เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
อ่าน: 20637 อยากได้เว็ปเกี่ยวกับ นางในวรรณคดี ค่ะ
หนูไม่เก่งแต่พยายาม
อสุรผัด
*
ตอบ: 3

เรียนที่ โรงเรียนอัมพรไพศาล ^^


 เมื่อ 08 ก.ค. 05, 20:54

 อยากได้ข้อมูลของ
1.สีดา
2.ลำหับ
3.นพมาศ

ขอบคุณค่ะ
บันทึกการเข้า
ติบอ
นิลพัท
*******
ตอบ: 1906


Smile though your heart is aching.


ความคิดเห็นที่ 1  เมื่อ 08 ก.ค. 05, 21:59

 นพมาศเป็นนางในวรรณคดีไปแล้วเหรอครับ

เท่าที่ทราบมา ว่ากันว่านางนพมาศชื่อท้าวศรีจุฬาลักษณ์ เป็นบุตรีของพระศรีมโหสถ ซึ่งเป้นพราหมณ์ในกรุงสุโขทัย
วันหนึ่ง พระร่วงเจ้าได้ทราบถึงความงามของนางก็โปรดให้เข้าเผ้า และอภิเษกขึ้นเป็นมเหษี


แต่พูดก็พูดเถอะ พระร่วงมีกี่องค์
ท้าวศรีจุฬาลักษณ์มีกี่องค์
ปวดหัวจริงๆ กับประวัติศาสตร์สุโขทัยเนี่ยะ

ปล่อยให้นักวิชาการเขามาเถียงกันดีกว่า ผมขอบาย เหอๆ
บันทึกการเข้า
ติบอ
นิลพัท
*******
ตอบ: 1906


Smile though your heart is aching.


ความคิดเห็นที่ 2  เมื่อ 08 ก.ค. 05, 21:59

 แก้ข้อมูลข้างบนครับ พิมพ์ไปได้ไง นางนพมาศชื่อ เรวดีนพมาศครับ
พระร่วงเจ้าอภิเษกขึ้นเป็นท้าวศรีจุฬาลักษณ์

(ผิดอีกป่าวหว่า)
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 3  เมื่อ 09 ก.ค. 05, 08:14

 ถ้าเอาไปทำรายงานส่งครู  ใช้ www.google.co.th ค้นหาคำเหล่านี้
จะเจอบ้างไม่มากก็น้อยค่ะ

นางนพมาศหรือตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ เท่าที่ดิฉันเรียนมา
เป็นเรื่องแต่งสมัยรัตนโกสินทร์นี่เอง
เข้าใจกันว่าเป็นพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 3
ทำไมไปเข้าใจกันว่าเป็นประวัติศาสตร์สุโขทัยก็ไม่ทราบ
บันทึกการเข้า
หนูไม่เก่งแต่พยายาม
อสุรผัด
*
ตอบ: 3

เรียนที่ โรงเรียนอัมพรไพศาล ^^


ความคิดเห็นที่ 4  เมื่อ 09 ก.ค. 05, 15:56

 ขอบคุณค่ะ
ไม่ได้นำไปทำรายงานค่ะ แต่เอาไปใช้สอบมิดเทอมค่ะ
ครูเขาให้ไปหาข้อมูลมาใช้ทำข้อสอบค่ะ
(ไม่รุข้อมูลก็ทำไม่ได้)
ก่อนนี้ไปค้นหาใน google ใช้คำว่านางนพมาส ไม่เจอไรเลยค่ะ แฮะๆ ขอบคุณมากค่ะสำหรับชื่ออื่นๆของนางนพมาสค่ะ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 5  เมื่อ 09 ก.ค. 05, 16:04

 จะเจอได้ยังไงล่ะ  ก็หนูสะกดชื่อผิดนี่คะ  
หัดสังเกตให้มากขึ้นก็ดี

นพมาส แปลว่า เดือนเก้า
นพมาศ  หมายถึง ทองเนื้อเก้า


พยายามใหม่นะ ให้สมนางแฝงของหนู
พิมพ์คำว่า นพมาศ  ไม่ใช่ นพมาส
แล้วจะเจอ
บันทึกการเข้า
หนูไม่เก่งแต่พยายาม
อสุรผัด
*
ตอบ: 3

เรียนที่ โรงเรียนอัมพรไพศาล ^^


ความคิดเห็นที่ 6  เมื่อ 11 ก.ค. 05, 16:46

 นั่นสิคะ 555
บันทึกการเข้า
กำไลแก้ว
อสุรผัด
*
ตอบ: 3


ความคิดเห็นที่ 7  เมื่อ 13 ก.ค. 05, 11:43

 เรื่อง web นี่ ไม่ทราบค่ะ
แต่ถ้าเป็นหนังสือพอจะแนะนำได้บ้างค่ะ
ืี่เคยอ่านมาแล้วรวบรวมมาให้เยอะพอสมควรนี่ก็แนะนำ นางในวรรณคดีค่ะ ที่เคยออกเป็นตอนๆลงในนิตยสารกุลสตรีค่ะ แต่ว่าเค้ารวมเล่มมาให้แล้ว แต่ว่าออกมาแล้วนานเหมือนกันนะคะ
เอาใจช่วยค่ะ
บันทึกการเข้า
fon
อสุรผัด
*
ตอบ: 25


