เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 [2] 3 4 ... 7
  พิมพ์  
อ่าน: 45461 สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
พวงร้อย
สุครีพ
******
ตอบ: 904


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 15  เมื่อ 16 ม.ค. 05, 10:35

 เพิ่งหาเวลามาอ่านได้ค่ะ  ขออภัยที่หายไปนาน  ขอบคุณคุณเทาชมพูอีกครั้งค่ะ  เกร็ดประวัติช่วงนี้ไม่เคยได้รับทราบจากที่ใดมาก่อนเลยค่ะ  ได้เข้าใจพระอุปนิสัยของพระองค์ท่านแล้ว  รู้สึกเคารพนับถือและปลาบปลื้มที่เรามีเจ้านายที่ทรงมีพระเนตรกว้างไกล พระปัญญาลึกล้ำอย่างพระองค์ท่านนะคะ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 16  เมื่อ 18 ม.ค. 05, 16:38

 คุณพวงร้อยคงจะชอบตอนนี้เช่นกันค่ะ

หม่อมเจ้าพูนพิศมัย ดิศกุล ทรงเล่าถึงสมเด็จพระศรีสวรินทิราไว้ว่า
" สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา ทรงมีพระนิสัยซื่อและไม่โปรดหรือถนัดในการสมาคม   ข้าพเจ้ารักและสงสารท่านว่ารับสั่งอะไรตรงๆ    
ท่านโปรดตรัสเรื่องในพระธรรม  เพราะทุกครั้งที่ทรงเล่าเรื่องวัดและข้อพระธรรมต่างๆแล้ว  ดูทรงพระสำราญขึ้นอย่างผิดปรกติ    ทั้งนี้เห็นจะเป็นเพราะเคยทรงมีทุกข์มามาก  
โดยเฉพาะในเรื่องพระราชโอรสธิดาของพระองค์ท่าน  ซึ่งทรงมีถึง 8 พระองค์  และสิ้นพระชนม์แต่มีพระชันษาได้ 18 เป็นอย่างสูง เท่านั้น  คงเหลืออยู่ 2 พระองค์คือสมเด็จเจ้าฟ้าหญิงวไลยอลงกรณ์ แลละสมเด็จ
เจ้าฟ้าชายมหิดลอดุลยเดช    ซึ่งมีพระชันษาอ่อนกว่าสมเด็จพระบรมฯมหาวชิรุณหิศถึง 14 ปี  
แต่ทั้งสองพระองค์ก็ไม่ค่อยทรงรู้จักกันดีกับพระราชมารดานัก  เพราะไม่ค่อยได้เสด็จอยู่ด้วยกัน แล้วต่อมาก็สิ้นพระชนม์ถวายให้ทอดพระเนตรหมด    จนเหลือแต่สมเด็จฯเสด็จอยู่พระองค์เดียว  
แม้จะได้ทรงเป็นสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า  ด้วยพระราชนัดดาขึ้นทรงราชย์  ก็เป็นเวลาวิกาล  บ้านเมืองย่อยยับเปลี่ยนแปลงจนไม่มีสิ่งใดเหลือให้เป็นที่ควรจะชื่นชม  นอกจากความดับพระทัยในตอนทรงพระชรา   จึงเห็นว่าน่าสงสารนัก  
แต่พระองค์ทรงมีความสามารถในทางใช้จ่ายเรื่องเงินทองมาก  จนมีพระนามว่าทรงมั่งมีกว่าทุกพระองค์"
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 17  เมื่อ 23 ม.ค. 05, 09:07

 ความห่วงใยที่สมเด็จฯมีต่อพระเจ้าหลานเธอทั้งสามพระองค์ จนให้เสด็จไปอยู่ต่างประเทศ นับว่าเป็นความรอบคอบและเล็งเห็นการณ์ไกล  
เพราะหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองได้เพียงหนึ่งปีเศษ  บ้านเมืองก็เข้าสู่ความเดือดร้อนยุ่งยากยิ่งขึ้นไปอีก แทนที่จะสงบลงแบบไม่เสียเลือดเนื้ออย่างที่ควรจะเป็น ทั้งที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ พระราชทานรัฐธรรมนูญให้แล้ว
เพราะเกิดสงครามกลางเมืองที่เรียกว่า "กบฎบวรเดช" ขึ้น

