ถาวภักดิ์
|
ความที่ภาระกิจมาก จึงออกจะห่างเหินการศึกษาข้อมูลเพิ่มมาพักใหญ่ จวบจนงานหนังสือที่ผ่านมามีควมสะดวกเป็นพิเศษที่สามารถเดินทางไปด้วยรถใต้ดินเป็นครั้งแรก จึงได้หนังสือเพิ่มมาหลายเล่มค่อยๆทะยอยอ่านไปได้ 2 เล่ม คือ เล่มเกี่ยวกับท้าวอู่ทอง และเล่มที่เกี่ยวกับพระปฐมเจดีย์ ของสำนักพิมพ์มติชน(ศิลปวัฒนธรรม)
ชอบใจตรงที่คุณสุจิตต์ วงษ์เทศ แสดงจุดยืนที่ให้ความสำคัญต่อตำนานและพงศาวดารเก่าแก่ ทั้งยังแสดงการวิเคราะห์ อนุมาน สรุปอย่างเป็นระบบ และให้ความยกย่องเป็นอย่างสูงแก่ จิตร ภูมิศักดิ์ในฐานะผู้บุกเบิกการศึกษาวิจัยในแนวนี้
ที่สำคัญในหนังสือเล่มหลังซึ่งพิมพ์เป็นครั้งแรกปี 2545 อาจารย์สุจิตต์ยังให้ข้อสรุปว่าพ่อขุนผาเมืองและเชื้อสายน่าจะเป็นที่มาของพระเจ้าอู่ทองลำดับต่างๆมาจนถึงองค์ที่สร้างกรุงศรีฯ
อาจารย์เทาฯแล้วคุ้นๆไหมครับ บทความเรื่องว่าด้วยก่อนยุคกรุงศรีฯที่ผมเขียนให้ตั้งแต่แรกตั้งเว็บประมาณปี 2543 ก็มีข้อสรุปเช่นนี้
แหม ดีใจที่สามารถขี้ตรงร่องได้เหมาเจาะอะไรอย่างนี้
แต่ก็น่าเสียดาย ที่พอมาค้นหาบทความของผมดังกล่าวในเว็บ กลับไม่พบ คงถูกถอดนานแล้วกระมังครับโดยผู้ที่เห็นว่าเป็นเรื่องไร้สาระและไร้คุณค่าหรือเปล่า
ขณะค้นหาก็พบบทความเก่าของผมอีกชิ้น คือ "ธรรมะ" ที่ถูกระบุชื่อผู้เขียนเป็นอาจารย์เทาฯไปเสีย
เลยขอนำมาบ่นให้ฟัง
โดยเฉพาะถ้าบทความถูกถอดไปด้วยความเห็นที่ผมคาดเดา ก็เพียงอยากให้ผู้พิจารณาถอดลองอ่านหนังสือเล่มแรก(เกี่ยวกับท้าวอู่ทอง) โดยเฉพาะในส่วนที่อาจารย์สุจิตต์กล่าวยกย่องในความกล้าคิด สามารถแหวกกรอบเดิมๆ เพื่อประโยชน์ในความก้าวหน้าทางวิชาการอย่างแท้จริง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 1 เมื่อ 04 พ.ย. 04, 13:33
|
|
บทความนั้นคงไม่ถูกถอด แต่อาจจะหลบมุมอยู่ที่ใดที่หนึ่ง ในเว็บเรือนไทย
ส่วนการใส่ชื่อผิดก็คงเป็นความพลั้งเผลอของเวบมาสเตอร์ ต้องขออภัยด้วยค่ะ ดิฉันจะถามทีมงานให้นะคะ เผื่อยังอยู่ในฐานข้อมูลจะได้เอามาใส่ไว้ให้อ่านเจอได้ง่ายๆ |
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ถาวภักดิ์
|
ความคิดเห็นที่ 2 เมื่อ 04 พ.ย. 04, 14:53
|
|
เคยส่งสุภาษิตสอนหญิงให้ทั้งชุดด้วยนะครับ อ.เทาฯ ไม่เห็นนำออกมาใช้งาน-เผยแพร่
สุภาษิตสอนหญิงเป็นบทกวีที่ทั้งเป็นเครื่องมือส่งทอดและกระจกสะท้อนสังคม-วัฒนธรรมไทยช่วงยุคหนึ่งที่มีระยะเวลายาวนานกว่า 100 ปี จึงนับเป็นบทกวีที่มีบทบาทสูงเป็นอันดับต้นๆของยุครัตนโกสินทร์
