เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 7
  พิมพ์  
อ่าน: 121593 เจ้าวังปารุสก์
paganini
องคต
*****
ตอบ: 406

ทำงาน


ความคิดเห็นที่ 30  เมื่อ 17 พ.ย. 03, 21:37

 คุณครูเทาชมพูครับ  มีคำถาม
1. ผมจำได้ว่าหลายปีมาแล้วตอนที่เขาโปรโมทเกี่ยวกับเจ้าดาราทองนี่ มี  ม.ร.ว. นริศรา ออกมาให้สัมภาษณ์ด้วยใช่ท่านรึเปล่าที่ผมทองเป็นฝรั่งเลย แต่พูดไทยชัดแจ๋ว แต่เมื่อไม่กี่ปีมานี่ท่านยังอายุสัก 20-30 อืมม  แต่ท่านเป้นพระธิดาองค์จุลฯเลยเหรอครับ
อายุห่างกันมากเลยนะครับ แค่สงสัยครับ

2. ทำไมโรงอาหารที่จุฬาถึงได้ชื่อว่าตึกจุลจักรพงษ์ครับ เกี่ยวข้องยังไงกับท่านเจ้าของนามครับ


ขอเป็นฝ่ายค้านคุณทองรักนิดนึงตรงที่ว่าหม่อม Katja เป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งใจเด็ดเพราะกล้าตามสามีมาในที่ๆไม่รู้จัก
อืม  .... อาจจะถูกถ้า...ถ้าผู้สามีเป็นชายธรรมดา
แต่นี่เป็นถึงเจ้าชายแห่งราชอาณาจักรไทย   ไม่ว่าสาวจะเข้มแข็งรึอ่อนแอเท่าไหร่เขาก็อยากจะมากันทั้งนั้นแหละคู้นนนนน
อิอิอิ  ล้อเล่นนิดหน่อยนะ ผมจอมเสียดสีอยู่แล้ว
ถ้า สิ่งที่แสดงให้เห็นว่าหม่อม Katja or Katya เป็นผู้เข้มแข็งเด็ดเดี่ยวละก็คงเป็นอย่างหลังที่คุณทองรักว่ามามากกว่าครับ
บันทึกการเข้า
นิลกังขา
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1012

ทำงานราชการ


ความคิดเห็นที่ 31  เมื่อ 18 พ.ย. 03, 08:30

 ขอแย้งครับ ถือว่าเราโต้กันสนุกๆ

สยามในสมัยโน้น ในสายตาของชาวจักรวรรดิยุโรปที่ยิ่งใหญ่อย่างรัสเซีย เป็นไปได้ว่าจะมองเมืองเราเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนเล็กๆ อยู่ไหนก็ไม่รู้ ถ้าคุณเป็นสาวรัสเซียหรือสาวฝรั่งชาติอื่นสมัยนั้น ต่อให้มีเจ้าชายสยามมาขอแต่งงานด้วย เจ้าชายก็เจ้าชายเถอะ แต่มาจากเมืองอะไรก็ไม่รู้ ไม่ใช่เจ้าชายเมืองอังกฤษนี่ คุณยังยอมตามไปได้ก็ต้องนับว่าใจเด็ดเอาการ นึกเล่นๆ ว่าสาวไทยปัจจุบันถ้ามีลูกชายหัวหน้าเผ่าในแอฟริกามาชอบ แล้วเธอยอมรับรักยอมตามไปผจญชีวิตใหม่ในแอฟริกา ต่อให้ได้เป็นลูกสะใภ้หัวหน้าเผ่าด้วย ก็ยังต้องนับถือว่าเธอใจกล้ารักผจญภัยเอาการทีเดียว

ตึกจักรพงษ์หลังหอนาฬิกาเล็ก หน้าสระว่ายน้ำจุฬาฯ เคยเป็นที่ทำการสโมสรนิสิตจุฬาฯ (สจม. ซึ่งต่อมา สมัยผม เรียกใหม่ว่า อบจ. - องค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาฯ) ผมไม่ทราบชัดว่าทำไม แต่เข้าใจว่าเจ้าฟ้าจักรพงษ์เคยทรงมีพระประวัติเกี่ยวข้องกับโรงเรียนข้าราชการพลเรือน (หรือที่มาเป็นจุฬาฯ) อยู่

