เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6
  พิมพ์  
อ่าน: 43478 "ยุคกลางในยุโรป - นิทานพระเจ้าชาลมาญ"
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 45  เมื่อ 13 ม.ค. 04, 15:55

 รูปนี้คือดาบฟลัมเบิร์จอีกแบบหนึ่ง   หยักคล้ายกริช
บันทึกการเข้า
นิลกังขา
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1012

ทำงานราชการ


ความคิดเห็นที่ 46  เมื่อ 13 ม.ค. 04, 16:02

 แปลกน่าสนใจมากครับ

ตามประวัติกระเส็นกระสายที่ผมไปค้นเจอในตำนานเรื่องอื่น ดาบเล่มนี้ว่ากันว่าเคยเป็นของขุนพลใหญ่ฝ่ายสาระเซ็น ชื่อ Anthnor แต่ตกมาถึงรินัลโดได้อย่างไรไม่ปรากฏรายละเอียด จะว่าแกไปทำศึกชิงดาบมาก็หาเรื่องเล่าไม่เจอ น่าสนใจมากที่หน้าตาดาบไพล่ไปเหมือนกริชชวามลายู ซึ่งจะถือว่า - หรือเดาว่า - เป็นเพราะอิทธิพลสาระเซ็นได้รึเปล่าก็ไม่รู้ (เท่าที่ผมนึกออก ดาบนักรบอาหรับหรืออิสลามในยุคที่รบกับฝรั่งทั้งในสมัยชาลมาญและในสมัยสงครามครูเสด หลังยุคของชาลมาญ นั้น ดูเหมือนจะเป็นดาบวงโค้งที่เรียกว่า Schimitar เสียเป็นส่วนมาก กริชนั้นถ้าจะมีใช้ก็คงอยู่แถวๆ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผมไม่เคยทราบว่ามีไปถึงเมืองอาหรับด้วย แต่อาจจะไปถึงก็ได้ครับ)

แต่ด้ามดาบรูปคล้ายๆ โกร่งกระบี่ฝรั่ง?

มีคำอธิบายอีกทางหนึ่งถ้าคุณเทาชมพูกลัวว่าดาบหยักเป็นเกลียวนี้จะไม่มีคม คือว่า อาจเป็นได้ที่รอยหยักๆ นั่นเป็นฝักดาบครับ ใบดาบอยู่ข้างใน ในรูปเห็นเหมือนกับว่าชักอวดคมอยู่ส่วนหนึ่ง แต่ทั้งนี้เป็นการเดาเอาทั้งสิ้น

เรื่องโอลิเวอร์กับโรลันด์ ขอเวลาเดี๋ยวหนึ่งครับ
บันทึกการเข้า
นิลกังขา
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1012

ทำงานราชการ


ความคิดเห็นที่ 47  เมื่อ 13 ม.ค. 04, 16:16

 เมื่อผมโพสต์ความเห็นนั้นผมเพิ่งเห็นดาบโฟลแบร์จไปรูปเดียว แต่พอเห็นรูปที่สองแล้ว ยิ่งเห็นว่าเหมือนกริชมากขึ้นไปอีก และเป็นอันเห็นได้ชัดว่าใบดาบเองก็มีลักษณะเป็นคดกริช ไม่ใช่แต่ฝักดาบอย่างที่ผมเดาเมื่อเห็นรูปแรก

หน้าตาเข้าเค้าว่าอาจเป็นศิลปะแขกจริงๆ ตามที่นิทานว่าเดิมเป็นของฝ่ายสาระเซ็นครับ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 48  เมื่อ 13 ม.ค. 04, 16:32

 ดิฉันมีดาบฟลัมเบิร์จแบบที่ 3 มาให้ดูอีกค่ะ  มันจะเป็นกริชชวามลายูในสายตาฝรั่งรึเปล่าก็ไม่ทราบ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 49  เมื่อ 13 ม.ค. 04, 16:41

 ดาบวงโค้งแบบที่นักรบสาระเซ็นใช้กัน  ที่คุณนกข.เอ่ยถึงข้างบน คือแบบนี้ค่ะ
ใครเป็นแฟนหนังซินแบดคงจะได้ว่าซินแบดก็ใช้เหมือนกัน  
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 50  เมื่อ 13 ม.ค. 04, 16:46

 ดิฉันมีรูปดาบฟลัมเบิร์จ อีกรูปหนึ่งมาให้ดู
เห็นอันนี้แล้วไม่ต้องสงสัย  เรียกว่า กริช แน่ๆ
แต่อาจจะเป็นภาพในยุคหลัง ที่ฝรั่งรู้จักกริชแล้ว

