vun
|
ความคิดเห็นที่ 60 เมื่อ 14 ส.ค. 05, 17:22
|
|
 Queen Elizabate 1 |
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ครูไผ่
มัจฉานุ
 
ตอบ: 55
ศึกษานิเทศก์
|
ความคิดเห็นที่ 61 เมื่อ 15 ส.ค. 05, 04:05
|
|
ความเห็นที่ 59 รูปใครคะ คุณ vun
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
ครูไผ่
มัจฉานุ
 
ตอบ: 55
ศึกษานิเทศก์
|
ความคิดเห็นที่ 63 เมื่อ 15 ส.ค. 05, 21:06
|
|
คุณ Nuchan ในความเห็นที่ 57 ถ้าไฟล์รูปภาพไม่ใหญ่เกิน 2 เม็กกะไบต์ ส่งเข้า mail ครูไผ่นะคะ จะแปลงให้เหลือไม่เกิน 50 กิโลไบต์แล้ว post ให้ อยากเห็นรูปท่านค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
paganini
|
ความคิดเห็นที่ 64 เมื่อ 16 ส.ค. 05, 00:09
|
|
ติดตามตลอดครับอาจารย์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 65 เมื่อ 16 ส.ค. 05, 11:04
|
|
ต่อค่ะ
"หน่วยพระราชทาน" ที่พระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิตเสด็จไปเพื่อเยี่ยมเยียนราษฎร ไม่ได้มีแต่ทางใต้ แต่ทรงขึ้นเหนือไปเยี่ยมชาวเขา ที่เชียงใหม่และแม่ฮ่องสอน การเดินทางก็ไม่ใช่ว่าไปทางรถยนต์ เพราะเส้นทางไกลจนไม่มีทางรถยนต์ ต้องพากันเดินไป
ทรงบันทึกไว้ตอนหนึ่งเมื่อเสด็จไปเยี่ยมหมู่บ้านลัวะ ว่า
" เราต้องผ่านทุ่งนาของพวกลั้วะบ้านกองลอยไปนานโข จึงถึงป่าโปร่งซึ่งต้องเดินผ่านอีกหลายกิโลเมตร แล้วก็ค่อยๆขึ้นเขา เมื่อแรกก็เป็นเขาลาดๆ แต่ยิ่งเดินก็ยิ่งชันขึ้นทุกที บางทีก็ต้องเดินไปตามลำห้วย เดี๋ยวก็ต้องข้ามลำห้วยซึ่งถ้าแคบ และมีก้อนหินวางอยู่เป็นแห่งๆ ก็พอจะข้ามไม่ให้รองเท้าเปียกได้ แต่บางทีลำห้วยกว้าง น้ำลึกถึงเข่าก็ไม่มีทางอื่น นอกจากเดินลุยน้ำเย็นเจี๊ยบนั้นไป
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 66 เมื่อ 16 ส.ค. 05, 11:06
|
|
เดี๋ยวก็ต้องเดินไปตามสันเขา ซึ่งแคบมากและชัน บางทีก็ต้องเดินตรงทางแคบซึ่งมีเขาชันอยู่ข้างหนึ่ง เหวอีกข้างหนึ่ง แต่ถ้าต้องสวนทางกับพวกม้าหรือล่อขนของของชาวเขาละก็ พวกเราจำที่จะต้องหลบตะเกียกตะกายปีนเขาขึ้นไป ห้อยตัวต่องแต่งเกาะหินหรือกิ่งไม้ไว้ไม่ให้ลื่นลงมาโดยเร็วที่สุด ให้พ้นทางของมัน ถ้ามัวชักช้างุ่มง่ามอยู่บนทางเดินแคบๆซึ่งเอียงไปทางเหว ก็จะถูกเจ้าพวกนั้นชนตกเหวโดยไม่ทันรู้ตัว เพราะเจ้าสัตว์พวกนั้นออกจะอันธพาล เป็นเจ้าของถิ่น ไม่มีการหลบทางให้ใครเลย แม้แต่เจ้าของของมันเอง มันก็พยายามเบียดให้เดินหมิ่นๆใกล้เหวให้มากที่สุดเสมอ
