|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 18 เมื่อ 09 มิ.ย. 04, 09:35
|
|
พระยาจักรปาณีฯ นับว่าโชคดีมากที่มีกัลยาณมิตรแท้จริง คือกรมขุนศิริธัชสังกาศ ทรงยื่นมือเข้ามาช่วยในยามหน้าสิ่วหน้าขวาน ไม่มีใครอื่นช่วยเหลือได้ พอทราบเรื่อง กรมขุนศิริธัชฯก็เสด็จมาที่บ้านพระยาจักรปาณีฯทันทีกลางดึก ปลุกเจ้าของบ้านขึ้น บังคับให้เขียนหนังสือสารภาพผิด ขอพระราชทานอภัยโทษ และขอถอนหนังสือกราบถวายบังคมลาออก กรมขุนศิริธัชนำหนังสือของพระยาจักรปาณีฯ ทูลเกล้าฯถวายพระเจ้าอยู่หัวทันที ไม่ให้รอช้าข้ามวัน
ท่านผู้หญิงดุษฎี มาลากุล ธิดาของเจ้าพระยามหิธร เล่าว่าสามีของท่านคือม.ล.ปิ่น มาลากุล ได้พบหลักฐานที่เก็บไว้ในหอจดหมายเหตุ แล้วนำมาให้ท่าน ท่านบันทึกไว้เกี่ยวกับหนังสือกราบถวายบังคมลาออกจากราชการว่า " คุณพ่อเขียนหนังสือดี ไม่มีการหมิ่นพระบรมราชานุภาพแม้แต่น้อย คุณพ่อเขียนว่าการที่รับราชการอยู่ทุกวันนี้ได้ ก็ด้วยพระมหากรุณาธิคุณปกเกล้า แต่ในทางวิชาการนั้นต้องพึ่งพระปัญญาของกรมหลวงราชบุรีฯ เมื่อกรมหลวงราชบุรีฯทูลลาออก คุณพ่อก็หมดปัญญาที่จะฉลองพระเดชพระคุณต่อไป ส่วนหนังสือขอพระราชทานอภัยโทษนั้น คุณพ่อเขียนว่า ได้กระทำไปเพราะความโง่เขลาเบาปัญญา และถ้าแม้บังอาจกระทำให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท เช่นนี้อีกแล้ว ก็ขอพระราชทานถวายชีวิต"
กรมขุนศิริธัชสังกาศได้นำหนังสือของพระยาจักรปาณีฯเข้าไปทูลเกล้าฯถวาย พระเจ้าอยู่หัวก็ค่อยคลายพระพิโรธลง ข้าราชการอื่นๆอีก ๒๖ คนก็ได้ทำตามคือทำหนังสือขอพระราชทานอภัยโทษหมดทุกคน เว้นแต่คนเดียวคือขุนหลวงพระยาไกรสี ซึ่งมีหนังสือกราบบังคมทูลด้วยโวหารว่าตนมิได้เป็นผู้ผิด
บันทึกส่วนพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่พระราชทานเจ้าพระยารามราฆพ ทรงกล่าวถึงขุนหลวงพระยาไกรสีไว้ว่า
" หม่อมเจ้าจรูญศักดิ์(กฤดากร) เล่าต่อไปว่า ขุนหลวงพระยาไกรสีนั้นไม่เรียบร้อยเช่นคนอื่นๆ แสดงตนกระด้างกระเดื่อง และว่าได้มีหนังสือทูลเกล้าฯแก้ตัวไปโดยโวหารหมอความ ทำให้พระเจ้าอยู่หัวกริ้วมาก จะลงพระราชอาญาให้เป็นตัวอย่าง"
เรื่อง ๒๘ มงกุฎที่ว่านี้ ปรากฏว่าคนต้นคิดไม่ใช่พระยาจักรปาณีฯ แต่เป็นขุนหลวงพระไกรสี ท่านจึงถูกถอดจากอธิบดีผู้พิพากษาศาลคดีต่างประเทศ และเคราะห์ร้ายซ้ำสอง ถูกถอดจากบรรดาศักดิ์ เพียงคนเดียว ส่วนคนอื่นๆได้กลับเข้ารับราชการทั้งหมด แต่ก็แน่ละว่าอนาคตทางราชการไม่มั่นคงเท่าเดิม
