เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 4 5 [6] 7 8 ... 12
  พิมพ์  
อ่าน: 61892 เพลงเก่าตรึงใจ (2)
Nuchana
สุครีพ
******
ตอบ: 979


ความคิดเห็นที่ 75  เมื่อ 16 ก.ย. 05, 22:51

 ฟังคุณถาวรภักดิ์เล่าถึง Tie the Yellow Ribbon around the Oak trees แล้วดิฉันนึกถึงบทความเรื่อง “Going Home” ที่อยากเล่าให้เด็กๆในห้องนี้ฟังค่ะ  เรื่องนี้มีเค้าเรื่องจากนิทานพื้นบ้านเก่าแก่     ตีพิมพ์ครั้งแรกในนิวยอร์คโพสต์ เดือนต.ค. 1971         อีกเก้าเดือนต่อมา วารสารรีดเดอร์ ไดเจสต์ก็ตีพิมพ์ซ้ำอีกครั้งและโด่งดังมากในยุคนั้น  เนื้อเรื่องกล่าวถึงนักศึกษากลุ่มหนึ่งกำลังนั่งรถบัสมุ่งหน้าไปที่ชายหาด Fort Lauderdale ในฟลอริดา ได้รู้จักและเป็นเพื่อนร่วมทางไปกับชายคนหนึ่งที่พึ่งพ้นคุก  (ex-con) ที่นั่งรถบัสกำลังจะกลับบ้าน พอใกล้ถึงที่หมาย อดีตนักโทษคนนี้ก็ชะแง้เหมือนจะหาอะไรบางอย่าง แต่พอใกล้จะถึงที่หมายเขากลับไม่กล้ามองออกไปเหมือนกลัวคำตอบ พอเพื่อนๆถาม ก็ทราบว่าเขาขอให้คนรักที่บ้านผูกโบว์สีเหลืองเข้ากับต้นโอ๊ค ถ้าเขาเห็นโบว์ก็แปลว่าตัวเขายังคงเป็นที่ต้องการของคนที่บ้านและจะกลับบ้าน แต่หากเขาไม่เห็นโบว์สีเหลืองเขาก็จะนั่งไปกับรถบัส ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ตามลำพัง เพื่อนใหม่ได้ยินเช่นนั้นก็ช่วยกันฉุดให้เขามานั่งริมหน้าต่างและช่วยกันลุ้นว่าจะเจอโบว์สีเหลืองหรือไม่ ในที่สุดทุกคนก็เห็นแต่โบว์สีเหลืองเป็นร้อยๆอันปกคลุมจนมองแทบไม่เห็นต้นโอ๊ค ผู้คนบนรถบัสต่างก็โห่ร้องอย่างดีใจ เป็นอันว่าเขายังคงเป็นที่ต้องการอยู่  

ในปี 1972 นายเออร์วิน เลวิน และรัสเซลล์ บราน์ ก็ประพันธ์บทเพลง Tie the Yellow Ribbon around the Oak Tree และอัดแผ่นเสียงขาย ปรากฎว่าขายดิบขายดีได้ถึง 3 ล้านแผ่น บริษัทไอบีเอ็มก็คำนวณว่าอย่างน้อยผู้ฟังจะเปิดเพลงนี้ 3 ล้านเที่ยว ซึ่งถ้าเปิดเพลงติดต่อกัน ต้องใช้เวลาถึง 17ปี

ทุกวันนี้โบว์สีเหลืองเป็นสัญลักษณ์การรอคอยการกลับมาของคนรัก เชลยสงคราม หรือตัวประกันทำนองนี้ โดยมีที่มาจากกรณีสถานทูตสหรัฐอเมริกาในอิหร่านถูกยึดและสามีของนางเพนนี เลนเกน ถูกจับเป็นตัวประกันในปี 1979 โดยนางให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ว่า จะผูกโบว์สีเหลืองที่ต้นโอ๊ค รอให้สามีของนางกลับมาเป็นผู้แก้ เป็นการรอคอยคนรักอย่างมีความหวัง ซึ่งว่ากันว่าแรงดลใจของนางก็มาจากบทเพลง Tie Ribbon บทนี้นี่เอง  
บันทึกการเข้า
Nuchana
สุครีพ
******
ตอบ: 979


