พระราชกฤษฎีกาเรื่องเลือกรัชทายาท มีขึ้นในต้นรัชกาลที่ ๖ ส่วนปลายรัชกาล ก็ทรงลำดับเรื่องการสืบสันตติวงศ์โดยละเอียดอีกครั้งหนึ่ง
หาอ่านได้ที่
http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/K2798547/K2798547.htmlเรื่องรัชทายาทในต้นรัชกาล พระเจ้าอยู่หัวทรงเลือกทางสายสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ด้วยทรงวิเคราะห์ว่า
1) "...พระโอรสในสมเด็จพระบรมราชินีนาถนับว่าเป็นพระโอรสของพระอัคระมเหษีโดยแน่นอน( พูดกันตามภาษาคน ก็คือ เปนลูกเมียหลวง)"
2) เรื่องพระชัยนวโลหะ ก็อย่างที่คุณใบลานเล่าไว้ คือในสมัยรัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯพระราชทานพระชัยนวโลหะ ให้พระราชโอรสในสายสมเด็จพระเทพศิรินทราฯ ตามลำดับพระชนมายุ
ต่อมาในรัชกาลที่ 5 เมื่อพระราชทานพระชัยนวโลหะประจำรัชกาลที่ 5 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ ก็มีพระราชประสงค์ให้ตกทอดแก่พระเจ้าลูกยาเธอในสายสมเด็จพระบรมราชินีนาถตามลำดับอาวุโส
ทรงยกข้อนี้ขึ้นมาเป็นน้ำหนักเหตุผลข้อหนึ่ง
3) ในพระราชหัตถเลขารัชกาลที่ 5 ฉบับหนึ่ง แสดงพระราชประสงค์ว่าถ้าเสด็จสวรรคตเมื่อใด โปรดเกล้าฯให้เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ เป็นผู้ถวายน้ำสรงพระบรมศพและ และถวายทรงพระชฎามหากฐิน แต่ถ้าเจ้าฟ้ามหาวชิราวุธยังไม่เสด็จกลับจากยุโรป ก็โปรดเกล้าฯให้เจ้าฟ้ากรมหลวงพิษณุโลกฯเป็นผู้ถวายแทน ทั้งที่ในตอนนั้นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชพระองค์แรกก็ยังมีพระชนม์ชีพอยู่
ทั้งนี้เพราะพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ ทรงเห็นว่าเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ ไม่ค่อยจะเข้าเฝ้าและพยาบาลในเวลาพระเจ้าอยู่หัวประชวร เหมือนไม่ค่อยจงรักภักดีนีก อาจจะทอดทิ้งพระบรมศพได้ จึงทรงมอบให้เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธทรงกระทำหน้าที่แทน
เหตุผล 3 ข้อนี้จึงทำให้พระเจ้าอยู่หัวทรงตัดสินพระทัย เลือกเจ้าฟ้ากรมหลวงพิษณุโลกฯเป็นรัชทายาท แต่อย่างไรก็ตามก็ทรงมีข้อตะขิดตะขวงเรื่องพระโอรสของเจ้าฟ้ากรมหลวงพิษณุโลกฯ ที่เกิดจากหม่อมคัทธิน ว่ามิได้เป็น "อุภโตสุชาติ" คือมีตระกูลสูงทัดเทียมกันทั้งทางฝ่ายพ่อและแม่ ถึงกระนั้น ก็ทรงเห็นว่าจะป้องกันได้ลำบาก หากราชบัลลังก์ตกไปถึงเจ้าฟ้ากรมหลวงพิษณุโลกฯจริงๆในวันหนึ่งภายหน้า และมีพระประสงค์จะยกพระโอรสขึ้นเป็นรัชทายาท ก็ย่อมทรงทำได้อยู่ดี
แต่ปัญหาที่ทรงกริ่งเกรง ก็จบลงไปเมื่อเจ้าฟ้ากรมหลวงพิษณุโลกฯ ทิวงคต ในรัชกาลที่ 6 นั้นเอง