หยดน้ำ
ชมพูพาน
  
ตอบ: 146
คณะศึกษาศาสตร์
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
|
ความคิดเห็นที่ 15 เมื่อ 16 ส.ค. 05, 07:36
|
|
8. พระฐานะของเจ้าฟ้าหญิงบุญรอดมีปรากฎหลักฐานชัดเจน อยู่ในประกาศตั้งกรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ เมื่อปีพุทธศักราช 2394 ความว่า
"...พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหามงกุฎ ฯลฯ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ... มีพระกมลสันดานประกอบด้วยพระกตัญญูระฦกถึงพระเดชพระคุณสมเด็จพระบรมราชชนนี ซึ่งทรงพระนามตามตำแหน่งพระบรมอรรคราชมเหษี ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยว่า สมเด็จพระพรรษา..." (จดหมายเหตุเรื่องทรงตั้งพระบรมวงศานุวงศ์กรุงรัตนโกสินทร์ เล่ม 1)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
หยดน้ำ
ชมพูพาน
  
ตอบ: 146
คณะศึกษาศาสตร์
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
|
ความคิดเห็นที่ 16 เมื่อ 16 ส.ค. 05, 07:44
|
|
รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
ในรัชกาลนี้ไม่ทรงมีพระมเหสีเทวีหรือพระภรรยาเจ้าแต่อย่างใด หนังสือบางเล่มกล่าวว่าเหตุที่ไม่ทรงมีพระมเหสีเทวีนั้น เพราะไม่มีพระราชประสงค์จะมีพระราชโอรสเป็น "เจ้าฟ้า" เนื่องจากจะทรงเก็บราชสมบัติไว้ให้กับสมเด็จเจ้าฟ้ามงกุฎ พระราชอนุชา ซึ่งทรงมีสิทธิโดยชอบธรรมในพระราชบัลลังก์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 17 เมื่อ 16 ส.ค. 05, 09:05
|
|
เคยอ่านพบว่าเจ้าฟ้าบุญรอด ทรงแยกทางกับพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยตั้งแต่ทรงได้เจ้าฟ้ากุณฑลเป็นพระราชชายา เสด็จไปประทับ ณ พระราชวังเดิมกับพระราชโอรสพระองค์เล็ก คือเจ้าฟ้าจุฑามณี(หรือพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว) ตั้งแต่ในรัชกาลที่ 2 ไม่เสด็จกลับมาที่วังหลวงอีกเลย ตลอดรัชกาล แม้ว่าพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าฯ ทรงงอนง้อหลายครั้ง ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ
ติดตามอ่านตลอดค่ะ คุณหยดน้ำ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
หยดน้ำ
ชมพูพาน
  
ตอบ: 146
คณะศึกษาศาสตร์
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
|
ความคิดเห็นที่ 18 เมื่อ 16 ส.ค. 05, 10:49
|
|
ขอบคุณครับคุณเทาชมพูที่ติดตามอ่าน เรื่องที่เจ้าฟ้าหญิงบุญรอดทรงกลับไปประทับอยู่ที่พระราชวังเดิม ตั้งแต่รัชกาลที่ 2 รับเจ้าฟ้าหญิงกุณฑลมาเป็นพระมเหสี ผมก็เคยอ่านเจอมาครับ แต่ดูแล้วความเป็นไปได้ของประเด็นนี้มีน้อยครับ (ความคิดเห็นส่วนตัวครับ)
เพราะพิจารณาจากเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นทำให้ผมเชื่อโดยส่วนตัวว่าน่าจะทรงประทับอยู่ในวังหลวงตลอรัชกาลที่ 2 และย้ายออกมาเมื่อรัชกาลที่ 2 สวรรคตแล้ว ด้วยเหตุผลดังนี้ครับ
1. คุณจุลลดา ภักดีภูมินทร์ ได้เล่าไว้ในหนังสือเวียงวังว่า รัชกาลที่ 3 เมื่อขึ้นครองราชยแล้ว ได้เสด็จพร้อมด้วยเจ้าจอมมารดาเรียม ซึ่งเวลานั้นเป็นสมเด็จพระพันปีหลวง มาส่งเสด็จเจ้าฟ้าหญิงบุญรอดที่ประตูวังเมื่อคราวที่เสด็จกลับไปประทับยังพระราชวังเดิม โดยครั้งนั้นกรมสมเด็จพระศรีสุลาลัยได้เชิญพานพระศรีตามเสด็จ และเมื่อถึงประตูวังแล้วทั้ง 2 พระองค์ก็ได้ถวายบังคมเจ้าฟ้าหญิงบุญรอด
ไปเรียนก่อนนะครับเดี๋ยวมาคุยต่อ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
หยดน้ำ
ชมพูพาน
  
ตอบ: 146
คณะศึกษาศาสตร์
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
|
ความคิดเห็นที่ 19 เมื่อ 16 ส.ค. 05, 14:52
|
|
ต่อครับผม
2. หากเจ้าฟ้าหญิงบุญรอดเสด็จออกไปอยู่พระราชวังเดิมตั้งแต่ในสมัยรัชกาลที่ 2 จริง เหตุใดถึงทรงพาเฉพาะสมเด็จเจ้าฟ้าจุฑามณีไปเพียงพระองค์เดียว ทำไมสมเด็จเจ้าฟ้ามงกุฎถึงไม่ตามเสด็จไปด้วย ซึ่งถ้าเสด็จในสมัยรัชกาลที่ 3 แล้ว ข้อสงสัยนี้ก็จะหมดไป เพราะเวลานั้นสมเด็จเจ้าฟ้ามงกุฎยังทรงผนวชอยู่
3. คุณลาวัณย์ โชตามระ ได้เล่าเหตุการณ์ภายหลังจากที่รัชกาลที่ 2 รับเจ้าฟ้าหญิงกุณฑลเป็นพระมเหสีไว้ในหนังสือพระมเหสีเทวีว่า
"...ความน้อยพระทัยที่สมเด็จพระอัครมเหสีทรงมีต่อสมเด็จพระบรมราชสวามีนั้นมากมายนัก ... ทรงใช้วิธี "ดื้อแพ่ง" ด้วยวิธีการต่างๆ ไม่เสด็จขึ้นเฝ้าดังที่ทรงเคยปฏิบัติ ไม่ยอมให้พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าฯ ได้เสด็จเข้ามาในพระตำหนัก ไม่ทำเครื่องเสวยที่เคยโปรดปรานขึ้นถวาย ....
การประกอบอาหารหวานคาวที่พระตำหนักของสมเด็จพระอัครมเหสีนั้นก็ยังคงทำอยู่ตามปกติ แต่ทว่าเพื่อให้ข้าหลวงขายในบริเวณ "วังหลวง" ตลอดจนให้ผู้อื่นรับไปจำหน่ายแก่คนนอก ..."
หมายเหตุ ขออนุญาตแก้ไขคำผิดครับ
ในความคิดเห็นที่ 8 ที่ถูกต้องต้องเป็น "สมเด็จพระพันพรรษาฟากขะโน้น" ครับ
ในความคิดเห็นที่ 15 ที่ถูกต้องต้องเป็น "สมเด็จพระพันพรรษา" แต่หนังสือบางเล่มก็ใช้ว่า "สมเด็จพระพรรษา" และ "สมเด็จพระพันวษา" ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
หยดน้ำ
ชมพูพาน
  
ตอบ: 146
คณะศึกษาศาสตร์
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
|
ความคิดเห็นที่ 20 เมื่อ 16 ส.ค. 05, 15:52
|
|
ระยะที่ 2 (รัชกาลที่ 4 - ต้นรัชกาลที่ 6) เป็นระยะที่มีการสถาปนาพระอิสริยยศ และคำนำหน้าพระนามพระมเหสีเทวีอย่างเป็นทางการ
รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ในรัชกาลนี้นับเป็นครั้งแรกที่มีการกำหนดคำนำหน้าพระนามและพระอิสริยยศสำหรับพระมเหสีเทวี แต่อย่างไรก็ตามก็ยังไม่ปรากฎว่าได้ทรงประกาศสถาปนาพระมเหสีอย่างเป็นทางการ