ความคิดเห็นที่ 76  เมื่อ 16 ก.ย. 05, 22:54

 Tie a Yellow Ribbon    
Tony Orlando & Dawn


I'm comin' home, I've done my time
Now I've got to know what is and isn't mine
If you received my letter telling you I'd soon be free
Then you'll know just what to do
If you still want me
If you still want me
Whoa, tie a yellow ribbon 'round the old oak tree
It's been three long years
Do ya still want me?
If I don't see a ribbon round the old oak tree
I'll stay on the bus
Forget about us
Put the blame on me
If I don't see a yellow ribbon round the old oak tree

Bus driver, please look for me
'cause I couldn't bear to see what I might see
I'm really still in prison
And my love, she holds the key
A simple yellow ribbon's what I need to set me free
I wrote and told her please

Whoa, tie a yellow ribbon round the old oak tree
It's been three long years
Do ya still want me?
If I don't see a ribbon round the old oak tree
I'll stay on the bus
Forget about us
Put the blame on me
If I don't see a yellow ribbon round the old oak tree

Now the whole damned bus is cheerin'
And I can't believe I see
A hundred yellow ribbons round the old oak tree

I'm comin' home

(Tie a ribbon round the old oak tree)

 http://www.geocities.com/holidaysfun/ribbon.html  
บันทึกการเข้า
paganini
องคต
*****
ตอบ: 406

ทำงาน


ความคิดเห็นที่ 77  เมื่อ 17 ก.ย. 05, 03:08

 ผมมีคำตอบแล้วครับเกี่ยวกับรักนิรันดร์ โดยสามารถแจกแจงได้ดั่งนี้

1. รักนิรันดร์มีแน่ๆ เพราะว่าคนชื่อนิรันดร์มีเยอะมากในเมืองไทย คนเราเกิดมาย่อมมีคนรักและคนเกลียด ดังนั้น ต้องมีคนหลายคนรักนิรันดร์   แต่คำถามคือ รักนิรันดร์นั้น มันจะยืนยาวเพียงใดมันจะสิ้นสุดเมื่อใด

2. คำตอบของข้อที่ 1 ได้มาจากเพลงนี้ครับ

จงรัก

เนื้อเพลงโดย จงรัก จันทร์คณา

โปรดอย่าถามว่าฉันเป็นใครเมื่อในอดีต

และโปรดอย่าถามว่าอดีตฉันเคยรักใคร

รู้ไว้อย่างเดียวเดี๋ยวนี้รักเธอและรักตลอดไป

รักมากเพียงไหนกำหนดวัดได้เท่าดวงใจฉัน

* อย่าเพียรถามว่าฉันจะรักเธอนานเท่าใด

ฉันตอบไม่ได้ว่าฉันจะรักชั่วกาลนิรันดร์

เพราะชีวิตฉันคงไม่ยืนยาวไปถึงปานนั้น

รู้แต่เพียงฉันหมดสิ้นรักเธอเมื่อฉันหมดลม
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 78  เมื่อ 17 ก.ย. 05, 09:51

 ชอบตำนานของ Yellow Ribbon มากค่ะ
นักร้องหลายคนเอาไปร้อง   ที่ดังที่สุดเห็นจะเป็น Tony Orlando and Dawn
แต่คนที่ดิฉันชอบมากที่สุดคือ Perry Como

รักนิรันดร์ ที่คุณ paganini อยากได้คำตอบ    สุนทรภู่ตอบเอาไว้ คงจำกันได้ในเพลง คำมั่นสัญญา

