เรือนเพชร earthsapphire@yahoo.com
บุคคลทั่วไป
|
ผิดหรือถูก? สงสารอิเหนากับบุษบาหรือปล่าว?
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 1 เมื่อ 08 พ.ย. 00, 14:51
|
|
ลงโทษอิเหนาถูกแล้ว แต่วิธีการลงโทษให้บุษบาต้องตกระกำลำบาก ไม่ถูกค่ะ ถ้าง่ายกว่านี้ก็คือบันดาลให้ลมหอบบุษบากลับไปอยู่กับพ่อแม่ที่เมืองดาหาจะดีกว่า เพราะอิเหนาไปขโมยตัวมา แต่ถ้าทำดีๆแบบนั้น ก็จะไม่เป็นเรื่องให้ต้องติดตามกันระหว่างพระเอกนางเอก ไม่มีอุณากรรณ ไม่มีย่าหรัน หมดสนุกไปอีก อ่านวรรณคดีไทยให้สนุก ต้องลืมเรื่องถูกผิดไปชั่วคราว เพราะถ้าตัวละครสำคัญทำถูกต้องหมด เรื่องจะเดินหน้าไม่ได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นกข.
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 2 เมื่อ 08 พ.ย. 00, 16:48
|
|
ผมไม่สงสารอิเหนาเลยจนนิดเดียว สงสารบุษบาบ้าง แต่สงสารจรกาที่สุด เพียงแค่เป็นวงศ์เทวัญอสัญแดหวาเท่านั้นก็กร่าง ทำอะไรไม่ผิด เพราะคนแต่งแต่งมาให้เป็นพระเอกอยู่แล้ว ไม่แฟร์นี่ครับ ส่วนองค์ปะตาระกาหลาก็เป็นผู้ใหญ่เสียเปล่า ไม่เป็นธรรม พอๆ กับเทวดากรีก ตั้งแต่ซุสลงมาเลยทีเดียว เห็นชีวิตมนุษย์เป็นเครื่องเล่นไปได้ ชักสงสัยว่าตระกูล ฉ. /ย.บ.ร. เป็นเทวดาพวกเดียวกับอิเหนารึเปล่า ผมจำได้ว่า มีฉากหนึ่งที่อิเหนารำกริช คู่กับจรกาและใครอีกคน แล้วในเพลงรำกริชก็เชือดเฉือนกันไปมา แต่ผมอ่านแล้ว เห็นว่าเพลงรำของอิเหนาพาลครับ ระตูจรกาว่าของแกไว้ถูก ความผิดของแกมีเพียงสองอย่าง หนึ่ง ไม่หล่อ สอง ไม่ได้เป็นวงศ์เทวัญ แค่นั้น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 3 เมื่อ 08 พ.ย. 00, 17:33
|
|
คำตอบคุณนกข.เข้มข้น ถ้าจรกามีโอกาสอ่านคงดีใจ เพราะตั้งแต่บุษบาถูกลักตัวหายไปแล้ว บทบาทจรกาก็จบลงแค่นั้น ไม่มีใครบอกว่าชอกช้ำมากน้อยแค่ไหน เกิดมารูปไม่หล่อแถมพ่อยังไม่ดังเสียอีก ก็ยังงี้ละค่ะ
เอากลอนตอนที่อิเหนารำกริช มาประกอบให้เห็นภาพ
ทอดกรกรีดกรายทั้งซ้ายขวา.....ชำเลืองดุบุษบามารศรี คิดแค้นจรกาแสนทวี................ภูมีขับเปรียบไปมา
ยกกรกึ่งเกล้าบังคม...................องค์บรมอสัญแดหวา ผู้ใดองอาจอหังการ์..................จงจิตริษยาสาธารณ์ อันดวงดอกฟ้าสุมาลัย...............ของเราปลูกไว้ในสถาน มันไม่เกรงพักตร์จะหักราญ.......จงสังหารอย่าไว้มัน เอย จรกาตอบว่า ยอกรขึ้นเพียงศิโรเพศ...............ไหว้ไทเทเวศร์น้อยใหญ่ อันมีทิพเนตรส่องไป..................อย่าได้เข้าด้วยคนร้าย จงสังหารผลาญหมู่ริษยา...........ให้ประจักษ์แก่ตาคนทั้งหลาย ข้ามิได้คิดคดหยาบคาย..............ขอให้เสร็จสมหมายมา เอย ส่วนท้าวดาหาเป็นผู้ใหญ่ในที่นั้น เห็นอิเหนาหลานชายเริ่มพาลจรกาว่าที่ลูกเขย ก็ชักไม่สนุก แต่แทนที่จะห้ามปราม ก็... มิรู้ที่บัญชาพาที..........................ภูมีเสด็จกลับพลับพลาพลัน คงเหมือนผู้ใหญ่สมัยนี้ ลูกน้องทะเลาะกันไม่รู้จะทำยังไงเพราะเกรงใจคนผิด ก็เลยเฉยตามฟอร์ม
โอ้โฮ ยกตระกูลนั้นเป็นวงศ์อสัญเชียวหรือคะ เดี๋ยวอิเหนามาประท้วงคุณนะเออ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นกข.