ส่วนตึกจุลจักรพงษ์นั้นเห็นจะสร้่างใหม่สมัยหลังผมจบแล้ว จึงนึกไม่ออก ใช่ตึกที่เป็นโีีรงอาหารหลังศาลาพระเกี้ยวหรือเปล่าครับ ถ้าใช่ก็อาจจะเกี่ยวๆ กับตึกจักรพงษ์เดิมอยู่บ้าง คือตอนหลังตึกจักรฯ กลายเป็นพิพิธภัณฑ์จุฬาไปแล้ว เขาก็ย้ายชมรมกิจกรรมนิสิตทั้งหลายทั้งปวงมาอยู่ที่ตึกใหม่หลังศาลาพระเกี้ยวหมด รวมทั้งที่ทำการ สจม. ในเมื่อสโมสรนิสิตเดิมอยู่ตึกชื่อจักรพงษ์ สโมสรนิสิตใหม่ย้ายมาที่ใหม่ ก็ควรได้ชื่อตามลูกท่าน อย่างนั้นหรือเปล่าไม่ทราบ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 32  เมื่อ 18 พ.ย. 03, 09:03

 ขอตอบคุณ paganini เรื่องตึกจักรพงษ์ก่อนนะคะ   มีประวัติอยู่ในเว็บของจุฬา

ลอกมาให้อ่านกันที่นี่เลย

ในสมัยเมื่อจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยยังเป็นโรงเรียนมหาดเล็กนั้น บรรดานักเรียนได้ขอก่อตั้ง "สมาคมนักเรียนโรงเรียนมหาดเล็ก" ขึ้นเพื่อจัดกิจกรรมต่างๆ นักเรียนได้รับอนุญาตให้ก่อตั้งสมาคมได้และได้รับการสนับสนุนให้ปกครองกันเอง เรียนรู้ที่จะทำงานร่วมกับผู้อื่น จัดกิจกรรมด้านสันทนาการและด้านความเป็นผู้นำ
เมื่อโรงเรียนมหาดเล็กเปลี่ยนเป็นโรงเรียนข้าราชการ พลเรือนฯ สมาคมของนักเรียนก็ยังคงอยู่ภายใต้ชื่อว่า "สโมสรนักเรียนโรงเรียนข้าราชการ พลเรือนฯ"
และเมื่อจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้รับการสถาปนาขึ้น สโมสรนี้ก็กลายมาเป็น "สโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย"

  ที่ทำการของสโมสรนิสิตมีอยู่ ๒ แห่ง แห่งหนึ่งอยู่ปทุมวันซึ่งเป็นศูนย์กลางสำหรับนิสิตทุกคน อีกแห่งหนึ่งอยู่ที่ศิริราชสำหรับนิสิตแพทย์

ในปี พ.ศ.๒๔๖๕ มหาวิทยาลัยได้ปรับปรุงการบริหารงานของสโมสรนิสิตให้ดีขึ้น โดยสโมสรนิสิตประกอบด้วยนายกสโมสร ประธานฝ่ายและประธานชมรมต่างๆ และคณะกรรมการกลางที่ประกอบด้วยผู้แทนจากคณะต่างๆ
ในตอนแรกสโมสรนิสิตยังไม่มีตึกที่ทำการของตนเองและใช้ปีกหนึ่งของหอพักเป็นสถานที่ทำการ ต่อมาได้ย้ายไปอยู่ที่บ้านไม้สองชั้นใกล้กับหอพัก
ในปีพ.ศ.๒๔๗๕ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ได้ทรงรับพระราชดำริของสมเด็จพระบรมราชชนก เกี่ยวกับการสนับสนุนกิจกรรมของสโมสรนิสิต

พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ได้ประทานทุนทรัพย์ส่วนพระองค์เป็นเงินสองหมื่นบาทเพื่อสร้างตึกที่ทำการของสโมสรนิสิตและเพื่อเฉลิมพระเกียรติ แด่เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานารถ ผู้ทรงมีพระดำริเกี่ยวกับการบริหาร ปกครองโดยนิสิตด้วยกันเอง

ตึกจักรพงษ์ ปัจจุบันคือหอประวัติ ของจุฬาฯ ค่ะ
บันทึกการเข้า
จ้อ
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1081

แต่งงานแล้วจ้า ...