ความคิดเห็นที่ 8  เมื่อ 17 ก.ค. 05, 17:37

 เอามาฝากค่ะ
บันทึกการเข้า
fon
อสุรผัด
*
ตอบ: 25


ความคิดเห็นที่ 9  เมื่อ 17 ก.ค. 05, 17:39

 ๑๐ นางเอกจากวรรณคดีไทย



ในปัจจุบันแม้เด็ก และเยาวชนจะมีโอกาสเรียนวรรณกรรมของไทยน้อยกว่าแต่ก่อน แต่เชื่อว่าหลายๆคนคงจะได้ยินได้ฟังสำนวนที่เปรียบเทียบพฤติกรรมของผู้หญิงกับนางเอกในวรรณคดีไทยอยู่เสมอๆ เช่น ว่าเป็นหญิงจิตใจโลเลเหมือน นางวันทอง หรือ นางโมรา หรือเปรียบเปรยว่าชั่วช้าเหมือนนางกากี กิริยามารยาทกระโดกกระเดกเหมือน นางแก้วหน้าม้า ขี้เมาเหมือนนางเมรี ซึ่งดูเหมือนมีแต่เรื่องไม่ดีทั้งสิ้น

แต่จริงๆแล้วนางเอกในวรรณคดียังมีอีกหลายบุคลิกลักษณะ อาทิ มีหน้าตางดงามเป็นที่เลื่องลือและซื่อสัตย์ต่อสามีอย่าง นางสีดา หรือเป็นนางเอกแสนดี มีกตัญญูอย่างนางเอื้อย หรือบางทีก็เป็นคำว่าประชดสาวสวยที่มีสามีขี้เหร่ว่านางรจนากับเจ้าเงาะ เป็นต้น ดังนั้น กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม จึงขอยกตัวอย่าง ๑๐ นางเอกยอดนิยมในวรรณกรรมไทยที่มักถูกหยิบยกมากล่าวอ้างกันอยู่เสมอ โดยได้สรุปเรื่องย่อให้เห็นลักษณะบางประการของนางเอกเหล่านี้ ดังนี้
 


กลุ่มแรก คือประเภทนางเอกที่มีทั้งความสวยและมีคุณงามความดีเป็นที่กล่าวขวัญถึง ได้แก่
๑.นางสีดา เป็นนางเอกในเรื่องรามเกียรติ์ เป็นเมียของพระราม ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นอวตารหนึ่งของพระนารายณ์มาปราบยักษ์(ทศกัณฐ์) รูปโฉมของนางสีดานั้นเป็นที่เลืองลือว่าล้ำเลิศจนไม่มีมนุษย์หรือเทพธิดาใดจะสามารถเทียบเคียงได้ จึงเป็นเหตุให้ทศกัณฐ์เจ้ากรุงลงกามาลักพาตัวไป และเกิดศึกชิงนางยืดเยื้อนานถึงสิบกว่าปี จนในที่สุดพระรามซึ่งมีหนุมานเป็นสมุนเอกก็รบชนะพานางสีดากลับมากรุงอยุธยาได้ และนางสีดาก็ได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจและความจงรักภักดีด้วยการลุยไฟต่อหน้าพระรามพระสวามี ดังนั้น นอกจากความสวยงามแล้ว การพิสูจน์ความรักด้วยการลุยไฟของนางสีดา ก็เป็นสิ่งถูกนำมามาพูดกันอยู่เสมอ

๒.นางสาวิตรี จากเรื่องสาวิตรี ชื่อนี้หลายคนอาจจะคุ้นหู แต่มักนึกไม่ออกว่าเนื้อเรื่องเป็นอย่างไร นางสาวิตรีเป็นพระธิดาของท้าวอัศวบดีเมื่อเติบโตเป็นสาว พระบิดาให้เลือกสามีเองตามใจชอบ ปรากฏว่านางได้เลือกพระสัตยวาน เป็นสวามี แม้จะถูกทัดทานว่าพระสัตยวานจะมีอายุอยู่ได้อีกเพียงปีเดียว แต่เมื่อนางตกลงปลงใจแล้ว ก็ไม่เปลี่ยนใจและได้แต่งงานกันในที่สุด ต่อมาอีกปี พระสัตยวานก็ตายลงดังคำทำนาย นางสาวิตรีได้พบกับพระยมโดยไม่แสดงความหวั่นเกรง และเดินตามพระยมที่พาวิญญาณสวามีไป