รัชกาลที่ 4 ทรงมีพระภรรยาเจ้าที่เป็นหม่อมเจ้าหลานเธอในรัชกาลที่ 3 หลายพระองค์ด้วยกัน แต่ที่ได้เป็นพระมเหสีนั้นมีอยู่ 2 พระองค์ คือสมเด็จพระนางเธอโสมนัสวัฒนาวดี (พ.ศ. 2394 - 2395) และสมเด็จพระนางเธอรำเพยภมราภิรมย์ (พ.ศ. 2395 - 2404) ซึ่งทั้ง 2 พระองค์นี้ทรงเป็นพระมเหสีต่างวาระกัน
เมื่อรัชกาลที่ 4 เสด็จขึ้นครองราชย์สมบัติแล้ว ได้ทรงรับเอาพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าโสมนัสวัฒนาวดีในรัชกาลที่ 3 ขึ้นเป็นพระอัครมเหสี เมื่อวันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2394 (หนังสือพระบรมราชินี และเจ้าจอมมารดา ของ ส. พลายน้อย) ทรงพระนามว่า
"สมเด็จพระนางนาฏโสมนัสวัฒนาวดี บรมอรรคราชเทวี" หรือ "สมเด็จพระนางนาฏ พระองค์เจ้าโสมนัสวัฒนาวดี บรมอรรคราชเทวี"
ซึ่งคำนำนหน้าพระนามว่า "สมเด็จพระนางนาฏ" และพระอิสริยยศ "บรมอรรคราชเทวี" นี้ จะได้รับพระราชทานเมื่อใดไม่ปรากฎหลักฐานแน่ชัด แต่ปรากฎว่าได้ออกพระนามนี้ไว้ในประกาศสถาปนาพระองค์เจ้ารำเพยภมราภิรมย์ เมื่อปี พ.ศ. 2395 ความว่า
"...บัดนี้ทรงพระราชดำริว่าพระองค์เจ้าโสมนัสวัฒนาวดี ซึ่งเป็นพระเจ้าหลานเธอในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสถาปนาไว้ แลพระบรมวงศานุวงศ์ผู้ใหญ่แลเสนาบดีได้ทำเรื่องราวกราบบังคมทูลถวาย ให้เป็นสมเด็จพระนางนาฏบรมอรรคราชเทวีครั้งนี้นั้น ก็เสด็จสวรรคตเสียแล้ว..." (จดหมายเหตุเรื่องทรงตั้งพระบรมวงศานุวงศ์กรุงรัตนโกสินทร์ เล่ม 1)
ซึ่งประกาศฉบับนี้มีขึ้นภายหลังจากที่สมเด็จพระนางเธอโสมนัสฯ ได้เสด็จสวรรตไปแล้ว โดยทรงดำรงตำแหน่งนี้เพียง 9 เดือน ภายหลังเมื่อมีพระประสูติกาลเจ้าฟ้าชายโสมนัสแล้ว(สิ้นพระชนม์ในประสูติ) ก็เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2395
หลังจากนั้นในเดือนมกราคม พ.ศ. 2395(ปฏิทินใหม่ 2396) ก็ได้ทรงสถาปนาหม่อมเจ้าหญิงรำเพย ขึ้นเป็น "พระองค์เจ้าหญิงรำเพยภมราภิรมย์" ดังประกาศสถาปนาว่า
“...จึงมีพระบรมราชโองการมารพระบัณฑูรสุรสิงหนาทดำรัสสั่ง ให้สถาปนาหม่อมเจ้ารำเพยซึ่งเป็นพระเจ้าหลานเธอผู้ใหญ่ฝ่ายใน ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้น เป็นพระองค์เจ้ารำเพยภมราภิรมย์...”
ซึ่งในประกาศฉบับนี้ระบุเพียงว่าทรงเป็นพระองค์เจ้า แต่จะทรงใช้คำหน้าพระนามหรือดำรงพระอิสริยยศอย่างไรในตำแหน่งพระมเหสีเทวีนั้นไม่ปรากฎ จนเมื่อภายหลังที่ทรงสิ้นพระชนม์ไปแล้ว จึงได้ปรากฎการออกพระนามในประกาศชำระเลกในสมเด็จพระนางนาถราชเทวีว่า
“...ด้วยสมเด็จพระนางนาถราชเทวีสิ้นพระชนม์แล้ว เลกในกรมก็กระจัดพลัดพลายที่พาระบาดหลบหนี...”