ตกลงเป็นอันว่าวันนั้นเราไต่ภูเขาสูงๆถึง 11 ลูก เขาต่ำๆลาดๆ กับป่าโปร่งและทุ่งนา ที่ราบไม่นับ ครูบอกว่าระยะทางคงไม่น้อยกว่า 30 กิโลเมตร"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 67 เมื่อ 16 ส.ค. 05, 11:21
|
|
เส้นทางทุรกันดารตั้งแต่เหนือจดใต้ มิได้ทำให้พระองค์เจ้าวิภาวดีฯทรงย่อท้อ ตรงกันข้าม ทรงเผชิญและปรับพระองค์ได้ทุกครั้ง พร้อมที่จะทรงเดินทางครั้งต่อไป หลังพระภารกิจครั้งก่อนจบลง ไม่ว่าเผชิญอากาศหนาวเย็นจับใจทางเหนือ ฝนตกหนักทางใต้ ปีนเขาทางเหนือและฝ่าป่าดงทางใต้ ที่พักแรมตามมีตามเกิด อาหารการกินเท่าที่จะหาได้ ก็ทรงมองทุกอย่างด้วยพระอารมณ์แจ่มใส เห็นเป็นประสบการณ์ที่หาได้ยาก เพื่อเยี่ยมเยียนไต่ถามทุกข์สุขของประชาชน ประทานความช่วยเหลือเรื่องปัจจัย 4 เท่าที่จะทำได้ เรื่องเล็กๆน้อยๆที่ทรงเจอ ชาวกรุงผู้ไม่เคยตรากตรำอาจเห็นเป็นเรื่องลำบาก ก็ทรงเห็นเป็นเรื่องขำขัน ไม่ได้เห็นเป็นอุปสรรคแต่อย่างใด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 68 เมื่อ 16 ส.ค. 05, 11:22
|
|
" คืนนั้นเป็นคืนที่พวกเราต้องทรมานหลายอย่าง นอกจากจะต้องการอากาศสดสำหรับสูดเข้าปอดฯลฯ แล้ว ยังต้องฟังเสียงกรนของแม้วในกระต๊อบอีกด้วย ข้าพเจ้าเชื่อว่าไม่มีมนุษย์ใดจะกรนดังเท่าแม้วที่สูบฝิ่นเป็นแน่ พวกเราต่างปลงอนิจจังพลางเกิดเส้นตื้นหัวเราะกันไปพลาง กว่าจะเหนื่อยจนหลับไปได้ก็ดึกโข"
และ
" พอกลับมากรุงเทพ ลูกน้องฝ่ายหญิงคนที่หนึ่งของข้าพเจ้าก็ใส่เฝือกเดินกระโผลกกระเผลกถือไม้เท้าไปหลายวัน ได้ความจากหมอว่าเอ็นที่ข้อเท้าฉีกไปเอ็นหนึ่ง มีเลือดคั่งอยู่ข้างใน ส่วนคุณหมอสวัสดิ์ก็หัวเข่าบวม เป็นแผลไป 2 นิ้วต้องสวมรองเท้าคีบ ส่วนคุณดุสิตนั้นฝ่าเท้ากับส้นเท้าหนังหนาราวกับ "ตีนแรด" ตามที่คุณหมอสวัสดิ์ว่า เพราะเดินๆไปรองเท้าเกิดทรยศ เลยต้องสวมแต่ถุงเท้าเดิน ผู้ชายอีกสองคนในคณะก็เป็นหวัดงอมแงมไปคนหนึ่ง ส่วนนิ้วเท้าของทั้งคู่ก็มีตาปลาขนาดยักษ์เกิดขึ้นมาเต็มคนละ 10 แห่ง มีแต่ลูกน้องฝ่ายหญิงคนที่สอง นายประเทืองกับข้าพเจ้าเท่านั้น ซึ่งนอกจากน่องแข็งโป๊ก มีกล้ามเนื้อขึ้นอยู่ไม่กี่วันก็หายเป็นปกติ"
ทรงเล่าในตอนท้ายว่า เมื่อทรงชวนให้ไปเดินทางเยี่ยมเยียนประชาชนกันอีก ทุกคนก็รับคำทันที
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
vun
|
ความคิดเห็นที่ 69 เมื่อ 16 ส.ค. 05, 18:41