กริชจัดเป็นดาบสั้นแบบหนึ่ง  น่าจะใช้เหน็บเป็นอาวุธติดตัว มากกว่าดาบยาวที่ใช้ฟัน พร้อมกับโล่

ก็ไม่รู้ว่า พ่อเจ้าประคุณรินัลโด แกใช้ดาบสั้นหรือดาบยาวในการรบ  
บันทึกการเข้า
นิลกังขา
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1012

ทำงานราชการ


ความคิดเห็นที่ 51  เมื่อ 14 ม.ค. 04, 10:54

 เรื่องโอลิเวอร์กับโรลันด์มาแล้วนะครับ
คงจำได้ว่า สมัยยังเด็กโรลันด์เป็นลูกผู้ดีตกยาก อาศัยอยู่ในถ้ำที่เมืองซูตริ กับแม่ซึ่งเคยดำรงฐานันดรศักดิ์เป็นถึงเจ้าหญิงเพราะเป็นพระน้องนางเธอของพระเจ้าชาลมาญเอง แต่ได้ทำผิดประเพณีไปลอบรักกับพ่อของโรลันด์ จนต้องหลบออกจากราชสำนักหอบหิ้วลูกชายมาอยู่ในถ้ำที่หัวเมืองบ้านนอกแห่งนี้แต่ลำพัง//

   (ส่วนอัศวินผู้เป็นพ่อของโรลันด์นั้น ออกเดินทางผจญภัยเพื่อแสวงหาเกียรติศักดิ์ต่อ แล้วเลยไม่ได้กลับมาหาสองแม่ลูกอีกเลย)//

   เมื่อเล็กๆ โรลันด์เป็นเด็กมีสง่าราศี มีพละกำลังมาก จนเด็กอื่นที่เป็นเพื่อนเล่นด้วยกันในแถบนั้นยอมลงให้เกือบหมด แม้ว่าฐานะทางบ้าน (หรือ “ทางถ้ำ”) ของโรลันด์จะยากจนกว่าเด็กอื่นๆ ก็ตาม ในบรรดาเพื่อนเหล่านั้น โรลันด์สนิทเป็นพิเศษกับเด็กอีกคนหนึ่ง คือโอลิเวอร์ (Oliver ฝรั่งเศสเรียกว่าโอลิวิเอร์ Olivier) ซึ่งมีมาดเด่นเป็นจ่าฝูงไม่แพ้โรลันด์ เพราะโอลิเวอร์ก็เป็นเด็กสกุลสูงเหมือนกัน คือเป็นลูกของเจ้าเมืองนั้นนั่นเอง//

   ต่อมาเมื่อเติบโตขึ้นเป็นหนุ่ม เพื่อนทั้งสองก็แยกย้ายกันไป โรลันด์ได้เข้ารับราชการในราชสำนักพระเจ้าลุง คือพระเจ้าชาลมาญ ดังเรื่องที่เล่ามาแล้ว และได้ออกศึกหลายครั้งในฐานะอัศวินราชสหาย//

   จนกระทั่งมาถึงราชการสงครามครั้งหนึ่ง คือเมื่อดยุกเกอแรง (Guerin de Montglave) หรือเกอริน เจ้าแห่งกรุงเวียนน์ (ชื่อเหมือนกรุงเวียนนาในออสเตรียปัจจุบันนี้ แต่ไม่แน่ใจว่าจะเป็นเมืองเดียวกันหรือไม่) ซึ่งเป็นเมืองขึ้นเมืองหนึ่งขึ้นกับพระจักรพรรดิชาลมาญ เกิดตั้งแข็งเมืองขึ้น พระเจ้าชาลมาญจึงทรงยกทัพหลวงไปปราบกบฏ โรลันด์ก็ไปทัพด้วย ทัพฝรั่งเศสตีได้ดินแดนของเจ้ากรุงเวียนน์โดยรอบจนถึงกำแพงกรุงเวียนน์ แล้วก็ยกทัพเข้าตั้งล้อมเมืองไว้//
บันทึกการเข้า
นิลกังขา
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1012

ทำงานราชการ


ความคิดเห็นที่ 52  เมื่อ 14 ม.ค. 04, 10:57

 ดยุกเกอรินแม้จะเป็นชายชาตินักรบ แต่ก็อายุมากแล้ว ต้องอาศัยกำลังบุตรชาย 4 คน กับหลานปู่ 2 คน ช่วยในการทำศึก ลูกหลานทั้ง 6 ของ ดยุกเกอรินเป็นอัศวินมีฝีมือห้าวหาญเข้มแข็งมาก//

