นนทิรา
มัจฉานุ
 
ตอบ: 77
|
ความคิดเห็นที่ 60 เมื่อ 13 ธ.ค. 05, 03:25
|
|
ขอกราบแสดงความยินดีกับอาจารย์เทาชมพูด้วยค่ะ อากาศหนาวๆแบบนี้ เวลาออกนอกบ้านต้องพันคอให้อบอุ่นนะคะ ถ้าเริ่มเจ็บคอก็ดื่มชา Chamomile อุ่นๆทั้งวันเลยค่ะ ชา Chamomile นี่สารพัดประโยชน์มากๆ และหาซื้อง่ายด้วยค่ะ ในซุปเปอร์มาร์เก็ตไหนๆก็มี
รูปสวยจังเลยค่ะอาจารย์ ท้องฟ้าก็ฟ้าได้ใจจริงๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
Nuchana
|
ความคิดเห็นที่ 62 เมื่อ 13 ธ.ค. 05, 11:59
|
|
รูปสวยมากค่ะ ดูสงบ แต่อ้างว้าง
ดิฉันคุ้นเคยกับการอาศัยในเมืองที่มีประชากร 7 แสนคน อยู่หลายปี พอไปเรียนที่เมืองมหาวิทยาลัยซึ่งมีประชากร 5 หมื่นคน (ครึ่งคือนักศึกษา) ช่วงฤดูหนาวนักเรียนไทย และฝรั่งกลับบ้านกันหมด เมืองทั้งเมืองยังกะเมืองร้าง แคมปัสไม่มีคน
คริสต์มาสอีฟ ปีนั้นหดหู่เหลือเกิน ความเหงาเป็นศัตรูตัวฉกาจ เห็นหิมะตก แล้วขวัญผวาอีกหลายปี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 63 เมื่อ 14 ธ.ค. 05, 14:39
|
|
ใครมาเดินที่ศูนย์การค้าในเมืองนี้อาจจะตกใจว่าทำไมมันว่างเปล่านัก ผู้คนโหรงเหรง ผิดกับซูเปอร์มาเก็ตที่ผู้คนมาจับจ่ายซื้อของกันคึกคักกว่ามาก ไม่ใช่ว่ามันเป็นเมืองเล็ก แล้วคนแห่ไปเมืองใหญ่ เคยไปเดินในเมืองใหญ่ ก็พอๆกันละค่ะ
ตอนนี้ร้านรวงกำลังตกแต่งรับคริสต์มาส แต่เมื่อเทียบกับของไทยแล้ว ห้างใหญ่ๆในกรุงเทพตกแต่งสวยกว่าเยอะ
ชาวบ้านแถวนี้ไม่ค่อยซื้อเสื้อผ้ากันนัก กี่สิบปีแฟชั่นก็ไม่เปลี่ยน ของยืนพื้นคือกางเกงยีนส์ 100 คนที่เจอ นุ่งกางเกงยีนส์เสีย 99 คน ทั้งชายหญิง อีกหนึ่งที่ยกเว้นคือคุณยายอายุไม่ต่ำกว่า 80 เธอถึงจะนุ่งกางเกงแบบสแลค
เสื้อประจำของเขาก็คือเสื้อยืดในหน้าร้อนและเสื้อไหมพรมถักในหน้าหนาว มีเสื้อสกีแจ็กเก็ตผ้าร่ม ซับในหนา ทับอีกที ถ้าอากาศหนาวจัด แฟชั่นสวยๆอย่างบ้านเราไม่ค่อยมี ผู้หญิงในเมืองนี้ไม่แต่งหน้าและไม่ทำผม ซอยก็ซอยเฉยๆ หรือปล่อยยาว มัดไว้ง่ายๆ
แต่คนอเมริกันชอบแต่งบ้าน ร้านขายของแต่งบ้านเปิดกันหนาตา เช่นเดียวกับร้านหนังสือ ของแต่งบ้านรับคริสต์มาสวางขายกันเต็มไปหมด เช่นเดียวกับของขวัญ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 64 เมื่อ 16 ธ.ค. 05, 00:41
|
|
