|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 1 เมื่อ 30 ส.ค. 05, 14:05
|
|
หม่อมเจ้าอากาศดำเกิง ระพีพัฒน์ เป็นโอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ (พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ พระเจ้าลูกยาเธอในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) เรื่องราวบางส่วนของกรมหลวงราชบุรี ฯ เล่าเอาไว้แล้วในกระทู้ เจ้าพระยามหิธร เรื่อง" พญาระกา" หาอ่านได้ในกระทู้นั้นค่ะ
หม่อมเจ้าอากาศดำเกิง ประสูติเมื่อ 19 พฤศจิกายน 2448 จะครบ 100 ปีในอีก 2 เดือนครึ่งข้างหน้านี้ หม่อมมารดาของท่านคือหม่อมอ่อน
หม่อมอ่อน มีโอรสธิดากับกรมหลวงราชบุรีถึง 11 ท่านด้วยกัน ทุกท่านมีพระนามคล้องจองกัน ความหมายเกี่ยวข้องกับดวงอาทิตย์ มาจากส่วนหนึ่งของพระนาม "รพี" ของเสด็จพ่อ คือ หม่อมเจ้าหญิงพิมพ์รำไพ หม่อมเจ้าชายไขแสงรพี หม่อมเจ้าหญิงสุรียประภา หม่อมเจ้าชายวิมวาทิตย์ หม่อมเจ้าหญิงชวลิตโอภาส (อ่านเกี่ยวกับพระประวัติได้ ในกระทู้ เจ้าวังปารุสก์) หม่อมเจ้าชายอากาศดำเกิง (พระนาม หมายถึงลูกไฟในอากาศ ก็คือดวงอาทิตย์) หม่อมเจ้าชายเพลิงนภดล ( ไฟในอากาศ เช่นกัน) หม่อมเจ้าชายถกลไกวัลย์ หม่อมเจ้าชายรวิพรรณไพโรจน์ หม่อมเจ้าหญิงดวงทิพโชติ์แจ้งหล้า หม่อมเจ้าหญิงทิตยาทรงกลด
นอกจากนี้ยังหม่อมเจ้าอากาศดำเกิงยังมีพระขนิษฐาต่างหม่อมมารดา อีก 2 ท่านคือ หม่อมเจ้าหญิงคันธรสรังษี และหม่อมเจ้าหญิงรำไพศรีสอางค์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 2 เมื่อ 30 ส.ค. 05, 14:09
|
|
ทั้งที่หม่อมเจ้าอากาศดำเกิงทรงกำเนิดมาในราชสกุล มีพระบิดาเป็นเจ้านายสำคัญพระองค์หนึ่งในประวัติศาสตร์ กรมหลวงราชบุรีฯ ทรงสำเร็จการศึกษาด้านกฎหมายจากประเทศอังกฤษ และได้รับการเทิดพระเกียรติว่าเป็นบิดาแห่งกฎหมายไทย
แต่ถ้าเราเชื่อตามพระนิพนธ์เรื่อง ละครแห่งชีวิต นวนิยายเรื่องราวเรื่องแรกของท่านอากาศดำเกิง ว่ามีส่วนคล้ายคลึงกับพระประวัติ และทรงเล่าเรื่องผ่านตัวละครเอกชื่อ วิสูตร ศุภลักษณ์ ณ อยุธยา ก็จะเห็นว่า เจ้าชายผู้นิพนธ์ มิได้ทรงมีความสุขกับชีวิตเมื่อทรงเยาว์วัยนัก
อย่างแรก คือทรงรู้สึกว่าเป็นลูกที่พ่อไม่รัก ผิดกับพี่ๆน้องๆ และอย่างที่สองคือทรงประสบกับภาวะ "บ้านแตก" เมื่อเสด็จพ่อ และหม่อมแม่แยกทางเลิกร้างกัน ทั้งที่ครองคู่กันมาถึง 20 ปีเศษ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 3 เมื่อ 30 ส.ค. 05, 14:20
|
|
วิสูตร ศุภลักษณ์ฯ ตัวละครเอกของหม่อมเจ้าอากาศดำเกิง เล่าภาวะขมขื่นบีบคั้นใจนี้ว่า