   ทัพพระเจ้าชาลมาญล้อมกรุงเวียนน์อยู่ถึง 2 เดือนก็ยังตีไม่ได้ ก็พอดีทรงได้ข่าวว่า พระราชามาซิลิอุสแห่งสเปน (สมัยนั้นสเปนยังอยู่ใต้อำนาจพวกมัวร์อันเป็นสาระเซ็นพวกหนึ่ง ดังที่ได้เล่ามาแล้ว) ยกทัพตีเข้าไปในแดนฝรั่งเศสจนยึดได้หัวเมืองภาคใต้ของฝรั่งเศสแล้ว ไม่มีใครจะต้านทานได้ เพราะทัพหลวงฝรั่งเศสมัวมาติดศึกที่กรุงเวียนน์อยู่//

   เมื่อทรงทราบข่าวศึกสเปน พระเจ้าชาลมาญก็ทรงเรียกประชุมสภาสงครามหารือกัน นายทัพนายกองทั้งหลายก็ทูลว่า ขณะนี้ทัพหลวงกำลังรบติดพันอยู่กับกรุงเวียนน์อยู่ และฝีมือทหารกรุงเวียนน์ก็เข้มแข็ง ถ้าถอยทัพกลับจะไปต่อรบกับทัพสเปน ทัพกรุงเวียนน์ก็คงจะออกตามตี จะกลายเป็นศึก 2 ด้าน ดังนั้นควรตกลงเจรจาหาทางยุติศึกกับกรุงเวียนน์โดยไม่ต้องเปลืองชีวิตไพร่พลและเวลาดีกว่า//

   วิธียุติศึกนั้นก็คือ แจ้งไปยังกรุงเวียนน์ว่า ให้ตัดสินการรบโดยจับสลากเสี่ยงเลือกทหารเอกคนหนึ่งของแต่ละฝ่ายออกมาสู้กันตัวต่อตัว ทหารเอกฝ่ายไหนมีชัยก็ให้ถือว่า พระผู้เป็นเจ้าทรงบันดาลให้เห็นว่าทัพฝ่ายนั้นชนะ//

   พระเจ้าชาลมาญทรงโปรดให้เป็นไปตามนั้น และดยุกเกอรินเมื่อได้รับแจ้งก็เต็มใจที่จะรับคำท้า เพราะได้รบป้องกันกรุงมานาน รี้พลฝ่ายกรุงเวียนน์ก็อ่อนกำลังลงไปมากเหมือนกัน//

   การเลือกทหารเอกผู้แทนของทั้งสองฝ่ายใช้วิธีเสี่ยงทายโดยเขียนชื่อลงในหมวกเกราะจับฉลากขึ้นมา ในส่วนของกรุงเวียนน์ แม้เจ้าเมืองจะชราภาพแล้วก็ไม่ยอมละหน้าที่นักรบ จึงมีชื่อเจ็ดชื่ออยู่ในหมวกเกราะคือ ตัว ดยุกเกอรินเอง บุตรชายทั้งสี่ และหลานปู่ทั้งสอง ชื่อที่จับฉลากขึ้นมาได้จากหมวกเกราะเพื่อไปรบป้องกันศักดิ์แห่งวงศ์สกุลและมาตุภูมิ เป็นหลานปู่คนหนึ่งของดยุกเกอริน ไม่ใช่ใครอื่น คือ โอลิเวอร์นั่นเอง//

   ส่วนทางค่ายหลวงของพระเจ้าชาลมาญ ผู้แทนทัพฝรั่งเศสที่เสี่ยงทายเลือกขึ้นมาได้เพื่อไปประลองกับฝ่ายเวียนน์ ป้องกันพระบรมเดชานุภาพแห่งพระจักรพรรดิฝรั่งเศส ก็คือ อัศวินโรลันด์ ทั้งสองฝ่ายต่างไม่ทราบว่าคู่ประลองของตนเป็นใคร//

   ครั้นถึงวันนัดประลองยุทธ อัศวินทั้งสองก็แต่งกายสวมหมวกเกราะปิดหน้า เครื่องรบพร้อม ขี่ม้าไปยังสนามประลองตามที่ตกลงไว้ ซึ่งเป็นเกาะแห่งหนึ่งในแม่น้ำโรน กองทัพทั้งสองฝ่ายต่างก็เรียงรายกันอยู่คนละฝั่งแม่น้ำคอยดูการต่อสู้//