ระหว่างทางนางได้ใช้สติปัญญาและความเฉลียวฉลาดโต้ตอบกับพระยมด้วยถ้อยคำอ่อนน้อมไพเราะ จนพระยมใจอ่อนให้พรตามที่นางขอโดยลำดับ แต่มีข้อห้ามว่า ห้ามขอชีวิตสวามี จนท้ายสุดนางได้ขอพรว่า ขอให้นางมีโอรสที่เรืองฤทธิ์ร้อยองค์ พระยมกำลังให้พรเพลินก็ลืมฉุกใจคิด ให้พรตามที่ขอ นางจึงบอกต่อพระยมว่าพรสุดท้ายที่ขอนั้นไม่อาจจะสำเร็จได้ หากไม่มีสามีคือพระสัตยวาน ในที่สุดพระยมจึงต้องคืนสวามีให้

กล่าวได้ว่านางสาวิตรีเป็นนางเอกที่เฉลียวฉลาดและรู้จักใช้วาทศิลป์จนได้ในสิ่งที่ปรารถนา และยังมีความกล้าหาญไม่กลัวพระยมที่เป็นเจ้าแห่งความตายด้วย

๓.นางเอื้อย นางเอกจากวรรณกรรมพื้นบ้าน เรื่องปลาบู่ทอง ซึ่งเป็นเรื่องที่รู้จักกันดีอีกเรื่องหนึ่ง แม่นางเอื้อยถูกพ่อทุบตีจนตกน้ำตาย กลายเป็นปลาบู่ทองมาหาลูก ส่วนนางเอื้อยก็ถูกกลั่นแกล้งจากแม่เลี้ยงและนางอ้ายลูกแม่เลี้ยงต่างๆนานา แต่นางก็เป็นคนที่มีความกตัญญูรู้คุณยิ่ง แม้แม่จะเป็นปลาก็ยังหาอาหารไปให้แม่ ครั้นแม่ปลาถูกฆ่าตายกลายไปเป็นต้นมะเขือ ก็พยายามบำรุงรดน้ำต้นมะเขืออย่างดี ครั้นมะเขือถูกทำลายก็หาทางนำเมล็ดไปปลูกใหม่จนกลายเป็นต้นโพธิ์เงินโพธิ์ทอง

และต่อมาได้เข้าวังเป็นสนมเอก ถูกหลอกว่าพ่อป่วย ก็รีบมาเยี่ยมโดยไม่ได้คิดอาฆาตที่พ่อทำร้ายแม่ ในที่สุดก็ถูกแม่เลี้ยงทำอุบายฆ่าตายกลายเป็นนกแขกเต้า ต่อมาภายหลังนางเอื้อยก็ได้ฤษีชุบชีวิตและให้ความช่วยเหลือจนได้กลับครองรักกับพระเจ้าพรหมทัตใหม่อีกครั้ง นับเป็นนางเอกแสนดีแม้จะถูกทารุณกรรม แต่ก็มีความกตัญญูยิ่ง
 


กลุ่มที่ ๒ เป็นนางเอกประเภทรักลำบาก รักพลัดพรากจนถึงโศกนาฏกรรมรักที่ต้องสังเวยชีวิตได้แก่
๔.นางรจนา จากเรื่องสังข์ทอง เป็นธิดาองค์สุดท้องในจำนวนเจ็ดองค์ของท้าวสามล พี่ๆเลือกคู่ได้สามีสมน้ำสมเนื้อกันแล้ว แต่นางรจนากลับเลือกได้เจ้าเงาะรูปชั่วตัวดำ ทั้งๆที่ตนเป็นสาวสวย จึงเป็นที่เยาะเย้ยไปทั่ว ทำให้พระบิดากริ้วไล่ให้ไปตกระกำลำบากอยู่กระท่อมปลายนา แต่ความจริงที่นางเลือกก็เพราะเห็นรูปทองอยู่ข้างใน เจ้าเงาะถึงจะขี้ริ้วแต่ก็มีวิชาความรู้ จนต่อมาพระอินทร์ต้องแปลงร่างมาท้าตีคลีเพื่อช่วยให้เจ้าเงาะได้ถอดรูปให้ทุกคนเห็นรูปทองในที่สุด ดังนั้น สาวๆที่มีแฟนหรือสามีขี้ริ้วจึงมักถูกว่าเป็นนางรจนาควงเจ้าเงาะ หรือหากไม่แต่งงานก็มักจะถูกล้อว่าไม่เสี่ยงพวงมาลัยสักที เนื่องจากนางรจนาเลือกคู่ด้วยการเสี่ยงโยนพวงมาลัย

