่าจะตกหน้าผาสูงสักแค่ไหน ถ้าเป็นพระเอกยังไงก็ไม่ตาย

3.หลังตกหน้าผา คุณไม่เจอคนใจบุญ (พวกผู้หญิงช่วยเอาไว้) คุณก็จะเจอสุดยอดพระคำภีร์

4.ใครก็ตามที่อ้างเป็นฝ่ายธรรมะคนนั้นมักจะเป็นคนเลว

5.คนบ้าๆ โทรมๆ มักจะมีวรยุทธสูงพอๆ กับคนบ้าบอ

6.เวลานางเอกปลอมตัวเป็นผู้ชาย คนในเรื่องจะดูไม่ออก แม้คนทั้งโลกจะดูออกก็ตามโดยเฉพาะพระ เอกจะโง่กว่าใครเพื่อน

7.เวลาพระเอกได้เปรียบศัตรูมักจะใจดีปล่อยศัตรู ทั้งๆ ที่จะหาโอกาสยากอยู่แล้ว

8.เวลาหนาวหรือไอเย็นเข้าแทรก นางเอกมักจะหาผ้าห่มให้ หรือไม่ก็เอาตัวห่ม

9.เวลาโดนฝ่ามือซัดต้องรักษาด้วยลมปราญ

9.1.ถ้าเป็นผู้ชายกับผู้หญิงจะถอดเสื้อผ้าเดินลมปราญ

9.2.ถ้าเป็นผู้ชายกับผู้ชายไม่ต้องหรอก

10.ตัวละครที่อารมณ์ดีที่สุดคือตัวโกง เพราะจะหัวเราะทั้งเรื่องโดยเฉพาะก่อนลงมือฆ่า แต่มัวหัวเราะ พระเอกจึงฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว

11.ไม่ว่าจะได้รับบาดเจ็บรูปแบบไหน โดนฟันแขนหรือขา เลือดจะออกทางปาก

12.ตัวประกอบจะตายเร็วเสมอ ตัวสำคัญจะใช้เวลาสั่งเสียยาวนานจนเปลี่ยนวีดีโอม้วนใหม่

13.ก่อนจะเงื่อดาบต้องข่มขวัญกันก่อนเสมอ เช่น ดาบข้าตีด้วยเหล็กเย็น ใช้เวลาเจ็ดปีอาบเลือดมาร้อยกว่าศพ

14.ถ้าฝ่ายอธรรมมีคนมากกว่า เรียกว่า หมาหมู่ ถ้าฝ่ายธรรมะมากกว่าจะเรียกว่าสามัคคีรวมใจปราบมาร

15.นางเอกมักเป็นลูกตัวโกง หรือไม่ก็อยู่พรรคมาร ต้องโดนจิกหัวว่า “นางมาร”

16.นางมารตัวจริงต้องสวย เซ็กซี่...

17.การกินมูมมาม เสียงดัง เลอเทอะ แสดงว่า อาหารอร่อย กรอกเหล้าเข้าปากต้องให้หกๆ แสดงว่า ดื่มเก่ง

18.เวลาแอบดูต้องเอานิ้วจิ้มน้ำลายเพื่อจะเจาะประตูเป็นรูก่อนนะ ขอแนะนำชุดดำ โพกหน้าโพกหัวด้วย ถ้าเป็นผู้หญิงจะโดนจับได้ก่อนเสมอ

19.ถ้าจะส่งสารท้าประลองต้องเอาเลือดเขียน (เขียนสวยด้วยนะ) หมึกมีอย่าไปใช้เชียว

20.พิราบสื่อสารมักโดนฝ่ายตรงข้ามจับได้ก่อนประจำ

21.หมอเทวดามักเปิดคลินิกอยู่ในป่าขุนลึกลับ ถ้าไม่เก่งจริงอย่าไปตายอยู่เขาเพราะอันตรายมาก หมอ พวกนี่ไม่นิยมคิดตังค์ซะด้วยสิ

22.ถ้าบาดเจ็บในหน้าร้อนต้องระวังให้มาก เพราะสมุนไพรเจ๋งๆมักอยู่บนเขาหิมะ หายากมาก...