เริ่มต้นด้วยคณะผู้ก่อการฯเกิดแตกแยกกันเองจนถึงกับยึดอำนาจระหว่างกัน  ประชาธิปไตยที่เคยเป็นปณิธานในการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ต้องหลีกทางให้กับอำนาจเบ็ดเสร็จ   ทำให้พระองค์เจ้าบวรเดช อดีตเสนาบดีกระทรวงกลาโหมและนายทหารสำคัญจำนวนหนึ่ง มีพันเอกพระยาศรีสิทธิสงครามเป็นหัวหน้า  ยกพลจากโคราชลงมาถึงกรุงเทพเพื่อปราบปราม  เกิดการต่อสู้กับทางฝ่ายรัฐบาล ที่มีพันโทหลวงพิบูลสงครามเป็นแม่ทัพ  ปะทะกันที่ทุ่งบางเขน
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 18  เมื่อ 23 ม.ค. 05, 09:09

 เมื่อเกิดการสู้รบ  เจ้าพระยาวรพงษ์ฯ เสนาบดีกระทรวงวัง เชิญเสด็จสมเด็จพระศรีสวรินทิราฯไปประทับที่สวนสุนันทาก่อนเพื่อความปลอดภัย  ต่อมาเห็นว่าอาจจะยังไม่ปลอดภัยพอก็เชิญเสด็จย้ายเข้าไปที่พระที่นั่งบรมพิมานในพระบรมมหาราชวัง พร้อมด้วยพระราชธิดาที่ยังมีพระชนม์ชีพอยู่เพียงพระองค์เดียวในจำนวนพระราชโอรสธิดา 8 พระองค์  คือสมเด็จเจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์ ฯ และเจ้านายฝ่ายในอื่นๆ รวมทั้งสมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตน์และพระนางเจ้าสุวัทนาด้วย

ขณะนั้นพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯทรงอยู่ที่หัวหิน  เมื่อทราบข่าวก็ทรงเป็นห่วง  จึงมีพระบรมราชโองการให้เจ้าพระยาวรพงษ์ฯ เชิญเสด็จลี้ภัยไปสงขลา

ที่สงขลา  ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน พากันมารับเสด็จกันเนืองแน่น เป็นที่ชื่นพระทัย    เมืองนี้เป็นที่โปรดปรานของสมเด็จฯ อาจจะเป็นเพราะเป็นเมืองพระนามทรงกรมของพระราชโอรส หรือโปรดภูมิประเทศความเป็นอยู่ และความจงรักภักดีของประชาชน ก็ไม่มีใครทราบ   ทรงปลูกต้นปาล์มไว้ที่สวนปาล์ม อำเภอสะเดา  และทรงสร้างถนนรอบพระอุโบสถวัดมัชฌิมาวาส และเป็นองค์อุปัฏฐากเจ้าอาวาสวัดนั้น

จนกระทั่งการต่อสู้จบลงด้วยความพ่ายแพ้ทางฝ่ายพระองค์เจ้าบวรเดช     รัฐบาลจึงเชิญเสด็จกลับพร้อมกันทุกพระองค์    หลังจากเสด็จกลับ  ข้าราชการที่มารับเสด็จด้วยความภักดี ถูกสอบสวนและปลดออกจากราชการกันหลายคน เช่นหลวงณรงค์วังศาทร นายอำเภอหาดใหญ่

แม้ว่าเหตุการณ์ทางบ้านเมืองสงบลงก็จริง  แต่สำหรับเจ้านาย  และนายทหารกับพลเรือนปัญญาชนอีกมาก ที่เกี่ยวข้องหรือถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกกบฏ  ฝันร้ายครั้งใหม่เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้นเอง
บันทึกการเข้า
พวงร้อย
สุครีพ
******
ตอบ: 904


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 19  เมื่อ 24 ม.ค. 05, 12:26

 สวัสดีค่ะ คุณเทาชมพู  พักนี้ไม่ค่อยมีโอกาสได้ใช้คอมพ์เท่าไหร่  เลยมาช้าค่ะ  ขออภัยด้วยนะคะ  

ยิ่งอ่านก็ยิ่งรู้สึก "ทึ่ง" มาก  ในพระสติปัญญาที่แสนจะล้ำลึกของพระองค์ท่านมากเลยค่ะ  แต่ที่ประทับใจที่สุด  ก็คือความทรงมี integrity (ขออภัยนึกไม่ออกว่าจะใช้คำไทยว่าอะไรดีค่ะ)  มากเลย  ทำให้สามารถมองเห็นความสืบต่อของพระอุปนิสัย  มาถึงพระราชชนก  ซึ่งทรงเลือกพระชายาที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงสมเด็จฯ  ทั้งๆที่ในฐานะของกรมสงขลาฯก็สามารถเลือกพระชายาอย่างไรก็ได้  และก็ทำให้เป็นโชคดีของคนไทยนะคะ  ขอบคุณที่สรรหาสิ่งดีๆมาให้อ่านค่ะ
บันทึกการเข้า
B
แขกเรือน
ชมพูพาน
***
ตอบ: 148