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 4 เมื่อ 08 พ.ย. 00, 19:30
|
|
คนไม่หล่อ ย่อมเห็นใจคนไม่หล่อด้วยกันครับ ตระกูลนั้นเขาก็ถือว่าเขาเป็น "เทวดา" อยู่แล้วนี่ครับ ผมไม่ต้องตั้งเขาก็กร่างอยู่แล้ว ยังดีนิดเดียวที่ไม่กร่างขนาดจุดไฟเผาเมืองทั้งเมืองเพื่อผู้หญิงคนเดียวเท่านั้น อันนั้น ปล่อยลูกเทวดาวงศ์อสัญหยาตัวจริงอย่างอิเหนาทำไปคนเดียวเถิด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นกข.
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 5 เมื่อ 08 พ.ย. 00, 20:50
|
|
สงสัยครับ องค์ปะตาระกาหลา ชื่อแปลว่าอะไรครับ น่าเดาว่าเป็นภาษาชวาที่รับมาจากภาษาสันสกฤต แปลงเป็นเสียงไทยอีกที (คงสืบกลับไปหาต้นตอเดิมยาก) สมัยของระเด่นมนตรี ที่ชวาเขาเรียก นิทานปันหยี นี่น่าจะเก่าก่อนศาสนาอิสลามแพร่เข้ามาในอินโดนีเซีย ดินแดนแถบนี้น่าจะยังเป็นอาณาจักรฮินดูอยู่ ชื่ออื่นๆ ในเรื่องอิเหนาที่เป็นภาษาสันสกฤต (แปลง) ก็มีเยอะ ตั้งแต่แดหวา - เทวา มะเดหวี - มหาเทวี สังคามาระตา คุณเทาชมพูแปลว่า สังข์ +อมรรตะ แปลว่าหอยสังข์ทิพย์เป็นต้น ปะตา - ปิตา ? ระกาหลา - หมดปัญญาครับ หรือจะเป็นพระปิตร-กาล ?
