ลายคราม
อสุรผัด

ตอบ: 16
|
ความคิดเห็นที่ 60 เมื่อ 06 ธ.ค. 04, 18:09
|
|
เเหมคุณเทาชมพูคะ อย่างนี้จบกระทู้เเล้ว ดิฉันขอรวมเล่มไปพิมพ์ขายนะคะ จนป่านนี้หนังสือ "สมเด็จพระศรีสวรินทิราฯ" ของคุณสมภพ จันทรประภา ก็คงขาดตลาดเเล้ว คงจะพอขายได้บ้างกระมังคะ เเล้วจะตั้งชื่อเรื่องว่าอะไรดี ชื่อ "สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าฯ" ดีไหมคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 61 เมื่อ 06 ธ.ค. 04, 18:26
|
|
รายชื่อหนังสืออ้างอิง ของกระทู้นี้ จะลงไว้ท้ายกระทู้เมื่อจบกระทู้นี้แล้ว แบบเดียวกับกระทู้เจ้าดาราทองค่ะ นอกจากเรื่องสมเด็จพระศรีสวรินทิราฯ ของคุณสมภพ จันทรประภาแล้วก็ยังมีหนังสือเรื่องอื่นๆอีก 3-4 เล่มหรือมากกว่านั้น แล้วแต่ว่ากระทู้จะมีรายละเอียดมากน้อยแค่ไหน จบกระทู้แล้วก็จะลงไว้ทีเดียวเลย เรื่องราวในกระทู้ต่างๆ ที่ดิฉันเรียบเรียง มีเอาไว้อ่านฟรีทางเน็ต ไม่ได้เอาไว้พิมพ์ขายค่ะ
ถ้าคุณอยากพิมพ์ขาย วิทยานิพนธ์เรื่องชวาของคุณก็น่าสนใจนี่คะ พิมพ์หรือยัง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
กุลธิดา
อสุรผัด

ตอบ: 3
|
ความคิดเห็นที่ 62 เมื่อ 06 ธ.ค. 04, 23:12
|
|
ขอขอบพระคุณคุณเทาชมพูที่สู้อุตสาหะ เรียบเรียงข้อมูลความรู้ ที่ถือว่าหาอ่านได้ยากยิ่งลงในเวบวิชาการแห่งนี้ อันเปรียบได้ว่าเป็น"คลังสมอง"สำหรับคนหลายๆคนรวมทั้งดิฉันด้วย
แต่อ่านไปอ่านไป ก็เกิดอาการหงุดหงิดนิดหน่อยนะคะ ที่ต้องมาพบว่าในคลังสมองแห่งนี้ยังมีคนบางประเภทที่เข้าข่าย"กัดไม่เลือก" หรือจะเรียกว่า"กัดไม่ปล่อย" ชนิดที่ไม่มีสติแห่งความรู้ควรไม่ควรว่าอะไรควรพูดหรือไม่ควรพูด คำถามช่างใสซื่อราวกับทารกที่"ผีมือบอน"สักแต่แค่เจาะปากมาให้เท่านั้น แต่ลืมใส่สมองมาในกระโหลกให้ด้วย..
เรื่องราวแห่งความหลังครั้ง"ในวัง"นั้น ใครเล่าจะไปล่วงรู้ได้ ถ้ามิใช่เพราะผู้ใหญ่ได้เล่่าต่อๆกันมา หรือจากบันทึกข้อความที่หลงเหลือ (ซึ่งในปัจจุบันต้องวิ่งหาอ่านเอาจากหนังสืองานศพ) และใช่ว่าทุกครัวเรือนจะมีหนังสือของคุณสมภพ จันทรประภา วางไว้ใกล้มือให้หาอ่านได้สะดวก
แต่ใน"คลังสมอง"ที่นี่ ทุกอย่างมีอยู่พร้อมพรัก ราวกับอาหารทิพย์คุณเทาชมพูและผู้รู้ท่านอื่นๆได้ค้นคว้านำมาปรุงใส่ถาดทองวางไว้ให้บนโต๊ะสไตล์บุฟเฟท์ พร้อมทั้งเชิญแขกผู้สนใจให้เข้ามาลิ้มรสแบบฟรีๆสตางค์แดงเดียวก็ไม่เสีย แล้วจะเอาอะไรกันอีก..?
