เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 4 5 [6] 7
  พิมพ์  
อ่าน: 106965 'เสด็จ' ในเรื่องสี่แผ่นดิน
Nuchana
สุครีพ
******
ตอบ: 979


ความคิดเห็นที่ 75  เมื่อ 19 ต.ค. 05, 21:57


สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงฯ ตามคำบรรยายบอกว่าทรงฉายเมื่อ ปี พ. ศ. 2404
(ไม่แน่ใจว่า source ระบุปีผิดรึเปล่าค่ะ)

พระองค์จะทรงพระภูษาเช่นนี้ ทุกวันหรือไม่ค่ะ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 76  เมื่อ 20 ต.ค. 05, 10:14

 เรื่องการแต่งพระองค์ประจำวันคงต้องถามคุณ V_Mee คุณ UP หรือคุณหยดน้ำ
ดิฉันก็ไม่ทราบว่าทรงอย่างนี้ทุกวันหรือไม่  

คุณ V_Mee  คะ
ดิฉันไปเจอบันทึกของ ม.ร.ว. เทวาธิราช ป. มาลากุล สมุหราชพิธีประจำรัชกาลที่ 6 7 8 และ 9 เลยคัดบางตอนมาให้อ่าน

ท่านเล่าถึงเหตุการณ์วันสวรรคตในรัชกาลที่ 5
ตอนนั้นท่านอายุยังน้อย เพิ่งกลับจากต่างประเทศ  ยังไม่ทันเข้ารับราชการ แต่ฝึกหัดติดต่อกับกรมพระราชพิธีกระทรวงวัง

ท่านเล่าถึงการแต่งกายไว้ทุกข์ของประชาชนว่า
"ในวันนั้น พอสาย  เมื่อประชาชนได้ทราบข่าวสวรรคตกันแล้ว   ดูตระหนกตกใจและเศร้าโศกกันมาก   แลไปทางไหนเห็นแต่สีดำอันเป็นเครื่องแต่งกายของประชาชนแทบทั่วทั้งเมือง
ทั้งนี้เป็นโดยสมัครใจของเขาเอง   ไม่มีการบังคับอย่างหนึ่งอย่างใด
เขารักพระมหากษัตริย์ของเขา   เขาก็แสดงออกไปเช่นนนั้นโดยสุจริตกรรม  
และเป็นการสมควรแท้ที่ประชานถวายพระนามสมเด็จพระมหากษัตริย์ของเขา พระองค์นั้น ว่า
"สมเด็จพระปิยมหาราช"
เป็นอันยุติกันว่า ในวันเสด็จสวรรคต ประชาชนแต่งดำ  ไม่ได้แต่งขาว
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 77  เมื่อ 21 ต.ค. 05, 09:23

 จาก สี่แผ่นดิน

ในปทานุกรมของชาววังนั้น  คำว่า "เพื่อน" ไม่มีปรากฏ    ถ้าจะมีก็ต้องบอกให้ชัดว่าเป็นเพื่อนอะไร   เป็นต้นว่า เพื่อนเล่น เพื่อนคุย
ถ้าบอกว่าใคร เป็น "เพื่อน" กับใครๆ  เป็นเกิดเหตุ  
ฉะนั้น พลอยกับช้อยจึงเป็น "คนรู้จักชอบพอกันมาแต่เด็กๆ" ไม่ยอมพูดว่าเป็นเพื่อนกันเป็นอันขาด
สำหรับพลอยนั้นถ้าใครมาทอดสะพานชวนเป็นเพื่อน   พลอยก็วิ่งหนีทุกครั้งไป
ส่วนช้อยนั้น  ใครขืนมาท่านั้นเป็นเจ็บตัว  เพราะช้อยด่าให้เจ็บๆ