เมื่อวานไปเดินเล่นในศูนย์การค้าที่เปิดใหม่ในเมือง Boulder ชื่อ Fortiron (อ่านว่าฟอร์ตไออ้อน หรือจะกระดกลิ้นให้คล้ายฝรั่งกว่านี้ ก็เป็นฟอร์ตไอเอิ้น)
ศูนย์การค้าที่นี่มักจะอยู่นอกเมือง ไกลออกไปจากตัวเมืองหลายไมล์พอสมควร ไม่มาตั้งสง่าอยู่กลางเมืองอย่างสยามพารากอน
เขาจะสร้างในเนื้อที่กว้างขวางมาก มีอาคารเตี้ยๆและยาวแบบเดียวกับเทสโกโลตัส หลายอาคาร พร้อมลานจอดรถขนาดมหึมา
เนื้อที่ข้างในยาว เป็นสองชั้น แบ่งเป็นร้านรวงเป็นห้องๆไป เหมือนในศูนย์การค้าเซนทรัลปิ่นเกล้า
สินค้ามักจะเป็นแบรนด์เนมของใครของมัน อย่างร้าน Victoria's Secret ที่ได้ข่าวว่ามาเปิดในเมืองไทยก็มี
เป็นเสื้อผ้าและชั้นในของผู้หญิง สีชมพูสว่างโร่บาดตาไปทั้งร้าน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Nuchana
|
ความคิดเห็นที่ 65 เมื่อ 16 ธ.ค. 05, 00:44
|
|
คอมป์ฟื้นแล้วหรือค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 66 เมื่อ 16 ธ.ค. 05, 00:49
|
|
ร้านในอเมริกานี่เดินช็อปเท่าไร คนไทยอย่างดิฉันก็ซื้ออะไรไม่ได้สักที มีอุปสรรคหลายประการ อย่างแรกคือเสื้อผ้าหน้าหนาวนั้นเอาไปใช้ในเมืองไทยไม่ได้ อย่างที่สอง size ของเราต้องเข้าร้านที่เขามีเสื้อผ้าสำหรับคนโครงร่างเล็ก และเตี้ยแบบเอเชีย เรียกว่า petite ถ้าเป็นไซส์ทั่วไปของชาวอเมริกัน ใหญ่เกินกว่าจะใส่ สามคือสไตล์ที่นี่ไม่เหมือนบ้านเรา เขาช้ากว่าเราประมาณปีหนึ่งหรือสองปีเห็นจะได้ อะไรที่สาวๆบ้านเราเลิกใส่ไปแล้วว่าเชย ที่นี่กำลังฮิท
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 67 เมื่อ 16 ธ.ค. 05, 00:58
|
|
กำลังวัดดวงกับคอมพ์ดูค่ะคุณ Nuchan อยู่ดึกตามเคยนะคะ กำจัดออกไป ๑ โปรแกรมที่เดาว่าทำให้เครื่องรวน ถ้าไม่ใช่ก็แปลว่าเจอไวรัสเข้าจริงๆ
อาคารที่เดิน มันกว้างและยาวมาก เดินไปเดินมารู้สึกว่าเราคงเดินมาเกือบสองไมล์แล้วมั้ง ก็เลยลงนั่ง ดูคนเดินไปมาว่าเขาแต่งตัวกันยังไง
Boulder เป็นเมืองใหญ่กว่าเมืองที่ดิฉันอยู่ และเป็นเมืองเศรษฐี มีธุรกิจกลางเมืองที่ดูคึกคัก ผู้คนที่นี่จึงดูแต่งตัวทันสมัยกว่า สาวๆที่หุ่นเพรียวสูงและแต่งตัวเท่แบบสาวออฟฟิศ เดินผ่านไปมากันหลายคน แต่ถ้าเทียบหุ่นและการแต่งตัวดี สาวกรุงเทพกินขาด