เจ้านายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องพญาระกา ต่างก็ได้รับผลกระทบคนละอย่าง กรมหลวงราชบุรีฯกลับเข้ามากราบบังคมทูลขอพระราชทานอภัยโทษ และได้รับพระราชทานอภัยโทษ แต่โปรดเกล้าฯให้ทรงพ้นตำแหน่งเสนาบดีไปตามที่เคยกราบถวายบังคมลามาก่อน หม่อมเจ้าจรูญศักดิ์ กฤดากรขึ้นเป็นเสนาบดีกระทรวงยุติธรรมแทน
ส่วนกรมพระนราธิปฯ ทรงถูกลงโทษอย่างเจ้านาย เรียกว่าติดสนมคือต้องเข้ามาประทับในพระบรมมหาราชวังออกไปไหนไม่ได้มีกำหนด ๑ ปี มีเจ้าหน้าที่คอยดูแล แต่ว่าหม่อมและพระโอรสธิดาเจ้าไปเยี่ยมได้เป็นเวลาตามสมควร
เจ้านายพระองค์ที่สามคือกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ซึ่งมีส่วนให้กรมหลวงราชบุรีฯเข้าพระทัยผิด ถูกห้ามเข้าเฝ้าจนสิ้นรัชกาล
แต่กรมพระนราธิปฯนั้นติดสนมอยู่ไม่นาน แค่ถึงเดือนกรกฎาคม กรมหลวงราชบุรีก็ทูลเกล้าฯขอพระราชทานอภัยโทษให้ ท่านก็เลยได้พ้นโทษ กลับไปวังของท่าน
เวลาล่วงมาถึงเดือนตุลาคม ปีเดียวกัน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวก็เสด็จสวรรคต
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นิรันดร์
|
ความคิดเห็นที่ 19 เมื่อ 09 มิ.ย. 04, 09:37
|
|
ตอนผมเรียนประวัติศาสตร์ ไม่เห็นมีเรื่องสนุก ๆ เหมือนนิยายจีนกำลังภายในแบบนี้มาให้เรียนบ้างเลย มีแต่เรียนว่า ปี พ.ศ. ไหนใครยกทัพไปตีกับใคร อะไรทำนองนี้(ลืมไปเกือบหมดแล้ว) ก็เลยนั่งอ่านที่คุณเทาชมพูเล่ามาเรื่อย ๆ ครับ น่าจะมีใครเอาไปสร้างเป็นภาพยนต์ เติมสีสันต์เพื่อเพิ่มความสนุกแล้วมีประวัติจริงแจกให้อ่านด้วย แบบโหมโรง ซึ่งได้ผลดีพอสมควร เด็กไทย หันมาเล่นดนตรีไทยกันมากขึ้น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
พวงร้อย
|
ความคิดเห็นที่ 20 เมื่อ 09 มิ.ย. 04, 12:40
|
|
 เป็นเกร็ดประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจมากเลยค่ะ คุณเทาชมพู เรื่องที่ปวดหัวอยู่นั่นไม่ใช่เรื่องเด็กๆหรอกค่ะ เด็กที่บ้านไม่กล้าหือหรอก ฮ่าๆๆ คนโตๆด้วยกันนี่แหละค่ะ พอทะเลาะกันแล้วยิ่งพูดยากกว่าพูดกับเด็กอีกแน่ะค่ะ หึๆๆ
วันนี้โรงเรียนเค้ามีการแสดงประจำปี คือเด็กๆเค้าหัดดนตรีมาทั้งปี แล้วก็มาแสดงให้ผู้ปกครองชมอย่างที่มีในเมืองไทยน่ะค่ะ ดิฉันเลยไม่อยู่บ้านทั้งวัน กว่าจะกลับมาก็ค่ำมากแล้วค่ะ ขอบพระคุณ คุณเทาชมพูที่เขียนเรื่องสนุกๆเสียยาวให้อ่านได้จุใจเลยนะคะ |
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
น้าชู
อสุรผัด

ตอบ: 6
รับราชการ
|
ความคิดเห็นที่ 22 เมื่อ 09 มิ.ย. 04, 22:38
|
|