ซึ่งจากประกาศนี้ทำให้พอสันนิษฐานไดว่าทรงมีพระอิสริยยศเป็น
"สมเด็จพระนางนาถรำเพยภมราภิรมย์ ราชเทวี" หรือ "สมเด็จพระนางนาถ พระองค์เจ้ารำเพยภมราภิรมย์ ราชเทวี"
สำหรับประกาศชำระเลกในสมเด็จพระนางนาถราชเทวี จะประกาศเมื่อใดไม่ทราบแน่ชัด แต่ต้องหลังจากวันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2404 ซึ่งเป็นวันที่พระนางสิ้นพระชนม์ และต้องก่อนงานพระเมรุสมเด็จเจ้าฟ้าจันทรมณฑล ในปีพ.ศ. 2406 ซึ่งได้มีการเปลี่ยนแปลงการออกพระนามพระมเหสีในรัชกาลที่ 4 ใหม่แล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 21 เมื่อ 22 ส.ค. 05, 12:46
|
|
มาเสริมคุณหยดน้ำค่ะ
ดิฉันไม่แน่ใจว่า พระนางโสมนัสฯ ทรงเป็น "สมเด็จพระนางเจ้า" หรือ "สมเด็จพระนางเธอ " กันแน่ แต่ทรงเป็นพระอัครมเหสี แน่นอน
ในหนังสือ พระบรมราชินีและเจ้าจอมมารดา ของคุณ ส. พลายน้อย อ้างถึงพระนิพนธ์ในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ ทรงระบุว่า " เวลา 1 นาฬิกาหลังเที่ยง สมเด็จพระนางเจ้า พระอัครมเหสี ประสูติพระราชกุมาร บรมราชโอรสโดนเรียบร้อย และมีพระชนม์ แต่พระกำลังอ่อน และพระองค์ย่อม พระกันแสง และแสดงอาการอย่างทารกแรกเกิดโดยปกติ แต่ต่อเวลาพระประสูติมาอีก 3 ชั่วโมงเท่านั้น พระอัสสาสะปัสสาสะพระราชกุมารก็หยุดลงเสียเฉยๆ"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ศรีปิงเวียง
|
ความคิดเห็นที่ 22 เมื่อ 22 ส.ค. 05, 21:47
|
|
ขอออกความเห็นครับ ถ้าถือตามหนังสือเฉลิมพระยศเจ้านาย เล่ม ๑ จะระบุพระอิสริยยศของสมเด็จพระเทพศิรินฯ ว่า พระนางเธอ พระองค์เจ้ารำเพยภมราภิรมย์ ซึ่งถือเป็นพระอัครมเหสีพระองค์ที่ ๒ ต่อจากสมเด็จพระนางเจ้าโสมนัสวัฒนาวดีครับ (คาดว่าประมาณปีใดจำไม่ได้) อ้อ ไม่ทราบว่าเขาส่งรูปอย่างไรจึงจะได้รูปคั่นกลางข้อความครับ
 |
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ไม่เห็นใครแน่นอน
|
|
|
หยดน้ำ
ชมพูพาน
  
ตอบ: 146
คณะศึกษาศาสตร์
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
|
ความคิดเห็นที่ 23 เมื่อ 22 ส.ค. 05, 22:01
|
|
ขอบคุณครับคุณเทาชมพู
..........................................
ดังที่ผมบอกไว้แล้วในคราวก่อน นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2406 เป็นต้นมาปรากฎหลักฐานว่าได้มีการออกพระนามพระมเหสีเทวีใหม่ ดังในประกาศงานพระเมรุสมเด็จเจ้าฟ้าจันทรมณฑลมีความตอนหนึ่งว่า
"...อนึ่งเสาและตัวไม้ใหญ่ๆ สิ่งของที่ทำในครั้งนี้ ก้ไม่ได้ตกทอดกะเกรฑ์มากนัก เป็นแต่ของเก่าสะสมทับมาแต่ครั้งการพระศพพระเจ้าพี่ยาเธอ กรมหลวงมหิศวรินทรามเรศร์ พระนางเธอ พระองค์เจ้ารำเพย..."
ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ปรากฎหลักฐานอย่างเป็นทางการว่าทรงเปลี่ยนการออกพระนาม "พระนางนาถราชเทวี" เป็น "พระนางเธอ" (ชุมนุมประกาศรัชกาลที่ 4)
และในปี พ.ศ. 2409 ประกาศงานพระราชพิธีโสกันต์สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าชายจุฬาลงกรณ์ ได้ออกพระนามพระอัครมเหสีทั้ง 2 พระองค์ว่า "สมเด็จพระนางเธอ"
"...แล้วพระราชวงศานุวงศ์ผู้ใหญ่ฝ่ายหน้าฝ่ายใน แลท่านเสนาบดีปรึกษาพร้อมกันว่าพระองค์เจ้าโสมนัสวัฒนาวดี ได้เป็นพระองค์เจ้ามียศใหญ่ได้มีการโสกันต์อย่างเจ้าฟ้าในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระนามแลเกียรติยศลือชาปรากฎสมควร จึงได้กราบทูลถวายตั้งเป็นสมเด็จพระนางเธอ เป็นเจ้าเป็นใหญ่ข้างใน สมเด็จพระนางเธอ พระองค์เจ้าโสมนัสวัฒนาวดี ทรงพระครรภ์ได้ 7 เดือน...