23.เมื่อพระเอกบาดเจ็บสาหัสมักจะมีงู นก ลิง มาเป็นอาจารย์สอนวิชาต่างๆ

24.แหล่งสืบหาความลับที่สำคัญที่สุดคือโรงเตี้ยม ด้วยการนั่งฟังโต๊ะข้างๆ คุยกัน

25.พระเอกไม่เปลี่ยนเครื่องแต่งกายเด็ดขาด เว้นแต่จะฝึกวิชาได้สำเร็จ

26.ทุกครั้งที่ต่อสู้กับผู้ร้าย นางเอกจะตะโกนเรียกพระเอกด้วยความเป็นห่วงจนพระเอกพลาดท้าผู้ร้าย

27.พระเอกมักจะดีจนโง่

28.นางเอกมักชอบพระเอกแต่พระเอกโง่ไม่รู้

29.พระเอกห้ามรักนางเอกก่อน

30.และเพราะอย่างนี้มันถึงมีความยาว 30 ม้วนไง
บันทึกการเข้า
ศรีปิงเวียง
องคต
*****
ตอบ: 566

เรียนจบแล้ว


ความคิดเห็นที่ 93  เมื่อ 18 ม.ค. 06, 16:37

 การเทียบมาตรฐานละครหลังข่าวไทยกับหนังจีกนกำลังภายในภายนอก (ต่อจากความเห็นเรื่องหนังจีน)
ข้อ 11 ตรงกับละครไทยบางเรื่อง บางทีถูกซ้อมที่ท้องจนเลือดออกจากปากได้ (แต่ตัวเอกไม่ยักกะตาย ตัวประกอบโดนไม่กี่ทีก็นอนกองบนพื้น)
ข้อ 2 ละครเรื่องกุลาแสนสวยก็เช่นกัน (เสียดายนางเอกโหดฉากเดียว)
ข้อ 27-29 เป็นจริงบางเรื่อง
ละครบางช่อง เครื่องแต่งกายกับฉากเปลี่ยนเร็วมาก (พูดง่าย ๆ คือไม่เหมือนเลยทั้งก่อนและหลัง)
ไม่ว่าหนังเรื่องไหน(แอกชันแอกทา) ต่อให้มีตัวร้ายเป็น 20-30 ตัวก็จะถูกปราบเกลี้ยง หรือไม่ก็หนีไป
พระเอกจะเอาชนะตัวร้ายเสมอ ถึงแม้จะถูกอัดหรือต่อสู้จนปางตาย (โอ้ พระเจ้ายอด มันจอร์จมาก       ) หรือไม่ก็รอดมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ข้อ 18 หนังไทยต้องใช้สว่านหรือตะปูเจาะดูเท่านั้น (เพราะทำจากไม้) ซึ่งยังไม่เคยคิดมาก่อน
หากเป็นหนังผีตลก ๆ ตัวหนีผีจะพบผีอย่างไม่คาดคิด
บันทึกการเข้า

ไม่เห็นใครแน่นอน
วรรณวรรธน์
อสุรผัด
*
ตอบ: 12


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 94  เมื่อ 22 ม.ค. 06, 14:31

 ขอคุยบ้างได้ไหมคะ....ความคิดตัวเองนะคะเห็นว่า  ต้นฉบับนิยายดีๆของเรามีจำนวนไม่น้อยที่น่าจะนำมาทำละครแต่ก็ติดขัดปัญหาเรื่องเกี่ยวกับการลงทุนทางด้านธุรกิจ      

อยากมองเป็นระบบลูกโซ่ค่ะ

ถ้าหากนิยายดีๆมีคนอยากเอาไปทำละคร  ก็มีการติดต่อขอซื้อลิขสิทธิ์กันแล้วก็มีการปรับปรุงบทประพันธ์ต้นฉบับจากนิยายนั้นเป็นบทละครโทรทัศน์  ซึ่งมีการตีความขยายหรือสร้างบทเพิ่มเติม  โดยอ้างว่าเพื่อการถ่ายทำ  เพราะเป้าหมายคนดูละครเป็นล้านคน  แต่เป้าหมายคนเขียนหนังสือนิยายอ่าน อาจจะมีแค่เรือนหมื่น   ดังนั้นลักษณะทางพาณิชย์ศิลป์จึงต้องมีการปรุงแต่ง  
แต่คนเขียนงานทีแรกเขียน  คงไม่ค่อยได้คำนึงถึงเรื่องการขายลิขสิทธิ์เป็นละครโทรทัศน์เท่าไหร่  เพราะเวลาที่มองภาพในสมองเราจะมองถึงกลวิธีการถ่ายทอดเป็นตัวหนังสือให้คนอ่านได้อ่านเท่านั้น   ไปไม่ถึงภาพที่จะเห็นตัวนางอิจฉามาร้องกรี๊ดๆหรือคนรับใช้เพ็ดทูลเจ้านาย   พอเขียนออกมาแล้วกลายเป็นว่าตัวชี้วัดของคนขายงานหนังสือในปัจจุบัน  คือการ การันตี ด้วยการขายบทประพันธ์ไปทำละครโทรทัศน์   ซึ่งตัวเองก็ยังปรับตัวไม่ค่อยได้อยู่เหมือนกัน ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น  (เพราะเวลาเราเขียนหนังสือเราเขียนเพราะตัวหนังสือ  ไม่ได้เขียนเพื่อทำละคร  ถ้าอยากขายทำละคร เราเขียนบทละครโทรทัศน์ให้เขาไปเลยไม่ดีกว่าหรือ)    