ถึงม้วยดินสิ้นฟ้ามหาสมุทร
ไม่สิ้นสุดความรักสมัครสมาน

ที่เหลือต่อกันเอง

เพลง ชั่วนิจนิรันดร ก็เป็นรักที่ยาวไม่แพ้ คำมั่นสัญญา
ฉันรักเธอ แม้เทียบเสมอกับดวงชีวิต
รักเธอชั่วนิจนิรันดร
แม้จะห่างไกล ใจก็หวงห่วงนิวรณ์
ถึงแม้ม้วยมรณ์ ไม่ถอนรักที่มี

คนนี้รักยาวกว่าเพลง "จงรัก "ค่ะ

กระทู้นี้เริ่มคึกคักอีกแล้ว    
บันทึกการเข้า
paganini
องคต
*****
ตอบ: 406

ทำงาน


ความคิดเห็นที่ 79  เมื่อ 18 ก.ย. 05, 21:49

 แหมไม่มีคนมาขำมุข รัก"นิรันดร์"ของผมเลย 5555
ผมสะดุดใจกับเพลงจงรักครับ  ช่างกล่าวถึงความรักได้อย่างสอดคล้องกับความจริงไรเช่นนั้น
"ฉันตอบไม่ได้ว่าฉันจะรักชั่วกาลนิรันดร์
เพราะชีวิตฉันคงไม่ยืนยาวไปถึงปานนั้น
รู้แต่เพียงฉันหมดสิ้นรักเธอเมื่อฉันหมดลม"

ฟังแล้วชื่นใจจริงๆ
ท่านจงรัก จันทร์คณา นับว่าเป็นเชื้อไม่ทิ้งแถว เพราะท่านคือทายาทของบรมครูพรานบูรพ์ นั่นเอง
{พรานบูรพ์ชื่อจริงว่า จวงจันทร์ จันทร์คณา)

ที่มาของเพลง Yellow Ribbon น่าประทับใจจริงๆ เรื่องช่างโรแมนติกซะขนาดนั้น เพลงนี้ผมชอบทำนองมากๆเลยครับได้ยินมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กเล็กๆ จังหวะคึกคักแต่ตัวทำนองนั้นหม่นๆผมรู้สึกยังงี้มานานแล้วครับ พึ่งจะมาพิจารณาเนื้อร้องอย่างละเอียดตอนนี้ถึงได้รู้ความนัย ที่ทำนองเป็นยังงี้คนแต่งอาจจะจินตนาการถึงความรู้สึกของชายคนนั้นที่พยายามปลุกปลอบใจตัวเองให้คึกคักเพื่อขจัดความกลัวที่จะไม่เห็น yellow ribbon แต่ลึกๆแล้วประหวั่นพรั่นพรึงเป็นที่สุด

หลานถาวภักดิ์ครับ ความหลังของอาควิโนเป็นยังไงครับขอให้เล่าให้ฟังหน่อยสิครับ
บันทึกการเข้า
Nuchana
สุครีพ
******
ตอบ: 979


ความคิดเห็นที่ 80  เมื่อ 18 ก.ย. 05, 23:09

 ใครบอกไม่ขำค่ะ ดิฉันขำจนสำลักน้ำ แต่ยังไม่กล้าแซวสุ่มสี่สุมห้าต่างหากค่ะ
บันทึกการเข้า
Nuchana
สุครีพ
******
ตอบ: 979