เพื่อน ภาษาชาววัง หมายถึงเลสเบี้ยน   มาชวนเป็นเพื่อนก็คือมาชวนเป็นทอมกับดี้กัน
การเล่นเพื่อนของสาวชาววังเป็นสิ่งแพร่หลาย  บันทึกไว้ในวรรณคดีไทยหลายเล่ม  อาจจะเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วสำหรับผู้หญิงที่อยู่กันเป็นหมู่มากๆ ไม่มีโอกาสพบปะเพศตรงข้าม  
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ ถึงกับทรงกำชับพระราชธิดาไว้ว่า ถ้าจะมีพระสวามีก็มีไป แต่อย่าเล่นเพื่อน แสดงว่าการเล่นเพื่อนคงเป็นเรื่องรู้กันมาดี   แม้เป็นเรื่องผิดก็ยังละเมิดกันอยู่
บันทึกการเข้า
ดารากร
อสุรผัด
*
ตอบ: 47

นักศึกษาคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์


ความคิดเห็นที่ 78  เมื่อ 21 ต.ค. 05, 19:33

 คุณเทาชมพูยกประเด็นนี้ขึ้นมา ทำให้ดิฉันนึกถึงเรื่องหม่อมสุดกับหม่อมขำหรือที่รู้จักกันดีในชื่อ "คุณโม่งกับหม่อมเป็ด"  ข้าหลวงในกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ พระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวค่ะ ที่ชาววังในสมัยก่อนโจษจันกันถึงขนาดนำไปขับเสภากันทีเดียว

หม่อมสุดได้รับสมญาว่า คุณโม่ง เพราะว่า
"เอาแพรเพลาะหอมกรอมหุ้มกันคลุมโปง
จึงตรัสเรียกว่าคุณโม่งแต่นั้นมา"

ส่วนหม่อมขำ ได้รับสมญาว่าหม่อมเป็ด เนื่องจาก
"เดินเหินโยกย้ายส่ายกิริยา
จึงชื่อว่าหม่อมเป็ดเสด็จประทาน"
บันทึกการเข้า
vun
พาลี
****
ตอบ: 374


ความคิดเห็นที่ 79  เมื่อ 21 ต.ค. 05, 23:23

 หม่อมสุด ก็คือ คุณโม่ง เดิมเป็น หม่อมห้าม ในกรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพ (เป็นวังหน้าและพระโอรสของรัชกาลที่ 3) เมื่อกรพระราชวังบวรฯ สวรรคตแล้วจึงเข้ารับราชการในพระบรมมหาราชวังอยู่ที่ตำหนักกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ
บันทึกการเข้า
Nuchana
สุครีพ
******
ตอบ: 979


ความคิดเห็นที่ 80  เมื่อ 23 ต.ค. 05, 12:47

 เรื่องสี่แผ่นดิน และละครแห่งชีวิต มีความเป็นวรรณกรรม "ร่วมสมัย" ดิฉันอยากทราบว่า

หลังจากคลื่นนักเรียนนอกได้ทยอยกลับสู่สยามประเทศตั้งแต่ปลายรัชสมัย ร.5 ต่อ ร. 6 เป็นต้นมา ถึงราว พ.ศ. ใด
ที่ "โพลีแกมี" ในสังคมไทยเริ่มซาลง (just a halt would do, ไม่ต้องถึงกับ complete stop หรอกค่ะ)

เห็นคุณเปรม ก็ไม่มีนางเล็กๆ
เห็นพระองค์จุล ก็ไม่ทรงมีเหมือนกัน
ขอบคุณค่ะ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 81  เมื่อ 25 ต.ค. 05, 13:22

Polygamy =The condition or practice of having more than one spouse at one time. Also called plural marriage. ( การมีคู่สมรสมากกว่าหนึ่งในเวลาเดียวกัน)

ไม่รู้จะตอบยังไงค่ะว่ามันซาลงในยุคไหน   เพราะตามความรู้สึกของดิฉัน จนปี ค.ศ. 2005 แล้วก็ยังไม่เห็นซาลง   เพียงแต่ไม่เปิดเผย ออกหน้าออกตาเป็นทางการอย่างเมื่อก่อน   โดยมากก็แค่รู้ๆกันในหมู่เพื่อนฝูงญาติมิตร  

ถ้าจะเอาเกณฑ์มาตรฐานอะไรสักอย่างมาวัดมากกว่าความรู้สึก คงจะต้องกฎหมายมั้งคะ     มีกฎหมายไทยออกมาให้ชายไทยมีภรรยาถูกต้องตามกฎหมายได้คนเดียว ดูเหมือนจะหลังพ.ศ. 2475  
ถ้าคุณ UP หรือท่านอื่นๆที่ทราบเรื่องกฎหมาย  ช่วยเข้ามาเพิ่มเติมหรือแก้ไขให้ถูกต้องด้วยจะเป็นพระคุณ