.....ครั้งภายหลังมาพระราชวงศานุวงศ์ผู้ใหญ่ฝ่ายหน้าฝ่ายใน แลเสนาบดีพร้อมใจกันถวายพระองค์เจ้ารำเพยภมราภิรมย์ พระธิดาของพระเจ้าลุงของสมเด้จพระนางเธอซึ่งสิ้นพระชนม์แล้วนั้น ให้เป็นสมเด็จพระนางเธอสืบฐานันดรนั้นต่อไป..."
และนับเป็นประกาศสุดท้ายที่ผมค้นเจอเกี่ยวกับการออกพระนามพระมเหสีเทวี จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2411 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายแห่งรัชกาล ได้มีประกาศการใช้คำนำหน้าพระนามพระบรมวงศานุวงศ์ ทำให้ทราบที่มีของคำว่า "พระนางเธอ" ดังนี้
"...คำว่าพระเจ้าพี่ยาเธอ พี่นางเธอ น้องยาเธอ น้องนางเธอ ลุกเธอ หลานเธอ 6 คำนี้หรือเป็น 7 ทั้งคำว่พระเจ้าลูกยาเธอ ตามดำริในกรมหรือทั้งเป็นคำว่า พระนางเธอ ที่ทรงพระราชดำริให้ใช้ขึ้นใหม่โดยอนุโลมนั้น..."
หลักฐานในสมัยต่อมาโดยมากแล้วจะออกพระนามสมเด็จพระนางโสมนัสฯ ว่า "สมเด็จพระนาง" ในขณะที่ออกพระนามสมเด็จพระนางรำเพยฯ ว่า "พระนางเธอ พระองค์เจ้ารำเพย" ธรรมเนียมราชตระกูลในกรุงสยาม พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 5 ได้ทรงบรรยาถึงธรรมเนียมพระมเหสีเทวีในรัชกาลที่ 4 ความว่า
"...ครั้งตกมาในแผ่นดิน พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ท่านทรงขึ้นใหม่ เรื่องคำนำพระนามพระองค์โสมนัศ พระองค์เจ้ารำเพย 2 พระองค์ ซึ่งเป็นพระมารดาเจ้าฟ้า นับว่าเป็นพระราชเทวี ให้เรียกว่าพระนางเธอ ฤาสมเด็จพระนางเธอ ให้สมควรแก่ที่เป็นตำแหน่งเช่นนี้ ... สมเด็จพระนางรำเพยภมราภิรมย์ นั้นมาในแผ่นดินปัจจุบันนี้ ก็ได้เป็นกรมสมเด็จพระเทพามาตย์..."
สำหรับการออกพระนามสมเด็จพระนางเธอโสมนัสฯ นั้น ผมยังไม่พบหลักฐานว่าได้มีการใช้คำว่า "สมเด็จพระนางเจ้า" เป็นคำนำพระนาม แต่ปรากฎในจดหมายเหตุพระราชกิจรายวันในรัชกาลที่ 5 เรื่องการออกพระนามพระองค์เจ้าสุนันทาฯ "...ให้ใช้สมเด็จพระนางเจ้าอย่างสมเด็จพระนางโสมนัส..." และระบุว่าได้มีการค้นในหมายรับสั่งเก่าดูแล้ว แต่อย่างไรในจดหมายเหตุนี้ก็ยังออกพระนามว่า "สมเด็จพระนาง"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
หยดน้ำ
ชมพูพาน
  
ตอบ: 146
คณะศึกษาศาสตร์
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
|
ความคิดเห็นที่ 24 เมื่อ 22 ส.ค. 05, 22:28
|
|
ขอบคุณครับคุณศรีปิงเวียง
ในหัวข้อประกาศใช้คำว่าพระนางเธอ พระองค์รำเพยฯ ก็จริงครับ แต่ในคำประกาศสถาปนาไม่ได้ออกพระนามว่า "พระนางเธอ" บอกเพียงแต่ว่าเป็น "พระองค์เจ้ารำเพยฯ" ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
หยดน้ำ