ความคิดเห็นที่ 81  เมื่อ 19 ก.ย. 05, 08:45

 เรื่องประธานาธิบดีอควิโน ดิฉันขอแจมหน่อยค่ะ ในฐานะที่เคยใจจดใจจ่อติดตามอย่างใกล้ชิดว่าสหรัฐจะทำอย่างไรต่อไปกับเรื่องนี้ หากจะโยงตำนานเรื่อง Yellow Ribbon เข้ากับครอบครัวอควิโน ไฮไลท์คงอยู่ตรงตัววุฒิสมาชิก  นินอย เบนิโย อควิโน จูเนียร์ ผู้เป็นสามีของประธานาธิบดีคอราซอน อควิโน และคงจะต้องกล่าวถึงเรื่องรองเท้าสามพันคู่ของนางอีเมลด้าในอีกมุมมองหนึ่งของฟิลิปินโนพลัดถิ่น และบั้นปลายของครอบครัวมาร์กอสไปด้วยเพื่อให้ครบถ้วน  เดี๋ยวจะกลับมาเล่าต่อค่ะ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 82  เมื่อ 19 ก.ย. 05, 09:45

 ลองไปค้นคำว่า "นิรันดร์" ในเพลงไทย     พบว่าคุณ"นิรันดร์" เข้าไปมีบทบาทอยู่เยอะทีเดียว

อย่างเพลง รักวันเติมวัน

อยากเติมความรักสักวันละนิด
ออมไว้ในจิตสถิตย์นิรันดร์ชีวี
ไม่มีวันแล้งแห่งดวงใจนี้
อาศัยเป็นที่ ผดุงฤดีมั่นคง

รักเดิมแห้งทรวงรักลวงให้ตรม
เมื่อยามแรกรักรื่นรมย์
ไม่นานรักล่มจมลง
ทุ่มเทความรักปักใจจนหลง
รักเอ๋ยมิคงดังฉันพะวงทุ่มใจ

อยากเติมความรักสักวันละน้อย
เติมรักค่อยค่อยบ่อยบ่อยเสริมรอยอาลัย
ไม่ยอมเติมรักให้เต็มดวงใจ
ยามร้างจะได้บรรเทาฤทัยที่ตรม
รักวันเติมวันสำคัญที่เธอ
ฝากใจตอบฉันหมั่นเปรอ
ด้วยความรักเอ่ออารมณ์
จะคอยเติมรักตอบแทนเธอสม
เติมรักคอยบ่ม เราสองภิรมย์ไม่คลาย

ชอบตรงนี้ค่ะ
อยากเติมความรักสักวันละน้อย
เติมรักค่อยค่อยบ่อยบ่อยเสริมรอยอาลัย
ไม่ยอมเติมรักให้เต็มดวงใจ
ยามร้างจะได้บรรเทาฤทัยที่ตรม

เจ้าของความรัก คิดแบบไม่ผลีผลาม   ไม่หวือหวา  ไม่ใช่ว่าเจอปุ๊บรักปี๊บ แล้วสองวันก็เลิกกัน

มารอฟังเรื่องของนินอยและคุณนายอาคีโน อีกคนค่ะ  ชอบเธอมากกว่าคุณอะไรคนปัจจุบันนี่  
บันทึกการเข้า
นิรันดร์
องคต
*****
ตอบ: 522


ความคิดเห็นที่ 83  เมื่อ 19 ก.ย. 05, 12:49

 พูดถึงความรักนิรันดร์ ก็ระลึกถึงเรื่อง"กามนิต วาสิฏฐี"
รักแท้นั้นมีสีดำเหมือนสีแห่งศอศิวะ
เป็นความรักที่ปราศนาให้เพียงอย่างเดียว
ไม่ได้รักเพื่ออยู่หรือครอบครอง
พระองค์ทรงรักชีวิตอื่น
โดยรับเอาพิษนาคไว้แต่เพียงคนเดียว
แม้พระองค์จะเป็นอมตะ
แต่พิษร้ายของนาคก็ยังเผาศอของพระองค์ให้ดำไป

ไม่ทราบว่าเด็กรุ่นใหม่ยังได้เรียนวรรณคดีเรื่องนี้กันอยู่หรือเปล่า
ผมคิดว่าการเรียนวรรณคดี สามารถช่วยแนะนำทางชีวิตของคนได้มาก
และพาให้สังคมอยู่ด้วยกันด้วยความรักนิรันดร์
บันทึกการเข้า
ถาวภักดิ์
พาลี
****
ตอบ: 240