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 33  เมื่อ 18 พ.ย. 03, 09:58

โอ้โห ... ภาพข้างบนนี่เก่ามากเลยครับ เดาไม่ถูกว่าถ่ายไว้ตั้งแต่สมัยไหน สระนำจุฬาก็ยังไม่มี ผมเดาว่าน่าจะซัก 40 ปีมาแล้ว ปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปมากเลยครับ

ตึกรูปทรงสี่เหลี่ยมสีขาวที่เห็นอยู่ด้านหลังของตึกจักรพงษ์ในภาพนั้น ปัจจุบันคือตึกฟิสิกส์ 1 ซึ่งเมื่อก่อนใช้เป็นตึกเรียนรวมของคณะวิทยาศาสตร์ครับ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 34  เมื่อ 18 พ.ย. 03, 10:14

 ภาพนี้ถ่ายเมื่อพ.ศ. 2475 ค่ะ  ตอนนั้นคุณจ้อยังเป็นวุ้นอยู่ที่ไหนก็ไม่ทราบ

คุณทองรักถามถึงม.ร.ว. นริศรา   ก็คงตอบได้บ้างเล็กๆน้อยๆตามนี้ค่ะ

-คุณหญิงนริศรา  เกิดเมื่อ พ.ศ. 2499   สิบแปดปีหลังการเสกสมรส
-ชื่อของเธอได้มาจากพระนามทรงกรมของเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์   ต้นราชสกุล "จิตรพงศ์"  ซึ่งเป็นผู้ที่พระองค์จุลฯทรงเคารพรักและเลื่อมใสในฝีพระหัตถ์ด้านศิลปะ

- เลือดยุโรปที่ปนอยู่ในตัวถึง 3/4 ทำให้คุณหญิงเป็นสมาชิกราชตระกูลคนเดียวที่ผมทอง หน้าตาเป็นฝรั่งแท้

- เมื่อคุณหญิงอายุได้ 7 ขวบ  พระองค์จุลฯก็สิ้นพระชนม์ด้วยโรคมะเร็ง พระชนม์แค่ 55 ชันษา
หลังจากนั้น หม่อมลิสบาก็จากไปอีกคนด้วยโรคมะเร็งเช่นกัน

- ตอนที่คุณหญิงอายุได้ 2 ขวบ  เธอได้เดินทางไปเยี่ยมหม่อมย่าที่ฝรั่งเศส    ตอนนั้นแคทยาเริ่มป่วยด้วยโรคหอบหืด   จะมาหาหลานที่อังกฤษ อากาศชื้นก็ไม่เป็นใจ   ในที่สุดก็จากไปเมื่อคุณหญิงอายุได้ 4 ขวบ

- คุณหญิงเคยมีพี่เลี้ยงสาวสวยคนหนึ่ง เป็นลูกผู้ดีไทย อยู่กับเธอที่อังกฤษ  ต่อมาเธอผู้นั้นเดินทางมาประกวดนางสาวไทย  ได้ตำแหน่งนางสาวไทยและรองนางงามจักรวาลอันดับ 2 เธอชื่อจีรนันท์ เศวตนันทน์

- คุณหญิงนริศรา สมรสครั้งแรกกับมิสเตอร์อัลเลน เลวี่ มีบุตรชายชื่อฮิวโก หรือจุลจักร  
ครั้งที่สองกับคุณกอสวัสดิ์  สวัสดิ  มีบุตรชายชื่อภูวสวัสดิ์
บุตรชายทั้งสองใช้นามสกุลของเสด็จตา คือจักรพงษ์  แต่เนื่องจากบิดาไม่ใช่สายราชตระกูลโดยตรง  จึงไม่มีคำว่า ณ อยุธยาต่อท้ายนามสกุล "จักรพงษ์"

-คุณหญิงนริศราไปๆมาๆ ระหว่างอังกฤษและไทย  มีที่พำนักทั้งสองแห่ง    เธอได้รับการอบรมให้รู้จักวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณีไทยอย่างดีเยี่ยม    พูดไทยชัด ใช้ราชาศัพท์คล่องแคล่ว    ส่วนภาษาอังกฤษก็พูดได้อย่างผู้ดีมีการศึกษาชาวอังกฤษ

-ไม่กี่ปีมานี้  คุณหญิงนริศราก็เคยนำรถแข่งอีกคันหนึ่งของพระองค์พีระฯมาโชว์ไว้ในไทย    ตอนนั้นจำได้ว่าบิิ๊กจิ๋ว พลเอกชวลิตเป็นนายกฯ ท่านก็ร่วมมือสนับสนุนอย่างดี    
คุณป้าของบิ๊กจิ๋ว คือหม่อมเล็ก ยงใจยุทธ เป็นหม่อมแม่ของพระองค์พีระ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 35  เมื่อ 18 พ.ย. 03, 11:21

