เป็นธรรมดาของโลกครับ ใครมีอำนาจก็รุกรานคนอ่อนแอ การศึกษาประวัติศาสตร์ ต้องดูถึงแนวโน้มโลกในสมัยนั้นด้วย นั่นคือในช่วงนั้น "แฟชั่น" คือการล่าอาณานิคม มันก็ต้องเป็นไปตามนั้นครับ
ที่สำคัญคือ ต้องไม่เอาอดีตมาเป็นอคติกับปัจจุบัน ไม่งั้นก็จะทะเลาะกันไม่จบครับ (เวรระงับด้วยการไม่จองเวร) อย่าง จีน เกาหลี ก็จะตั้งแง่กับญี่ปุ่น แต่เรื่องสงครามโลกครั้งที่ ๒ หรือ ญี่ปุ่นเองก็มีทิฐิ ไม่ยอมรับผิด
จีนก็ตู่เอาไต้หวันเป็นจังหวัดของตัวเองอยู่ได้ ตามที่เชื่อกันมาแต่อดีต โดยไม่ยอมรับความจริงที่ว่า ไต้หวัน มีทุกอย่างแยกออกจากจีนหมดแล้ว ปัจจุบันไม่ได้มีอะไรที่ขึ้นกับการปกครองของจีนเลย ก็เลยทะเลาะกันอยู่อย่างไม่จบสิ้น
หรือ ใกล้ๆ ตัวเราก็เรื่องภาคใต้ครับ ปัจจุบัน ดินแดนที่เคยเป็นแคว้นปัตตานี ก็เป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรไทยแล้ว ซึ่งก็มีศักดิ์และสิทธิเทียบเท่ากับจังหวัดอื่นๆ
แต่พวกผู้ก่อการร้าย ก็จะอ้างแต่เรื่องอดีต คนพวกนี้หมกมุ่นอยู่แต่กับอดีต ไม่มองถึงอนาคต
มาดูข้อความที่ post ดีกว่าครับ ...
"ครั้งที่1 เสียเขมรทั้งประเทศให้ฝรั่งเศส"
ตรงนี้ผมว่า ถ้าเราไม่เสียให้ฝรั่งเศส ในที่สุดเราก็ต้องให้เขมร แยกเป็นเอกราชครับ เพราะตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ เป็นต้นมา "แฟชั่น" การเรียกร้องเอกราช มาแรงมากครับ
หรือ ถ้ายังคงเป็นส่วนหนึ่งของไทย คิดดูนะครับ ภาษาก็คนละแบบ ประชากรก็เยอะ รับรองได้ว่า ก่อการร้ายกันทุกวันแน่ๆ
ได้เป็นของฝรั่งเศสก็ดีแล้วหละครับ
ส่วนครั้งอื่นๆ ก็จะเข้าได้ดีกับคำว่า
"เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย"
นั่นคือ เรายอมเสียน้อยๆ ซึ่งน้อยๆ ที่เสียไป ก็ไม่ได้กระทบกระเทือนความมั่นคงของส่วนกลาง ถ้าเราดื้อไม่ยอมเสียก็จะเป็นอย่าง พม่า ลาว มาเลเซีย กัมพูชา ได้ครับ
อันที่จริง ฝรั่งล่าอาณานิคม "เอาเปรียบทุกประเทศครับ" ถ้าจะหาคนเห็นแก่ตัวจริงๆ แล้วก็ต้องไปดูว่ายุคนั่น สมัยนั่น ประเทศเหล่านั้นมีใครเป็นผู้ปกครองครับ ใครเป็นประธานาบดี หรือ ใครเป็นนายกรัฐมนตรี อันนี้จะตรงสุด เพราะว่า ประเทศเหล่านั้นจะมีนโยบายอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับผู้นำครับ เออ เลยนึกถึงประโยคไทยๆ ที่ว่า
"เชื่อท่านผู้นำ ชาติพ้นภัย"
อิอิ พ้นภัยต่างชาติ แต่ต้องมาผจญภัยในชาติ