ความคิดเห็นที่ 20  เมื่อ 28 ม.ค. 05, 19:12

 คลำหาทางเข้าอยู่พักใหญ่
สวัสดีคุณเทาชมพู คุณพวงร้อย คุณนนทิราและทุกท่านค่ะ

ดีใจที่แวะเข้ามาเรือนไทยในวันนี้ หลังจากห่างหายไปนาน
กำลังไล่อ่านกระทู้และบทความ ขอบพระคุณสำหรับเรื่องดีๆ ในกระทู้นี้ค่ะ
บันทึกการเข้า
นายชินจัง
อสุรผัด
*
ตอบ: 31



ความคิดเห็นที่ 21  เมื่อ 30 ม.ค. 05, 11:36

 "แกกลัด คนเขานึกว่าเก๊ ฉันกลัดคนเขาไม่นึกหรอก"


ชอบจัง คนที่ทักไปพูดอย่างนั้น.....ได้ยังไง ชิๆ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 22  เมื่อ 01 ก.พ. 05, 13:09

 การไต่สวนผู้ที่เกี่ยงข้องในกบฏบวรเดช ทำให้มีผู้คนถูกจับกุมคุมขังมากมาย   นักโทษจำนวนมากที่เป็นทหาร ข้าราชการ ปัญญาชน ถูกส่งไปตัวไปคุมขังที่เกาะตะรุเตา  มองไม่เห็นอนาคตว่าจะได้กลับมาเมื่อไร
และมีหลายคนที่ถูกตัดสินขั้นประหารชีวิต

พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ ไม่ทรงเห็นด้วยกับการกระทำของรัฐบาลที่รุนแรงเกินไป    
หลังจากเสด็จไปรักษาพระองค์ที่อังกฤษ  ก็ทรงสละราชสมบัติ และมิได้เสด็จกลับมาสยามอีกเลย   จนถึงสวรรคตที่อังกฤษนั่นเอง

เมื่อพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7 เสด็จอังกฤษ  สมเด็จไปเฝ้าส่งเสด็จพร้อมด้วยเจ้านายฝ่ายใน ณ พระที่นั่งไพศาลทักษิณ    พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จลงเรือพระที่นั่งชื่อ "ศรวรุณ" เพื่อจะไปลงเรืออีกลำที่เกาะสีชังก่อนจะสด็จพระราชดำเนินออกพ้นอ่าวไทยไป

ในตอนนั้นกล่าวกันว่า ผู้ส่งเสด็จต่างสังหรณ์กันทั่วไปว่าจะไม่เสด็จกลับมาอีก  
และก็เป็นความจริง
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 23  เมื่อ 01 ก.พ. 05, 13:27

ในช่วงนั้น เป็นยุคตกต่ำของพระราชวงศ์   เจ้านายที่เหลืออยู่ต้องระมัดระวังองค์กันแจ  ด้วยเกรงว่าจะถูกเพ่งเล็งจากรัฐบาล ซึ่งมองกบฏบวรเดชว่าเป็นฝ่ายเจ้าตั้งใจยึดอำนาจคืน  สมเด็จฯทั้งที่เป็นหญิงและมีพระชนมายุมากแล้ว ก็ต้องระวังพระองค์เช่นกัน
สิ่งใดที่ทรงอนุโลมตามรัฐบาลได้ก็ทรงอนุโลม   แม้ว่าไม่สบายพระราชหฤทัยแม้แต่น้อย  ส่วนใหญ่จะเก็บพระองค์อย่างสงบ  ไม่ออกมาเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทางบ้านเมือง

ความทุกข์ระลอกใหม่ที่เข้ามาถึงสมเด็จ คือทรงสูญเสียพระองค์เจ้าเยาวภาพงศ์สนิท พระราชธิดาบุญธรรมซึ่งอยู่ใกล้ชิดพระองค์มากที่สุด   ทรงเคยหวังว่าจะ "ฝากผีฝากไข้" ด้วย    เมื่อพระองค์เจ้าเยาวภาฯสิ้นพระชนม์ไปก่อนก็เป็นความโทมนัสอย่างแสนสาหัสของสมเด็จฯ

ขอลำดับให้ฟังอีกครั้งว่า สมเด็จฯ ในฐานะแม่  มีพระราชโอรสธิดา  8  พระองค์  ก็ล้วนแต่สิ้นพระชนม์ไปก่อนในช่วงที่ทรงเป็นหนุ่มสาวสวยงามถึง 7 พระองค์  เหลือเพียงพระองค์เดียวคือสมเด็จเจ้าฟ้าวไลอลงกรณ์ กรมหลวงเพชรบุรีราชสิรินธร