แต่คนเขียนบทละครโทรทัศน์ Original playscreen   ในปัจจุบัน  ยังไม่ค่อยเห็นค่ะ   เพราะระบบทางธุรกิจอีกเหมือนกันที่คิดว่าเอาบทประพันธ์ที่พิมพ์ขายมาดัดแปลงจะมีคนอ่านมาตามดู   คนอ่านนิยายก็จะติดภาพว่าคนขายงานทำละครได้คือคนเขียนงานดี......ก็ต้องเขียนนิยายให้เป็นอะไรที่ขายทำบทละครโทรทัศน์ให้ได้    ยังเคยมีผู้ใหญ่ในวงการนักเขียนบอกรุ่นน้องเลยว่า   เขียนอะไรก็ได้ ให้ขายทำละครทีวีให้ได้ เขียนไปเถอะ  มันถึงจะดี   เพราะนี่คือตัวชี้วัดความสำเร็จ.....แล้วดูละครทีวีบ้านเราแต่ละเรื่องที่ออกมาสิคะ...

เงื่อนไขง่ายๆของการเขียนนิยายให้ขายทำละครได้คิดว่าจะต้องมีต่อไปนี้นะคะ  
๑. ต้องมีฉากละคร บทสนทนาที่เยอะพอสมควร  เรื่องลื่นไหลเพราะบทสนทนา  
๒. ฉากละครไม่ต้องลงทุนมาก ขอยืมบ้านใครถ่ายทำ หรือเอาบ้านริมน้ำ หรือเรือนไทยที่มีบริษัทผลิตละครเขาลงทุนสร้างฉากถาวรไว้แล้วมาดัดแปลงถ่ายทำได้  ก็สามารถขายได้  เพราะเหตุนี้กระมังคะ...นิยายที่เราอยากเห็นหลายๆเรื่องไม่สามารถสร้างได้ เพราะลงทุนเรื่องการถ่ายทำสูงมาก  บริษัทละครจะไม่ทำค่ะ  เพราะไม่คุ้มทุน
๓.  ฉากละครที่ไปต่างประเทศที่สามารถจัดทัวร์ไปเที่ยวได้แล้วถ่ายละครได้พร้อมกันจะดีมาก  เพราะบริษัทสามารถขอเงินสถานีมาซื้อกรุ๊ปทัวร์ไปเที่ยวพร้อมถ่ายทำในคราวเดียว  ประเทศที่ยุโรปหรืออเมริกาจะง่ายมาก
๔. เนื้อหาของเรื่องต้องสัมพันธ์กับนโยบายของรัฐบาล  ตอนนี้นิยายบางเรื่องไม่อาจทำได้เพราะปัญหาทางการเมือง  คงจะคล้ายกับกรณี รางวัลพานแว่นฟ้า  กระมังค่ะ  ที่เรื่องที่กระทบการเมืองจริงๆจะไม่ได้รับการยกย่อง หรือสนับสนุนให้เผยแพร่โดยรัฐบาล  
ฯลฯ  