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 6 เมื่อ 09 พ.ย. 00, 08:58
|
|
มาจากฮินดูค่ะ คำนี้แยกได้ออกเป็น ๒ คำ คือ ปะตาระ+ กาหลา ปะตาระ ใช้ในหนังสือไทยว่า ปัตรา อย่างในพงศาวดารเมืองกลันตัน ระบุชื่อสุลต่านองค์หนึ่งว่า "ตนกูศรีปัตรามหารายา" ปะตาระ ปัตรา มาจาก Betara แปลว่าศักดิ์สิทธิ์ มีอภินิหาร เป็นคำนำหน้าเทพเจ้าผู้ใหญ่ของฮินดู และนำหน้ากษัตริย์ระดับมหาราช อย่างคำว่า Betara Guru ออกเสียงว่า บะตารา คุรุ หมายถึงพระฮิศวร (คำนี้มีขีดอยู่ข้างบนคำนะคะ แบบอั๊กซงของฝรั่งเศส แต่ดิฉันพิมพ์ไม่ได้ค่ะ) บะตาระ หรือบะตารา กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากร ทรงเขียนว่า " ภัฏฏาระ" แปลว่าผู้เป็นใหญ่ ตามความหมายในพจนานุกรมของเซอร์โมเนีย-วิลเลียมส์ ส่วน กาหลา มาจากสันสกฤตว่า กาล หมายถึงเทพผู้สังหาร ผู้ทำลาย รวมกัน ปะตาระกาหลา มาจาก ภัฏฏารกาล ไทยเรียกว่าพระมหากาล เป็นปางดุร้ายของพระอิศวร คู่กับพระนางกาลี ในชวามีรูปหนังเทพองค์นี้จริงๆ ถือดาบ มีสร้อยทำด้วยกระโหลกคนห้อยคอ แลบลิ้น ระบายสีดำทั้งตัว ปัตตานีเรียก " กาลอ" มีอีกชื่อว่า Raja Huntu แปลว่าเจ้าแห่งผี เพราะชอบปรากฏตัวตามป่าช้า มีภูตผีเป็นบริวาร ก็คือพระอิศวรหรือพระศิวะเองละค่ะ เจ้าประจำของกระทู้เทพเจ้าฮินดูคงร้องอ๋อ
แต่องค์ปะตาระกาหลาเมื่อมาอยู่ในอิเหนาฉบับรัชกาลที่ ๒ ไม่ได้ดุร้ายอะไรอย่างที่มา เรามาแปลงใหม่ให้ไม่เคร่งเครียดนัก แบบไทยๆ ดูเหมือนคุณปู่แก่ๆ มีอำนาจที่ค่อนข้างจะดุ พอหลานชายทำผิดไปฉุดลูกสาวเขามา ก็ลงโทษหลานชายจนหลานสะใภ้พลอยลำบากไปด้วย ทั้งที่ไม่ได้สมรู้ร่วมคิด หายโกรธแล้วก็ยกมรดกให้หลาน อย่างที่ควรจะทำ เท่านั้นละค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นกข.
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 7 เมื่อ 09 พ.ย. 00, 21:20
|
|
อ้อ... องค์ภูเตศวรนี่เอง ภัฏฏาระ ชื่อคล้ายๆ นักเขียนอินเดียที่เขียนเรื่อง คนขี่เสือ นะครับ ใช่คำเดียวกันไหมครับ ดูเหมือนแกจะชื่อ ภาวนี ภัฏฏาร์จาร?
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นกข.
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 8 เมื่อ 10 พ.ย. 00, 01:04
|
|