๕.นางเมรี เป็นนางเอกในวรรณกรรมท้องถิ่นเรื่อง นางสิบสอง เป็นลูกนางยักษ์ ซึ่งนางยักษ์นี้เดิมได้เลี้ยงนางสิบสองมา แต่เมื่อนางสิบสองหนีมาจึงโกรธแค้น ได้ตามมาทำอุบายจนได้เป็นมเหสีของท้าวรถสิทธิ์สวามีนางสิบสอง และควักลูกตานางสิบสองเสีย ยกเว้นนางเภาแม่พระรถเสนพระเอกที่ถูกควักตาเพียงข้างเดียวและเป็นคนเดียวที่ไม่ได้กินลูกเพราะความหิวโหย ต่อมานางยักษ์ได้ออกอุบายจะฆ่าพระรถเสนโดยแกล้งป่วยแล้วให้ไปเอายาในเมืองที่นางเมรีอยู่

โดยฝากสารสั่งให้นางเมรีฆ่าพระรถเสน ถึงเมืองเมื่อไรก็ให้ฆ่าเมื่อนั้น ฤษีก็ได้แปลงสารว่าถึงเมื่อไรก็ให้แต่งงานเมื่อนั้น ซึ่งท้าวรถเสนเองเห็นนางก็หลงรักและแต่งงานกัน แต่เนื่องจากมีงานสำคัญคือช่วยแม่และป้าที่รออยู่ พระรถเสนจึงได้มอมเหล้านางเมรีพร้อมขโมยลูกตาและยาที่จะช่วยแม่กับป้าไป นางเมรีเมื่อสร่างเมา ตามไปก็ถูกพระรถเสนใช้ของวิเศษขัดขวางนางทำให้ตามไปไม่ได้ นางจึงคร่ำครวญจนสิ้นใจตาย ถือเป็นนางเอกที่มีรักแท้แต่เพราะน้ำเมาจึงต้องเสียทั้งคนรักและชีวิตตนในที่สุด คนจึงมักเรียกสาวๆที่ขี้เหล้าว่า นางเมรีขี้เมา และก็มักเปรียบเวลาเปลี่ยนข้อความในจดหมายหรือหนังสือต่าวๆว่าเป็นฤษีแปลงสาร

เป็นสองพระธิดาผู้เลอโฉมของเมืองสรอง ได้ยินคำร่ำลือชมรูปโฉมที่เลอเลิศของพระลอ กษัตริย์หนุ่มแห่งเมืองแมนสรวง ก็เกิดตกหลุมรัก จึงได้ใช้อุบาย และทำเสน่ห์จนพระลอซึ่งแม้จะมีมเหสีอยู่แล้ว ก็ทิ้งมเหสีและบ้านเมืองตามไปหาพระเพื่อนพระแพงที่เมืองสรอง แต่ที่สุดก็กลายโศกนาฏกรรมรัก เพราะทั้งพระลอและพระเพื่อนพระแพงต่างต้องมาตายด้วยความแค้นของเจ้าย่าที่ไม่ยอมให้อภัยพ่อของพระลอที่ฆ่าสามีตน หรือปู่ของพระเพื่อนพระแพงนั่นเอง แม้จะเป็นเรื่องเศร้า แต่เมื่อใครเอ่ยถึงสาวใดว่าเป็นเหมือนพระเพื่อนพระแพง ส่วนใหญ่จะมีความหมายว่าหน้าตาคล้ายกัน หรือแต่งตัวเหมือนๆกันมากกว่าจะพาดพิงไปถึงเนื้อหาดังกล่าวข้างต้น
 


กลุ่มที่ ๓ มี ๓ คนคือนางวันทอง โมรา กากี จัดเป็นนางเอกประเภทสวยเอ็กซ์ คือ นอกจากสวยแล้วคงต้องเซ็กซี่ มีเสน่ห์แรงด้วย ถึงมีชายเข้าหาอยู่เสมอ จึงทำให้มีแต่เรื่องฉาวคาวโลกีย์ และถูกประณามหยามหมิ่นมากที่สุด ความจริงกลุ่มนี้ ปัจจุบันได้ถูกนำมาถกเถียงกันอย่างกว้างขวาง ว่านางชั่วเพราะใคร หากจะพิจารณาในแง่มุมของชาย แน่นอนผู้หญิงเหล่านี้ประพฤติผิดความเป็นลูกผู้หญิง แต่เราก็ควรได้พินิจพิเคราะห์ถึงสภาพแวดล้อม และความจำยอมของแต่ละคนด้วย จึงจะยุติธรรม อย่างไรก็ดี พฤติกรรมของนางเอกเหล่านี้ก็ยังถูกหยิบมาต่อว่าหญิงอยู่เสมอ คือ