กลับมาหาหนังสือสองเล่มที่ได้กล่าวอ้าง มีเนื้อความบทสรุปหลายๆตอนที่อ่านแล้วชวนให้นึกถึงผลงานเล่มหนาเตอะเล่มหนึ่งที่ไม่เคยเห็นนักวิชาการใดกล่าวถึง
คือ สุวัณณภูมิปกรณ์ ราชบุรีกถา ตำนานขุนไท........... ของพระราชกวี หรือหลวงปูอ่ำ แห่งวัดโสมนัสผู้ล่วงลับไปแล้ว
แน่นอนที่เนื้อความในหนังสือมิได้ถูกเขียนด้วยสำนวนและระบบที่นักวิชาการคุ้นเคย แต่มาบัดนี้ผมได้เห็นความลงตัวหลายๆอย่างระหว่างผลงานของหลวงปู่อ่ำท่าน กับเนื้อหาในหนังสือทั้งสองเล่มข้างต้น
อย่างน้อยหลวงปู่ท่านรักษาพระธรรมวินัย 227 ข้อ ที่จะโจมตีว่าท่านเจตนาแต่งเรื่องโกหก ก็เป็นการปรามาสพระเกินไป ทั้งแสดงถึงความไม่รู้พระพุทธศาสนาอย่างถ่องแท้ของผู้โจมตี
และพระพุทธศาสนา คือ ฐานรากแห่งสุวรรณภูมิ
ถ้าตั้งต้นมาความรู้ในรากฐานของสังคมวัฒนธรรมแห่งสุวรรณภูมิก็อ่อนด้อยเสียแล้ว จะสามารถวิเคราะห์วิจัยอะไรได้
เมื่อไรหนอที่คนไทยจะสิ้นปมด้อยไปจากสันดานที่ต้องอ้างฝรั่ง ต้องพูดแบบฝรั่งจึงจะเชื่อถือกัน
ดูเอาเถอะ ทฤษฎีการบริหารที่ยอมเสียเงินมหาศาลซื้อตำราฝรั่ง จ้างฝรั่ง และตะกายไปเรียนเมืองฝรั่ง มีบทสรุปคุณสมบัติยอดผู้นำที่เข้าประเด็นอยู่ข้อหนึ่ง คือ Trust your hunches แปลว่า มีศรัทธาในลางสังหรณ์(สัญชาตญาณ)ของตัวเอง
ในโลกนี้ ไม่มีที่ใดจะสามารถอธิบายแจกแจง รวมถึงแสดงวิธีที่จะได้มาซึ่งญาณรู้ต่างๆ แม้เพียงส่วนเสี้ยวเดียวที่พระพุทธศาสนาสามารถแสดงไว้มานานกว่า 2,500 ปี
แต่ถ้าพูด-เขียนเป็นบาลี อ้างอิงพระพุทธดำรัส มันไม่เท่ใช่ไหม ต้องภาษาอังกฤษ อ้างอิง Docนั่น CEOนี่ ถึงจะชื่นอกชื่นใจ
เฮ้อ ถ้าจะแก่จริงแล้ว บ่นได้บ่นดีเป็นวรรคเป็นเวร ไปดีกว่า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
จ้อ
|
ความคิดเห็นที่ 3 เมื่อ 04 พ.ย. 04, 14:56
|
|
ต้องขออภัยอย่างสูงครับผม เราไม่ได้ถอดบดความทิ้งหรอกครับ เพียงแต่ช่วงที่ผ่านมาเว็บวิชาการได้ทำการย้าย Server จากอเมริกากลับมาไว้เมืองไทย และปรับปรุงเว็บครั้งใหญ่ เลยทำให้บทความหลายๆบทความที่เก็บไว้ในเรือนไทยเอาออกมาแสดงได้ไม่ครบครับ เพราะต้องทำการเปลี่ยนรูปแบบใหม่ก่อน ทางเว็บกำลังทยอยนำบทความเก่าๆมาใส่ไว้ให้เหมือนเดิมครับผม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 4 เมื่อ 04 พ.ย. 04, 15:26
|
|