คุณเปรม ท่านเป็นพระเอกนิยาย   จะรักเดียวใจเดียวกับแม่พลอยก็ไม่แปลก  (แม้ว่าก่อนแต่งท่านแอบมีเมียบ่าวในบ้านไว้คนหนึ่งก็เถอะ)   แต่ผู้ชายร่วมสมัยกับคุณเปรม มีฐานะในสังคมสูง หรือร่ำรวยมีอำนาจ ในโลกของความเป็นจริง ส่วนใหญ่ทำตรงกันข้าม    
ส่วนพระองค์จุลฯ ท่านทรงใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในต่างประเทศ ก็อาจทรงยึดขนบธรรมเนียมของยุโรป ที่มีภรรยาคนเดียว  หรืออาจจะเป็นพระนิสัยที่ท่านทรงรักและซื่อสัตย์ต่อหม่อมเอลิซาเบธ  
เจ้านายพระองค์อื่นมิได้ทรงยึดถือตามนี้    คุณ Nuchan ลองย้อนหากระทู้เจ้าดาราทองอ่านดูก็ได้ค่ะ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 82  เมื่อ 25 ต.ค. 05, 13:27

 เรื่องสาวชาววังเลสเบี้ยน  เห็นคุณติบอเคยส่งข่าวมา
ตั้งท่าจะเล่าแล้วก็เงียบไป  
ถ้าจะเล่าก็เชิญตั้งกระทู้ใหม่ได้เลยค่ะ  
บันทึกการเข้า
UP
แขกเรือน
องคต
*****
ตอบ: 516


ความคิดเห็นที่ 83  เมื่อ 25 ต.ค. 05, 14:59

 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๕ ครอบครัว นั้น ประกาศใช้เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๔๗๗ หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองแล้ว ๒ ปีครับ

มาตรา ๑๔๕๒ บัญญัติว่า "ชายหรือหญิงจะทำการสมรสในขณะที่ตนมีคู่สมรสอยู่ไม่ได้"

นับเป็นจุดสิ้นสุด Polygamy โดย "นิตินัย" ในประเทศไทยครับ

แต่โดย "พฤตินัย" นั้นเห็นจะไม่มีวันสิ้นสุดกระมังครับ

อนึ่ง แนวคิดและการพยายามให้ประเทศไทยเป็น Monogamy เห็นจะเริ่มขึ้น และเด่นชัดมากในแผ่นดิน พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเริ่มขึ้นจากการจดทะเบียนสมรสก่อน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการบังคับให้มีผัวเดียวเมียเดียว

ในพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๖ เรื่อง "โคลนติดล้อ" บท ๘ ได้ทรงกล่าวถึงการจดทะเบียนสมรสไว้ว่า

"อีกประการหนึ่ง ทั้งในกองทัพบกและในพระราชสำนักในเวลานี้มีกฎข้อบังคับในเรื่องการจดทะเบียนภรรยาแล้ว และข้าพเจ้าเชื่อแน่ว่า ถ้าสาธารณชนแสดงความปรารถนาที่จะให้มีการจดทะเบียนภรรยาสำหรับใช้ทั่วไปแล้ว รัฐบาลก็คงจะรีบจัดการออกกฎหมายในเรื่องจดทะเบียนการแต่งงาน ซึ่งข้าพเจ้าได้ทราบว่ารัฐบาลกำลังดำริอยู่แล้ว"
บันทึกการเข้า
UP
แขกเรือน
องคต
*****
ตอบ: 516


ความคิดเห็นที่ 84  เมื่อ 25 ต.ค. 05, 15:10

 คุณเปรมของแม่พลอยนั้น เป็นข้าราชการในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวอย่างเต็มตัว และเคารพบูชาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์นั้นเป็นอย่างยิ่ง