น่าเบื่อออกนะคะ พวกแขกเชิญประเภทไม่รู้คุณ จ้องแต่จับผิด ดิฉันละเชื่อเลยค่ะ ว่า คนบางคนต่อให้เรียนด๊อกเตอร์จากสถาบันที่สูงส่ง แต่ จิตใจแย่จนไม่รู้จะเปรียบกับอะไรดี ขอเสนอว่า..ครานี้คือการสมควรแก่เวลาที่คุณเทาชมพูต้องใช้"ไม้แข็ง" กับคนคนนี้ซะที ดีไหมคะ?
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 64 เมื่อ 07 ธ.ค. 04, 17:02
|
|
ในรัชกาลที่ 6 สมเด็จพระมาตุจฉาเจ้าและสมเด็จพระบรมราชชนนี ทรงมีเวลาว่างพอจะเสด็จมาเยี่ยมเยียนกันได้บ่อยๆ สมเด็จพระบรมราชชนนีประทับที่วังพญาไท เมื่อสมเด็จพระมาตุจฉาเจ้าเสด็จมา เจ้าของวังก็ทรงหมอบกราบรับเสด็จอย่างน้องพึงทำต่อพี่ ทรงสนิทสนมกันถึงกับเสด็จทางเหนือเยี่ยมราษฎรด้วยกัน เนื้อที่ในกรุงเทพสมัยรัชกาลที่ 6 ยังน้อยมากเมื่อเทียบกับสมัยนี้ พญาไทยังเป็นทุ่ง เช่นเดียวกับสระปทุม เป็นชานเมืองห่างไกลตึกรามบ้านช่อง อากาศโปร่งสบายเหมือนอยู่ในชนบท
สมเด็จพระมาตุจฉาเจ้าฯ ทรงปลูกตำหนักที่เรียกว่า "วังสระปทุม" ในปัจจุบัน ทรงร่างแบบเอง ให้สถาปนิกเอาไปออกแบบอีกทีหนึ่ง เป็นที่อยู่ที่ห้องหับต่างๆโปร่งโล่งสว่าง รับลมได้ ไม่มีมุมอับ สมเด็จฯทรงปฏิบัติพระองค์อย่างง่ายๆเมื่อเสด็จมาประทับแรมระหว่างวังยังสร้างไม่เสร็จ โปรดที่จะแจวเรือไปแถวประตูน้ำเพื่อซื้ออาหารสด หรือนั่งเรือลัดเลาะไปจนถึงคลองเตย เมื่อวังสระปทุมสร้างเสร็จ ก็โปรดให้ปลูกกล้วยและทำสวนครัว พืชผลที่ปลูกได้ก็ไม่ทิ้งไว้เปล่าๆ อะไรขายได้ก็ขาย อย่างใบตองที่เหลือใช้ เชือกกล้วย กล้วยสุก ทรงขายได้ทั้งนั้น ผักสดที่เสวยก็ไม่โปรดให้จัดมามากมายเกินเสวย และไม่ต้องแกะสลักเพราะจะเป็นการเสียของไปโดยเปล่าประโยชน์ ทรงมีรายได้จากพืชผลปีละหลายร้อยบาท นอกจากนี้ก็ทรงอุปการะเด็กๆไว้หลายคนทั้งชายและหญิง
สมเด็จฯทรงดำเนินชีวิตอย่างสงบเช่นนั้นมาเป็นเวลาหลายปี จนสงครามโลกครั้งที่ 1 เกิดขึ้น สยามตัดสินใจเข้าเป็นฝ่ายพันธมิตร ต่อต้านเยอรมนี ในช่วงนี้เองพระเจ้าลูกยาเธอ สมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดช กรมขุนสงขลานครินทร์ พระราชโอรสที่เหลืออยู่เพียงพระองค์เดียวที่ศึกษาอยู่ในโรงเรียนนายเรือเยอรมนี จนได้เป็นนายเรือ ต้องเสด็จกลับบ้านเกิดเมืองนอน เป็นที่โสมนัสของสมเด็จฯเป็นอย่างมากที่พระราชโอรสเสด็จกลับมาอยู่ใกล้ชิด แต่ทรงอยู่ในสยามได้ไม่นาน ก็เสด็จไปศึกษาต่ออีกครั้ง คราวนี้ไปศึกษาด้านการแพทย์ที่สหรัฐอเมริกา พระราชชนนีแม้ทรงอาลัยเพียงใดก็ทรงอนุโลมตามไม่ขัดพระทัย