คุณจ้อคะ สุภาษิตสอนหญิงที่คุณถาวภักดิ์บอกข้างบนนี้ อยู่ไหนคะ ดิฉันไม่เคยเห็น ถ้าอยู่ในเรือนไทย ช่วยหาห้องให้อยู่ด้วยนะคะ
สุวัณณภูมิปกรณ์ ราชบุรีกถา ตำนานขุนไท ของพระราชกวี หรือหลวงปู่อ่ำ เป็นเรื่องของอะไรคะ กระเบื้องจารวัดคูบัวหรือเปล่า
คุณถาวภักดิ์ กรุณาอย่าว่าคนไทยคลุมไปหมดเลยค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ถาวภักดิ์
|
ความคิดเห็นที่ 5 เมื่อ 04 พ.ย. 04, 16:04
|
|
ไม่เป็นไรครับคุณจ้อ
ใช่ครับ อ.เทา เกี่ยวข้องกับการอ้างอิงการอ่านจารึก "กเบื้องจาร" คูบัว
ประโยคที่เป็นต้นเหตุให้ อ.เทาฯ ร้องปราม อ่านได้สองแง่นะครับ ภาษาไทยดิ้นมันดี บางทีก็คาดไม่ถึง คงเป็นเพราะเหตุจึงจึงมีการทะเลาะ ต่อยกันออกทีวีให้ดูหรือเปล่า
นึกถึงเวลาต้องเขียนเป็นภาษากฎหมาย ถ้าอ่อนซ้อมก็ต้องใช้เวลาตรวจทานหลายรอบ บางทีต้องทิ้งไว้ข้ามคืนจึงจะมองเห็นช่องโหว่
ขออภัย อ.เทา ด้วยนะครับที่ใช้สำนวนไม่สู้จะระวัง ทำให้รู้สึกระคายเคือง ด้วยเข้าร่วมเสวนามาโดยตลอดตั้งแต่เริ่มต้น นับได้ 4 ปีแล้ว ย่อมรู้สึกสนิทสนมคล้ายได้คุยกับคนรู้ใจ
ต่อไปจะเจียมจิต มิให้มิ่งมิตรต้องหมองหมาง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 6 เมื่อ 05 พ.ย. 04, 09:18
|
|
คุยต่อดีกว่าค่ะ หนังสือที่ได้มา มีอะไรน่าสนใจ น่ารู้ จนคุณถาวภักดิ์อยากจะเล่าสู่กันฟังบ้างไหม |
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ถาวภักดิ์
|
ความคิดเห็นที่ 7 เมื่อ 05 พ.ย. 04, 15:03
|
|
เนื้อหามากมายเหลือเกินครับ อ.เทา อ่านไว้นานแล้วด้วย หนาขนาดสมุดโทรศัพท์ได้ มีหลายๆเรื่องที่น่าสนใจมาก หาศึกษาได้ยาก เช่น การอธิบายที่มาและชื่อของเทพเจ้าของไทแต่โบราณ ที่เราอาจเคยได้ยินชื่อ แต่หารายละเอียดไม่ค่อยได้ เช่น ปู่กะสังย่ากะสา แม่ซื้อ นางกวัก เป็นต้น
รูปเคารพโบราณหลายๆแบบที่แต่เดิมคิดว่าเป็นพระพุทธรูปทรงเครื่อง ท่านก็ชี้ให้เห็นว่าเป็นพระบรมรูปของพระมหากษัตริย์ไทโบราณ
ในส่วนที่ดูลงตัวกับเนื้อหาในหนังสือของ อ.สุจิตต์ ที่กล่าวไว้ คือ ความรุ่งเรืองเป็นเมืองใหญ่ระดับศูนย์กลางราชอาณาจักรของบริเวณนครชัยศรี-นครปฐม และมีความเชื่อมโยงไปถึงนครศรีธรรมราช
แต่ก่อนเราจะถูกสอนให้มองหารากเหง้าแต่ทางเหนือไม่ว่าจากทฤษฎีการเคลื่อนตัวลงใต้ หรือตำนานและพงศาวดารต่างๆ
หากหลักฐานทางโบราณคดีมีปรากฏอยู่ตลอดแหลมทองย่อมแสดงถึงความเป็นปึกแผ่นของบ้านเมืองมานับพันปี