๗.นางวันทอง เดิมชื่อนางพิมพิลาไลย เป็นนางเอกในเรื่องขุนช้าง-ขุนแผน (เปลี่ยนชื่อใหม่เพื่อแก้เคล็ดให้หายป่วย ตอนขุนแผนไปรบ) นางถูกยื้อไปแย่งมาระหว่างขุนแผน และขุนช้าง จนในที่สุดพระพันวษาต้องให้นางเลือกว่าจะอยู่กับใครระหว่างขุนแผนหรือขุนช้าง แต่นางวันทองก็ไม่สามารถตัดสินใจได้ เพราะแม้ขุนแผนจะเจ้าชู้จนมีเรื่องราวทะเลาะเบาะแว้งหึงหวงกันอยู่เสมอ แต่ก็เป็นรักแรกและยังมีลูกด้วยกันคือพลายงามอีกด้วย

ส่วนขุนช้างแม้จะขี้ริ้วขี้เหร่ แต่ก็มีรักจริงและรักเดียว แถมดูแลนางอย่างดีเพราะมีเงินทองร่ำรวย การที่นางไม่สามารถตัดสินใจได้เด็ดขาดนี่เอง จึงทำให้ถูกพระพันวษาสั่งประหารชีวิตด้วยความกริ้ว และเป็นเหตุให้ถูกประณามว่า เป็นวันทองสองใจบ้าง นางวันทองสองผัวบ้าง ทั้งๆที่ชีวิตนางวันทองน่าเห็นใจไม่น้อย เพราะถูกสองหนุ่มยื้อกันไปยื้อกันมา แม้ไม่เต็มใจ แต่ก็อยู่ในภาวะจำยอมเพราะช่วยตัวเองไม่ได้

๘.นางโมรา อยู่ในเรื่อง จันทโครพ เจ้าชายจันทโครพได้ไปศึกษาเล่าเรียนอยู่กับพระฤษีตนหนึ่งจนสำเร็จวิชา อาจารย์เลยให้ผอบทองซึ่งมีสาวสวยคือนางโมราอยู่ข้างใน โดยพระฤษีได้กำชับว่าอย่าเปิดผอบระหว่างทาง แต่จันทโครพห้ามความอยากรู้อยากเห็นไม่ได้ จึงเปิดผอบออกมาเห็นนางโมราก็ตกหลุมรักและได้นางเป็นชายาที่กลางป่านั่นเอง แต่ขณะที่ทั้งคู่เดินทางกลับเมือง ก็ไปเจอโจรป่าเข้า เลยถูกปล้นหวังจะชิงนางโมรา จึงเกิดการต่อสู้กันขึ้น ท้ายสุดพระขรรค์หลุดไป จันทโครพตะโกนให้นางส่งพระขรรค์ให้ นางกลับส่งให้โจรจนฆ่าจันทโครพตาย

ส่วนโจรเมื่อได้นางโมราแล้ว เกิดไม่แน่ใจ กลัวถูกทรยศ จึงแอบหนีนางไป ทำให้นางต้องระหกระเหินหิวโหยอยู่ในป่า พระอินทร์จึงแปลงเป็นเหยี่ยวคาบชิ้นเนื้อมาลองใจ ว่าให้ชิ้นเนื้อแล้วนางต้องมาเป็นภรรยา นางโมราก็ไม่แสดงอาการขัดข้อง พระอินทร์เห็นเช่นนั้น จึงโกรธว่าเป็นหญิงมักมากในกามคุณ ไม่เลือกว่าโจรหรือสัตว์ แล้วสาปนางโมราให้กลายเป็นชะนีส่งเสียงร้องโหยหวนว่า “ผัววว...." นางโมราจึงเป็นอีกนางหนึ่งที่ถูกสังคมตราหน้าว่าเป็นหญิงไม่ดี เป็นคนหลายใจ และที่ว่าชะนีร้องหาผัวก็มาจากเรื่องนี้นี่เอง

๙.นางกากี ในเรื่อง กากี นับเป็นนางเอกที่อื้อฉาวที่สุดก็ว่าได้ นางกากีนี้นอกจากจะมีรูปกายงดงามราวกับเทพธิดาแล้ว ยังมีกลิ่นกายหอมเป็นเสน่ห์พิเศษอีกอย่างหนึ่ง ชายใดที่แตะต้องสัมผัสนางกลิ่นกายนางก็จะหอมติดชายคนนั้นไปถึงเจ็ดวันเลยทีเดียว นางกากีเป็นพระมเหสีของท้าวบรมพรหมทัต ซึ่งโปรดการเล่นสกามาก และมีพระยาครุฑเวนไตยซึ่งแปลงร่างเป็นมานพรูปงามมาเล่นสกาอยู่ด้วยเนืองๆ จนวันหนึ่งเล่นเพลิน มิได้ไปหานางกากี นางจึงมาแอบดู และสบตาเข้ากับพระยาครุฑแปลง ต่างก็เกิดอาการหวั่นไหว ภาษาสมัยใหม่ก็ต้องว่าเกิดอาการ”ปิ๊ง”กัน