   ทั้งสองอัศวินต่างกระเหี้ยนกระหือรือที่จะเข้ารบเพื่อแสดงฝีมือ ฝ่ายหนึ่งเพื่อถิ่นฐานบ้านเมืองของตนและเพื่อเกียรติศักดิ์ของตระกูล อีกฝ่ายหนึ่งเพื่อประกอบราชการสนองพระคุณพระเจ้าจักรพรรดิของตน ไม่มีใครตระหนักว่าใบหน้าภายใต้หมวกเกราะนั้น แท้จริงคือ เพื่อนเล่นในอดีตของตนนั่นเอง//

ขยักไว้แค่นี้ก่อน โปรดติดตามตอนต่อไป.... ฮะแอ้ม-
บันทึกการเข้า
นิลกังขา
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1012

ทำงานราชการ


ความคิดเห็นที่ 53  เมื่อ 14 ม.ค. 04, 11:29

 ตามธรรมเนียมเรือนไทย ซึ่งจำเป็นต้องคุยกันเถลไถลออกนอกเรื่องบ่อยๆ ผมจะขอพักนิทานไว้ตรงนี้สักประเดี๋ยวก่อน ให้เพื่อนรักทั้งสองเตรียมตัวเข้าห้ำหั่นกันเองไปพลางๆ//

   ระหว่างนี้ ขอตั้งข้อสังเกตว่า ธรรมเนียมการตัดสินแพ้ชนะด้วยการแต่งทหารเอกออกมารบกันตัวต่อตัว โดยไม่ให้ต้องเดือดร้อนถึงกองทัพส่วนใหญ่หรือประชาชนของแต่ละฝ่ายนั้น มีมานานแล้วทั้งในโลกตะวันออกและตะวันตก ทั้งในประวัติศาสตร์และโบราณคดี จนวรรณคดีไทยเก่าๆ มีคำเรียกการประลองเช่นนี้ว่า “ธรรมยุทธ” หมายถึงการประลองอย่างเที่ยงธรรม คล้ายๆ กับที่ฝรั่งบอกว่า ผลแพ้ชนะให้พระผู้เป็นเจ้าตัดสิน//

   ธรรมยุทธอาจมิใช่เป็นการประลองฝีมือรบเสมอไปก็ได้ เช่นในเรื่องสังข์ทอง เมื่อศึกมาประชิดติดเวียงชัยของท้าวสามล ทัพข้าศึกก็แจ้งเข้าไปในเมืองว่า “มิใช่จะณรงค์สงคราม ให้พระยาสามลคนดี มาประลองตีคลีกันกลางสนาม จะได้เป็นเกียรติยศปรากฏนาม ให้ชีพราหมณ์ราชครูดูเป็นกลาง”//

   รอบแรกท้าวสามลส่งหกเขยออกไปแข่งเล่นกีฬาขี่ม้าตีคลี (ตรงกับที่สมัยนี้เรียกว่า โปโล Polo) ก่อน แล้วก็แพ้ จึงจำเป็นต้องให้เขยคนเล็กคือเจ้าเงาะ ซึ่งก็คือพระสังข์ทอง ออกตีคลี ชนะกู้บ้านเมืองไว้ได้ในที่สุด//

   ในราชาธิราช มีตอนหนึ่งที่กองทัพจีนมาล้อมเมืองพม่า และพระเจ้ากรุงจีนยื่นคำขาดให้พม่าแต่งทหารเอกคนหนึ่งออกไปต่อรบกันตัวต่อตัวกับทหารเอกจีน ชื่อกามะนี ครั้งนั้นพม่าหาคนดีมีฝีมือออกไปรบเกือบไม่ได้ จนกระทั่งมาได้สมิงพระรามทหารเอกมอญ ซึ่งถูกจับติดคุกอยู่ในเมืองพม่า รับอาสาออกรบกับกามะนี ในที่สุดสมิงพระรามชนะ ฆ่าทหารเอกจีนลงได้//

   (ไม่ต้องสงสัยว่านิทานเรื่องราชาธิราชนี้ มอญแต่ง ไม่ใช่พม่าแน่นอน)//

   การดวลกันตัวต่อตัวเพื่อศักดิ์ศรีทหารกล้าเช่นนี้ ครั้งสำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในพงศาวดารไทย ก็คือการกระทำยุทธหัตถีระหว่างสมเด็จพระนเรศวรมหาราชกับพระมหาอุปราชาของฝ่ายพม่า ซึ่งปรากฏเรื่องอยู่ทั้งในประวัติศาสตร์และวรรณคดีไทย//
บันทึกการเข้า
นิลกังขา
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1012