ระหว่างศึกษาที่สหรัฐอเมริกานี้เอง สมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนสงขลาฯ ก็ทรงพบหญิงสาวนักเรียนไทยที่ได้ทุนมาศึกษาวิชาพยาบาล มีรูปสมบัติ คุณสมบัติอันประเสริฐ เป็นที่พอพระทัย เราคงจะทราบกันว่า ต่อมาก็คือสมเด็จพระศรีนครินทรบรมราชชนนี หรือ "สมเด็จย่า" ของปวงชนชาวไทยนั่นเอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Marty
อสุรผัด

ตอบ: 8
|
ความคิดเห็นที่ 65 เมื่อ 07 ธ.ค. 04, 18:31
|
|
ขอแทรกถามนิดหนึ่งครับ เรื่องสมเด็จพระบรมราชชนก ทรงไปศึกษาต่อวิชาแพทย์ เคยทราบมานิดหน่อยว่า เหตุที่ไม่ทรงเป็นทหารเรือต่อเพราะพระองค์อยากจะปฏิบัติงานในเรือรบ แต่กลับมาแล้ว ทางราชการเห็นว่าท่านเป็นเจ้าฟ้าไม่ควรจะต้องไปลำบากขนาดนั้น เลยให้ท่านเป็นอาจารย์ในโรงเรียนนายเรือ ท่านเลยเกิดความเบื่อหน่ายอาชีพทหารเรือ ประกอบกับ กรมหมื่นชัยนาถฯทรงทำให้ท่านสนใจในเรื่องการสาธารณสุข จึงทำให้พระองค์ตัดสินใจไปศึกษาต่อ นอกจากเหตุผลเหล่านี้ มีเหตุผลอื่นอีกไหมครับ หรือท่านใดจะช่วยเล่าเรื่องนี้ละเอียดขึ้น ก็ขอบคุณมากครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Marty
อสุรผัด

ตอบ: 8
|
ความคิดเห็นที่ 66 เมื่อ 07 ธ.ค. 04, 18:50
|
|
อ้ออีกนิดหนึ่งครับ เคยได้ยินคุณ ส.ศิวรักษ์บอกว่า ตอนไทยประกาศเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 1 สมเด็จพระบรมราชชนกท่านขออาสาไปรบกับเยอรมันด้วย (หมายถึงไปสู้กับเยอรมัน ไม่ได้อยู่ฝ่ายเดียวกับเยอรมันครับ) แต่ทางราชการไม่ยอม ไม่ทราบว่าเท็จจริงเพียงใดครับ และอาจเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ท่านเบื่อการเป็นทหารเรือก็ได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
paganini
|
ความคิดเห็นที่ 67 เมื่อ 07 ธ.ค. 04, 18:52
|
|
จากกระทู้นี้และหลายๆกระทู้ที่ผ่านมาเมื่ออ่านแล้วผมได้แรงบันดาลใจในการไปหาความรู้เพิ่มเติมหนังสือมีเยอะเชียวครับในท้องตลาดที่เกี่ยวกับพระราชวงศ์และประวัติศาสตร์ในรั้วในวัง แต่การที่อาจารย์เทาชมพูของผมเขียนบอกไว้ตรงนี้เป็นเสมือน guidline ให้ไปหาอ่านในรายละเอียดที่อื่น
ความจริงเรื่องราวเหล่านี้เหมือนสามก๊กอย่างหนึ่ง คือเต็มไปด้วยชื่อ และสายสัมพันธ์ระหว่างบุคคลนั้นโยงใยหลายต่อจนยากที่จะจับความได้ถ้ายังไม่คุ้นเคย กระทู้ของอาจารย์ได้เติมเต็มในส่วนนี้ทำให้เวลาเราไปอ่านหนังสือเล่มอื่นเราสามารถตามได้ตลอด