คิดเล่นๆ ว่าคุณเปรมคงมีโอกาสได้อ่านพระราชนิพนธ์เรื่องโคลนติดล้อ บท ๘ ที่ทรงตำหนิการมีเมียลับๆ หรือการไปมีสัมพันธ์กันอย่างชั่วครั้งชั่วคราวเป็นแน่ ทำให้ทราบพระราชนิยมในรัชกาลนี้อย่างแจ่มชัดและถือปฏิบัติกับครอบครัวของเธอเอง ไม่ให้ยอมตกอยู่ใต้อารมณ์ที่จะชักจูงให้ไปมีนางเล็กๆ ที่ไหนเลย

ขอเชิญพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๖ เกี่ยวกับการ "แต่งงานชั่วคราว" มาให้อ่านกัน ดังนี้

"....ข้าพเจ้าปรารถนาที่จะพูดกับท่านผู้มีสติปัญญาความคิดและซึ่งความเห็นมีน้ำหนัก ท่านเห็นว่าเป็นของควรแหละหรือ ที่เมืองไทยอันเป็นประเทศที่รุ่งเรืองแล้วในหมู่ประเทศทั้งหลาย จะยังคงมีหลักแห่งสกุลวงศ์ง่อนแง่นอยู่เช่นนี้ ถ้าเราจะทำให้กิจการภายในครอบครัวของเราแน่นหนากว่าการแต่งงานชั่วคราวไม่ได้แล้ว นามสกุลใหม่ของเราจะมีประโยชน์อะไรเล่า ? เมื่อไม่มีความมั่งคงตราบใด สมบัติและเกียรติคุณแห่งสกุลวงศ์ของเราก็ไม่ปราศจากอันตรายได้ตราบนั้น ลักษณะแห่งการแต่งงานกันโดยธรรมดาโลกนั้นย่อมขัดกับทางจรรยา ข้อนี้ย่อมปรากฏแก่คนทั้งปวง เพราะเหตุเป็นเครื่องบำรุงความชั่วร้ายหลายอย่าง มีการร่วมประเพณีปนเปและการทำชู้เป็นต้น ทั้งเปิดประตูให้แก่หญิงแพศยาได้เข้ามาในสมาคมแห่งหญิงผู้ดี และให้โอกาสแก่หญิงเถื่อนเหล่านี้มาล่อลวงชายหนุ่มๆ ที่จะเป็นคนดีให้ฉิบหายขายตนไปมากแล้ว

ท่านจะไม่คิดถึงบุตรหญิงและบุตรชายของท่านซึ่งจะเป็นผู้รับรักษาเกียรติคุณแห่งชาติไทยต่อไปบ้างหรือ ? ท่านทั้งหลายจะไม่ช่วยกันขัดขวางไม่ให้เขาฆ่าชาติของเขาเสียเองหรือ ? ท่านจะไม่ช่วยกันทำลายความประพฤติอันลามกไม่มีอายซึ่งมีอยู่ในหมู่เราโดยเปิดเผยหรือ ?

ขอจงสงสารผู้หญิงและเด็กสาวของเราบ้าง ขอจงช่วยให้เขาได้รับความยุติธรรมและเสมอภาค ขอจงช่วยให้เขาได้รับเกียรติยศอย่างที่เขาควรจะได้ในฐานะที่จะเป็นมารดาแห่งชาติเรา ขอจงช่วยให้เขาได้รู้สึกความภูมิใจในนามว่าภรรยา โดยใช้ศัพท์อันนี้ในทางที่ควรเถิด ! ถ้าท่านทั้งหลายได้ช่วยกันทำให้สำเร็จแล้ว ก็จะเป็นข้อที่เราทั้งหลายควรจะรู้สึกภาคภูมิใจได้อันหนึ่งโดยแท้"
บันทึกการเข้า
UP
แขกเรือน
องคต
*****
ตอบ: 516


ความคิดเห็นที่ 85  เมื่อ 25 ต.ค. 05, 15:12

 ขอเสริมความในย่อหน้า ๒ สักนิดนะครับ

....ทำให้ทราบพระราชนิยมในรัชกาลนี้อย่างแจ่มชัดและถือปฏิบัติกับครอบครัวของเธอเอง ไม่ให้ยอมตกอยู่ใต้อารมณ์ที่จะชักจูงให้ไปมีนางเล็กๆ ที่ไหนเลย "นับแต่มีแม่พลอย"
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 86  เมื่อ 25 ต.ค. 05, 16:50