|
|
อ๋อ ราชินีวิคตอเรีย อังกฤษไงครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 70 เมื่อ 17 ส.ค. 05, 10:10
|
|
ในปี 2520 สถานการณ์การก่อการร้ายทางภาคใต้รุนแรงมาก จนพูดกันว่าภาคใต้กำลังลุกเป็นไฟ เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต ทรงมีกำหนดเสด็จภาคใต้เพื่อนำสิ่งของพระราชทานไปประทานแก่ตำรวจ ทหารและอ.ส. ที่ปฏิบัติการในแนวหน้า ทั้งที่เพิ่งเสด็จกลับจากน่านและสุโขทัยก่อนหน้านี้วันเดียว ก็เสด็จลงภาคใต้ทันที ทรงนิมนต์พระภิกษุที่มีประชาชนเคารพนับถือร่วมคณะไปด้วย 2 รูป คือ พระมหาวีระเถวโร (หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ) วัดท่าซุง สิงห์บุรี และ หลวงปู่ พระครูบาธรรมไชย วัดทุ่งหลวง อ. แม่แตง จ.เชียงใหม่
เส้นทางรถยนต์ที่จะเสด็จไปนครศรีธรรมราช ไม่ปลอดภัย และเสียเวลามาก จึงเสด็จโดยเฮลีคอปเตอร์แทน ไปที่ที่ทำการกองร้อย หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ ได้แสดงธรรมและให้พรแก่ตำรวจตระเวนชายแดน ท่านได้มอบผ้ายันต์ธงมหาพิชัยสงคราม และเหรียญเอกราช แก่ตำรวจทุกคน หลวงปู่ธรรมไชย ได้ประพรมน้ำมนต์ให้ตำรวจทุกคน
ทรงพักค้างแรมที่ทุ่งสง ทำสังฆทานอุทิศส่วนกุศลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจของสุราษฎร์ธานี ที่ถูกผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์โจมตีที่สถานีตำรวจจนเสียชีวิต รวม 5 นาย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 71 เมื่อ 17 ส.ค. 05, 10:28
|
|
ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ประมาณตีสอง ผู้ก่อการร้ายกลุ่มหนึ่งได้เข้าโจมตีสถานีตำรวจคลองปาง เขตติดต่อกับทุ่งสง ห่างจากที่ประทับประมาณ 11 ก.ม. ปิดล้อมและระดมยิงเข้าไป พร้อมทั้งประกาศให้ยอมแพ้วางอาวุธ มอบให้ทางฝ่ายผู้โจมตี แต่ตำรวจประจำสถานี ยิงต่อสู้ผู้ก่อการร้ายมิให้เข้าเผาทำลายและยึดอาวุธของฝ่ายตำรวจได้สำเร็จ ได้ยิงต่อสู้จนผู้ก่อการร้ายบาดเจ็บ ล่าถอยไป
เมื่อตอนเช้าความทราบถึงพระองค์เจ้าหญิงวิภาวดีฯ ก็เสด็จไปพร้อมกับตำรวจตระเวนชายแดนเพื่อเยี่ยมเยียนสร้างขวัญกำลังใจให้ตำรวจ
วันที่ 16 กุมภาพันธ์ มีกำหนดเสด็จต่อไปที่อ.เคียนซา และอ.พระแสง ระหว่างเดินทางทางเฮลีคอปเตอร์ ทรงทราบจากวิทยุว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนซึ่งไปสร้างบ้านพักพระราชทานให้ราษฎร ที่ บ.เหนือคลอง ต.บ้านส้อง อ.เวียงสระ สุราษฎร์ธานี ได้รับบาดเจ็บจากกับระเบิดของผู้ก่อการร้าย อาการสาหัส ก็ทรงห่วงใยผู้บาดเจ็บ เห็นความจำเป็นที่จะต้องรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลโดยด่วน