ทำไมผมถึงสนใจอ่าน? ไม่เชิงว่าอยากรู้หรอกครับ แต่เป็นในเชิงความรุ้สึกมากกว่า เพราะเมื่อไรที่ผมได้อ่าน ผมได้รับบรรยากาศแห่งความเป็นไทย เสมือนกับที่ผมอ่านนิยายจีนเพื่อซึมซับบรรยากาศและแนวคิดแห่งความเป็นจีนนั่นแหละครับ ไม่รู้ว่าคนอื่นรู้สึกแบบเดียวกับผมรึเปล่านะ
ผมนะตอนนี้ซื้อหนังสือมา 2 เล่ม บังเอิญไม่ได้อยู่ในมือก็ขอเขียนชื่อคร่าวๆก่อนแล้วกันจำชื่อผู้แต่งไม่ได้ด้วย 1. ลูกท่านหลานเธอ ผู้อยู่เบื้องหลัง......... 2. เรื่องรัก รัก ในวังหลวง โดย กิตติพงษ์ ..... (ประจุด คือจำไม่ได้ครับ อิอิอิ ขออภัยๆๆ) อ่านสนุกดีครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 68 เมื่อ 07 ธ.ค. 04, 20:52
|
|
สมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนสงขลาฯ โปรดที่เข้ารับราชการทหารเรือ แต่โปรดในด้านลงมือปฏิบัติงานสมกับทรงศึกษามา อย่างบังคับการเรือตอร์ปิโด และออกทะเลอย่างทหารเรืออาชีพจริงๆ แต่ความเป็นเจ้าฟ้าก็เป็นอุปสรรคอย่างหนึ่งที่ทำให้ราชการเห็นว่าไม่ควรเสี่ยงถึงขั้นนั้น ในสยามตอนนั้นเจ้าฟ้าชั้นทูลกระหม่อมก็เหลืออยู่น้อยมาก พระเจ้าอยู่หัวก็ยังไม่ทรงมีรัชทายาท จึงได้แต่ทรงเป็นครูสอนที่โรงเรียนนายเรือ ทำให้ทรงเบื่อหน่าย ทำงานได้ไม่ถึงหนึ่งปีก็ทรงลาออก
กองทัพเรือในสมัยรัชกาลที่ 6 มีเรืออยู่น้อย แทบจะเรียกว่า "กองทัพ" เรือไม่ได้ มีปัญหาขัดข้องหลายอย่าง อย่างเช่นการปฏิบัติการเรือรบ ทรงคิดเรื่องเรือดำน้ำ แต่ก็ไปขัดข้องเรื่องเสบียงที่จะใช้ในเรือ จึงทรงอยากจะศึกษาเรื่องอาหารที่เป็นประโยชน์เหมาะสมกับการนำไปใช้ในเรือ จึงอยากจะทรงศึกษาต่อเรื่องสุขวิทยา พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมขุนชัยนาทฯ จึงทรงแนะนำให้ไปศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกา นอกจากเรื่องอาหารก็ควรศึกษาเรื่องการแพทย์ด้วย
เหตุผลอีกอย่างที่คุณ Marty ถาม น่าจะเป็นเรื่องพระอนามัยที่ไม่สู้แข็งแรงรัก เสด็จกลับเมืองไทยก็ประชวรด้วยโรคไข้รากสาดน้อย พระอาการหนักอยู่หลายเดือน แต่ว่าโชคดี การรักษาในตอนนั้นทันสมัยขึ้น ทรงทุเลาได้จนหายเป็นปกติ การเสด็จไปอเมริกาก็เพื่อรักษาพระองค์เรื่องพระพลานามัยด้วย
เรื่องที่คุณ ส.ศิวรักษ์เล่าดิฉันไม่เคยอ่านพบ สงสัยว่าไม่จริง เพราะทรงศึกษาจากเยอรมัน ตอนเริ่มสงครามใหม่ๆก็ยังทรงแต่งเครื่องแบบนายทหารเรือเยอรมันอยู่ ถึงกับถูกเข้าใจผิดว่าเป็นจารบุรุษญี่ปุ่น ถูกจับไปโรงพัก และถูกขัง แต่เมื่อติดต่อสถานทูตไทยได้ก็ทรงถูกปล่อยตัว หาอ่านได้ใน "เกิดวังปารุสก์"