อ่านอิเหนา ถ้าทำใจไม่ให้หมั่นไส้พระเอกได้ ก็จะได้อะไรหลายอย่าง เรื่องเดิมของอิเหนาเก่าแก่แต่ครั้งแถบชวายังรับวัฒนธรรมฮินดูอยู่ แต่เมื่อมาแต่งใหม่ตอนเป็นบทพระราชนิพนธ์ ร.2 นั้น ผมเข้าใจว่าทรงแทรกวัฒนธรรมของหัวเมืองแขกที่เป็นข้าขอบขัณฑสีมา ในสมัยพระองค์ เข้าไปด้วย คือสมัยที่เป็น Muslim Sultanates แล้ว แล้วอ่านไปอ่านไปจะเจอธรรมเนียมไทยแท้ในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ปนอยู่ด้วย ตอนโสกันต์หรือจัดพิธีอะไรต่างๆ นั่น ถอดแบบราชสำนักไทยสมัย ร.2 นั่นแหละมาเลย ปนๆ กันสนุกดีครับ ตำแหน่งขุนนางชวามลายูในเรื่องอิเหนา ที่ยังมีอยู่จนเดี๋ยวนี้ก็มี ประไหมสุหรี (ปรเมศวรี) ยังเป็นชื่อตำแหน่งพระราชินีมาเลเซียอยู่จนเดี๋ยวนี้ ตำมะหงง ก็รู้สึกยังมีอยู่ในบรูไน ที่แน่ๆ ปะแงรันมีแน่ๆ ที่บรูไนสมัยนี้แหละ เขาเขียนว่า Pengiran ระตูก็ยังมี ดูเหมือนชื่อนี้เป็นภาษาตระกูลชวา-มลายูที่ไปไกลมาก ไปถึงหมู่เกาะทะเลใต้ (เชื่อกันว่าพวกเมลานีเชียน ไมโครนีเชียน และโพลีนีเชียนสืบเชื้อสายไปจากพวกชวามลายู) เมื่อเร็วๆ นี้ นายกรัฐมนตรีเกาะฟิจิที่ถูกทำรัฐประหาร ก็มีตำแหน่งเป็นระตูครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 9 เมื่อ 10 พ.ย. 00, 09:00
|
|
มาร่วมวงคุยถึงอิเหนาด้วยอีกคนค่ะ มองเรื่องนี้แบบเอาความคิดปัจจุบันเข้าไปตัดสิน ก็จะไม่ชอบเอามากๆ เป็นเรื่องถือผู้ชายเป็นใหญ่ ผู้หญิงเป็นวัตถุทางเพศ เท่านั้นเอง ไม่มีศีลธรรม เรื่องจรกานั่นก็เรื่อง แล้วเรื่องที่อิเหนาทิ้งขว้างนางจินตะหราแถมดูถูกชาติตระกูลนางเสียอีก ตอนเดินทางตามหาบุษบา ก็ไม่วายจะปีนเข้าหานางสะการะหนึ่งหรัดลูกสาวท้าวกาหลัง ทั้งที่นางก็มีคู่หมั้นอยู่แล้ว ดีแต่รูปหล่อกับรบเก่ง ผู้คนก็นิยมชมชื่น ลืมนิสัยแย่ๆหมด แต่มานึกอีกที นี่คงไม่ใช่จุดมุ่งหมายของผู้แต่ง ในเมื่อเอาไว้เล่นละคร ความสวยงามของตัวละครก็น่าจะนำหน้าคุณสมบัติอื่น เพราะเรื่องนี้มีเอาไว้ดู ไม่ได้มีเอาไว้เรียนธรรมะหรือปรัชญา การสะท้อนภาพบ้านเมืองสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นก็เป็นคุณค่าอย่างหนึ่งของเรื่อง เมืองกุเรปันก็คือกรุงเทพยุคต้นอย่างคุณนกข.ว่า พูดถึงศัพท์ นึกได้ว่าเคยไปอินโด. ได้หนังสือที่ระลึกมาเล่มหนึ่ง( หนักประมาณ ๓ กิโลได้ ต้องอุ้มกลับมาไม่ใช่ถือ) ในนั้นมีชื่อ Raden นำหน้ากันหลายคน เขาว่าระเด่นที่อินโด ไม่ใช่เจ้าชาย เป็นตำแหน่งอะไรสักอย่างที่ไม่ใหญ่โตนัก เพิ่งทราบจากคุณนกข.นี่เองว่า ระตูก็ยังมีเหมือนกัน สะกดยังไงคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นกข.