"เรื่องคุณแม่จะต้องออกจากบ้านที่ท่านเคยอยู่มาแล้วตั้ง 20ปี ไปอยู่บ้านฝั่งธน ก็เป็นเรื่องธรรมดาเหมือนเรื่องทั้งหลายในครอบครัวขุนนางใหญ่ๆโตๆ ในเมืองไทย เมื่อภรรยาเป็นฝ่ายที่ชรา หมดกำลังที่จะสนองคุณได้เช่นเคย ก็เป็นอันว่าต้องถูกปลดชรา ส่วนสามีนั้นเล่าแม้ว่ามีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับภรรยา แต่ยังมีกำลังวังชาและโภคทรัพย์ ก็คงแสวงหาสิ่งที่ตนไม่มีสิทธิ์ที่จะได้ แต่ก็คงหาได้สมหวัง โดยการชอกช้ำระกำใจของภรรยาเก่าผู้เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยหลายสิบปี ถ้าภรรยาคนไหนทนได้เพราะความจำเป็น ก็เฉยนั่งทนดูความเป็นอยู่ของสามี ส่วนภรรยา ในทรวงของหล่อนเล่าก็คงมีเลือดอยู่มิขาดสาย อนิจจา..นี่คือภรรยาของคนไทย...แม่ยอดหญิง ถ้าภรรยาใดทนไม่ไหว และมองเห็นทางพอที่จะหลีกเลี่ยงก็ตัดช่องไปแต่พอตัว ทิ้งทรัพย์สมบัติที่ตนได้ช่วยสร้างสมมาแล้วเป็นเวลาหลายสิบปีให้อยู่ในความอารักขาของบุรุษผู้มีใจโลเล เบื่อเก่าหาใหม่ ส่วนทรัพย์สมบัตินั้นๆ ในที่สุดก็ตกไปอยู่กับเด็กหญิงอะไรที่หน้าตาสวยๆ
ทิ้งให้ภรรยาเก่าและบุตรธิดาของตนก้มหน้าก้มตากินเกลือไปตามยถากรรม ชีวิต...ชีวิต"
ขอหยุดพักแค่นี้ก่อนค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 4 เมื่อ 01 ก.ย. 05, 09:23
|
|
มีเรื่องเล่าจากผู้ใกล้ชิดราชสกุล ว่าการแยกทางระหว่างกรมหลวงราชบุรีฯและหม่อมอ่อน มีส่วนจากหม่อมด้วย ที่นิยมเล่นการพนันประเภทหวย จนกรมหลวงราชบุรีฯทรงเบื่อหน่าย
แต่ไม่ว่าสาเหตุแท้จริงจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ข้อเท็จจริงที่แน่ๆคือม.จ.อากาศดำเกิงทรงออกจากวัง มาอยู่กับหม่อมแม่ที่บ้านริมคลองบางจาก พร้อมกับพระขนิษฐา คือม.จ.หญิงดวงทิพโชติ์แจ้งหล้า หรือในนวนิยาย คือตัวละครที่ชื่อว่า "หนูสำรวย"
ทรงเข้าศึกษาที่โรงเรียนอัสสัมชัญเป็นแห่งแรก แล้วย้ายมาเรียนต่อที่ร.ร.เทพศิรินทร์ ทุกวันนี้ก็ยังทรงมีพระนามในฐานะศิษย์เก่าที่ร.ร.ภาคภูมิใจ
ความปราดเปรื่องทางการประพันธ์ เริ่มฉายแววเมื่อทรงแปลเรื่องสั้นๆลงในหนังสือของโรงเรียนเทพศิรินทร์ ชื่อ "เอนีวา ซองครัวต์" และ "ชีวิตนักรบ" ขณะพระชันษาได้ 18 ปีเท่านั้น และเริ่มส่งเรื่องสั้นแปลอีก 2-3 เรื่องไปลงในนิตยสารศัพท์ไทยรายเดือน โดยทรงใช้พระนามแฝงว่า "วรเศวต"
ความหักเหในชีวิตเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อกรมหลวงราชบุรีฯสิ้นพระชนม์ที่อังกฤษ ในพินัยกรรม หม่อมเจ้าไขแสงรพี โอรสองค์ใหญ่เป็นผู้ดูแลกองมรดกทั้งหมดเพียงผู้เดียว หม่อมอ่อนไม่มีส่วนใดๆในทรัพย์สิน