ต่อมาพระยาครุฑได้บินมาลักพานางไปอยู่ที่วิมานฉิมพลี ทำให้ท้าวพรหมทัตกลัดกลุ้มพระทัย คนธรรพ์นาฏกุเวร (คนธรรพ์คือเทวดาชั้นผู้น้อยที่มีความชำนาญด้านดนตรี) ซึ่งเป็นพี่เลี้ยงของท่านท้าวก็อาสาจะพานางกลับมาให้ จึงได้แปลงตัวเป็นไรแทรกขนครุฑตามไปวิมานของครุฑ ครั้นพระยาครุฑบินออกไปหาอาหาร นาฏกุเวรคนธรรพ์ก็ออกมา แต่แทนที่จะพานางกลับเมือง กลับเกี้ยวพาและเล้าโลมนางจนได้เสียกัน แล้วกลับมารายงานท่านท้าวว่านางกากีจะอยู่กับครุฑและตนได้เสียกับนางแล้วเพื่อให้ครุฑรังเกียจนาง

ท่านท้าวก็โกรธแต่ทำอะไรมิได้ ต่อมาพระยาครุฑแปลงมาเล่นสกาอีก ก็ถูกคนธรรพ์เล่นพิณเยาะเย้ย เมื่อสอบถามได้ความจริง พระยาครุฑก็โกรธนางกากี นำกลับมาปล่อยไว้ในเมือง ครั้นท่านท้าวเห็นนางก็ว่าถากถางและนำนางไปลอยแพกลางทะเล ต่อมานางได้รับความช่วยเหลือจากนายสำเภา ซึ่งได้รับนางเป็นภรรยา แต่เคราะห์กรรมนางก็ยังไม่หมด ต่อมาถูกนายโจรมาลักพาตัวไปเพราะหลงใหลในความงาม

ปรากฏว่าในหมู่โจรก็เกิดการแย่งชิงนางขึ้นมาอีก นางหนีไปได้ ต่อมาได้เป็นมเหสีของท้าวทศวงศ์ กษัตริย์อีกเมือง สุดท้ายปรากฏว่านาฏกุเวรที่ได้ครองเมืองแทนท้าวบรมพรหมทัตที่สวรรคตลง ก็ตามไปชิงนางคืนมาและฆ่าท้าวทศวงศ์เสีย เรื่องก็จบลง นับดูแล้วนางกากีมีสามีถึง ๕ คน แสดงว่าต้องเป็นคนที่เซ็กซี่มีเสน่ห์ดึงดูดเพศตรงข้ามอย่างมาก จึงต้องตกระกำลำบากถูกสังคมประณามเพราะเสน่ห์แรงเกินไปนี่เอง

คนสุดท้ายนี้ ต่างไปจากกลุ่มข้างต้น เพราะนอกจากจะเป็นสามัญชนคนธรรมดาแล้ว ยังแสนจะขี้เหร่ ชนิดพระเอกไม่มองแล้วยังกลั่นแกล้งอีกต่างหาก คือ

๑๐.นางแก้วหน้าม้า จากเรื่องแก้วหน้าม้า ในเรื่องกล่าวถึงพระเอกคือพระปิ่นทองไปทรงว่าวแล้วสายป่านเกิดขาด ว่าวลอยไปตกหน้าบ้านนางแก้วหน้าม้า พระปิ่นทองตามมาขอคืน นางก็ยืนข้อเสนอว่าต้องสัญญาว่าจะรับนางไปเป็นมเหสีในวังจึงจะคืนว่าวให้ พระปิ่นทองก็แสร้งรับปากเพื่อหลอกเอาว่าวคืน

นางแก้วรอแล้วรอเล่า ก็ไม่เห็นมีใครมารับ ก็ขอให้พ่อแม่ช่วย พ่อแม่ก็ไปให้ ท้าวภูวดลพ่อพระปิ่นทองทราบเรื่องก็พิโรธ แต่พระมเหสีนันทามีความยุติธรรม ก็ให้ไปรับนางแก้วเข้าวัง เพราะถือว่ากษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ ซึ่งเมื่อนางแก้วเข้าวังแล้วก็ไปทำเรื่องต่างๆนานา แม้ท้าวภูวดลและพระปิ่นทองจะพยายามหาทางกำจัดนางด้วยการให้ไปเอาเขาพระสุเมรุมา นางก็นำมาได้ และยังได้พบฤษีช่วยถอดหน้าม้าให้กลายเป็นสาวสวย