ทำงานราชการ


ความคิดเห็นที่ 54  เมื่อ 14 ม.ค. 04, 11:32

 เรื่องยุทธหัตถีในประวัติศาสตร์อาจจะยังเป็นที่ถกเถียงกันของนักประวัติศาสตร์บ้าง โดยเฉพาะเมื่อมีการศึกษาเทียบเคียงกับพงศาวดารพม่า (ผมได้ยินมาว่าหลักฐานฝ่ายพม่าบางแหล่งบอกว่าพระมหาอุปราชาสิ้นพระชนม์เพราะถูกปืน ไม่ได้ขาดคอช้าง) แต่ในที่นี้ผมขอเล่าตามเรื่องใน เตลงพ่าย ซึ่งถือว่าเป็นวรรณคดีก็แล้วกันครับ

ในการศึกครั้งนั้นช้างทรงของพระนเรศวรมหาราชและพระเอกาทศรถพระอนุชา พาสองพระองค์พลัดจากทัพไทยเข้าไปอยู่กลางทัพหลวงพม่า เผชิญพักตร์กับองค์จอมทัพฝ่ายพม่าเลยทีเดียว//

    ครั้งนั้นจะเรียกว่าคับขันก็ได้ เพราะหากฝ่ายพม่าจะใช้กำลังพลเข้าล้อมจับเป็นเชลย ทหารพม่าล้นหลามรอบด้านขนาดนั้น เพียงจตุลังคบาทหรือทหารประจำเท้าช้างฝ่ายไทยหยิบมือหนึ่ง ไม่มีทางที่จะต่อสู้ต้านทานได้แน่//

    แต่พระนเรศวรก็ทรงคุมพระสติได้มั่น ไสช้างทรงตรงเข้าไปหาพระมหาอุปราชา แล้วก็ตรัสเชิญชวนหรือท้าดวลตัวต่อตัวกับพระมหาอุปราชาโดยการกระทำยุทธหัตถี ซึ่งถือได้ว่าเป็นการรบอย่างไว้ฝีมือชายชาติทหารของทางตะวันออก พอๆ กับ Jousting ของอัศวินทางตะวันตก ต่างกันแต่รบบนหลังช้างมิใช่หลังม้า//

   พระมหาอุปราชทรงได้ยินคำท้าเชิญชวนให้ประลองฝีมือกันเพื่อไว้เกียรติกษัตริย์ชาตินักรบสืบไปภายหน้าเช่นนั้น ก็เกิดขัตติยะมานะ เข้าชนช้างกับพระนเรศวรกันสองพระองค์ และนายทหารเอกฝ่ายพม่าอีกผู้หนึ่งก็ไสช้างเข้าชนช้างกับพระเอกาทศรถอีกคู่หนึ่ง มิได้รับสั่งให้ทหารพม่าเข้าล้อมจับพระนเรศวร และผลการกระทำยุทธหัตถีครั้งนั้น เราก็ทราบกันดีอยู่แล้ว//
บันทึกการเข้า
ถาวภักดิ์
พาลี
****
ตอบ: 240


ความคิดเห็นที่ 55  เมื่อ 14 ม.ค. 04, 12:50

 เย้ คุณหลวงนิลพาเข้าแพร่งโปรดอีกแล้ว โดดตามน้ำซะเลย

ผมมั่นใจว่ายุทธหัตถีเกิดขึ้นจริง เพราะมีหลักฐานยืนยันทั้งทางโลกและทางธรรมอย่างคล้องจองกัน

พงศาวดารได้กล่าวถึงสมเด็จพระพนรัตน์วัดป่าแก้วมายับยั้งขอบิณฑบาตรโทษตายของเหล่าแม่ทัพนายกองที่ตามเสด็จในราชการทัพครั้งนั้นไม่ทัน  โดยกล่าวอ้างเปรียบเทียบเหตุการณ์ก่อนที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะบรรลุพระโพธิญาณ ที่ต้องเผชิญกับกองทัพมหาศาลพระยามาราธิราชและเหล่าเสนามารอย่างโดดเดี่ยวเพียงลำพังพระองค์เดียวและทรงบรรลุมงคลชัยอันยิ่งใหญ่ เพื่อให้โลกได้เป็นพยานรู้เห็นเป็นอัศจรรย์ในพระบรมเดชานุภาพแห่งบารมีทั้ง 30 ทัศ  ด้วยสำนวนภาษาอันงดงามจับใจ  ในขณะที่บทต้นของพระคาถาพาหุฯแปดบทก็กล่าวถึงพระมหาชัยมงคลอันยิ่งใหญ่นี้ และทั้งพระคาถาก็ถูกรจนาเป็นบาลีคำฉันท์อย่างสละสลวยงดงามไม่แพ้กัน  เชื่อกันว่าพระคาถาพาหุฯนี้ถูกรจนาขึ้นโดยสมเด็จพระพนรัตน์ถวายเป็นมงคลชัยแด่สมเด็จพระนเรศวรเป็นการเฉพาะ