ระบบผูกขาดภายในของวงการโทรทัศน์ก็เป็นเงื่อนไขหนึ่งที่เอื้อให้ละครโทรทัศน์บ้านเราพัฒนา    หลายๆอย่างค่ะ   ไม่ใช่ว่าคนในวงการไม่ความสามารถ   และไม่ใช่ว่าเดี๋ยวนี้มีการลงทุนในงานโปรดักชั่นสูงๆนะคะ  
เงินลงทุนแค่  สิบล้านบาท   แต่ลองมาแยกยอยค่าใช้จ่ายดูเถอะค่ะว่าเป็นส่วนของการทำฉากหรือองค์ประกอบส่วนไหนของงานโปรดักชั่น....หรือไปหมดกันที่ ค่าตัวดารา นักแสดง  และ เอเยนต์ซี่(ค่าตัวดารานำแต่ละเรื่องไม่ใช่น้อยๆเลยค่ะ...เป็นเจ็ดหลักทั้งนั้น) .....งานโปรดักชั่นจะเหลือเท่าไหร่ละคะ

แค่แวะผ่านมาค่ะ  ชอบบอร์ดนี้ได้เข้ามาอ่านบ่อยๆ   แต่เพิ่งสมัครสมาชิกหมาดๆ    ขอแอบบ่นแค่นี้ละค่ะ
บันทึกการเข้า
Nuchana
สุครีพ
******
ตอบ: 979


ความคิดเห็นที่ 95  เมื่อ 22 ม.ค. 06, 14:35

 สวัสดีค่ะ คุณวรรณวรรธน์
เห็นจะเป็นมืออาชีพ หรือ insider เข้ามาตอบอีกคนแล้วมังคะ
บันทึกการเข้า
Nuchana
สุครีพ
******
ตอบ: 979


ความคิดเห็นที่ 96  เมื่อ 23 ม.ค. 06, 23:39

เคยสงสัยมานานแล้วค่ะว่า เวลาผกก.การสร้างหนังหรือละครดัดแปลงจนเรื่องที่ออกมาต่างจากนิยายไปมาก
อย่างนี้เขาต้องคุย หรือ "ต่อรอง" กับเจ้าของบทประพันธ์ก่อนหรือเปล่า อำนาจต่อรองจะเป็นของนักเขียน
หรือนักสร้างหนัง ใครจะเสียงดังกว่าในการพูดว่า "Take it or leave it" กันแน่

 http://www.atriumtech.com/cgi-bin/hilightcgi?Home=/home/InterWeb2000&File=/home2/searchdata/Forums/http/
www.pantip.com/cafe/chalermthai/topicstock/
A2496266/A2496266.html&Query=เลือกตัวแสดงไม่ตรงกับบุคลิกที่นักประพันธ์เขียนเอาไว้เลย

อ่านกระทู้นี้ แล้วจะหายสงสัยได้ครึ่งหนึ่งค่ะ
บันทึกการเข้า
ภูมิ
แขกเรือน
ชมพูพาน
***
ตอบ: 196


ความคิดเห็นที่ 97  เมื่อ 02 ก.พ. 06, 11:21

 เรื่องลิง
ผมก็ยังรักที่จะเชื่อว่า
ไม่ว่าสิ่งแวดล้องจะเป็นอย่างไร ผู้เข้มแข็งก็ยังเป็นผู้เข้มแข็งเสมอ

ลิงตัวที่ 31 อาจไม่ใช่ ลิงตัวที่100 อาจไม่ใช่ แต่อาจมีลิงตัวที่1000000(วายา) โพล่มาก็ได้
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 98  เมื่อ 02 ก.พ. 06, 11:35

 นึกว่ากระทู้นี้จะจบแล้วก็เลยไม่ได้เข้ามาส่งข้อความ
พอดีเห็นว่ายังไม่จบ เลยเข้ามาเพิ่มเติมข้อมูล

เรื่องเรตติ้ง  เป็นยังงี้ค่ะ สอบถามจากคนทำงานเบื้องหลัง
1 = 400,000 คน
ละครหลังข่าวช่อง 7 เรตติ้งโดยเฉลี่ย สูงถึง 11-12  คนดูก็ราว 4,400,000-4,800,000 คน
สัปดาห์ไหนมีเหตุการณ์ตื่นเต้น ระทึกใจ เรตติ้งก็พุ่งสูงกว่านี้อีก

ปีที่ผ่านมาช่อง 3 ทำสถิติสูงสุดจากราชินีหมอลำ (หรือเรื่องไหนคะที่จินตะหราเล่น  จำชื่อไม่ได้)
เท่ากับมีคนดู 8,000,000 คน
เรตติ้งเป็นเครื่องกำหนดความเชื่อถือของสปอนเซอร์ ที่จะสร้างกำไรหล่อเลี้ยงสถานีให้คงอยู่และก้าวหน้าต่อไป