คนอเมริกันส่วนใหญ่ที่ดิฉันเห็นที่นี่ ล้วนน้ำหนักเกินมาตรฐาน ไมใช่เกินแค่ ๕ - ๖ กิโลอย่างบ้านเรา แต่เกินสัก ๕๐ กิโลได้ อ้าว ไม่ได้พูดเล่นนะคะ คนอเมริกันมีโครงร่างสูงก็จริง แต่ส่วนกว้างก็ขยายใหญ่เสียจนน่าตกใจเหมือนกัน ดิฉันกะๆด้วยสายตาว่าคนที่หนักเกิน ๑๐๐ กิโล มีกว่า ๕๐% ของคนเดินผ่านไปมาทั้งหมด เรียกว่าเป็นประชากรส่วนใหญ่ อย่างในเมืองที่ดิฉันอยู่ ซึ่งเป็นหัวเมืองชนบท ประชากรที่นั่นน้ำหนักเกินเสีย ๘๐-๙๐ %
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 68 เมื่อ 16 ธ.ค. 05, 02:23
|
|
ทำไมคนแถวนี้ตัวใหญ่กันนัก คำตอบคืออาหารการกินของเขานั่นเองเป็นสาเหตุ
อาหารฝรั่งที่รัฐอื่นเป็นไงไม่ทราบ แต่อาหารการกินที่นี่ถ้าออกไปกินตามร้าน จะเจอแต่ฟาสต์ฟู้ดเป็นหลัก อาจจะอุปาทานของดิฉัน แต่คิดว่ารสชาติของแม็คโดนัลด์และเคเอฟซีที่นี่ มันและเค็มกว่าในเมืองไทย โค้กที่นี่ก็น่าจะเรียกว่ากินเป็นถัง มากกว่ากินเป็นถ้วย
รสมันและรสเค็ม เป็นรสหลักของของคาว ส่วนของหวานนั้นก็หวานจัดๆ ไอศกรีมที่นี่หวานกว่าเมืองไทย
ผิดกับอาหารไทยซึ่งมีหลายรสในจานเดียว ข้อสำคัญอาหารไทยของเรามีหลายอย่างที่ไม่มัน อย่างพวกต้มทั้งหลาย ต้มโคล้ง ต้มยำ ต้มส้ม และยังมีสมุนไพรประกอบด้วย มาถึงใหม่ๆ ก็กินต้มโคล้งปลากรอบ ติดกันหลายมื้อ หอบปลากรอบมาด้วยค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 69 เมื่อ 16 ธ.ค. 05, 17:52
|
|
อาหารที่เห็นเขากินกันตามร้านนอกบ้าน คือฟาสต์ฟู้ดซึ่งท่วมท้นล้นไปด้วยแป้งและเนื้อสัตว์หนักๆอย่างเนื้อวัว ส่วนเนื้อหมูไม่เป็นที่นิยม ไก่ถ้าไม่ชุบแป้งทอดหนาเตอะ ก็อบด้วยเนย กินด้วยเลี่ยนมาก กินกับโค้กถ้วยใหญ่ ของหวานก็ไอศรีมที่อุดมไปด้วยครีม ผักมีนิดเดียว แล้วยังราดน้ำสลัดข้นๆแคลอรี่สูงอีกด้วย
สิ่งที่น่ายินดีคืออาหารไทยจัดเป็นอาหารชั้นดีของคนอเมริกันที่นี่ไปแล้วในตอนนี้ แซงหน้าอาหารจีนก็ว่าได้
ในเมืองเล็กๆที่ดิฉันอยู่ก็มีร้านอาหารไทยมาเปิด ๒ ร้าน เมืองใกล้เคียงก็มีอีกเมืองละสองสามร้าน แทบจะเรียกได้ว่าอาหารไทยแพร่ขยายไปทั่วไม่ว่าเมืองเล็กเมืองน้อยแค่ไหน
แต่รสชาติอาหารไทยในอเมริกาต้องปรุงให้ถูกปากฝรั่ง มันเลยไม่เหมือนอาหารไทยในเมืองไทย เคยไปกินที่ร้านหนึ่ง ก๋วยเตี๋ยวราดหน้ารสหวานทีเดียว อาหารไทยที่นี่ใส่รสหวานนำหน้ารสอื่น รองลงมาคือมันและจืด เปรี้ยวแทบไม่มีเลย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