แทนที่จะให้เฮลีคอปเตอร์ส่งเสด็จที่เคียนซาก่อน แล้วค่อยย้อนกลับมารับผู้บาดเจ็บ อย่างที่นายตำรวจผู้ถวายอารักขาทูล ก็ทรงให้นำเฮลีคอปเตอร์ลงเพื่อแวะรับผู้บาดเจ็บกลับไปด้วยกัน เสียเลย ได้ไม่เสียเวลา โดยไม่ทรงห่วงสวัสดิภาพของพระองค์เอง เนื้อที่ว่างในเฮลิคอปเตอร์ไม่พอ ก็ทรงให้คณะลงไปก่อนที่ บก.ร้อย จุดใกล้ที่เกิดเหตุ เหลือแต่พระองค์เองกับนายแพทย์ กับเจ้าหน้าที่ ใน ฮ. ไปรับผู้บาดเจ็บ
คำสั่งสุดท้าย ที่ทรงเขียนก็คือ " เดี๋ยวให้ทุกคนลง เจ้าหญิง( ทรงหมายถึงพระองค์เอง เป็นคำที่หลวงปู่ธรรมไชยเรียก) จะไปรับคนเจ็บ 2 คนกับหมอ กับผู้กำกับ หลวงพ่อ หลวงปู่ คอยสักครู่ที่โรงตำรวจ หลวงพ่อ หลวงปู่ สวดมนตร์คุ้มครองให้พวกเราปลอดภัยด้วย หมู่นี้มันยิงเรือบินเกือบทุกวัน เดี๋ยวจะมารับไปพระแสงเคียนซา"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
หยดน้ำ
ชมพูพาน
  
ตอบ: 146
คณะศึกษาศาสตร์
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
|
ความคิดเห็นที่ 72 เมื่อ 17 ส.ค. 05, 17:23
|
|
มาติดตามอ่านด้วยคนครับ *_*
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 73 เมื่อ 19 ส.ค. 05, 11:28
|
|
การบินของ ฮ.ช่วงนี้เปิดประตูทั้ง 2 ด้าน
ขณะที่เครื่อง ฮ.บินมาเหนือสวนผลไม้และสวนยาง นักบินมองเห็นบ้านพระราชทานซึ่งเป็นเป้าหมายที่จะลงจอดรับคนบาดเจ็บ ห่างไปประมาณ 1 ก.ม.เศษ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงปืนรัวขึ้นถี่ยิบจากเบื้องล่าง กระสุนชุดแรกพุ่งขึ้นมา ทะลุขาพ.ต.ท. สุดินทร์ สิงหรา ณ อยุธยา(ยศในขณะนั้น) ผู้กำกับ ตชด.เขต 8 ผู้กำกับฯตะโกนสั่งให้นักบินนำ ฮ.ขึ้นสูงทันที เสียงกระสุนปืนกระทบเครื่องบินดังก้องไปหมดทั่วลำ
ในช่วงความชุลมุนวุ่นวายนี้เอง ก็ได้ยินเสียงรับสั่งว่า "ฉันถูกยิง" ผกก.หันไปดูเห็นพระพักตร์ฟุบ พระองค์ซวนมา จึงประคององค์ไว้ ส่วนนายแพทย์และพยาบาลพยายามอุดปากแผลห้ามเลือด ขณะที่ ฮ.กำลังร่อนลง ผกก.สบตานายแพทย์ เห็นส่ายศีรษะ ก็เข้าใจทันทีว่าหมดหวัง
ผกก.สั่งฮ.ให้บินไปที่ร.พ.สุราษฎร์ซึ่งใกล้ที่สุด แต่เครื่องได้รับการเสียหายหนักจากการระดมยิงของผู้ก่อการร้าย เข็มเครื่องวัดทุกตัวไม่ทำงาน และเครื่องอาจระเบิดได้ทุกวินาที นักบินจำต้องร่อนลงที่สนามหน้าโรงเรียนวัดบ้านส้อง