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 10 เมื่อ 10 พ.ย. 00, 14:40
|
|
เห็นในข่าวสะกดว่า Ratu ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นิรันดร์ เจริญกูล
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 11 เมื่อ 17 พ.ย. 00, 10:30
|
|
ก็ยังมีระเด่นลันไดอยู่แถว ๆ เสาชิงช้าเมืองไทย ถ้าจำไม่ผิดนะครับ คงจะมีอาชีพเป็นวนิพกกระมัง ดังนั้น จะมีระเด่นบางตระกูลเที่ยวกระทื..คนอื่นที่ไม่พอใจบ้าง ไม่ต่อแล้วกันครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 12 เมื่อ 17 พ.ย. 00, 11:35
|
|
หมายถึงระเด่นลันได ที่พระมหามนตรี(ทรัพย์)แต่ง หรือเปล่าคะ เป็น parody (เรื่องล้อ) อิเหนา ที่ขึ้นชื่อค่ะ
ขอยกตอนต้นมาอ่านกัน
มาจะกล่าวบทไป ถึงระเด่นลันไดอนาถา เสวยราชย์องค์เดียวเที่ยวรำภา ตามตลาดเสาชิงช้าหน้าโบสถ์พราหมณ์ อยู่ปราสาทเสาคอดยอดด้วน กำแพงแก้วแล้วล้วนด้วยเรียวหนาม มีทหารหอนเห่าเฝ้าโมงยาม คอยปราบปรามปัจจามิตรที่คิดร้าย
เที่ยวสีซอขอข้าวสารทุกบ้านช่อง เป็นเสบียงเลี้ยงท้องของถวาย ไม่มีใครชังชิงทั้งหญิงชาย ต่างฝากกายฝากตัวกลัวบารมี
พอโพล้เพล้เวลาจะสายัณห์ ยุงชุมสุมควันแล้วเข้าที่ บรรทมเหนือเสื่อรำแพนแท่นมณี ภูมีซบเซาเมากัญชา
สมเด็จกรมพระยาดำรงฯ ทรงกล่าวถึงความเป็นมาไว้ว่า "เรื่องระเด่นลันไดเป็นหนังสือแต่งในรัชกาลที่ ๓ เล่ากันมาว่า ครั้งนั้นมีแขกคนหนึ่งชื่อลันได ทำนองจะเป็นพวกฮินดู ชาวอินเดีย ซัดเซพเนจรเข้ามาอาศัยอยู่ที่ใกล้โบสถ์พราหมณ์ในกรุงเทพ เที่ยวสีซอขอทานเขาเลี้ยงชีพเป็นนิจ พูดภาษาไทยก็มิใคร่ได้ หัดร้องเพลงขอทานได้เพียงว่า "สุวรรณหงษ์ถูกหอกอย่าบอกใคร บอกใครก็บอกใคร" ร้องทวนอยู่แต่แค่นี้ แขกลันไดเที่ยวขอทานจนคนรู้จักกันโดยมาก ในครั้งนั้นมีแขกอีก ๑ คนเรียกกันว่าแขกประดู่ ทำนองก็จะเป็นชาวอินเดียเหมือนกัน ตั้งคอกเลี้ยงวัวนมอยู่ที่หัวป้อม(อยู่ราวที่สนามหญ้าหน้าศาลสถิตยุติธรรมทุกวันนี้) มีภรรยาเป็นหญิงแขกมลายู ชื่อประแดะ อยู่มาแขกลันไดกับแขกประดู่เกิดวิวาทกันด้วยเรื่องแย่งหญิงมลายูนั้น โดยทำนองที่กล่าวในเรื่องละคอน คนทั้งหลายเห็นเป็นเรื่องขบขัน ก็โจษกันแพร่หลาย พระมหามนตรี(ทรัพย์)ทราบเรื่องจึงคิดแต่งเป็นบทละคอนขึ้น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Ngao_Mak
อสุรผัด

ตอบ: 45
|
ความคิดเห็นที่ 13 เมื่อ 30 ก.ย. 09, 12:00
|
|
ถ้าบอกว่าปะตาระกาหลา คือ พระอินทร์ ได้ไหมคับ มาจาก ภัทรกาล
ในบันทึกเขมรบอกว่ามีกษัตริย์เขมรองค์นึงไปเที่ยวเมืองของพระอินทร์ แล้วในประวัติศาสตร์เขมรมีกษัตริย์เขมรองค์นึงเคยประทับที่ชวาตั้งแต่เด็กๆ แล้วกลับมาครองราชในเขมร
นี่ผมคิดเอาเองนะครับ ผิดถูกชี้แจงด้วยครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ติบอ
|
ความคิดเห็นที่ 14 เมื่อ 30 ก.ย. 09, 13:05
|
|
คิดได้ครับ แต่คิดแล้วต้องหาหลักฐานด้วย ความคิดก็เหมือนความฝัน มันเป็นเรื่องง่ายที่ฟุ้งอยู่ในสมองของเรา คนที่คิดแล้ว "ทำ" ให้เกิด "ชิ้นงาน" ชีวิตถึงจะมีคุณค่านะครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|