เมื่อทรงอยู่ในยุโรปทรงแต่งเครื่องแบบทหารเยอรมัน ก็น่าจะทรงอยู่ในกองทัพเยอรมัน หรืออย่างน้อยก็ถือว่าเป็นมิตรฝ่ายเยอรมัน ไม่ใช่ฝ่ายพันธมิตร ถ้าจะย้อนกลับไปสมัครเข้าฝ่ายพันธมิตร ท่านจะเลือกเข้าข้างฝ่ายที่ตรงกันข้ามกับครูบาอาจารย์และเพื่อนร่วมโรงเรียนหรือคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ลายคราม
อสุรผัด

ตอบ: 16
|
ความคิดเห็นที่ 69 เมื่อ 07 ธ.ค. 04, 22:23
|
|
ยังไงคุณเทาชมพู มายกเป็นญาติผู้ใหญ่ฉันเสียล่ะคะ ขอโทษเเล้วกัน เเต่ก็จริงอย่างคุณกุลธิดาว่าล่ะค่ะ ดิฉันไม่ใด้ใช้สมองในการเขียนความคิดเห็นอะไรหรอกค่ะ เเล้วก็ขอพูดอย่างไม่ใช้สมองอีกว่าในนี้ใครจะรู้ว่าใครเป็นใครจริงไหคะ เเหมคุณก็ชีวิตจริงก็ซีเรียสตายเเล้ว จะเล่นเน็ตทั้งที่จะไปคิดอะไรให้มันมาก คิดอะไรได้ก็เขียนไปจริงใจดีออก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นนทิรา
มัจฉานุ
 
ตอบ: 77
|
ความคิดเห็นที่ 70 เมื่อ 08 ธ.ค. 04, 03:21
|
|
เข้ามาลงชื่ออ่าน และขอบพระคุณคุณเทาชมพูค่ะ ที่ค้นคว้าและรวบรวมเรื่องราวจากแหล่งต่างๆมาให้อ่านกัน เป็นคลังความรู้ที่มีประโยชน์และกระตุ้นให้หลายๆท่านนำไปค้นคว้าต่อยอดต่อไป
และสำหรับคนไทยในต่างแดนอย่างดิฉัน ซึ่งไม่มีแหล่งหนังสือให้ไปค้นคว้าได้ง่ายๆ ดิฉันรู้สึกซาบซึ้งในการที่คุณเทาชมพูพยายามค้นข้อมูลเพื่อมาตอบคำถามและเล่าให้ฟัง ขอบพระคุณอีกครั้งค่ะ
นำภาพดอกไม้มาฝากเป็นกำลังใจให้คุณเทาชมพูค่ะ
 |
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
พวงร้อย
|
ความคิดเห็นที่ 71 เมื่อ 08 ธ.ค. 04, 04:05
|
|
มาขอบคุณอีกคนค่ะ ซาบซึ้งในความอุตสาหะของคุณเทาชมพูที่รวบรวมมาเรียบเรียงในภาษาที่อ่านง่าย สนุกชวนติดตาม ที่สำคัญเป็นฐานข้อมูลที่สำคัญบนเว็บ ดิฉันค้นอินเตอร์เน็ตประจำ ก็รู้สึกสะท้อนใจทุกครั้ง ที่เวลาเราหาข้อมูลภาษาอังกฤษ ไม่ว่าจะพิมพ์คำอะไร ไม่เคยสักครั้งที่กูเกิ้ลจะหาไม่ได้ มีแต่หามาให้มากเว็บจนอ่านไม่หมด
และก็เห็นเด็กนักเรียนทั้งในห้องต่างๆบนเว็บวิชาการ และที่อื่นที่ผ่านตามาบ้าง ต่างก็จนปัญญากับการหาข้อมูลภาษาไทยกันจริงๆ ยิ่งข้อมูลพวกประวัติศาสตร์ ภาษาไทยของเราเอง ยังมีน้อยกว่าอย่างอื่นเสียอีก ดิฉันซาบซึ้งกับการมองเห็นการณ์ไกลของคุณเทาชมพู ที่เล็งเห็นว่า การมีข้อมูลให้ค้นได้โดยสาธารณชนบนเว็บ จะมีส่วนช่วยต่อยอดความรู้ให้กับคนไทยเราได้ดีที่สุดเลยค่ะ