หม่อมอ่อนได้พาโอรสธิดากลับเข้าวังอีกครั้ง หม่อมเจ้าไขแสงรพีทรงให้ช่างปลูกเรือนให้หม่อมแม่อยู่เป็นสัดส่วน ท่านอากาศดำเกิงก็ได้ทรงอยู่ ณ เรือนนั้นกับหม่อมแม่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
หม่อมจุมพฏเพ็ชรกล้า
มัจฉานุ
 
ตอบ: 78
|
ความคิดเห็นที่ 5 เมื่อ 01 ก.ย. 05, 19:23
|
|
หม่อมมารดาของ หม่อมเจ้าหญิงคันธรสรังษี คือ หม่อมอะไร นามสกุลเดิมอะไร แล้วหม่อมอ่อนนามสกุลอะไรครับ แล้วพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอรพัทธประไพ ไม่มีโอรสธิดาหรอครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ภารตี
อสุรผัด

ตอบ: 26
|
ความคิดเห็นที่ 6 เมื่อ 01 ก.ย. 05, 21:24
|
|
 ดิฉันเคยอ่านประวัติของพระองค์ท่านเหมือนกันนะคะ รู้สึกว่าท่านชายอากาศฯ ทรงมีชีวิตที่แสนเศร้า ด้านความรักก็ล้มเหลว อีกทั้งทรงหมกหมุ่นกับการพนันจนสิ้นเนื้อประดาตัวด้วยใช่ไหมคะ อะไรเป็นสาเหตุให้เป็นเช่นนั้นคะ และภายหลังรู้สึกว่าพระองค์จะฆ่าตัวตายใช่หรือไม่คะคุณเทาชมพู |
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
bookaholic
|
ความคิดเห็นที่ 7 เมื่อ 02 ก.ย. 05, 07:48
|
|
ค.ห.พ.ต. 6 จะถามหรือจะเล่าซะเองครับ เอาตอนจบมาเฉลยซะหมด คนอ่านก็เซ็งดิครับ รอฟังคุณเทาชมพูเล่าต่อตรับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 8 เมื่อ 04 ก.ย. 05, 18:11
|
|
สวัสดีค่ะคุณ book ต้อนรับกลับเรือนไทยค่ะ ต่อนะคะ
ด้วยทุนจากองมรดก หม่อมเจ้าอากาศดำเกิงเสด็จไปศึกษาวิชากฎหมายต่อที่ประเทศอังกฤษ เมื่อพระชันษาได้ 19 ปี โดยพักอยู่กับครอบครัวชาวอังกฤษ แต่โชคชะตาพัดพาให้ทรงเข้าไปคลุกคลีกับแวดวงหนังสือพิมพ์แทนกฎหมายอย่างที่ตั้งพระทัยไว้แต่แรก เนื่องจากพระพลานามัยไม่สู้ดี ประชวรหนักจนแพทย์ให้พักการเรียนราว 1 ปี ประกอบกับไม่ได้สนพระทัยวิชากฎหมาย จึงทรงย้ายไปสหรัฐอเมริกา แต่ก็ไม่ได้ทรงสำเร็จการศึกษาจากสถาบันใดอีกเช่นกัน ทรงอยู่ต่างประเทศ 5 ปีก็เสด็จกลับสยาม ไม่มีปริญญาบัตรก็จริง แต่ก็ทรงมีประสบการณ์ต่างแดนเป็นต้นทุนอย่างดี สำหรับอาชีพนักประพันธ์ที่ทำให้ทรงโด่งดังขึ้นราวกับพลุ ในปีต่อมา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 9 เมื่อ 05 ก.ย. 05, 09:32
|
|
เมื่อเสด็จกลับมาประเทศไทย ม.จ.อากาศดำเกิงทรงเข้ารับราชการที่กองบุราภิบาล กรมสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย ตามที่เสนาบดีมหาดไทย สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิต ทรงสนับสนุน
