แกงเทโพตามร้านอาหารไทยยังพอมีให้เห็น ทั้งกรุงเทพและจังหวัดต่างๆ ดิฉันลอง search ก็ได้มาหลายร้านเหมือนกัน แต่ไม่ทราบว่ารสชาติจะดัดแปลงไปจากเดิมหรือว่าคงเดิม
http://www.siamguru.com/cgi-bin/search?q=%E1%A1%A7%E0%B7%E2%BE&t=1 ถ้าใครสนใจจะทำ มีตำราของคุณหนานคำ ซึ่งเขียนคอลัมน์ "พ่อบ้านทำครัว" ในสกุลไทย ตัดตอนมาฝาก.
*****************************
เมื่อเห็น”ผักบุ้งน้ำ” ก็อยากกิน”แกงเทโพ” เมื่อก่อนเขาใช้ปลาเทโพซึ่งมีรูปร่างคล้ายปลาสวายขนาดก็พอฟัดพอเหวี่ยงกันแหละครับ แต่ตัวสั้นและกว้างกว่าปลาสวาย ที่สำคัญตรงเหนือเงี่ยงที่หัวปลาทั้งสองด้านจะมีจุดดำคล้ายปานอยู่ทุกตัวเห็นชัดเจนนำมาแกง เพราะเป็นปลาที่มีไขมันมาก โดยเฉพาะตรงพื้นท้องด้วยแล้วมีเยอะมากและแทรกอยู่ในเนื้อปลาเสียด้วยกินอร่อย แต่หาปลาแม่น้ำยาก มีแต่ปลาเลี้ยงซึ่งเนื้อเหม็นสาบโคลนคาวจัด ระยะหลังก็เลยใช้เนื้อหมูสามชั้นแกงแทน
สำหรับ“แกงเทโพ” เป็นแกงคั่วชนิดหนึ่ง วันนี้ผมซื้อ”ผักบุ้งน้ำ” มา 2 กำ ,หมูสามชั้น 1 แพ็ค เกือบ 800 กรัม แต่จะใช้แค่ครึ่งเดียว,กะทิสำเร็จรูป 1 กล่อง(ขนาด 500 ML.) เครื่องแกง-เครื่องปรุงอย่างอื่นที่บ้านมีครบ
เข้าครัวหาน้ำพริกแกงก่อนอย่างอื่น ประกอบด้วยพริกแห้งบางช้าง 7-10 เม็ด ปลิดก้าน ผ่ากลางตามความยาวของเม็ดแคะเอาเมล็ดออกให้หมด แช่น้ำให้น่าย, กระเทียมปอกเปลือกให้เกลี้ยง 5-7 กลีบ, หอมแดงปอกเปลือก 3-5 หัว,กะปิ อย่างดีครึ่งช้อนคาว,ข่า ซอยละเอียด 1 ช้อนหวาน,ผิวมะกรูด 1 องคุลี ซอยละเอียด,ตะไคร้ซอยละเอียด 1 ช้อนคาว,พริกไทย 5 เม็ด,ปลาย่างแกะเอาแต่เนื้อป่นละเอียด 1 ช้อนคาวพูนๆ หรือจะใช้ปลาอินทรีเค็มปิ้งให้หอมแกะเอาแต่เนื้อขนาดหัวแม่มือก็ได้ และ เกลือ 1 หยิบมือ
ใช้ครกโขลกเกลือ ผิวมะกรูด,ข่า เข้าด้วยกันให้ละเอียด ใส่ตะไคร้,พริกไทยโขลกต่อให้ละเอียด ใส่หอมและกระเทียมลงไปบุบพอแหลก ต่อไปให้ตักเครื่องแกงจากครกทั้งหมดไปใส่เครื่องปั่นน้ำผลไม้ สงพริกแห้งขึ้นจากน้ำด้วยมือ บีบให้สะเด็ดน้ำ หั่นหยาบๆใส่ลงในเครื่องปั่น พร้อมกับปลาป่นหรือปลาเค็ม เติมกะทิสำเร็จรูปตามลงไป 3 ทัพพี น้ำสุก 2 ทัพพี แล้วเปิดสวิตช์ปั่นให้ละเอียดเข้ากันแบบน้ำผลไม้ ได้น้ำพริกแกงแล้วพักไว้ก่อนครับ
หันกลับมาล้างหมูสามชั้นถ้ามีขนก็ขูดให้สะอาด หั่นหมูตามขวางให้ติดกันมาทั้งหนัง-มัน-เนื้อขนาดหนาครึ่งเซ็นติเมตร ส่วนผักบุ้งล้างให้สะอาดตัดโคนทิ้งเสียบ้าง ใบที่เหลืองและช้ำมากปลิดทิ้งไป หยิบผักบุ้งมาทีละ 4-5 ต้น กำทางโคนให้โผล่ออกมาสัก 2 องคุลีด้วยมือที่ไม่ถนัด ตบด้วยมือที่ถนัดเข้าหามือที่กำไว้แล้วบิดผักบุ้งที่ตบแล้วแช่น้ำ(ควรผสมน้ำยาล้างผักหรือผงฟูลงในน้ำที่แช่ผักด้วย เพราะผักบุ้งอยู่ในน้ำและไม่ทราบแหล่งที่มา) “ตบและบิด” ไปเรื่อยๆจนหมดผักบุ้ง,