ยิ่งไปกว่านั้นสำนวนที่ใช้ลงท้ายพระคาถาว่า ชย มงฺคลานิ ก็ยังพ้องกับชื่อวัดใหญ่ชัยมงคลที่ถูกสร้างขึ้นดังเป็นอนุสาวรีย์แห่งชัยชนะของมหายุทธครั้งนั้น

หลักฐานทางประวัติศาสตร์อีกประการหนึ่งที่แสดงถึงความเก่าแก่ของพระคาถาพาหุฯ คือการที่เหล่าพระสงฆ์ลังกา สยามวงศ์ล้วนรู้จักและสามารถสวดพระคาถาได้อย่างคล่องปาก แสดงถึงความเก่าแก่ของการสืบทอดพระคาถาที่สามารถนับย้อนไปได้ก่อนยุคเจ้าคุณพระอุบาลีเป็นเวลานานจนพระคาถาเป็นที่นิยมแพร่หลายแล้วในยุคดังกล่าว  จนถูกนำสอนเป็นศาสนพิธีของสยามวงศ์

อย่างเป็นทางการมานานแล้วที่ราชการไทยยอมรับว่ายุทธหัตถีเกิดขึ้นจริง และประกาศเอาวันที่พระมหาอุปราชแห่งหงสาวดีขาดคอช้างนั่นแหละเป็นวันกองทัพไทยเรื่อยมาจนทุกวันนี้  ขำพวกผู้ช่วยทูตทหารของพม่าที่ต้องเข้าร่วมงานฉลองวันกองทัพไทย ณ สถานทูตไทยในประเทศต่างๆอยู่ทุกปี เมื่อรู้ความจริงว่าต้องชูแก้วดื่มฉลองให้กับการตายและพ่ายแพ้อย่างยับเยินของอดีตรัชทายาทของประเทศตัวเอง  ถึงกับกลืนไม่เข้าคายไม่ออก  ต้องรวมหัวกันแก้ประวัติศาสตร์ว่าถูกปืนตายเอง ไม่งั้นกลืนเหล้าในวันกองทัพไทยไม่ค่อยลง

ไหนๆก็เข้าแพร่ง เข้าซอยมาไกลแล้ว  เลี้ยวไปต่อด้วยดาบฟ้าฟื้นซะเลย ดีไหมครับคุณหลวง  จะได้เข้าบรรยากาศชายชาติทหารแห่งกรุงศรีฯ

ถ้าพระฤาษีจะให้พร  ก็ต้องเลือกเป็นลูกพระพายละครับ  ท่านเจ้าเมืองขีดขินคนแรกท่านอายุสั้นไปหน่อย  เพิ่งได้เมีย(ชู้)คนเดียวก็ซี้ซะแล้ว  แถมชาวบ้านยังนินทาว่าเมียท่านพิการมีนมโตข้างเดียวอีก  สู้ลูกพระพายไม่ได้ มีเมียเพียบเลย ถูกใจโก๋มาก อิ อิ
บันทึกการเข้า
นิลกังขา
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1012

ทำงานราชการ


ความคิดเห็นที่ 56  เมื่อ 14 ม.ค. 04, 12:58

 ขอบคุณผู้อาวุโสถาวภักดิ์ครับ

เรื่องยุทธหัตถียังคุยได้อีกยาวครับ แต่เมื่อผมได้ทิ้งให้โรลันด์กับโอลิเวอร์ยืนม้าคอยจะรบกันอยู่บนเกาะกลางน้ำนานป่านนี้แล้ว ก็จะขอออกจากเมืองไทยสมัยกรุงศรีอยุธยา ย้อนกลับไปยัง ยุโรปสมัยชาลมาญต่อไป (แล้วเดี๋ยวค่อยไุถลกลับมาคุยเรื่องกรุงศรีฯ ต่อ)  

    พอได้รับสัญญาณ อัศวินทั้งสองก็กุมหอกกระตุ้นม้าโผนเข้าหากันตามแบบ joust ทันที หอกทั้งสองเล่มปะทะกันโดยแรงหักสะบั้นลงไปพร้อมกันทั้งคู่ แต่คนขี่ก็เลี้ยงตัวอยู่ได้ ไม่ตกม้าทั้งสองคน ทั้งสองจึงกระโดดลงจากหลังม้าคู่ขา ชักดาบโจนเข้าสู้กันอีก ต่างก็เชี่ยวชาญเชิงดาบมีฝีมือเสมอกัน//