แต่ความสนพระทัยอย่างแท้จริงอยู่ที่การประพันธ์ ดังนั้น ในพ.ศ. 2472 "ละครแห่งชีวิต "จึงออกมาสู่สายตาประชาชน ในรูปของหนังสือเล่ม ไม่ได้ผ่านการลงเป็นตอนๆมาก่อน ราคาแพงเป็นประวัติการณ์ถึง 2 บาท ผิดกับหนังสือนิยายสมัยนั้นที่ราคาเล่มละ 35 สตางค์เท่านั้น
ถ้าหากว่า 35 สตางค์พอเทียบได้กับหนังสือราคา 200บาทสมัยนี้ หนังสือราคา 2 บาท ก็คือเล่มละหนึ่งพันกว่าบาท
"ละครแห่งชีวิต" กลายเป็นปรากฏการณ์ใหญ่ ก่อความตื่นเต้นเกรียวกราวแก่วงการหนังสือ อย่างไม่เคยมีมาก่อน ขายดี หมดอย่างรวดเร็ว ทั้งที่พิมพ์ถึง 2000 เล่ม ซึ่งเป็นจำนวนมากมายเทียบได้กับหลายหมื่นเล่มในปัจจุบัน
คนอ่านไทย มองเห็นชีวิตในต่างประเทศผ่านสายตาตัวละครไทยเป็นครั้งแรก ไม่ใช่เรื่องแปล อย่างก่อนๆที่เคยอ่านกันมา ท่วงทำนองการเล่า ก็ใช้ภาษาที่กินใจ แฝงความเศร้าสะเทือนใจ และมุม มองแง่คิดที่วิพากษ์วิจารณ์สังคม อย่างเฉียบคมตรงไปตรงมา ศรีบูรพา ผู้เป็นเพื่อนร่วมรุ่นที่ร.ร.เทพศิรินทร์ กล่าวยกย่องไว้ว่า
"เมื่อข้าพเจ้าได้อ่านหนังสือละครแห่งชีวิต โดยฝีปากหม่อมเจ้าอากาศดำเกิง ในปีพ.ศ. 2472 สวรรค์เป็นพยานว่าข้าพเจ้าได้อ่านรวดเดียวจบ ข้าพเจ้าไม่เคยอ่านหนังสือขนาด 500 หน้ารวดเดียวจบ ละครแห่งชีวิตเป็นหนังสือเล่มแรกที่ทำให้ข้าพเจ้ามีความสำเร็จในการอ่านหนังสือ ข้าพเจ้าจับใจในความสามารถของเพื่อนผู้นี้อย่างยิ่ง"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
paganini
|
ความคิดเห็นที่ 10 เมื่อ 05 ก.ย. 05, 22:38
|
|
กำลังมันส์ครับ เรียนอาจารย์ครับ แฟนๆบอกว่า แต่ละตอนขอยาวๆหน่อยได้มั้ยครับ แบบว่าน่าสนใจอ่ะครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Nuchana
|
ความคิดเห็นที่ 11 เมื่อ 05 ก.ย. 05, 23:34
|
|
อาจารย์เทาฯคะ เล่าอย่างเดียวไม่พอ ช่วยวิจารณ์หรือสอดแทรก feeling หน่อยค่ะว่าเป็นเรื่องจริงสะท้อนชีวิตท่านอากาศฯหรือเปล่า ดิฉันจำได้ว่าตอนอ่านเป็นหนังสือนอกเวลามัธยม ดิฉันน้ำตาหยดแหมะ รันทดขื่นขมไปกับนายวิสูตรด้วย ทุกประโยคที่นายวิสูตรเอ่ยเอื้อน ช่างเย็นชาและเชือดเฉือน ถ้าเป็นพี่เป็นน้องท่านจะรู้สึกว่าสาวไส้ให้กากินหรือเปล่า แต่นึกอีกทีอาจเป็นแค่ fiction กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ พระบิดาท่านจะไม่แคร์ลูกขนาดนั้นเชียวหรือคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 12 เมื่อ 06 ก.ย. 05, 14:58
|
|
สอดแทรก feeling คืออะไรคะ?