 ภาพที่เห็นนี้คือ วังจักรพงษ์
สมเด็จฯ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ ทรงสร้างขึ้นในช่วงปี พ.ศ. 2411-พ.ศ.2453 ออกแบบโดยสถาปนิกชาวอังกฤษ ชื่อ เอ็ดเวิร์ด ฮีย์ลีย์ (Edward Heyly) เป็นอาคารใหญ่มีหอคอยสูง ตามแบบสถาปัตยกรรมที่เป็นที่นิยมใน อังกฤษ ในยุคนั้น
อยู่ริมน้ำเจ้าพระยา  

วังนี้เคยเป็นที่อยู่ของหม่อมเจ้าหญิงชวลิตโอภาส มาก่อนที่จะย้ายเข้าไปอยู่ในวังปารุสก์
เมื่อพระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ เสด็จกลับมายังประเทศไทย ก็ประทับอยู่ ณ วังนี้
ปัจจุบันเป็นของม.ร.ว. นริศรา  
บันทึกการเข้า
พวงร้อย
สุครีพ
******
ตอบ: 904


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 36  เมื่อ 18 พ.ย. 03, 14:08

 เมื่อคืนเข้ามาอ่านแต่ไม่มีโอกาสนั่งคุยด้วย  วันนี้ก็ออกไปทั้งวันเลย  เพิ่งจะมีเวลาแจมด้วยน่ะค่ะ  เห็นความเห็นของคุณ paganini ก็นึกว่าจะขอมาคุยต่อในประเด็นนั้นสักหน่อย  แต่มาเห็นความเห็นของคุณนิลกังขาแล้วชอบมากค่ะ  ตอบได้ตรงใจ  แต่ออกความเห็นได้นิ่มสลวยสวยเก๋กว่าที่ดิฉันซึ่งเป็นผู้หญิงแท้ๆจะสามารถมาตอบได้  ขอขอบคุณจากใจด้วยค่ะ  และก็นับว่า  เป็นโชคดีของคุณ paganini ไป ฮ่าๆๆ  ล้อเล่นน่ะค่ะ

ขอเพิ่มเติมอีกสักหน่อยนะคะ  นอกจากที่จะเห็นด้วยกับคุณ นกข.ในแง่สายตาของชาวยุโรปที่มีต่อเมืองไทยในสมัยนั้นแล้ว  ก็ยังมีอีกประเด็นที่ว่า  สิ่งที่ผู้หญิงจะเห็นเป็นประเด็นสำคัญประเด็นแรกที่จะเลือกคู่ครอง  ก็มิได้เหมือนกันไปหมดทุกคนไปหรอกค่ะ  ยิ่งในสังคมตะวันตก  แม้จะเป็นสมัยนานมาแล้ว  อย่างน้อยๆ  ก็ยังมีผู้หญิงที่ไม่ต้องพึ่งพาอาศัยให้สามีหามาเลี้ยงเสมอไปหรอกมังคะ  แคทยาเอง ก็เป็นบุตรีเจ้าของที่ดิน  ซึ่งก็ไม่คิดว่าจะอัตคัตขัดสนจนขนาดต้องหาสามีมาเลี้ยง  ยิ่งดูจากความแกร่งของเธอแล้ว  เรื่องต้องตกยากดูจะไม่ใช่เรื่องที่เธอจะเดือดร้อนอะไรด้วยมากหนัก  หญิงชาวตะวันตกยังมีโอกาสทางสังคมมากมายกว่าหญิงเอเชียร่วมสมัย  ที่หากไม่หาสามี หรือตกเป็นหม้ายแล้ว  อนาคตถ้าไม่อดตายก็เหมือนตกนรกทั้งเป็น  มันก็ถูกสภาพแวดล้อมบังคับ  หรือไม่ก็เป็นผลตกทอดจากสภาพแวดล้อมเช่นนั้น  ที่ทำให้ผู้หญิงที่ขาดโอกาสทางสังคมที่จะพึ่งตัวเองได้  ต้องไปคิด "หวังพึ่ง" ผู้ชายน่ะค่ะ
บันทึกการเข้า
พวงร้อย
สุครีพ
******
ตอบ: 904


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 37  เมื่อ 18 พ.ย. 03, 14:31