แม้ อ.สุจิตต์ มิได้ลงลึกไปถึงรายละเอียดของเผ่าพัทธุ์ที่เป็นเจ้าของชุมชน เหมือนดังในหนังสือของพระราชกวี แต่เนื้อหาที่พระราชกวีแสดงไว้ว่าอาณาบริเวณแถบนครชัยศรี-คูบัว-อู่ทอง คือที่ตั้งของอาณาจักรไทโบราณ อันเป็นที่มาของบรรพชนบุรพกษัตริย์ไทยในยุคประวัติศาสตร์ที่เราพอจะรู้จักคุ้นเคย เช่น ราชวงศ์อู่ทอง สุพรรณบุรี และสุโขทัย มีความเป็นไปได้และลงตัวกับบทสรุปจากตำนาน พงศาวดาร และหลักฐานต่างๆที่ อ.สุจิตต์หยิบยกมาแสดงในหนังสือเกี่ยวกับพระปฐมเจดีย์
แต่เดิมสอนกันแต่เพียงว่าพระเจ้าอู่ทองสร้างกรุงศรีฯ โดยย้ายหนีโรคห่า ไม่มีที่มาเหมือนเพิ่งก่อร่างสร้างตัว จึงขัดกับหลักความเป็นจริงว่าการจะสร้างกรุงและมีพระราชกรณียกิจเป็นสมเด็จพระรามาธิบดีแห่งกรุงศรีอยุธยาได้นั้น ต้องมีอะไรมากกว่านั้นมากมายนัก พระเจ้าอู่ทองต้องเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงศักดาเดชานุภาพเป็นที่น่าเกรงขามของอาณาจักรใกล้เคียงมาก่อน
ครั้นพอเริ่มหันมามองว่ามีความเป็นไปได้ที่สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 ผู้สร้างกรุงศรีฯ คือ เชื้อสายของพ่อขุนผาเมือง ตำราเดิมๆก็ไม่มีที่มาให้พ่อขุนผาเมือง ดูจะให้ภาพพ่อขุนผาเมืองที่กำลังก่อร่างสร้างตัวเช่นกัน ขัดกับร่องรอยที่รู้กันดีโดยเฉพาะการแสดงออกของผีฟ้าแห่งยโสธรปุระ ที่ทั้งทูลเกล้าถวายลูกสาวและพระขรรค์ชัยศรี ย่อมแสดงถึงพระราชอำนาจที่ไม่น่าจะเพียงเพิ่งก่อร่างสร้างตัว แต่ควรต้องมาจากความเป็นปึกแผ่นที่สืบทอดมานานหลายชั่วอายุคน ทรงพระราชเกียรติยศสูงส่งจนราชวงศ์ไศเรนทร์ที่วางตนไว้เทียบเคียงเทพเจ้าอยากเป็นสุวรรณปฐพีเดียวกัน
ก็ดูจะมีราชอาณาจักรโบราณที่มีศูนย์กลางอยู่บริเวณ คูบัว-นครชัยศรี-อู่ทอง นี่แหละที่มีร่องรอยความใหญ่โตเพียงพอ สมพระราชอิสริยยศของพระมหากษัตริยาธิราชอย่างพ่อขุนผาเมือง
นัยยะความเกี่ยวโยงไปถึงนครศรีธรรมราช หรือศรีวิชัยอันมีร่องรอยแห่งระบบกษัตริย์แบบสมมุติเทพเช่นกัน ก็ยิ่งสนับสนุนความเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงศักดาเดชานุภาพของราชอาณาจักรเก่าแก่มีความเป็นปึกแผ่นสืบแต่โบราณ ที่ผีฟ้าแห่งยโสธรปุระต้องเอาอกเอาใจ นอบน้อมยอมเป็นเมืองออก จนปรากฎคำอธิบายในชั้นหลังในรัชสมัยของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 เมื่อส่งกองทัพไปตีเขมรว่า "ขอมแปรพัตร์"