คำถามของคุณ ที่ว่า"ละครแห่งชีวิต" เป็นชีวิตของท่านเองหรือเปล่า มีผู้ถามกันมาก หม่อมเจ้าอากาศดำเกิงเคยทรงแบ่งรับแบ่งสู้ว่า
" มีเพื่อนฝูงวงศ์ญาติมาถามข้าพเจ้าเนืองๆ ว่าในการที่ได้เขียนและนำหนังสือ"ละครแห่งชีวิต" ออกจำหน่าย ข้าพเจ้ารู้สึกเสียใจและดีใจอย่างไรบ้าง? คำถามเช่นนี้จะมีความหมายเพียงใด ย่อมแล้วแต่ความเกี่ยวพันระหว่างผู้ถามกับข้าพเจ้า มีหลายท่านที่ไม่สามารถจะตกลงใจได้แน่นอนว่า "ละครแห่งชีวิต" เป็นเรื่องของข้าพเจ้า-ผู้แต่ง-เอง หรือเป็นนิยายเริงรมย์ซึ่งแต่งขึ้นโดยความคิดฝัน มีผู้อ่านบางพวกลงความเห็นอย่างเด็ดขาดว่า "ละครแห่งชีวิต" เป็นชีวิตของท่านอากาศ นายวิสูตร ศุภลักษณ์ ณ อยุธยาก็คือท่านอากาศฯ นั่นเอง ไม่ใช่คนอื่น ... บางคนที่ได้เคยรู้จักและติดต่อกับตระกูลรพีพัฒน์มาบ้างแต่ครั้งกระโน้น เชื่อจนถึงกับบ่นว่า ข้าพเจ้าได้เล่าเรื่องความเป็นไประหว่างวงศ์ตระกูลให้คนทั้งโลกฟังอย่างน่าทุเรศ ทำนองเดียวกับสาวไส้ให้กากิน"
คงจะด้วยเหตุนี้ ท่านอากาศฯ จึงทรงแถลงว่า "ละครแห่งชีวิต" ไม่ใช่เรื่องจริง และไม่ใช่เรื่องของท่านอากาศฯ แต่การที่ข้าพเจ้าเขียนเรื่องของคนอาภัพ และเรื่องหนังสือพิมพ์เมืองนอก ก็เพราะสิ่งเหล่านั้นเป็นวงจรชีวิตดวงเดียวที่ข้าพเจ้าได้เคยเห็น และรู้จักดี ข้าพเจ้าต้องการจะเขียนให้ใกล้ความจริงที่สุด และไม่ต้องการให้ใครมาหัวเราะเยาะได้ว่าเปิ่น"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 13 เมื่อ 08 ก.ย. 05, 11:43
|
|
ตามความเห็นส่วนตัว ดิฉันคิดว่าหม่อมเจ้าอากาศดำเกิงก็ทรงจะใช้ภูมิหลังของชีวิตเมื่อทรงพระเยาว์ เป็นฉากในเรื่องนี้ไม่มากก็น้อย อาจจะค่อนข้างมาก เพราะผู้ใกล้ชิดราชสกุลรพีพัฒน์ เล่ากันว่าเมื่อทรงพระเยาว์ ท่านเป็นเด็กที่ค่อนข้างแข็ง ไม่ประจบเอาใจผู้ใหญ่ ครอบครัวในสมัยโบราณ มักมีขนาดใหญ่ ทำให้เกิดปัญหาลูกรักลูกชังได้ง่ายกว่าครอบครัวปัจจุบันที่มีลูกคนสองคน ลูกๆที่อยากได้ความรักจากพ่อแม่ จึงมักทำตัวให้เป็นที่โปรดปราน พ่อแม่ก็มักชอบลูกที่ว่านอนสอนง่ายมากกว่าลูกที่ดื้อ หรือทำตัวห่างเหินพ่อแม่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า พ่อแม่ไม่รัก
อีกอย่างคือพ่อโบราณ มีอยู่มากที่ไม่ทำตัวใกล้ชิดเป็นกันเองกับลูก อาจจะไม่ใช่ทุกบ้าน แต่ก็มีบ้านที่เป็นแบบนี้เยอะกว่าปัจจุบัน อย่างบ้านพระยาอนุมานราชธน (เสฐียรโกเศศ)ท่านก็ไม่คลุกคลีเล่นหัวกับลูก ท่านรัก แต่ว่ามีระยะห่างพอสมควร ให้เกิดความยำเกรง เพราะท่านถือหลักว่า Familiarity breeds contempt เทียบกับสำนวนไทยก็คล้ายๆกับ เล่นกับหมา หมาเลียปาก คือความใกล้ชิดสนิทสนมกัน ทำให้หมดความเกรงใจ
แต่จะว่าท่านอากาศดำเกิงท่านอาภัพจนเป็นลูกชัง ก็ไม่น่าจะใช่ ท่านก็ได้รับการอุปถัมภ์จากเชษฐาของท่านเป็นอันดี ได้ไปเรียนทั้งอังกฤษและอเมริกาถึง 5 ปี จากเงินมรดกของเสด็จพ่อ แม้ว่าหม่อมอ่อนไม่มีส่วนในพินัยกรรม เจ้าพี่ของท่านอากาศดำเกิงก็ไม่ได้ทรงเห็นว่าอนุชาจะต้องพลอยไม่มีส่วนไปด้วย เป็นไปได้ว่ากรมหลวงราชบุรีฯ ท่านก็ตั้งพระทัยจะให้โอรสของท่านทุกองค์มีอนาคตที่ดี ไม่ได้กีดกันท่านอากาศดำเกิงออกไปแต่อย่างใด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Nuchana
|
ความคิดเห็นที่ 14 เมื่อ 08 ก.ย. 05, 19:36
|
|
 Old edition. |
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|