กลับมาคุยต่อค่ะ



ดิฉันได้มีโอกาสรู้จักใกล้ชิดกับแหม่มอายุมากๆมาหลายคน  ได้เรียนรู้อะไรมากมาย  เพราะความที่หลงไหลเรื่องชุด บ้านเล็ก มาแต่เด็ก  พอพบคนแก่แม่ย่าแม่ยาย  ก็ชอบไปซักถามความเป็นไปสมัยคุณย่ายังเด็ก  คุณย่าคุณยายเหล่านี้ก็ดีใจถ่ายทอดอะไรให้มาก  แต่ก็สังเกตอยู่อย่างหนึ่งว่า  ผู้หญิงฝรั่งแก่ๆนี่มักจะมีเรื่องกระทบกระทั่งกับลูกสาวหลานสาวมากอย่างไม่น่าเชื่อเลยค่ะ  จนมีสำนวนว่า  It's a mother-daughter relationship  ซึ่งไม่ใช่ความสัมพันธ์แบบแม่กับลูกสาวแบบไทยๆ  กลับเป็นความสัมพันธ์ที่เป็นทั้งรักทั้งชังปนกันไปแล้วแต่ว่า  ฝ่ายแม่จะบ็อสซี่จัดขนาดไหนค่ะ



แล้วไปนานๆก็ได้เห็นฤทธิ์แม่เฒ่าฝรั่งเยอะค่ะ  เท่าที่เจอ  ผู้หญิงฝรั่งจะเข้มแข็งต่อสู้ชีวิตได้ดีมาก  แต่แหม่มรุ่นย่ารุ่นยายที่โตมากับสังคมที่ยังมีความหัวโบราณอยู่มาก  ต้องยอมเก็บกดความทะเยอทะยานที่จะพัฒนาศักยภาพส่วนตัวเอาไว้  ต้องมาเลี้ยงลูกทำกับข้าวตามประเพณี  จนมาสักครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา  ผู้หญิงตะวันมีสิทธิมากขึ้น  ไปเรียนสูงๆได้  ไปทำงานนอกบ้านก็ได้เงินพึ่งตัวเองได้ไม่ต้องง้อสามี  สามีไม่ซื่อก็หย่ากันแล้วยืนด้วยลำแข้งตัวเองได้  ผู้หญิงฝรั่งรุ่นย่ารุ่นยาย  ที่ต้องเก็บความเจ็บแค้นยามสามีนอกใจ  กล้ำกลืนหน้าชื่นอกตรมอยู่กันไปนี่ มีมากอย่างไม่น่าเชื่อทีเดียวค่ะ  แต่พอมาเห็นผู้หญิงรุ่นลูกรุ่นหลาน  มีชะตาชีวิตพลิกผันจากหลังเท้ามาเป็นหน้ามือเข้า  ความน้อยเนื้อต่ำใจในวาสนาที่เก็บกดมาตลอด  ก็ปะทุขึ้นมา  โดยเฉพาะในคนที่อายุยืนมากๆ  โรคชรามาเยือน  ซึ่งไม่ได้ทำให้หลงๆลืมๆเท่านั้น  แต่มักจะเกิดความหวาดระแวง  มองคนในแง่ร้าย  ผู้หญิงฝรั่งอายุมากๆนี่  บทจะร้ายก็ร้ายจริงๆเลยค่ะ  แต่ส่วนมากเป็นเพราะความที่โรคชราย่างมา  ความสามารถที่จะเก็บงำความรู้สึกก็ลดน้อยลงน่ะค่ะ  ทำให้คุณย่าคุณยายบ้านเรานี่  เอามาเทียบกันแล้วยังกับนางฟ้าเลยค่ะ



ดิฉันคะเนว่า  แคทยา ซึ่งเป็นคนแข็งแกร่ง  และก็มีความหัวแข็งไม่น้อย(ตรงนี้คงทำให้กรมขุนฯทรงกริ้วโกรธกันมากปานนั้นนะคะ)  แต่ก็ต้องจำยอมเก็บกดอดทนกับสภาพที่ไม่เป็นที่ให้ความสุขนัก  นานไปหลายๆปีก็คงเครียดจัดได้มาก  การที่เป็นภรรยาที่คงจะค่อนข้างบ็อสซี่ของสามีใหม่  ก็คงจะชดเชยกับที่ต้องเก็บกด  "ยอมลง" ให้สามีเจ้า  และสภาพแวดล้อมของสามีที่ตนเองไม่มีส่วนกำหนดเลยแม้แต่น้อย  อ่านแล้วก็ถอนใจไปหลาย  แต่ก็ได้แง่คิดอะไรมามากเชียวค่ะ