     อัศวินทั้งสองต่อยุทธแย้งแทงฟันกันอยู่นานกว่า 2 ชั่วโมงก็ยังไม่เห็นผลแพ้ชนะกัน ยังไม่มีฝ่ายไหนมีท่าว่าจะหย่อนกำลัง และไม่มีใครเพลี่ยงพล้ำในเชิงฝีมือแก่กัน มีครั้งหนึ่งโรลันด์ได้ช่อง ก็แทงเต็มแรงด้วยดาบดูรินดานา โอลิเวอร์ยกโล่ขึ้นรับไว้ทัน และถือโอกาสขณะนั้นฟันกลางตัวโรลันด์เต็มเหนี่ยว//

   ดาบดูรินดานาของโรลันด์คมกล้ายิ่งนัก ผ่าฝานลึกเข้าไปในโล่ของโอลิเวอร์ติดตรึงแน่นจนชักไม่ออก  ส่วนดาบของโอลิเวอร์นั้นไม่ได้เป็นดาบวิเศษเหมือนของโรลันด์ เมื่อโรลันด์เอี้ยวหลบเอาเกราะอกเข้ากระแทกปะทะคมดาบ ดาบก็หัก จึงเป็นอันว่าทั้งสองฝ่ายสิ้นอาวุธหรือใช้อาวุธไม่ได้ลงไปพร้อมกัน แต่ก็ยังเอาชนะแก่กันไม่ได้//

    สองคนทิ้งโล่ โดดเข้าชิงชัยในเชิงมวยปล้ำบ้าง แต่การต่อสู้ด้วยมือเปล่าในขณะที่แต่งเครื่องใส่เกราะอยู่นั้นทำอะไรกันไม่ได้ ทั้งสองจึงปล้ำถอดหมวกเกราะของคู่ต่อสู้ เพื่อที่จะทำร้ายกันที่หัว ที่หน้า หรือที่คอได้ต่อไป//

   หมวกเกราะของแต่ละฝ่ายถูกอีกฝ่ายหนึ่งกระชากหลุดออกได้พร้อมกัน ทันใดนั้นต่างก็เห็นหน้าคู่รบที่ได้ตะลุมบอนกันมาตลอดเวลาหลายชั่วโมง ต่างจำกันได้ก็หยุดตะลึงด้วยกันทั้งคู่//

   อีกอึดใจหนึ่งโรลันด์ก็ตะโกนขึ้นว่า “ข้าแพ้แล้ว” โอลิเวอร์ก็ร้องขึ้นพร้อมกันว่า “ข้าเป็นฝ่ายแพ้” แล้วก็เข้าสวมกอดกันแน่น//

   ทหารสองฝ่ายที่เฝ้าดูการประลองอย่างตื่นเต้นมาตลอดตอนนี้ชักจะงงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น เห็นอัศวินทั้งสองคนจูงมือกัน ต่างคนต่างร้องประกาศว่าตนเป็นฝ่ายแพ้ เป็นอันแน่ใจได้อย่างหนึ่งสำหรับคนดู (แม้จะยังงงๆ อยู่) ว่า การต่อสู้ได้จบลงแล้ว แม้จะไม่รู้แน่ว่าจบลงยังไงก็ตาม//

   อัศวินอื่นๆ ทั้งสองฝ่ายต่างข้ามน้ำเข้าไปที่เกาะ ห้อมล้อมเข้าไปสรรเสริญว่า อัศวินทั้งสองได้ต่อสู้กันอย่างกล้าหาญและสุดฝีมือทัดเทียมกัน ไม่มีใครแพ้ชนะ ต่างก็เห็นพ้องว่าต้องนับว่าการต่อสู้ครั้งนี้เสมอกัน//

   ถึงแม้อาจจะมีคนเห็นเป็นอย่างอื่นบ้าง ก็ไม่มีใครกล้าคัดค้านเมื่ออัศวินโอเกียร์ชาวเดนมาร์กลุกขึ้นประกาศว่า โรลันด์กับโอลิเวอร์ฝีมือดีเท่ากัน ถือว่าสู้เสมอกัน ใครไม่เห็นด้วยกับคำตัดสินของโอเกียร์นี้ก็จงมาสู้กันตัวต่อตัวกับโอเกียร์เถิด ในเมื่อไม่มีใครโต้แย้งก็เป็นอันว่าตัดสินไปตามนั้น//