ความคิดเห็นที่ 84  เมื่อ 19 ก.ย. 05, 12:52

 มาเล่าตามคำเรียกร้องของคุณป๋า paganini ครับ  เดิมนั้นท่านอดีตประธานาธิบดีคอราซอน อควิโน มีบทบาทเป็นเพียงภรรยาท่านผู้นำฝ่ายค้านนินอย เบนิโย อควิโน ในยุคเผด็จการมาร์กอส  นินอย อควิโนถูกกลั่นแกล้งดำเนินคดีในข้อหาต่างๆ จนถึงกับต้องเข้าคุก สุดท้ายต้องระเห็จไปอยู่ต่างประเทศ จวบจนมีการเคลียร์กันจนเชื่อว่าสามารถกลับมาต่อสู้ด้วยวิถีทางทางการเมืองภายในประเทศได้  จึงเดินทางกลับมาและถูกฆ่าทิ้งคาสนามบิน

ถ้าจำไม่ผิด วันนั้นอดีตประธานาธิบดีอควิโน อยู่ในชุดเหลืองเพื่อต้องการแสดงให้สามีชื่นใจในความรักและการรอคอยอย่างภักดีของเธอ  ด้วยอิทธิพลของเพลง Tie A yellow Ribbon Around The Old Oak Tree และเป็นเพลงที่มีความหมายต่อทั้งคู่อยู่ก่อนแล้ว  ด้วย นินอย อควิโน เคยถูกแกล้งจับเข้าคุกดังว่า

ด้วยชุดสีเหลือง ด้วยหัวใจเปี่ยมความปิติยินดีที่จะได้พบสามีสุดที่รักให้สมกับความโหยหา ด้วยหูที่ก้องไปด้วยเสียงเพลง Tie A Yellow Ribbon Around The Old Oak Tree อันมีจังหวะสนุกสนานเปี่ยมด้วยความสุขของผู้ที่ไกลบ้านมานาน และกำลังจะได้รับการต้อนรับกลับอย่างอบอุ่น  น้ำตาของเธอกลับต้องหลั่งไหลจนแทบเป็นสายเลือดเมื่อเห็นสามีสุดที่รักถูกฆ่าทิ้งอย่างทารุณต่อหน้าต่อตา

แม้การตายของนินอย อควิโน จะเป็นชนวนให้เกิดการโค่นล้มอำนาจของมาร์กอส และทำให้นางอควิโนได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีในที่สุด  หากนางอควิโนเลือกได้ ผมเชื่อว่าเธอย่อมต้องเลือกขอชีวิตสามีคืนมา โดยไม่สนใจกับตำแหน่งอันยิ่งใหญ่ใดๆทั้งสิ้น
บันทึกการเข้า
ถาวภักดิ์
พาลี
****
ตอบ: 240


ความคิดเห็นที่ 85  เมื่อ 19 ก.ย. 05, 12:59

 เพิ่งเห็น คห ของ อ.นิรันดร์ ขออนุญาตแก้ว่า เหตุที่พระศอของพระศิวะเป็นสีดำ เพราะกากที่เกิดจากการกวนเอาน้ำอมฤตครับ ทุกคนแย่งเอาแต่ของดี ในขณะที่ไม่มีผู้ใดใส่ใจว่ากากที่เหลือนั้น ทิ้งไปที่ใดก็จะก่อให้เกิดไฟบรรลัยกัลป์เผาผลาญจนพินาศสิ้น  พระศิวะผู้เป็นใหญ่แห่งสรวงสวรรค์จึงกล้ำกลืนพิษร้ายนั้นไว้เอง เผาไหม้พระศอจนกลายเป็นสีดำสนิท
บันทึกการเข้า
bookaholic
ชมพูพาน
***
ตอบ: 145