ซึ่งเนื้อเรื่องยังดำเนินไปอย่างสนุกสนานเต็มไปด้วยความเก่งกาจของนางแก้วหน้าม้าที่ได้ของวิเศษมาจากฤษี จนท้ายที่สุดก็ได้จบด้วยความสุข ซึ่งเมื่อเอ่ยถึงนางแก้วหน้าม้า มักจะหมายถึงหญิงที่มีนิสัยหรือกิริยาไม่เรียบร้อย กระโดกกระเดก ซึ่งบางทีก็เรียกว่า ม้าดีดกะโหลก

ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของ “นางในวรรณคดีไทย” ซึ่งยังมีอีกหลายคน แต่ละคนก็มีบุคลิกลักษณะที่แตกต่างกันไป บ้างก็เป็นนางเอก อย่างนางบุษบา นางมโนราห์ บ้างก็เป็นนางรอง อย่างนางจินตะหรา นางสร้อยฟ้า นางละเวงวัณฬา เป็นต้น

ซึ่งเรื่องราวโดยย่อดังกล่าวคงทำให้เด็ก และเยาวชนตลอดจนผู้สนใจได้รู้จักนางเอกในวรรณคดีเพิ่มขึ้น รู้ความเป็นมาของคำกล่าวหรือสำนวนว่ามาจากไหน โดยเฉพาะการกล่าวอ้างถึงนางเอกยอดนิยมที่มักถูกพูดถึงอยู่เสมอ ส่วนใครสนใจอยากรู้จักคนอื่นๆอีก ก็สามารถหาอ่านเพิ่มเติมได้จากหนังสือ “นางในวรรณคดี” ของมาลัย ซึ่งเขียนได้อย่างสนุกสนานน่าอ่านมาก

อมรรัตน์ เทพกำปนาท
กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม
บันทึกการเข้า
fon
อสุรผัด
*
ตอบ: 25


ความคิดเห็นที่ 10  เมื่อ 17 ก.ค. 05, 17:42

 ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าจะได้มาจากสนุก.คอม หรือไม่ก็หรรษา.คอมนี่ล่ะค่ะ
บันทึกการเข้า
Gabriel
อสุรผัด
*
ตอบ: 31


ความคิดเห็นที่ 11  เมื่อ 16 พ.ค. 06, 17:28

 ....เพิ่มเติมกับความเห็นที่๙นิดนึง....
๙.นางกากี
....นางกากีนี้นอกจากจะมีรูปกายงดงามราวกับเทพธิดา
ชายใดที่แตะต้องสัมผัสนางกลิ่นกายนางก็จะหอมติดชายคนนั้นไปถึงเจ็ดวัน.....
****ท้าวบรมพรหมทัต ได้นางกากีมาจาก พระฤาษีองค์นึง (จำชื่อพระฤาษีท่านไม่ได้) ซึ่งได้เสกมานางมาจากดอก มณฑาทอง และนำมาถวายแด่ ท้าวบรมพรหมทัต ดังนั้นตัวนางจึงมีกลิ่นหอม หอมเหมือนดอกมณฑาไงล่ะคะ****
บันทึกการเข้า
Malagao
มัจฉานุ
**
ตอบ: 85


ความคิดเห็นที่ 12  เมื่อ 30 ก.ย. 06, 16:44

 จำชื่อเวบไม่ได้ จำได้แต่ว่ามาจากเวบของกระทรวงกลาโหม
กำเนิดนางสีดา
ต่อมาทุกนางได้ทรงครรภ์ นางเกาสุริยาประสูติโอรสเป็นพระราม นางไกยเกษีประสูติโอรสเป็นพระพรต นางสมุทรเทวีประสูติโอรสมาเป็นพระลักษณ์และพระสัตรุต พระนางมณโฑประสูติธิดามาเป็นนางสีดา เมื่อนางสีดาเกิดนั้นได้ร้องว่า ผลาญราพณ์ ถึงสามครั้ง ทุกคนได้ยินยกเว้นทศกรรฐ์และนางมณโฑ ทศกรรฐ์ดีใจมากที่ได้ธิดาและได้ให้พิเภกมาทำนายดวงชะตา พิเภกทำนายว่าดวงชะตานางสีดาเป็นกาลกิณี ควรจะเอาไปทิ้งน้ำ
จึงตั้งซึ่งจุลศักราช                           มาสเกณฑ์กำหนดคูณหาร
บวกลบลงเป็นอวมาน      ตามฐานขับไล่ในคัมภีร์
ได้อุจจาวิลาศราชโชค       โยคเกณฑ์อุตม์เอกราศี
ลักขณามาเมษสวัสดี       ฤกษ์พามาที่ประเสริฐนัก
งามพร้อมผิวพรรณรูปทรง      สมควรคู่องค์บรมจักร
จึงสอบใส่ชะตาพระยายักษ์       ลักขณ์จันทร์เป็นกาลกิณี
แล้วสอบด้วยชะตาลงกา      เสาร์ทับลัขณาในราศี
จึงทูลว่าพระราชบุตรี       จะก่อการกุลีในเมืองมาร