Nuchana
|
ความคิดเห็นที่ 71 เมื่อ 16 ธ.ค. 05, 17:59
|
|
ตื่นเช้าจังเลยค่ะ หรือว่ายังไม่เข้านอนคะ เกือบตี 4 แล้วมั้ง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 74 เมื่อ 19 ธ.ค. 05, 06:02
|
|
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ ไม่ได้ออกไปไหน ตั้งแต่เช้าหิมะปลิวลงมาอีกแล้วไม่ขาดสาย แต่ยังดีว่าเป็นละอองเบาๆ และไม่มีลม ถ้ามีลมละก็หนาวเยือกเข้ากระดูก ลองเปิดประตูออกไปรับอากาศหนาวว่าแค่ไหน เย็นยะเยือกเหมือนอยู่ในช่องฟรีซไม่มีผิด ต้องรีบปิดประตู
คนอเมริกันในเมืองนี้ ถ้าอยู่ในบ้านเขาก็เปิดทีวีดูกัน ช่องที่เขาดูกันมากคือพยากรณ์อากาศ เพราะมันจำเป็น จะเดินทางไปเมืองไหนก็ต้องดูว่าถนนหนทางปิดเพราะหิมะตกหนักหรือเปล่า จะขึ้นเครื่องบิน จะไปเล่นสกี ขึ้นภูเขาท่องเที่ยว ต้องรู้เรื่องอากาศเป็นอันดับแรก นักเรียนไทยกลุ่มหนึ่งในเมืองนี้หนีหนาวไปเที่ยวฟลอริดากันแล้ว เห็นว่าจะไปดิสนีย์เวิร์ลด์กัน คงไปเจอฝนที่โน่น ฝนเข้าฟลอริดาทั้งเหนือและใต้ นี่ก็ดูจากพยากรณ์อากาศค่ะ
ทีวีที่นี่มีหลายสิบช่องแบบยูบีซีของเรา มีอยู่หลายช่องที่เอาหนังเก่าๆมาฉาย เลยได้ดูหนังเก่าแก่ ขาวดำก็มี เป็นหนังสีแต่ในชีวิตจริงพระเอกนางเอกแก่ตายไปแล้ว หรือปลดเกษียณไปนานแล้วก็มี
Pride and Prejudice เวอร์ชั่นขาวดำที่เกรีย การ์สันเล่นก็มีฉายให้ดูค่ะเมื่อคืนนี้ เป็นยุคที่พระเอกหล่อนางเอกสวยบาดใจ แต่งตัวยุครีเจนซี่ได้สวยมาก
มีช่องหนึ่งเขาเอาหนังในอดีตของดาราดังมาฉายติดต่อกันหลายเรื่อง เป็นชุด อย่างชุดของเอลวิส เพรสลีย์ก็มีตั้งแต่บลู ฮาวาย จีไอบลูส์ ฯลฯ สมัยที่เอลวิสโด่งดังเป็นพลุ เรียกว่าดูกันเพลินไม่ได้นอนกันค่อนคืน
เมื่อเช้านี้มีหนังของเม็ก ไรอันมาให้ดูค่ะ เรียงต่อกันหลายเรื่อง แต่ดิฉันดูได้ ๒ เรื่องเท่านั้นก็พอแล้ว เพราะเคยดูมาหลายครั้ง
ตอนที่กำลังพิมพ์นี่ เปิดดูทอมครูซ ไปพลางๆ
ที่เล่ามานี่เพื่อบอกว่าความบันเทิงของคนอเมริกันที่นี่ เขาปนกันทั้งหนังปัจจุบันและอดีต ทำให้ดาราเก่าๆ ยังอยู่ในความทรงจำของคนดูเสมอ ไม่ใช่ว่าพ้นยุคไปแล้วก็สาบสูญไม่มีใครรู้จัก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|