เพราะฉะนั้นเมื่อเสียงมหาชนคือเสียงชี้ขาดในระบอบประชาธิปไตย   เราก็คงจะได้ดูละครตามแนวนิยมของมหาชนไปอีกนานนนนนน
บันทึกการเข้า
B
แขกเรือน
ชมพูพาน
***
ตอบ: 148


ความคิดเห็นที่ 99  เมื่อ 02 ก.พ. 06, 12:07

 ละครเรื่องเกี่ยวกับการฆาตกรรมบนเรือที่คุณฉัตรชัยเล่นกับคุณดวงตา ตุงคะมณี และคุณกาญจนา จินดาวัฒน์ เมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว คือเรื่อง ทะเลเลือด ค่ะ คุณ MathGuy

ถ้าจำไม่ผิด บทละครดัดแปลงมาจากนิยายสืบสวนสอบสวนของต่างประเทศค่ะ
บันทึกการเข้า
Nuchana
สุครีพ
******
ตอบ: 979


ความคิดเห็นที่ 100  เมื่อ 19 ก.พ. 06, 10:17

 เมื่อคืนออกไปที่โต้รุ่ง เห็นโทรทัศน์เครื่องไหนๆ ก็เปิดแต่ "แคนลำโขง" ดิฉันอยากจะสรุปว่านิยายเกรดสอง
เกรดสาม หยิบมาทำละคร อาจทำเงินได้ง่ายกว่านิยาย "เกรดเอ" มังคะ
บันทึกการเข้า
paganini
องคต
*****
ตอบ: 406

ทำงาน


ความคิดเห็นที่ 101  เมื่อ 19 ก.พ. 06, 10:43

 คุณ B ครับ นิยายเรื่องนั้นเป็นนิยายนักสืบเฮอร์คูล ปัวโรท์ ของอกาธาคริสตี้ครับ ชื่อฝรั่งจำไม่ได้เพราะอ่านตอนเด็กๆ แต่ชื่อไทยว่าแม่น้ำสีเลือด
ว่ากันว่าเป็นเรื่องของ ปัวโรท์ ที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งเลยครับ

คุณพี่ นุชนา
ขอไม่เห็นด้วยกันการสรุปนะครับ แถมด้วยคำถาม
1. คุณพี่เอาอะไรมาวัดว่าแคนลำโขงนี่เป็นนิยายเกรด สองเกรด สามครับ
2. คนที่เขานิยมอาจจะเป็นคนละกลุ่มกับพี่นุชนาก็ได้  ผมนั่งเทียนเอาว่า ถ้าคนอีสานของเราดูละครที่มีเรื่องราวใกล้เคียงกับบ้านเกิดของเขา เขาย่อมชอบที่จะดูเป็นธรรมดา
3. หรือถ้าไม่เกี่ยวกับท้องถิ่น เนื้อหาของเรื่องนี้อาจจะดีจริงจับใจคนทั่วไป แต่ว่าไม่อยู่ในสายตาอันสูงส่งของพี่นุชนาก็เป็นได้นะครับ
บันทึกการเข้า
Nuchana
สุครีพ
******
ตอบ: 979


ความคิดเห็นที่ 102  เมื่อ 19 ก.พ. 06, 11:23

 ลืมไปค่ะ...ควันหลงจากเมื่อคืน

เผอิญเป็นคนไม่ค่อยจะดูโทรทัศน์ เมื่อคืนนั่งเมาท์กับพี่สาวอยู่ หลานสาวอายุสามขวบกำลังจะหลับ
เผอิญไตเติลของเพลงแคนลำโขงขึ้นมา มีพระเอกลิเกหรือไงไม่ทราบ หน้าขาว คมเข้ม ขึ้นมาร้องเพลง
เจ้าเด็กน้อยก็กระเด้งขึ้นมาจ้องโทรทัศน์ทันที พี่ก็เล่าว่าดูเรื่องนี่สิ เพลงเพราะๆทั้งนั้น
จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าสมัยก่อน มีหนังเรื่องหนึ่งที่มีเด็กไม่มีแม่ แล้วไปดูดนมจากเต้านมโค
ก็เลยถามพี่ว่าใช่เรื่องกินนมจากเต้าไหม เขาบอกว่าคนละเรื่องกัน เรื่องนี้นพพล กำกับ ขายเทปกระฉูดนี่