   ทศกรรฐ์จึงให้เอาไปใส่ผอบทิ้งกลางทะเล แต่มีดอกบัวใหญ่ขึ้นมารองรับไว้ แล้วลอยทวนน้ำไปถึงอาศรมพระชนก ผู้ซึ่งเดิมเป็นกษัตริย์ครองเมืองมิถิลา พระฤาษีจึงนำไปเลี้ยงดู ต่อมาเห็นว่าตนออกบวชเพื่อสำเร็จญาณโลกีย์ แต่การที่มาเลี้ยงนางสีดาทำให้ไม่สำเร็จ จึงนำผอบที่ใส่นางสีดาไปฝังใต้ต้นไทรใหญ่ ให้อยู่ในอารักขาของเหล่าเทวดา
ส่วนที่กรุงศรีอยุธยา วันหนึ่งพระราม พระลักษณ์ พระพรต และพระสัตรุต ลองศรกัน พระรามแกล้งยิง หลังนางค่อมกุจจี นางค่อมได้รับความอับอายและเจ็บแค้นจึงอาฆาตพระรามตั้งแต่นั้น เมื่อพระโอรสเจริญวัย ท้าวทศรถจึงให้โอรส ไปศึกษาพระเวทกับฤาษีสององค์ชื่อ ฤาษีวสิษฐ์และฤาษีสวามิตร จนเรียนศิลปศาสตร์ได้อย่างชำนาญ และเห็นว่าจากนี้เหล่ายักษ์จะต้องตายด้วยศรพระราม แต่พระรามไม่มีศรประจำตัว จึงตั้งพิธีขอศร พระอิศวรได้ประทานศรให้องค์ละสามเล่ม แต่ละเล่มมีฤทธิ์ต่างกัน สำหรับศรของพระรามคือ ศรพรหมมาสตร์ ศรอัคนิวาต และศรพลายวาต เมื่อกลับเข้ากรุงศรีอยุธยา จึงลองศรให้ท้าวทศรถชมเป็นที่ชื่นชมโสมนัส
ทางด้านท้าวไกยเกษ เห็นว่าตนนั้นชรามากแล้ว จึงไปขอลูกของพระนางไกยเกษีมาเลี้ยงดู หากในวันข้างหน้ามีศัตรูมารุกรานจะได้เป็นกำลังต่อสู้ได้ ท้าวทศรถจึงให้พระพรตกับพระสัตรุตไป
นับตั้งแต่ทศกรรฐ์ถอดดวงใจแล้วก็มีความกำเริบมากขึ้น และยังเห็นว่าเหล่านักพรตมีฤทธิ์มาก ซึ่งในกาลข้างหน้า การบำเพ็ญตบะของฤาษีนั้น อาจทำให้เกิดอันตรายต่อเหล่ายักษ์ได้ จึงให้นางกากนาสูรและไพร่พลยักษ์แปลงเป็นกา ไปทำลายพิธีบำเพ็ญตบะ พวกฤาษีสู้ไม่ได้ จึงไปเฝ้าท้าวทศรถ ขอให้พระราม พระลักษณ์ ไปช่วยปราบ    พระราม พระลักษณ์ ได้แผลงศรถูกนางกากนาสูรตาย สวาหุและม้ารีสลูกของนางกากนาสูร ทั้งสองจึงมาแก้แค้นแทนมารดา พระรามจึงแผลงศรถูกสวาหุตาย ส่วนม้ารีสหนีไปกรุงลงกา





   ฝ่ายพระชนกหลังจากได้ฝังผอบนางสีดาไว้โคนต้นไทรแล้วไปบำเพ็ญเพียรต่อ แต่ไม่สำเร็จญาณสมาบัติ เกิดความเบื่อหน่ายจะกลับไปครองเมืองมิถิลาตามเดิม จึงไปขุดเอาผอบนางสีดาขึ้นมาภายในมีนางอายุประมาณ สิบหกปี จึงได้พาเข้าเมือง และตั้งชื่อว่า นางสีดา
บันทึกการเข้า
puiprincess
อสุรผัด
*
ตอบ: 1


ความคิดเห็นที่ 13  เมื่อ 08 ต.ค. 06, 12:38

 ชื่อเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับนางสีดาค่ะ
www.banramthai.com/html/srida.html
บันทึกการเข้า
Malagao
มัจฉานุ
**
ตอบ: 85


ความคิดเห็นที่ 14  เมื่อ 09 ต.ค. 06, 13:22


นางเงือกค่ะ นางในวรรณคดีเหมือนกันนะคะ
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.069 วินาที กับ 19 คำสั่ง