ความคิดเห็นที่ 86  เมื่อ 19 ก.ย. 05, 14:26

 ได้เนื้อเพลง Those Were The Days ทันใจจัง  
ขอบคุณงับ

ขอฟังเรื่องการเมืองฟิลิปปินส์ จากป๋าถา และคุณ Nuchan ด้วยอีกคน  ฟังเงียบๆครับ
บันทึกการเข้า
Nuchana
สุครีพ
******
ตอบ: 979


ความคิดเห็นที่ 87  เมื่อ 19 ก.ย. 05, 16:19

 เพลง Those Were The Days เป็นเพลงที่จังหวะมันส์มาก กลุ่มเพื่อนนักเรียนชาวเลบานีสเคยเต้นเพลงนี้กระทืบเท้าเสียงดังคล้ายๆตอนที่ Di Carprio เต้นในภาพยนต์เรื่อง Titanic

กลับเข้าเรื่องนินอยค่ะ ตอนเย็นได้อ่านค่ะ ต้องขออภัยดิฉันเช็คแล้วในภาษาสแปนิช “Aquino”  ตรง “q” เสียง ว ไม่โพรเนาซ์ค่ะ อยากเรียนถามด้วยค่ะ ว่าในสแปนนิช ที่ใช้ในสหรัฐอเมริกา คำว่า San Jose ออกเสียง ซาน โฮเซ แต่ทำไมที่ยุโรป ชื่อของ   โค้ชจอมเก๊กทีมเชลซี   Jose Mourinho จึงออกเสียง โจเซ ทั้งๆที่เป็นภาษาสแปนิชเหมือนกัน

ความจริงเว็บนี้น่าจะมีห้องภาษาต่างประเทศด้วยนะคะ คงสนุกไม่น้อยทีเดียว เพราะภาษาเรียนเท่าไรก็รู้ไม่หมด
บันทึกการเข้า
ถาวภักดิ์
พาลี
****
ตอบ: 240


ความคิดเห็นที่ 88  เมื่อ 19 ก.ย. 05, 17:17

 ถ้าจำไม่ผิด ดูเหมือนว่าหากสะกดด้วย Dj เป็นพยัญชนะต้น จึงจะออกเสียงควบ ฮ และ จ โดยคนไทยจะฟังเป็นเสียง ฮ เช่น ดอนฮวน เป็นต้น

ผิดพลาดอย่างไรก็ขออภัยนะครับ เดี๋ยวนี้ยากจะหาสาวลาตินมาช่วยซักซ้อมทบทวนความรู้ภาษาสเปน
บันทึกการเข้า
paganini
องคต
*****
ตอบ: 406

ทำงาน


ความคิดเห็นที่ 89  เมื่อ 19 ก.ย. 05, 19:03

 จริงๆแล้วภาษาของ Murinho ไม่ใช่ภาษาสเปนครับ เขาเป็นโปรตุกีสน่ะ  มูรินโย่ เหมือน Jerzinho แจร์ซินโย่

แต่ผมไม่แน่ใจว่าจะออกเสียงต่างกันสำหรับ

Jose' รึเปล่า เท่าที่ผมเคยเห็นคนไทยเขียนถึงคำนี้ มักจะเขียนว่า โฆเซ่ นะครับ ออกเสียงกึ่งๆระหว่าง ค และ ฮ  ขึ้นจมูกน่ะครับ



ส่วน โปรตุกิสจะออกเสียง Jose เหมือนกันสแปนิช รึเปล่านั้นเดี๋ยวผมจะถามสาวสเปนที่เกิดใกล้ๆพรมแดนโปรตุเกสให้ครับ



อ้อ คุณ Nuchan ครับ แซวผมได้นะไม่ต้องเกรงใจ แต่อย่าโกรธเวลาผมแซวกลับละกัน 55555555555555555555

 เต้นกระทืบเท่านั่นคือเต้าแท็ปป่าวครับ?
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 4 5 [6] 7 8 ... 12
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.078 วินาที กับ 19 คำสั่ง