ความโทมนัสเรื่องใหม่ก็คือ เรื่องการสืบราชสมบัติ ที่รัฐบาลประชุมกันแล้วเห็นสมควรว่า พระนัดดาพระองค์ใหญ่ในสมเด็จฯ ทรง
อยู่ในลำดับที่จะขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่  8
สถานการณ์บ้านเมืองในตอนนั้นเป็นยุคแห่งความหวาดกลัว หวาดระแวง  เกลียดชัง   ถ้าเทียบกับบ้านเมืองสมัยที่สมเด็จฯทรงดำรงพระยศสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนาฯ แล้ว ก็ต่างกันเหมือนกลางคืนกับกลางวัน
บันทึกการเข้า
พวงร้อย
สุครีพ
******
ตอบ: 904


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 24  เมื่อ 01 ก.พ. 05, 13:55

 สวัสดีค่ะ คุณเทาชมพู  ดีใจที่ได้มาอ่านต่อค่ะ  หวังว่าคุณเทาชมพูคงจะสบายดีนะคะ
บันทึกการเข้า
ปังหวาน
แขกเรือน
อสุรผัด
*
ตอบ: 3


ความคิดเห็นที่ 25  เมื่อ 02 ก.พ. 05, 18:13

 ชอบกระทู้ลักษณะนี้มากเลยค่ะ  ขอขอบคุณอาจารย์เทาชมพูที่ได้สละเวลา มาเล่าเรื่องที่ทั้งดี ทั้งสนุกให้ฟังค่ะ
บันทึกการเข้า
สะอาด
อสุรผัด
*
ตอบ: 5


ความคิดเห็นที่ 26  เมื่อ 02 ก.พ. 05, 22:17

 คุณเทาชมพู ขอถามรายพระนามพระราชโอรสธิดา 8 พระองค์ค่ะ
บันทึกการเข้า
พวงร้อย
สุครีพ
******
ตอบ: 904


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 27  เมื่อ 02 ก.พ. 05, 23:16

มาตอบคุณสะอาดนะคะ  คุณเทาชมพูคงจะยังไม่มีเวลาเข้ามาน่ะค่ะ  เชิญอ่านตอนแรกที่กระทู้นี้ http://www.vcharkarn.com/snippets/vcafe/show_message.php?Cid=18&Pid=24641&ooc=3   มีพระนามโอรสธิดาของสมเด็จในความเห็นที่ 19 ค่ะ
บันทึกการเข้า
วารุณี
อสุรผัด
*
ตอบ: 1

สำนักงาน กสจ. เลขที่ 63 อาคาร 2 ชั้น 15 ธนาคารอาคารสงเคราะห์ สำนักงานใหญ่ ห้วยขวาง กรุงเทพฯ 10320


ความคิดเห็นที่ 28  เมื่อ 03 ก.พ. 05, 09:49

 สวัสดีค่ะ คุณเทาชมพู  ดีใจที่เจอเวบดีดีแบบนี้นะคะ โดยส่วนตัวเป็นคนที่ชอบอ่านเรื่องสมัยโบราณ โดยเฉพาะ เรื่องเกี่ยวกับพระเจ้าแผ่นดิน นางอันเป็นที่รัก อะไรแบบเนี่ยค่ะ เผอิญมาเจอที่นี่เข้า  ลองอ่านแล้วได้ความรู้เพิ่มขึ้นมากกว่าในหนังสืออีกเยอะเลยค่ะ  ขอบคุณนะคะ จะติดตามอ่านต่อไปค่ะ
บันทึกการเข้า
สะอาด
อสุรผัด
*
ตอบ: 5


ความคิดเห็นที่ 29  เมื่อ 04 ก.พ. 05, 03:04

 ขอบคุณนะคะ คุณพวงร้อย

สมเด็จทรงดำรงพระชนมายุถึง ๖ แผ่นดิน นับจากรัชกาลที่ ๔ ถึงรัชกาลที่ ๙ ทรงผ่านความทุกข์ ความโศก ความวิปโยค และความอาดูร มาเกือบจะตลอดพระชนมายุของพระองค์อันนับได้ถึง ๙๓ พรรษาเศษ  สมเด็จฯ ทรงดำเนินพระราชภารกิจเป็นคุณประโยชน์ต่อพสกนิกรอย่างมากมายมหาศาล
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2] 3 4 ... 7
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.06 วินาที กับ 19 คำสั่ง