และก็ไม่ทราบมาเลยค่ะว่า  นอกจากพระองค์จุลฯจะสิ้นไปตั้งแต่คุณหญิงนริศรายังเยาว์วัยแล้ว  หม่อมแม่ก็สิ้นไปในเวลาไม่นานเช่นกัน  ไม่ทราบตอนที่สิ้นหม่อมแม่  คุณหญิงฯท่านอายุได้เท่าไหร่แล้วคะ  ถ้ายังอายุน้อยอยู่  ไม่ทราบใครเป็นผู้ปกครองท่านคะ  เป็นที่น่าชื่นชมในความพยายามของพระองค์จุลฯ  ที่ทรงปลูกฝังให้คุณหญิงมีความเข้าใจวัฒนธรรมไทยอย่างลึกซึ้งได้ปานนี้  แต่ท่านคงต้องมีผู้ปกครองที่สายตากว้างไกลด้วยนะคะ  ถึงได้เจริญเติบใหญมีความคิดอันน่าชื่นชมเช่นนี้น่ะค่ะ
บันทึกการเข้า
พวงร้อย
สุครีพ
******
ตอบ: 904


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 38  เมื่อ 18 พ.ย. 03, 14:35

 อ้อ ลืมถามไปอย่างนึงด้วยค่ะ  ไม่ทราบคุณเทาชมพูพอจะหาภาพของคุณหญิงนริศรามาให้ชมกันบ้างได้มั้ยคะ  อยากจะขอรบกวนสักหน่อยนะคะ  

นานมาแล้ว  ดิฉันแวะไปร้านหนังสือไทยในแอลเอ  ไปพลิกๆดูนิตยสารผู้หญิงเข้า  ฉบับไหนจำไม่ได้แล้วค่ะ  ในนั้นมีสัมภาษน์ คุณ ฮิวโก ด้วย  อ่านผ่านๆเห็นชื่อ ฮิวโก จักรพงษ์ ก็คิดว่า  ต้องเกี่ยวข้องเป็นลูกหลานพระองค์จุลฯแน่ๆ  เสียดายจริงๆไม่ได้ซื้อมาค่ะ  คุณฮิวโก ที่เห็นเท่าที่พอจะจำได้  ก็ดูไม่เป็นฝรั่งมากเกินไปนะคะ  คิดว่ายังพอดูออกบ้างว่ามีเชื้อสายเอเชียอยู่น่ะค่ะ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 39  เมื่อ 18 พ.ย. 03, 14:37

 ขอบอกรายชื่อหนังสืออ้างอิง เผื่อไปหาอ่านค่ะ

Katya and The Prince of Siam  
ชีวิตเหมือนฝัน  เล่ม 1 ของคุณหญิงมณี สิริวรสาร
เจ้าชายดาราทอง ของ ม.ร.ว. มาลินี จักรพันธ์

ผู้ชาย 2 คนในชีวิตของแคทยา ดูแตกต่างกันสุดโต่งกันเลยก็ว่าได้
คนแรกเป็นเจ้าชาย เก่งกาจ  ฉลาดเฉลียว   ร่ำรวย   โรแมนติก  มีความรักที่แรงกล้าและความเข้มแข็งพอจะฝ่าฟันอุปสรรคทุกอย่างจนได้ตามเป้าหมาย
ทรงให้แคทยาได้ทุกอย่าง ยกเว้นหัวใจที่ซื่อตรงต่อผู้หญิงคนเดียว

ส่วนคนที่สองเป็นผู้ชายธรรมดาๆ  ไม่โรแมนติกเลย   ติดดิน ประหยัด ออดออม  ไม่สามารถจะวางตัวให้ใครเคารพนับถือได้   ออกจะเป็นช้างเท้าหลัง
แต่มีได้อย่างเดียวที่คนแรกไม่มี คือหัวใจที่ซื่อตรง

อ่านระหว่างบรรทัดก็รู้สึกว่า แคทยายังรักคนแรกมากกว่าคนที่สองอยู่ดี
ผู้หญิงอย่างเธอคงเหมาะกับผู้ชายที่มีสีสันมากกว่า "หิน" น่ะค่ะ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 40  เมื่อ 18 พ.ย. 03, 14:52

 คุณจ้อ  ดิฉันเจอภาพเก่าๆของจุฬา เลยเอามารวมกันไว้ในกระทู้นี้ด้วย
นี่คือหน้าตาตึกอักษรศาสตร์ 1 เมื่อ พ.ศ. 2456 สมัยรัชกาลที่ 6  