เอารูปมาฝากค่ะ ดอก trumpet vine กำลังบานบนกำแพงบ้าน ทำกรอบมั่วไปมั่วมามันออกมาดี เลยนึกถึงคุณเทาชมพูค่ะ

ขอวกกลับมาหน่อยนะคะ เคยผ่านตามา จำไม่ได้แล้วว่าจะเป็น เกิดวังปารุสก์ รึเปล่า ที่เล่าถึงเมื่อ กรมหลวงสงขลาฯ เสด็จไปรับ นส.สังวาลย์ (เข้าใจว่าเป็นข้าหลวงในสมเด็จพระพันวัสสาฯมังคะ) ซึ่งจะมาเรียนพยาบาล พอได้เห็นหน้า ก็ทรง"เพ้อ"ถึงความงามให้พระสหายฟัง ดิฉันเสียดายที่จำผู้เขียนไม่ได้ แต่จำได้แม่นเลยค่ะ ว่าอ่านไปก็อมยิ้มไปด้วย โรแมนติคกว่าในนิยายเป็นไหนๆเลยค่ะ เดี๋ยวฝนหยุดตกแล้วจะไปขุดกรุหนังสือในโรงรถมาค่ะ |
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 72 เมื่อ 08 ธ.ค. 04, 08:19
|
|
สวยทั้งดอกไม้สวยทั้งกรอบเลยค่ะคุณพวงร้อย เห็นกรอบแล้วอยากทำบ้าง เดาว่ามีวิธีให้ใส่ลายและเลือกสีในกรอบได้ แต่คงเป็นขั้นตอนที่ยากขึ้นกว่าที่ทำอยู่ตอนนี้ ตอนนี้ขอเตาะแตะไปทีละขั้น ขอบคุณสำหรับกำลังใจ ทั้งคุณ paganini และคุณพวงร้อยค่ะ
คุณลายครามนอกจากไม่ใช้หัวคิดแล้วความจำยังไม่ค่อยดีอีกด้วยนะคะ จำคุณกุลธิดาก็ไม่ได้ หรือจำได้เฉพาะคุณ Cinnebar ก็ไม่ทราบ งั้นคงจำชื่อหนอ LEE อดีตทหารเรือหญิง เกนูรี อดิศักดิ์ รมณีย์ หม่อมชุลี ธารกำนัล a-b-c-d-f เงาในกระจกทั้งกลุ่ม ไม่ได้แน่ๆเลย ไม่เป็นไรค่ะ จำไม่ได้ก็ไม่ว่ากัน ขอให้เอาเวลาที่โพสต์อะไรที่ไม่สร้างสรรค์ มาฟังเฉยๆดีไหม มือไม่พายแต่เอาเท้าราน้ำนี่ไม่สมกับวุฒิภาวะของคนอายุ 35-36 เลยนะ
คุณพวงร้อยพักก่อน อย่าเพิ่งเหนื่อยไปค้นหนังสือเลยค่ะ เรื่องที่คุณพวงร้อยถาม มาจากบันทึกของคุณหลวงสุขุมนัยประดิษฐ ค่ะ
" ในระหว่างที่พักอยู่กับทูลกระหม่อมนี้ คืนวันหนึ่งก็เป็นคืนที่คุณสังวาลย์และคุณอุบลซึ่งออกเดินทางไปเรือเดียวกันกับข้าพเจ้า และพักที่เสียที่มลรัฐคาลิฟอร์เนียก่อน 1 ปีจะเดินทางมาถึงบอสตัน รถไฟจะมาถึงราว 2 ยาม
ทูลกระหม่อมเตรียมพระองค์จะไปรับ เพราะสองคนนี้เป็นนักเรียนของท่าน ข้าพเจ้าขอร้องขอไปรับด้วย แต่รับสั่งว่าข้าพเจ้ายังไม่สบายและดึกดื่นนัก อย่าไปเลย ประมาณสักตี 2 เศษ คือรถมาถึงแล้ว และทรงพาไปพักโฮเต็ลแล้ว
พระองค์ท่านเสด็จกลับมาถึงบ้าน ปลุกข้าพเจ้าทันที แล้วรับสั่งว่า " ผู้หญิง 2 คนมาถึงแล้ว แม่สังวาลย์สวยเช้งเทียวแกเอ๋ย"
ข้าพเจ้ารู้สึกสงสัยทูลกระหม่อมทันทีว่า คงจะพอพระทัยในคุณสังวาลย์มาก ถึงกับปลุกข้าพเจ้าขึ้นในเวลาดึกดื่น เพื่อชมให้ฟัง ต่อนั้นมาก็ได้จัดส่งคุณสังวาลย์และคุณอุบลไปอยู่เมืองฮาร์ตฟอร์ดในมลรัฐคอนเนคติกัต หนทางโดยรถไฟจากบอสตันราว 5 ชั่วโมง ข้าพเจ้าเคยเป็นผู้นำจดหมายและข้าวของส่งไปส่งมาระหว่างทูลกระหม่อมกับคุณสังวาลย์"