ไม่ชอบดู...จึงเดินออกมาข้างนอก จะไปดูข่าว เห็นแม่ครัวและใครหลายคนนั่งหน้าจอดูแคนลำโขง
ดิฉันจะแย่งทีวี แต่แย่งไม่สำเร็จ เลยขึ้นไปดูข้างบน อ้าว แคนลำโขงอีก เลยขับรถไปโต้รุ่ง ไม่ว่ากี่จอต่อกี่จอ
ผู้คนดูเรื่องนี้ทั้งหมด
****
พี่เขาเลคเชอร์ให้ฟังว่าตามความเห็นของเขา นิยายเกรดหนึ่งคือเรื่องที่ลงตามสกุลไทย
พอมาถึงเกรดสอง เกรดสาม คือที่ลงตามนิตยสารดาราภาพยนต์ ภาพยนต์บันเทิง ทำนองนั้น
พี่เล่าว่าดูสิ นิยายบางเรื่องสนุกมากๆ เช่น เพชรพระอุมา แต่ไม่มีใครหยิบไปสร้างหนังเท่าไร เพราะสร้างยาก
เรื่องสี่แผ่นดิน ทวิภพ แต่ปางก่อน น่าจะสร้างยากกว่าแคนลำโขง แต่เรื่องหลังอาจจะทำเงินได้มากกว่า
(เมื่อรวมเงินขายเทปไปด้วย)

ความเห็นที่โพสต์ไปมาจากบทสนทนาของเราเมื่อคืนนี้ค่ะ ยังไม่ทันลบจากเมโมรี ไม่ตั้งใจจะว่าว่า
คนกลุ่มใด ไฮคลาส โลวคลาส ส่วนตัวพี่สาวอ่านหนังสือเยอะมาก อ่านจนเกลี้ยงห้องสมุดโรงพยาบาล
อ่านหนังสือแปล นิยายแทบทุกเรื่อง และนิตยสารแทบทุกฉบับ แม้แต่ดาราภาพยนต์ คู่สร้างคู่สม ฯลฯ
ช่วงที่พี่ต้องมาสอนหนังสือให้นิสิตคณะแพทย์ วังหลัง แกจะยืมนิยายที่ห้องสมุดศิริราช กลับบ้านครั้งละหลายเล่ม
แกไม่เคยเสียเงินซื้อหนังสือเลยสักบาท คนนี้ล่ะติดแดจังกึม งอมแงม ใครแย่งทีวีไม่ได้ คนนี้ล่ะค่ะ.. น้ำเน่าตัวจริง
บันทึกการเข้า
paganini
องคต
*****
ตอบ: 406

ทำงาน


ความคิดเห็นที่ 103  เมื่อ 19 ก.พ. 06, 17:38

 ตอบพี่นุชนาครับ

ผมว่านิยายที่ลงวารสารอะไรซํกอย่างแล้วไปให้เกรดนี่มันเป็นแค่มุมมองเดียวนะ มันไม่ได้รับประกันอะไรหรอกครับ
ผมคิดว่าบางทีเรื่องศิลปะและวรรณกรรมเป็นเรื่องของรสนิยมเหมือนกัน ยากที่จะจำแนกแจกแจงตามวัดระดับสูงต่ำ รสนิยมของใครคนใดคนหนึ่งได้ อย่างมากก็เพียงแค่จัดแจงให้มันอยู่ประเภทไหนเท่านั้น

พี่ของพี่นุชนาบอกว่า เพชรพระอุมาเป็นนิยายที่ดีและสนุก แต่ผมว่า มันสนุกแค่ครึ่งเดียวอีกครึ่งถูกยืดเพื่อเหตุผลทางเศรษฐกิจ คุณค่าทางวรรณศิลป์แย่มาก  แต่ที่คนไม่เอาทำหนังซํกเท่าไหร่ก็คงเป็นเพราะทำยากครับ จะเอาสัตว์มาเข้าฉากได้ไง ต้นทุนคงบานเบอะ
บันทึกการเข้า
แพร
อสุรผัด
*
ตอบ: 33

doing MSc @ LSE, London


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 104  เมื่อ 19 ก.พ. 06, 18:54

ยังเข้ามาแอบฟังอยู่เหมือนกันค่ะ
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 5 6 [7] 8
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.076 วินาที กับ 19 คำสั่ง