 ดิฉันพยายามดู ว่าหน้าตึกที่หันมาทางนี้เขาถ่ายจากมุมไหน  ก็ยังไม่แน่ใจ

จะเป็นการถ่ายจากมุมตรงที่เป็นตึกวิศวะในปัจจุบันหรือเปล่าคะ
หรือว่าถ่ายจากด้านหน้าสมัยที่ยังไม่มีอาคารอักษรศาสตร์ 2 คะ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 41  เมื่อ 18 พ.ย. 03, 15:09

 ม.ร.ว. นริศราเกิด 1956  พระองค์จุล ฯ สิ้นใน ค.ศ. 1964  เมื่อธิดาอายุได้ 8 ขวบ
หลังจากนั้นเธออยู่อังกฤษกับหม่อมแม่   หม่อมเอลิซาเบธถึงแก่กรรมด้วยมะเร็งเช่นกันใน ค.ศ. 1976  เมื่อคุณหญิงนริศราอายุได้ 20 ปีค่ะ
บันทึกการเข้า
paganini
องคต
*****
ตอบ: 406

ทำงาน


ความคิดเห็นที่ 42  เมื่อ 18 พ.ย. 03, 15:09

 ท่านอาจารย์เทาชมพูครับผมได้ทำตามที่ท่านบัญชาแล้วนะ แหมพอ ความเห็นของ ปากานินี่มาแล้วนี่ตามมาเป็นขบวนเลย ภูมิใจครับ 5555  เรียกผมว่าปากานินี่ผู้โยนกระเบื้องล่อหยก ได้เลยนะครับ

อืม..คุณนิลฯและคุณพวงฯครับเรื่องพวกนี้เป็นแค่ความเห็นคงหาข้อยุติไม่ได้พวกเราก็ได้แต่เดาเท่านั้นไม่มีใครรู้ว่าสภาพของ Katja ในตอนนั้นเป็นอย่างไร แม้เป็นลูกเจ้าที่ดินแต่อาจมีปัญหากับครอบครัวจนต้องหนีไปไกลๆดีกว่า(ตรงนี้นี่จินตนาการล้วนๆนะครับ อิอิอิ....เผื่อว่าจะแต่งนิยาย)

ข้อที่คุณพวงร้อยว่าในสมัยนั้นหญิงยุโรปมีโอกาสมากกว่าหญิงเอเชียนี่ก็ไม่แน่นะครับ ยกตัวอย่างเช่นในวงการฟิสิกส์ในสมัยใกล้ๆกันนั้นเขากีดกันผู้หญิงเป็นให้เป็น lecturer ในมหาวิทยาลัยนะครับ(กรณีของ Emmy Noether) เพราะฉะนั้นผมก็ไม่แน่ใจที่ท่านพวงร้อยว่ามาเท่าไหร่
ถ้าจำไม่ผิดผู้หญิงอังกฤษมีสิทธิ์เลือกตั้งเมื่อไม่ถึงร้อยปีมานี่เอง
แย้งคุณนิลฯต่อนะ จริงๆไม่เต็มใจแย้งหรอก แต่เพื่อความแตกฉานนะผมว่าสมัยนั้นน่าจะเป็นหลังจากที่ ร.5 เสด็จประพาสรัสเซียแล้วเป็นไปได้ว่า Katja อาจจะเคยเห็นรึได้ข่าวการต้อนรับที่ยิ่งใหญ่สมพระราชบารมีมาก่อนฉะนั้นสยามประเทศในมโนคติของ Katja อาจจะไม่ใช่สวาซิแลนด์  ทิมบักตู มูตู้ อะไรก็ได้
จริงๆจุดที่ผมต้องการจะเสนอคือบางทีเรายกย่องใครคนใดคนหนึ่งจากความรู้สึกส่วนตัว จากคุณสมบัติร่วมกัน จากภูมิหลังของเรา จากการทาบตัวตนของเรา ลงไปยังบุคคลสาธารณะนั้นๆ โดยที่อาจจะหลงลืมข้อเท็จจริงไปผมเลยอยากหน่วงไว้แย้งให้อภิปรายกัน เพราะจริงๆแล้ว Katja จะเป็นหญิงแกร่ง ยิ่งใหญ่ใจกล้า น่ารัก ยังไงก็มิมีใครจะไปรู้
---ผมเป็นอ่านประวัติศาสตร์แบบหลงๆลืมๆนะ ใครเจอที่ผิดกรุณาแก้ให้ด้วยนะครับ----------