 ทัศนะเรื่อง polygamy ของคนในสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นยังไง  
อาจจะลองพิจารณาดูได้จากความเห็นของเสด็จ เมื่อทรงทราบว่าคุณเปรมมีเมียและมีลูกอยู่ในบ้านแล้วอย่างไม่เปิดเผย
***************
พอช้อยทูลเรื่องตาอ้น  ก็กริ้วแหวทีเดียว  รับสั่งว่าถ้าทรงทราบเรื่องนี้ก่อนจะไม่ประทานอนุญาตให้พลอยแต่งกับคุณเปรมเป็นอันขาด
เรื่องแม่ของตาอ้น เสด็จก็กริ้วอีก รับสั่งว่าคงจะต้องออกจากบ้านไปเพราะคุณเปรมไล่  เพื่อจะได้แต่งงานกับพลอยเท่านั้นเอง

" คุณเปรมบอกว่าเขาออกไปมีสามีใหม่โดยสมัครใจมังคะ"

" ฮ้าย! ข้าไม่เชื่อ" เสด็จรับสั่ง "นี่คงไล่มันออกจากบ้าน พรากแม่พรากลูกมันหรอก   นึกว่ามีเงินจะทำอะไรก็ทำได้  
ข้าสงสารอีนังผู้หญิงคนนั้นมันออก   นี่ป่านนี้จะไปถูกข่มเหงที่ไหนอีกก็ไม่รู้
ธรรมดาคนในบ้าน เมื่อมันมีลูกก็ต้องเลี้ยงดูมันไป  จะเป็นอะไรหนักหนา  
คนอย่างเจ้าเปรมจะมีเมียหลายคนก็ยังได้  นางพลอยยังคงไม่หึงหรอก  
 แต่นี่ใจร้าย  ชอบใจขึ้นมาก็เอาเป็นเมีย  ไม่ชอบใจก็เฉดหัวไป   ข้าเกลียดขี้หน้าเสียจริงทีเดียว  คนอะไรก็ไม่รู้  
นางพลอยระวังตัวให้ดีเถิด ต่อไปมันเบื่อเจ้าขึ้นมา  มันก็จะไล่เสียอีกคน  แล้วเจ้าก็จะต้องวิ่งกลับเอาลูกมาให้ข้าเลี้ยงอย่างแม่เจ้าอีกน่ะแหละ ข้ากลุ้มใจนัก"

ถ้ามองตามทัศนะนี้  ดิฉันตีความว่าค่านิยมในสมัยนั้นน่าจะเป็นทำนองนี้
1  polygamy  เป็นเรื่องธรรมดาของชายเจ้าของบ้าน
2   สามีที่มีฐานะดี   มี polygamy ถือว่าไม่ใจร้ายเท่ากับเลิกจากคนที่หนึ่งเพื่อมีคนที่สอง  หรือเลิกกับคนที่สองเพื่อมีคนที่สาม
3   ภรรยาที่ดีย่อมไม่หึงหวงพฤติกรรม polygamy ของสามี
4   ภรรยาที่อยู่กับสามีที่มี polygamy เป็นเรื่องดีกว่าต้องแยกทางไปเลี้ยงชีพคนเดียว
5   แม่มักไม่สามารถเลี้ยงลูกได้ตามลำพัง ในกรณีเลิกร้างกับสามี   ถ้าอยู่ในภาวะ polygamy จะดีกว่า

ไม่ได้หมายความว่าคิดกันยังงี้ทุกบ้าน  แต่อย่างน้อยความคิดแบบนี้ก็คงมีกันแพร่หลายเป็นที่ยอมรับ  เสด็จจึงทรงเห็นอย่างนี้

ผลดีของการอยู่แบบ polygamy คือผู้ชายได้ความพอใจที่มีหญิงได้หลายคนพร้อมกัน   แต่เขาก็มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบเลี้ยงดูทุกคน เป็นการแลกเปลี่ยนความพอใจ    
ส่วนผู้หญิงที่อยู่ในระบบนี้ ได้ความมั่นคงทางด้านการเงิน ความเป็นอยู่ และการเลี้ยงดูลูก เป็นการตอบแทน
บันทึกการเข้า
Nuchana
สุครีพ
******
ตอบ: 979