ชมพูพาน
  
ตอบ: 146
คณะศึกษาศาสตร์
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
|
ความคิดเห็นที่ 26 เมื่อ 26 ส.ค. 05, 08:27
|
|
มาโพสต์ต่อก่อนไปแอ่วสุโขทัยครับ
................................................. พระราชฐานะของพระอัครมเหสีทั้ง 2 พระองค์ในรัชกาลที่ 4
ในช่วงต้นรัชสมัย หากเปรียบเทียบว่าพระอัครมเหสีทั้ง 2 พระองค์ ยังทรงมีพระชนม์อยู่ ผมเข้าใจว่าสมเด็จพระนางเธอ พระองค์เจ้าโสมนัสฯ ทรงมีพระอิสสริยยศสูงกว่าสมเด็จพระนางเธอ พระองค์เจ้ารำเพยฯ ซึ่งผมมีข้อสังเกตดังนี้ครับ
1. ในระยะแรกถึงแม้จะทรงใช้คำนำหน้าพระนามว่า "สมเด็จพระนางนาฏ(นาถ)" เหมือนกัน แต่พระอิสสริยยศที่ต่อท้ายพระนามนั้นแตกต่างกัน โดยสมเด็จพระนางเธอโสมนัสฯ นั้นทรงเป็น "บรมอรรคราชเทวี" ในขณะที่สมเด็จพระนางเธอรำเพยฯ ทรงเป็นเพียง "ราชเทวี" อย่างไรก็ตามแม้จะมีการกำหนดคำนำหน้าพระนามและพระอิสสริยยศสำหรับพระมเหสีแล้ว แต่ก็ยังไม่เป็นระเบียบแบบแผนอันแน่นอน จะชี้ชัดว่า "ราชเทวี" มีพระอิสสริยยศต่ำกว่า "บรมอรรคราชเทวี" ซะทีเดียวก็ไม่ได้ แต่ด้วยความที่ทรงดำรงตำแหน่งต่างวาระกันจึงทรงเป็น "เอก" ด้วยกันทั้ง 2 พระองค์
2. สมเด็จพระนางเธอโสมนัสฯ นั้นทรงเป็นพระเจ้าหลานเธอผู้ใหญ่ในรัชกาลที่ 3 สมเด็จพระบรมอัยกาทรงยกย่องและพระราชเกียรติยศเป็นอันมากเกือบเสมอด้วย "เจ้าฟ้า" จึงพอจะเข้าใจได้ว่าเมื่อทรงมาเป็นพระอัครมเหสีแล้วย่อมจะต้องทรงยกย่องให้ยิ่งใหญ่กว่าพระภรรยาเจ้าทั้งปวง สมเด็จพระนางเธอรำเพยฯ แม้จะทรงเป็นพระราชนัดดาในรัชกาลที่ 3 เหมือนกันแต่ก็ทรงมีพระยศเพียง "หม่อมเจ้า" ในระยะแรกจึงไม่น่าจะเป็นไปได้ที่จะทรงยกย่องสมเด็จพระนางรำเพยฯ ให้มีพระเกียรติยศสูงกว่าสมเด็จพระนางโสมนัสฯ
3. สมเด็จพระนางโสมนัสฯ ทรงใช้คำว่า "สวรรคต" ตามประกาศในปี พ.ศ. 2395 แต่สมเด็จพระนางรำเพยฯ ทรงใช้ "สิ้นพระชนม์" ตามประกาศในปีหลังปีพ.ศ. 2404 - 2406
4. เมื่อสมเด็จพระนางโสมนัสฯ มีพระประสูติกาลพระราชโอรสนั้น พระราชโอรสทรงมีพระยศเป็น "เจ้าฟ้า" โดยอัตโนมัติ แต่เมื่อสมเด็จพระนางรำเพยฯ มีพระประสูติกาลพระราชโอรสพระองค์แรกในปี พ.ศ. 2396 สมเด็จเจ้่าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ กลับต้องกราบบังคมทูลขอให้พระเจ้าลูกเธอพระองค์นั้นมีพระยศเป็น "เจ้าฟ้า" ซึ่งปรากฎประกาศในนปี พ.ศ. 2404 ว่า
"...สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ เมื่อแรกประสูติใหม่ สมเด็จเจ้าพระยาองค์ใหญ่ได้กราบทูลพระกรุณาให้เป็นเจ้าฟ้าด้วยกลัวว่าธรรมเนียมเจ้าฟ้าซึ่งเคยมีมาในราชตระกูลจะสาบสูญ..."
ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเวลานั้นสมเด็จพระนางรำเพยฯ ไม่ได้ทรงมีพระยศเท่ากับสมเด็จพระนางโสมนัสฯ แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าหม่อมเจ้าหญิงรำเพย ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็น "พระองค์เจ้า" ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2495 (จากหนังสือเฉลิมพระยศเจ้านาย) แต่ทำไมพระราชโอรสไม่ทรงเป็น "เจ้าฟ้า" ตั้งแต่แรกประสูติตามธรรมเนียม แล้วจะเก็บเรื่องนัีี้ไว้คุยกันต่อครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 27 เมื่อ 26 ส.ค. 05, 18:30
|
|
ขอแทรกเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย เกี่ยวกับสมเด็จพระนางโสมนัสฯ ว่า
พระองค์ท่านโปรดละคร ในพระตำหนักจึงมีการฝึกหัดตัวละครสาวๆชาววังไว้หลายคนด้วยกัน หนึ่งในจำนวนนั้น ชื่อเขียน เป็นหลานเจ้าจอมมารดางิ้ว ต่อมา ก็คือเจ้าจอมมารดาเขียน ในรัชกาลที่ ๔ หรือเรียกกันว่า เขียนอิเหนา เพราะรำเป็นตัวอิเหนา เจ้าจอมมารดาเขียน มีพระเจ้าลูกยาเธอคือพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์
เมื่อสมเด็จพระนางโสมนัสฯสวรรคตแล้ว เจ้าจอมมารดางิ้วได้กราบถวายบังคมลา ออกจากพระบรมมหาราชวังไปอยู่กับพี่ชาย คือพระยาราชภักดี(ทองคำ สุวรรณทัต) พร้อมด้วยทรัพย์สินของท่าน
ในตอนหลัง มีการค้นพบดาบฝักคร่ำทอง ตกทอดกันมาเป็นของเก่าในบ้าน ลูกหลานของพระยาราชภักดีไม่ทราบว่าเป็นของใคร พลเอกทวนทอง สุวรรณทัต สันนิษฐานว่าเป็นพระแสงดาบที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานให้เจ้าฟ้าชายโสมนัสเมื่อแรกประสูติ ตามพระราชธรรมเนียมประเพณี จึงนำดาบนี้ทูลเกล้าฯถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
หยดน้ำ
ชมพูพาน
  
ตอบ: 146
คณะศึกษาศาสตร์
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
|
ความคิดเห็นที่ 28 เมื่อ 31 ส.ค. 05, 10:01
|
|
ก่อนที่จะมาต่อเรื่องพระราชฐานะของพระอัครมเหสีทั้ง 2 พระองค์ ผมต้องบอกก่อนว่าการที่เปรียบเทียบความแตกต่างของพระราชฐานะให้เห็นนั้น มิได้มีเจตนาจะหมิ่นพระเกีรติยศพระองค์ใด เพียงแต่อยากให้เกิดความเข้าใจและได้เห็นชัดเจนเกี่ยวกับเหตุการณืและฐานะที่แท้จริงของแต่ละพระองค์ในช่วงนั้น
5. ในประกาศพระราชพิธีโสกันต์สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าชายจุฬาลงกรณ์ ปี พ.ศ. 2409 ได้กล่าวถึงสมเด็จพระนางโสมนัสฯ ว่า "...มีพระนามแลเกียรติยศลือชาปรากฏสมควร..." แต่ในพระราชหัตถเลขาของรัชกาลที่ 4 ที่มีถึงพระยาศรีพิพัฒฯ กลับกล่าวถึงสมเด็จพระนางรำเพยฯ เมื่อสิ้นพระชนม์แล้วว่า "...แม่เพยนี้ถึงในกรุงเทพฯ ท่านทั้งปวงรู้ว่าแต่เป็นเจ้าเล็กเจ้าน้อยก็ดี..."
6. เมื่อสมเด็จพระนางโสมนัสฯ สวรรคตนั้น โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งพระศพบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท แต่เมื่อสมเด้จพระนางรำเพยฯ สิ้นพระชนม์นั้น โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งพระศพที่หอธรรมสังเวช อย่างไรก็ตจามในพระราชพงศาดาร รัชกาลที่ 4 ฉบับเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ ได้ระบุว่าเหตุที่ต้องตั้งพระศพสมเด็จพระนางโสมนัสฯ บนพระที่นั่ง เพราะเวลานั้นหอธรรมสังเวชซ่อมยังไม่แล้วเสร็จ ส่วนพระราชหัตถเลขาในรัชกาลที่ 4 ลงวันที่ 20 พฤศจิกายน 2404 ถึงพระองค์เจ้าปัทมราช ได้ทรงเขียนถึงการตั้งพระศพสมเด็จพระนางรำเพยฯ ว่า "...ได้รับประทานจัดการไว้ศพในโกศตั้งไว้ที่ตึกต้นสน แต่ตกแต่งเสียใหม่ให้งามดี... แลตกแต่งสิ่งอื่นมากพอสมควร ครั้นจะยกขึ้นไปไว้บนพระมหาปราสาท เห็นจะกีดขวางการพระราชพิธีไม่พอที่ แต่เท่านั้นก็ดีแล้ว..."