ขอเสริมที่กล่าวถึงเนติบัณฑิตรุ่นแรก 9 คนหน่อยนะครับ ขุนหลวงพระยาไกรสี (เทียม บุนนาค) จริงๆแล้วเป็นคุณตาของคุณมารุต บุนนาค ศพของท่านถูกเก็บไว้ที่วัดโดยไม่มีใครทราบเป็นเวลาถึงเเปดสิบปี เพิ่งมีการค้นพบโลงศพและสืบจนทราบว่าเป็นใคร และขอพระราชทานเพลิงเมื่อประมาณปี 2525 ในสมัยที่คุณมารุตฯเป็น รมต.ยุติธรรม ตอนนั้นผมยังเด็กๆ ยังได้อ่านข่าวนี้จากหนังสือพิมพ์ที่ลงหน้าหนึ่งอยู่หลายวันทีเดียว หลังจากท่านออกจากราชการแล้วก็ทำงานเป็นทนายความครับ ส่วนพระยาธรรมสารเวทย์วิเศษภักดี (ทองดี ธรรมศักดิ์) ก็คือบิดาของท่านอดีตประธานองคมนตรี นายสัญญา ธรรมศักดิ์นั่นเอง คนอื่นที่เหลือส่วนใหญ่ก็กลายเป็นผู้พิพากษาที่มีชื่อเสียงในเวลาต่อมาทั้งสิ้น ไม่ทราบว่าเหตุใดคุณเทาชมพูจึงสนใจเรื่องราวในวงการยุติธรรมครับเนี่ย หรือว่าทำงานอยู่ในแวดวงนี้ อย่างไรก็ดี ในฐานะผู้มีอาชีพทางกฎหมายคนหนึ่ง รู้สึกยินดีมากที่เรื่องราวเหล่านี้มีผู้สนใจ มิได้เล่ากันอยู่แต่ในหมู่นักศึกษากฎหมายเท่านั้น จาก เนติบัณฑิตสมัยที่ 48
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
ถาวภักดิ์
|
ความคิดเห็นที่ 24 เมื่อ 10 มิ.ย. 04, 13:16
|
|
พอพูดถึงนักกฎหมายไทยแบบตะวันตก ผมมักนึกถึงแต่เจ้าพระยาสุธรรมมา ต้นสกุลสุจริตกุล ผู้เป็นเนติบัณฑิตอังกฤษท่านแรกของไทย ได้ยินว่าภรรยาเอกของท่านก็เป็นลูกจีน จนมีสำนวนพูดในสกุลนี้ว่า ปู่เจ้าพระยา ตาเจ้าสัว
เรื่องราวของเสด็จกรมหลวงประจักษ์ฯก็น่าสนใจทีเดียว ในแง่ของความเป็นมนุษย์ ประวัติของพระองค์ออกจะมีสีสรรไม่น้อย เพราะแม้จะมีบทบาทในราชการ เคยทรงเป็นถึงแม่ทัพ ได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยต่างพระเนตรพระกรรณ ควบคุมดูแลชายพระราชอาณาเขตครั้งมีสถานการณ์ล่อแหลมกับฝรั่งเศส จนตั้งเมืองขึ้นเป็นจังหวัดอุดรในปัจจุบัน แต่ก็ดูจะมีเรื่องมีราว สร้างความขัดแย้งให้ปรากฎอยู่หลายประการ
เช่น ความขัดแย้งกับเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี ก็เป็นอีกมินิซีรี่ย์หนึ่งที่ยืดยาวเป็นหนังชีวิตที่ต้องดูกันนานๆ
โชคดีที่เคยเก็บเล็กผสมน้อยจากตรงนั้นนิดตรงนี้หน่อย จนพอทราบประวัติศาสตร์ซ่อนเร้นเหล่านี้บ้าง หากยังไม่มากและกระหายที่จะรู้เพิ่ม อย่างไรก็ต้องขอรบกวนท่านอาจารย์เทาชมพูเมตตาเล็คเชอร์เพิ่มให้ด้วยนะครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
CrazyHOrse
|
ความคิดเห็นที่ 25 เมื่อ 10 มิ.ย. 04, 13:33
|
|
ลงชื่ออ่านด้วยคนครับ นึกว่าแย่แล้วเชียวครับ แอบเข้ามาดูเป็นระยะๆ เหงาเหลือเกินหนอ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
|
|
|
|
|
|
|
|