อ่านแล้วนึกถึงพระราชนิพนธ์แปล เรื่องเวนิสวาณิช ในรัชกาลที่ 6 ขึ้นมา
ความเอยความรัก เริ่มประจักษ์ชั้นต้น ณ หนไหน เริ่มจำเพาะเหมาะกลางหว่างหัวใจ หรือเริ่มในสมอง ตรองจงดี แรกจะเกิดเป็นไฉนใครรู้บ้าง อย่าอำพรางตอบสำนวนให้ควรที่ ใครถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงรตี ผู้ใดมีคำตอบขอบใจเอย
ตอบเอยตอบถ้อย เกิดเมื่อเห็นน้องน้อยอย่าสงสัย ตาประสบตารักสมัครไซร้ เหมือนหนึ่งให้อาหารสำราญครัน แต่ถ้าแม้นสายใจไม่สมัคร เหมือนฆ่ารักเสียแต่เกิดย่อมอาสัญ ได้แต่ชวนเพื่อนยามาพร้อมกัน ร้องรำพันสงสารรักหนักหนาเอย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
พวงร้อย
|
ความคิดเห็นที่ 73 เมื่อ 08 ธ.ค. 04, 22:01
|
|
เปิดกระทู้ทิ้งไว้ว่าจะมาตอบเมื่อคืน ต้องไปช่วยเด็กทำการบ้านแล้วเพลียไปเข้านอนลืมไปเลยค่ะ
ขอบคุณคุณเทาชมพูที่หามาให้ได้ทันใจจริงๆ เป็นเกร็ดประวัติของพระองค์ท่านที่ "น่ารัก" มากจริงๆเลยนะคะ
คุณหลวงท่านว่าไว้ว่า "ทูลกระหม่อมเตรียมพระองค์จะไปรับ เพราะสองคนนี้เป็นนักเรียนของท่าน" ถ้าอย่างนั้น ทูลกระหม่อมก็ทรงเคยรู้จัก "คุณสังวาลย์" มาก่อนน่ะซีคะ แต่มาดูอีกที อาจจะเป็นเพราะไม่ได้ทรงพบมานาน สมเด็จย่าฯคง "โตเป็นสาว" งดงามผิดไปจากตอนยังทรงพระเยาว์ กรมหลวงสงขลาฯถึงได้เพิ่งมา "เพ้อ" เอาตอนนี้นะคะ (ยังอมยิ้มต่ออยู่ค่ะ)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
กุลธิดา
อสุรผัด

ตอบ: 3
|
ความคิดเห็นที่ 74 เมื่อ 09 ธ.ค. 04, 00:21
|
|
แหม..คุณเทาชมพูคะ อยากจะเล่าเหมือนกันว่ากระแสจิตของใครบางคนนี่แรงจริง วันนี้ดิฉันไปเดินที่ศูนย์หนังสือจุฬา ใจก็ร่ำๆ อยากจะไปแวะเยี่ยมหลานด๊อกเตอร์ให้รู้เรื่องรู้ราวไปเหมือนกัน เพราะอยากรู้นักว่า เกิดคลั่งอะไรขึ้นมาอีก..นี่เข้าข่ายโรคจิตวิปริตเต็มที หรือไม่ก็"ผีเน็ท"เข้าสิงถึงขนาดเที่ยวตั้งคำถามปั่นกระทู้ที่โน่นที่นี่ สมองอย่างด๊อกเตอร์สติเฟื่องช่างกัดคนนี้ คงลืมไปว่า.. คุณเทาชมพูเป็นผู้ดูแลเวบนี้ จะเอาไอพีมา"ดู" หรือ มา"เทียบ" เมื่อไหร่ก็ได้ แถม"ตัวเป็นๆ" ก็อยู่แค่เอื้อม ระวังนะคะ วันดีคืนดี คุณลายคราม และอีกสารพัดชื่อ(ที่นับไม่หมดด้วยสองมือ)อาจได้รับแขกในที่ทำงานอย่างไม่คิดไม่ฝัน และหวังว่าคนที่มีโจทก์เยอะอย่างคุณ..คงไม่แปลกใจ ใช่ไหมคะ?
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|