ผลมะกรูด 2 ผล ล้างให้สะอาด หั่นตามขวางผลเป็น 2 ส่วน แคะเมล็ดทิ้งให้หมด, มะขามเปียก 10 ฝัก(ถ้าไม่เป็นฝักก็ประมาณ 1 กำมือ คั้นกับน้ำปลาดี 2 ช้อนคาวและน้ำสุก 1 แก้ว(หรือจะใช้น้ำมะขามเปียกแบบขวดที่มีขายก็ได้ สะดวกดี),ฉีกใบมะกรูดแช่น้ำไว้ 4-5 ใบ พร้อมที่จะเริ่มแกงกันแล้วใช่ไหมครับ
เทกะทิที่เหลือในกล่องใส่หม้อ เปิดปากกล่องให้กว้างตวงน้ำสะอาดด้วยกล่องนี้ 2 กล่อง ตั้งไฟให้เดือดเคี่ยวจนแตกมัน จากนั้นตั้งกระทะให้ร้อนโดยใช้ไฟกลาง เทน้ำพริกแกงจากเครื่องปั่นลงในกระทะผัดให้หอม ระหว่างน้ำพริกแกงยังไม่ได้ที่ ค่อยๆช้อนหน้ากะทิในหม้อที่เคี่ยวไว้โรยรอบกระทะเป็นระยะ พร้อมคนน้ำพริกแกงไปมาเพื่อไม่ให้น้ำพริกแกงไหม้ เมื่อผัดน้ำพริกแกงได้ที่ใส่เนื้อหมูสามชั้นลงไปผัด ตักกะทิที่เคี่ยวไว้จากหม้อ 5 ทัพพีใส่ลงในเครื่องปั่นที่เพิ่งเทน้ำพริกแกงออกไป เขย่าล้างให้ทั่ว เทลงในกระทะที่กำลังผัดน้ำพริกแกงกับหมูอยู่ เมื่อหมูสุกเทกะทิจากหม้อลงในกระทะทั้งหมดคนให้เข้ากัน
พอแกงเดือด ใส่ผักบุ้งที่แช่น้ำไว้ลงไป ปล่อยให้เดือดนานหน่อย คะเนว่าหมูและผักเปื่อยได้ที่ ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก,น้ำตาลปีบ,น้ำปลา,บีบน้ำมะกรูดที่ผ่าเป็นสองซีกลงในแกงทั้งสองผล เปลือกมะกรูดอย่าทิ้งนะครับใส่ตามลงไปในแกงด้วย ชิมรสดูครับ ได้ที่แล้วใส่ใบมะกรูด ตักใส่หม้อตั้งไฟให้เดือดอีกครั้ง ยกลงพร้อมเสิร์ฟ
แกงเทโพจะมีรสชาติเปรี้ยวกับหวานเท่ากัน ตามด้วยเค็มและเผ็ดเล็กน้อยเวลารับประทานแนมด้วย ไข่เค็ม หรือ ปลาสลิดเค็ม หรือ ปลาช่อนแดดเดียวทอด อร่อยจนคิดไม่ออกว่าพรุ่งนี้จะรับประทานข้าวกับอะไรจึงจะอร่อยได้เท่านี้เลยครับ
หมายเหตุ และ ที่เด็ดเคล็ดไม่ลับ
1. การ ”ตบและบิด” ผักบุ้งใช้ทั้งแกงเทโพและแกงส้ม เพราะจะทำให้ผักบุ้งอมน้ำแกงและเปื่อยเร็ว เวลาที่ผมแกงเทโพผักบุ้งหมดก่อนทุกทีเหลือแต่หมูสามชั้น จนบางครั้งต้องเติมผักบุ้ง”ตบและบิด” เพิ่มและปรุงรสใหม่
2. น้ำมะขามเปียกหากคั้นเองควรคั้นกับน้ำปลาและน้ำสะอาดอย่างที่บอก ถ้าจะให้ดียิ่งขึ้นเมื่อล้างมะขามเปียกจนสะอาดใส่ในถ้วยแล้ว ใช้น้ำร้อน(แทนน้ำสะอาด)และน้ำปลาใส่ลงไปจะทำให้คั้นง่ายมาก ส่วนน้ำมะขามเปียกสำเร็จรูปที่มีขายเปรี้ยวอย่างเดียวแต่ดีที่สะดวก เหลือใช้ก็เก็บไว้ในตู้เย็นได้