ความคิดเห็นที่ 87  เมื่อ 26 ต.ค. 05, 10:01

 ขอขอบพระคุณสำหรับคำอธิบายเพิ่มเติมค่ะ นึกๆดูก็ขันค่ะ นักเรียนนอกยุคเก่า ต้องการเป็นคนหัวใหม่
เปิดรับวิทยาการแบบใหม่ การปกครองแบบใหม่ แต่พอถึงเรื่องในเรือน กลับยังนิยมฮาเร็มแบบเก่า
เท่ากับเลือกรับเอาแต่วิถีที่ยังความพอใจสูงสุด ดิฉันตั้งข้อสังเกต 2 ข้อ
1. คุณชายคึกฤทธิ์ ท่านใส่รายละเอียดให้ตัวละครของท่าน ชนิดไม่ให้ "ปีน" กับประวัติศาสตร์
เหมือนที่คุณ UP กล่าวใน ค.ห.ที่ 87

ดิฉันยังนึกถึงตอนตาอ้นไปติดตะรุเตา สงสัยว่าท่านจะเลียนแบบ "เสด็จกรมขุนชัยนาทฯ" หรือเปล่า
แต่พอค้นดู จึงทราบว่านักโทษการเมืองสมัย 2480 ที่ถูกส่งไปสตูลมีไม่น้อยทีเดียว

2. เวลาฝ่ายชายจะมีหม่อมคนใหม่ ต้องปรึกษาหม่อมแรก หรือให้หม่อมแรกยินยอมก่อนไหมค่ะ
เห็นหม่อมเก่ากับหม่อมใหม่สมานฉันท์กันดีเหลือเกินค่ะ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 88  เมื่อ 26 ต.ค. 05, 10:47

คุณ Nuchan คะ   ดิฉันเข้าใจว่าในบรรดาพระเจ้าลูกยาเธอในรัชกาลที่ 5 มี 2 พระองค์เท่านั้นที่ ทรงมี"คู่สมรส" หนึ่งเดียว
คู่แรกคือสมเด็จพระมหิตลาธิเบศรฯ เจ้าฟ้ากรมหลวงสงขลานครินทร  และสมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี
คู่ที่สองคือสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาชัยนาทนเรนทร  กับหม่อม Elizabeth Scharnberger

ผิดถูกยังไงขอผู้รู้มาอธิบายอีกทีนะคะ

การครองเรือนในสมัยนั้นมีระบบอาวุโส    โดยมากภรรยาเอก มีอำนาจในเรือนสูงสุด    ผู้มาทีหลังก็ต้องเคารพนบนอบและยอมรับฐานะที่ด้อยกว่า  
ภรรยาเอกบางคนก็หาเมียน้อยให้สามีเสียเอง  เพื่อสะดวกในการปกครอง
แต่ความไม่สมานฉันท์ก็มีอยู่ให้เห็น อย่างในสี่แผ่นดินก็กรณีแม่แช่ม แม่ของพลอย คุณหญิงเอื้อมภรรยาเอกของเจ้าคุณพ่อของพลอย แยกทางกับสามีเพราะหึงแม่แช่ม
อย่างในเรื่องจริงก็กระทู้ที่เราเพิ่งจบกันไป   หม่อมแม่ของหม่อมเจ้าอากาศดำเกิงไงคะ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 89  เมื่อ 26 ต.ค. 05, 10:51

 นักโทษการเมืองจากคดีกบฎบวรเดช มีชะตากรรมที่น่าสงสารมาก   คุณ Nuchan อาจจะหาอ่านได้ในหนังสือชีวประวัติหลายเล่ม  
ดิฉันเคยอ่านจากชีวประวัติของคุณสอ เสถบุตร  เป็นหนังสือที่ระลึกในงานศพของท่าน
บันทึกของพระยาศราภัยพิพัฒน์ ก็เป็นหนังสือที่มีคุณค่าอย่างยิ่งเล่มหนึ่ง
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 4 5 [6] 7
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.065 วินาที กับ 19 คำสั่ง