   หลังจากนั้นกองทัพทั้งสองฝ่ายก็ตกลงสงบศึกชั่วคราวกัน 4 วัน ในระหว่างสี่วันนั้น ท้าวเนมหรือนาโมทางฝ่ายชาลมาญ และโอลิเวอร์ทางฝ่ายเกอรินก็ทำหน้าที่เป็นทูตสันติภาพ ช่วยกันเจรจาว่ากล่าวให้ทั้งสองเมืองกลับสมานไมตรีกัน โดยที่สามารถชี้ได้เต็มปากว่า ถ้าจะถือตามผลการรบระหว่างสองทหารเอก ก็คงจะไม่ใช่พระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าที่จะให้กองทัพทั้งสองชิงชัยกันต่อไปเป็นแน่//

   พระเจ้าชาลมาญและดยุกเกอรินต่างก็เห็นชอบ สงครามครั้งนั้นจึงเป็นอันเลิกแล้วต่อกันไป พระเจ้าชาลมาญก็รับสั่งให้ทัพฝรั่งเศสเคลื่อนพลกลับไปรบทัพสเปน ทัพกรุงเวียนน์รวมทั้งดยุกเกอรินและลูกหลาน ก็เข้าร่วมกับทัพฝรั่งเศสตามเสด็จไปช่วยรบกับทัพพระเจ้ามาซิลิอุสด้วย เจ้ากรุงสเปนพอทราบข่าวก็รีบยกทัพถอยหนีกลับไป//   

   เรื่องนี้เห็นจะพอเรียกแบบไทยๆ ได้ว่า ศึก “เกือบพิฆาตเพื่อนรักจวนตักษัย” ยังดีที่รู้ตัวกันก่อนเลยไม่ทันได้ฆ่ากันเอง//
บันทึกการเข้า
บัวดิน
แขกเรือน
อสุรผัด
*
ตอบ: 18

แม่บ้าน


ความคิดเห็นที่ 57  เมื่อ 14 ม.ค. 04, 18:26

 กำลังอ่านอย่างเมามัน  แต่ว่าแหม...ต้องขอถามหน่อยนะคะคุณนิลกังขา  ว่า...ในเมื่อดาบของโรลันด์นั้นเป็นดาบวิเศษ  ทำไมถึงดึงออกจากเกราะของโอลิวิเอร์ไม่ได้ล่ะค่ะ? ขนาดดาบวิเศษอย่าง Excalibur ที่สร้างความฮือฮามาในกระทู้ก่อนๆ นั่น  ยังสามารถปักเข้าไปในหิน  แล้วก็ดึงออกมาได้ อันนี้เป็นแค่เสื้อเกราะเอง... แต่ไม่แน่ใจว่าเสือเกราะแต่ก่อนนั้นมันหนาบางแค่ไหน  ช่วยอธิบายหน่อยนะคะ

อ้อ...อีกอย่างหนึ่ง  การต่อสู้สมัยก่อนเขามีโล่ห์ป้องกันในมืออีกข้างหนึ่งด้วยใช่ไหมค่ะ  อยากให้เล่าเรื่องโลห์หน่อยค่ะ  ว่ามันมีความสำคัญมากน้อยแค่ไหน  จำได้เลาๆ ว่าโลห์ของแต่ละตระกูลใน British Isles นั้นจะมีตราประจำตรกูลด้วยใช่หรือเปล่าคะ? ของนักรบประเทศอื่นๆ มีหรือเปล่าคะ?  

กรุณาช่วยเคาะสนิมในหัวดิฉันออกด้วยค่ะ  เคาะเองมันไม่ถนัด !
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 58  เมื่อ 15 ม.ค. 04, 10:02

 ระหว่างรอคุณนกข.เข้ามาตอบ  ดิฉันก็ขอคั่นโปรแกรมด้วยภาพโล่ชนิดต่างๆ( สะกดว่า โล่  ไม่มี ห์ )ค่ะ
โล่ เมื่อก่อนใช้คู่กับดาบ    ฝรั่งและไทยมีเหมือนกัน   ดาบเอาไว้ฟัน  โล่เอาไว้ยกรับ ป้องกันอาวุธ ตอนอีกฝ่ายฟันตอบมา
ของไทยเรามีโล่ชนิดต่างๆเรียกว่า ดั้ง และเขน  
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 59  เมื่อ 15 ม.ค. 04, 11:08


นี่ก็โล่ที่กลายไปเป็นตรา เสียแล้ว
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.126 วินาที กับ 19 คำสั่ง