7. ในประกาศใช้คำนำหน้าพระนามพระบรมวงศานุวงศ์ ปี พ.ศ. 2411 ผมเข้าใจว่ารัชกาลท่ 4 ได้ทรงแต่งตั้งพระมเหสีตามธรรมโบราณ โดยทรงแบ่งระดับชั้นพระมเหสีเทวีดังนี้
พระบรมอัครชายา หรือพระบรมราชเทวี พระราชเทวี พระมเหสี และอื่นๆ
ซึ่งหลักฐานเท่าที่ปรากฎและตราประจำตำแหน่งของสมเด็จพระนางรำเพยฯ เป็นที่แน่นอนว่าทรงอยู่ในฐานะ "พระราชเทวี" ส่วนสมเด็จพระนางโสมนัสฯ นั้นเนื่องจากทรงเป็นพระอัครมเหสีในระยะเวลาอันสั้น เท่าที่ผมค้นยังไม่พบหลักฐานที่แน่นอน แต่หากดูจากพระอิสสริยยศของพระนางซึ่งทรงเป็น "พระบรมอรรคราชเทวี" นั้น ก็น่าจะทรงอยู่ในตำแหน่งพระบรมอัครชายา หรือพระบรมราชเทวีครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
หยดน้ำ
ชมพูพาน
  
ตอบ: 146
คณะศึกษาศาสตร์
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
|
ความคิดเห็นที่ 29 เมื่อ 14 ก.ย. 05, 11:36
|
|
หายไปนาน ... กลับมาโพสต์ต่อแล้วคับผม
................. จากความคิดเห็นเพิ่มเติมที่ 20 และ 23 ซึ่งผมได้บอกไว้ว่า
นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2406 เป็นต้นมาปรากฎหลักฐานว่าได้มีการออกพระนามพระมเหสีเทวีใหม่ ดังปรากฎในประกาศงานพระเมรุสมเด็จเจ้าฟ้าจันทรมณฑล และนับเป็นครั้งแรกที่ปรากฎหลักฐานอย่างเป็นทางการว่าทรงเปลี่ยนการออกพระนาม "พระนางนาถราชเทวี" เป็น "พระนางเธอ" (ชุมนุมประกาศรัชกาลที่ 4)
แต่เมื่อผมกลับไปเปิดชุมนุมประกาศรัชกาลที่ 4 ใหม่อีกรอบ พบว่า ในปี พ.ศ. 2405 ก็ได้มีการออกพระนามสมเด็จพระนางรำเพยฯ ว่า "พระนางเธอ พระองค์เจ้ารำเพยภมราภิรมย์" แล้ว ดังปรากฎในประกาศพระราชพิธีลงสรงโสกันต์ พระเจ้าลูกเธอ ความว่า
"...พระเจ้าลูกเธอ 4 พระองค์ ซึ่งประสูติแต่พระนางเธอ พระองค์เจ้ารำเพย..."
ดังนั้นข้อสรุปในส่วนนี้ก็คือ ตั้งแต่ปี 2405 เป็นต้นไปได้มีการใช้คำนำพระนามว่า "พระนางเธอ" แล้ว
.................
สำหรับเรื่องพระราชฐานะของพระอัครมเหสีทั้ง 2 พระองค์ นั้นจากการพิจารณาหลักฐานต่างๆ แล้ว อย่างน้อยที่สุด ก่อนปี พ.ศ. 2409 สมเด็จพระนางรำเพยฯ ยังไม่ได้ทรงได้รับการยกย่องให้มีพระอิสสริยยศเสมอด้วยสมเด็จพระนางโสมนัสฯ
แต่ภายหลังจากงานพระราชพิธีโสกันต์สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าชายจุฬาลงกรณ์ แล้ว ทั้ง 2 พระองค์ก็มีพระอิสสริยยศเป็น "สมเด็จพระนางเธอ " เสมอกัน
สรุปการออกพระนามพระมเหสีเทวีในรัชกาลที่ 4
ช่วงแรก (2394 - 2404) สมเด็จพระนางนาฏ บรมอรรคราชเทวี สมเด็จพระนางนาถราชเทวี
ช่วงที่ 2 (2405 - 2408) พระนางเธอ มีหลักฐานว่าออกพระนามนี้เฉพาะ "สมเด็จพระนางรำเพยฯ" เท่านั้น
ช่วงที่ 3 (2409 - 2411) สมเด็จพระนางเธอ พระองค์เจ้า ออกพระนามแบบนี้ทั้ง 2 พระองค์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|