มีบันทึกของพ่อค้า-นักเดินเรือชาวอาหรับกล่าวถึงกษัตริย์เขมรผู้โง่เขลากล่าวคำท้าท้ายพระราชอำนาจของกษัตริย์แห่งศรีวิชัย ซึ่งในที่สุดก็ถูกสำเร็จโทษพระเศียรขาด ฉะนั้นที่เล่ากันว่าสมเด็จพระนเรศวรทำปฐมกรรมตัดศรีษะพระยาละแวก ก็คงเป็นการสืบทอดขนบตามบุราณราชประเพณีของไทยอย่างหนึ่งกระมัง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
จ้อ
|
ความคิดเห็นที่ 8 เมื่อ 06 พ.ย. 04, 13:49
|
|
ผมนำเอาบทความ "ว่าด้วยก่อนอยุธยา" มาลงให้เรียบร้อยแล้วนะครับ แต่ต้องกราบขออนุญาติตัดข้อความประโยคสุดท้ายออกนะครับ (เกี่ยวกับกรณีเขาพระวิหาร) เพราะผู้ไม่หวังดีในอินเตอร์เนตมีเยอะ ผมเลยคิดว่าปลอดภัยไว้ก่อนจะดีกว่าครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ถาวภักดิ์
|
ความคิดเห็นที่ 9 เมื่อ 08 พ.ย. 04, 10:14
|
|
สุดแต่ท่านบรรณาธิการเถิดครับ ที่จริงจะลงหรือไม่ลงก็เป็นสิทธิของผู้จัดทำเว็บอยู่แล้ว เนื่องจากสไตล์การเขียนของผม ตั้งอยู่บนพื้นฐานแห่งความทรงจำ เพราไม่มีเวลาไปค้น เลยต้องออกแนวต่วยตูน ที่หยอดท้ายไปก็เพราะเหตุนี้ โดยที่ขณะเขียนและส่งให้เป็นเวลาก่อนที่จะมีกรณีเผาสถานทูตไทยหลายปี และดูเหมือนจะมีรายการเกี่ยวกับคดีเขาพระวิหารด้วย จึงใส่ไว้เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศเหตุการณ์ ณ เวลานั้นด้วย
ถ้าเห็นสมควรยกออกเมื่อใดก็ยกออกได้เลยครับ โปรดอย่าเกรงใจ ถ้าเห็นว่าจะทำลายบรรยากาศทางวิชาการไป
แต่ก็อยากให้นำสุภาษิตหญิงที่เคยส่งให้ในเวลาไล่ๆกับ ซึ่งก็หลายปีมาแล้ว มาใช้งานเสียที ดังเหตุผลที่บอกไว้
ที่ผมบ่นๆข้างต้น ก็เช่นเดียวกับหลายๆครั้งที่ออกมาแสดงความเห็นครับ ด้วยเพื่อย้ำจุดยืน ให้รู้จักยกย่องคุณค่าของตำนาน พงศาวดาร หรือแม้แต่นิยายพื้นบ้าน ซึ่งที่ผ่านมาผมเห็นการแสดงออกหลายๆแห่ง ดูเหมือนจะมีแฟชั่นที่ชอบทำเป็นนักวิชาการด้วยการตำหนิโจมตีหักล้างมรดกอันหาค่าไม่ได้ทางประวัติศาสตร์-วัฒนธรรมที่บรรพบุรุษสืบทอดมาให้แต่โบราณการ
คำว่าล้าหลัง-คลั่งชาติที่ผู้มีชื่อเสียงนำมาให้ในกรณีเฉพาะ ก็ถูกเลียนแบบหยิบยกมาใช้อย่างพร่ำเพรื่อ กลับกลายเป็นแนวโน้มสร้างทัศนคติที่ผิดๆต่อความรักชาติ รักบรรพบุรษ และภูมิใจในมรดกต่างๆที่ท่านสืบทอดไว้ให้
ถ้าลูกหลานไทยไม่รู้จักรักษา ภูมิใจในมรดก และหยิ่งในเกียรติของไทยแล้ว จะหาใครเขามาช่วยรักษา หรือให้เกียรติยกย่องละหนอ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 10 เมื่อ 09 พ.ย. 04, 10:40
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|