เมื่อเครื่องลงถึงพื้นดินแล้ว ผกก.วิทยุสั่งการไปที่บก.ร้อยให้นิมนต์หลวงพ่อและหลวงปู่เดินทางมาโดยเร็วที่สุด
ในระหว่างนี้นายแพทย์ได้ถวายน้ำเกลือ พระอาการดีขึ้นอย่างประหลาด ไม่มีอาการทุรนทุราย รับสั่งทั้งที่ยังหลับพระเนตรว่า "ตชด.เป็นอย่างไรบ้าง เอาออกมาได้หรือยัง ให้รีบไปส่งโรงพยาบาล อย่าให้พวกมันรู้ว่าฉันถูกยิง มันจะเหิมเกริม หนาว ปวด เมื่อย"
สักครู่ก็รับสั่งต่อไปว่า " ฉันไม่ได้เป็นไรแล้ว ตชด.มาหรือยัง ให้รีบนำส่งโรงพยาบาลด่วน" รับสั่งย้ำว่า "คุณสุดินทร์ นำคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาลเร็วเข้า"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 74 เมื่อ 19 ส.ค. 05, 12:33
|
|
อาวุธที่ผู้ก่อการร้ายใช้โจมตีฮ. เป็นอาวุธสงคราม คือ เอ็ม 16 และเอ็ม 20 สำหรับเอ็ม 20 ผู้ก่อการร้ายเคยใช้โจมตีเจ้าหน้าที่จังหวัดตากมาแล้ว มีวิถีกระสุนไกลมากถึง 2000 ฟุต
แม้ทรงรับบาดเจ็บสาหัส ก็ทรงห่วงถึงตชด.ที่ได้รับบาดเจ็บมากกว่าห่วงพระอาการ นายแพทย์และพยาบาลทูลตอบให้สบายพระทัยว่า นำคนเจ็บส่งโรงพยาบาลแล้ว ก็ทรงรู้ทัน รับสั่งว่า "ฮ.ยังไม่ขึ้น"
จนนายแพทย์ต้องแก้ตัว เปลี่ยนคำตอบว่า "ผกก.นำคนเจ็บไปไว้โรงพยาบาลบ้านส้องแล้ว" จึงหยุดรับสั่ง
หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ และหลวงปู่ธรรมไชยเดินทางมาถึงไล่เลี่ยกับนายแพทย์และพนักงาน อ.เวียงสระ พระองค์เจ้าวิภาวดี ฯ ยังทรงมีพระสติดีอยู่ แม้ว่าพระอาการทรุดหนักมากแล้ว
รับสั่งว่า "ร้อน หิวน้ำ ขอน้ำกินหน่อย หลวงพ่อ หลวงปู่ ช่วยไปนิพพาน ไม่เกิดแล้ว" หลวงปู่ตอบว่า " การที่จะไปนิพพานน่ะดี แต่ท่านหญิงยังมีประโยชน์ต่อประเทศชาติมาก" ก็รับสั่งว่า "ให้กราบบังคมทูลพระเจ้าอยู่หัว ท่านชาย( ทรงหมายถึงหม่อมเจ้าปิยะรังสิต) ท่านแม่" ทรงย้ำอยู่ 2 ครั้ง แล้วไม่รับสั่งอะไรอีก
ฮ.จากสุราษฎร์ธานี เดินทางมาถึง นำพระองค์เจ้าวิภาวดีฯ ไปที่โรงพยาบาลสุราษฎร์ ในระหว่างทาง นายแพทย์ผู้เฝ้าพระอาการอย่างใกล้ชิด แจ้งว่า สิ้นพระทัยแล้ว ฮ.จึงนำพระศพมาที่โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานีเพื่อแต่งพระศพ และถวายธงชาติคลุมพระศพ ต่อจากนั้น เครื่องบินจากกรุงเทพ ซึ่งไปตรวจราชการทางใต้ ก็รับพระศพกลับมาสู่กรุงเทพ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|