ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือรัชกาลที่ 5 นั้น เป็นห้วงเวลาที่ชาวไทยทั้งหลายถือกันว่าเป็นสมัยที่บ้านเมืองเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุด นอกเหนือจากการประกอบอาชีพโดยสุจริต ประชาชนในยุคนั้นมีเวลาที่จะชื่นชมงานศิลปะหรือมีงานอดิเรกที่ตนพึงพอใจยุคสมัยแห่งการเล่นสะสม “สิ่งของ” บางอย่างจึงเกิดขึ้น เช่นเครื่องลายคราม ไม้เท้า เครื่องแก้ว เครื่องเบญจรงค์ ตลับงา ฯลฯ บางครั้งถึงกับมีการประกวดประขันกันเป็นงานใหญ่ก็มี
ราวปีรัตนโกสินทร์ศก 121 มีการเล่น “ตลับงา” ขึ้น ตลับนั้นเป็นเครื่องอุปโภคชนิดหนึ่งที่ใช้ประกองเชี่ยนหมาก หีบหมาก สตรีไทยในสมัยนั้นตัดผมสั้นทรงดอกกระทุ่มและนิยมเคี้ยวหมากจึงจำเป็นต้องมีขี้ผึ้งและตลับน้ำหอมๆ ไว้สำหรับใส่ผมนอกเหนือจากหมาก พลู ปูน ยาฝอย ขี้ผึ้งสีปาก ใช้สำหรับการเคี้ยวหรือการกินหมาก ตลับงาขนาดต่างๆ จึงใช้ประโยชน์ได้อีกสำหรับใส่ขี้ผึ้งสีปาก รูปร่างของตลับนั้นกลึงมนคล้ายกับรูปลูกพลับสด
สมัยของการเล่น “ตลับงา” เริ่มขึ้นเมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ ทอดพระเนตรเห็นตลับใส่ขี้ผึ้งสีพระโอษฐ์ของพระเจ้าน้องนางเธอพระองค์เจ้านภาพรประภา แล้วตรัสชมว่า “สวยมาก คล้ายๆ กล้องยาสูบเมียร์ชอม” คือกล้องยาสูบเส้นทำด้วยดินชนิดหนึ่ง สีคล้ายงาช้าง ตั้งแต่นั้นมาบรรดาผู้เป็นเจ้าของตลับงาต่างก็ขัดถูตลับของตนและแสวงหาตลับงามาสะสมเป็นการใหญ่ ที่เป็นเจ้านายผู้ใหญ่หรือที่มีฐานะพอสมควรก็แสวงหาตลับงาอย่างที่เป็นเถาเรียงกันตั้งแต่ใบใหญ่สุดจนถึงใบเล็กขนาดจิ๋วมาเป็นสมบัติการเล่นตลับงาในชั้นหลังแพร่หลายออกไปอย่างรวดเร็ว เริ่มตั้งแต่ใบใหญ่สุดจนถึงใบเล็กขนาดจิ๋วมาเป็นสมบัติการเล่นตลับงาในชั้นหลังแพร่หลายออกไปอย่างรวดเร็ว เริ่มตั้งแต่เจ้านายลงมาจนถึงชาววังทั่วไป นอกจากทรวดทรงและลวดลายต่างๆ แล้วจุกตลับงานั้นก็เป็นเครื่องหมายแสดงฐานะของเจ้าของอีกอย่างหนึ่งด้วย เพราะมีตั้งแต่จุกเลี่ยมนากไปจนถึงจุกทำด้วยทองคำลงยาและประดับเพชรพลอยเป็นรูปทรงต่างๆ
นอกเหนือจากการสะสม “ตลับงา” ในสมัยนั้นยังมีของสะสมที่นิยมเล่นเป็นของเก่ามาจนถึงทุกวันนี้ นั่นคือ “เครื่องลายคราม” มูลเหตุที่เครื่องกระเบื้องลายครามของจีนเข้ามาในเมืองไทยนั้นโดยการค้า และเพราะกระเบื้องลายครามของจีนเป็นของผีมือดี มีลวดลายแปลกตาสวยงามจึงถูกสั่งนำเข้ามาขายในเมืองไทยจำนวนมาก จนเกิดการนิยมเล่นเครื่องลายครามของจีนกันอย่างสูงสุดในสมัยรัชกาลที่ 5 พระองค์เองยังเคยสั่งประดิษฐ์เครื่องลายครามชุดพระปรมาภิไธยย่อ จ.ป.ร. โดยคิดผูกลวดลายแบบตัวอักษรจีนและรูปภาพที่เป็นมงคลมาใช้ในราชการด้วย ทุกวันนี้ก็ยังเห็นอยู่ตามรั้ววังหลายแห่ง อาทิพระที่นั่งวิมานเมฆ เป็นต้น
พระปรีชาสามารถในพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงในทางเล่นเครื่องกระเบื้องลายครามนั้น หากเป็นสามัญชนต้องบอกว่า “หาตัวจับยาก” เมื่อคราวเสด็จพระราชดำเนินประพาสทวีปยุโรประหว่างที่ประทับอยู่ในกรุงลอนดอนและเมืองอื่นๆ พระองค์ก็มักเสด็จฯไปทรงซื้อเครื่องลายครามชิ้นเยี่ยมกลับมาเมืองไทยเป็นจำนวนมาก
เครื่องลายครามที่พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงทรงรับถวายบรรณาการมาบ้างหรือที่ทรงพระราชอุตสาหะเลือกซื้อ เลือกสั่ง เลือกทำมาบ้างนั้น เวลานี้มีอยู่เป็นจำนวนมากที่เป็นสมบัติของชาติไทยที่น่าภาคภูมิใจ เครื่องลายครามหลายๆ ชิ้นประมาณค่ามิได้ บางชิ้นมีอยู่เพียงหนึ่งเดียวในโลก
หากสนใจสามารถเข้าชมเครื่องลายครามครั้งแผ่นดินพระพุทธเจ้าหลวงได้ที่พระที่นั่งเวหาศจำรูญ พระราชวังบางปะอิน ซึ่งเป็นส่วนที่ข้าราชการและพ่อค้าผู้มีเชื้อสายจีนทูลเกล้าฯ ถวายองค์พระพุทธเจ้าหลวงของเราในครั้งนั้น
ที่มา
http://www.yingthai-mag.com