อ้อ อาจารย์เทาครับ คำถามเกี่ยวกับ ม.ร.ว. นริศรา น่ะ เป็นของผมนะครับ ไม่ใช่ของคุณทองรัก 5555

สงสัยว่าตอนที่ผมเห็นท่านในทีวีนี่คงเป็นตอนที่เอารถของ องค์พีระมาแข่งนั่นแหละครับ
สงสัยอีกครับคุณครู
1.ทำไมต้องอ่าน นะ-ริด-สา  ในเมื่อตั้งมาจาก กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์  ซึ่งผมเข้าใจว่าอ่านว่า นะริดสะรานุววัดติวง
2.ถ้าอ่านแบบนี้จะต่างกับอ่านว่านะริดสะรายังไงครับ  ในแง่ความหมายหรือเหตุผลเบื้องหลัง
บันทึกการเข้า
paganini
องคต
*****
ตอบ: 406

ทำงาน


ความคิดเห็นที่ 43  เมื่อ 18 พ.ย. 03, 15:23

 จากความเห็นที่ 39  ผมเห็นด้วยว่าผู้หญิงที่ไหนก็ชอบผู้ชายที่มีสีสันทั้งนั้นแหละครับ ไม่งั้นเราจะไม่ได้ยินเวลาที่ผู้หญิงเขามักจะปฏิเสธชายหนุ่มว่า "คุณดีเกินไปสำหรับฉัน" หรอกครับ 5555

ขอถามท่านผู้หญิงทั้งหลายว่าให้เลือกจะเลือกแบบไหนครับ

ปล.1. ผมชอบภาพ ใน คคห 32 มากเลย  มองเห็นตึกอันสำคัญยิ่งด้วย 5555
2. ใค คคห ที่ 37 ของคุณพวงร้อย อืม น่าฟังมากครับแจกแจงได้ชัดเจนดีครับ แม่สามีกับลูกสะใภ้นี่เป็นปัญหาดึกดำบรรพ์ครับมีมาตั้งแต่สมัยพจมาน พินิจนันท์ สว่างวงศ์ เอ้ยไม่ใช่...
อย่างแม่ผมนะ แกยังไม่ทันมีลูกสะใภ้เลยแกก็บอกแล้วว่าจะระวังลูกสะใภ้ 555555
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 44  เมื่อ 18 พ.ย. 03, 16:03

ตำแหน่งชอบลืม ยกให้ดิฉันดีกว่าค่ะคุณpaganini  เพราะจำคุณผิดเป็นคุณทองรักเสียนี่

ชื่อคุณหญิงนริศรา  ก็น่าจะอ่านว่า นะริดสะราตามพระนามเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรา   แต่ชื่อคนนี่ อนุโลมให้สะกดและออกเสียงได้เฉพาะตัวค่ะ

ชื่อคุณหญิงทำไมถึงเลือกออกเสียงเฉพาะว่า นะริสา  ดิฉันก็ยังค้นหาหลักฐานไม่พบ  แต่แน่ใจว่าออกเสียงแบบนี้  ในหนังสือ Katya and the Prince of Siam ก็เรียกเธอว่า Narisa
 อาจจะตั้งใจตั้งเป็นชื่อฝรั่งมาแต่แรกแล้วก็ได้  แล้วในเวอร์ชั่นภาษาไทย สะกดแบบพระนามสมเด็จกรมพระยาท่าน เพื่อให้ดูสละสลวยและเป็นสิริมงคลด้วย

ถ้ามีนางสาวนริศราอีกคนหนึ่ง คุณพ่อคุณแม่ตั้งชื่อนี้แล้วออกเสียงว่า นะริดสะรา  ก็ทำได้  ไม่มีกฎระเบียบบังคับ หรือจำแนกการสะกดให้แตกต่างกัน

การตีความบุคคล ก็คงแล้วแต่มุมมองละค่ะ   คนสำคัญในประวัติศาสตร์ก็ถูกมองกันมาหลายแง่มุม ไม่ชี้ขาด   อย่างจักรพรรดินโปเลียนจะถูกมองว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่ก็ได้  หรือเป็นตัวร้ายก็ได้  แล้วแต่คุณยืนอยู่ในมุมอังกฤษหรือฝรั่งเศส
เพราะงั้นแคทยาอาจเป็นได้ทั้งผู้หญิงเข้มแข็งโรแมนติก   หรืออาจจะเป็นผู้หญิงเอาแต่ใจ  ชอบเอาชนะลูกเดียว ก็ไม่มีใครรู้
เราทุกคนต่างก็เจือปนด้วยอคติมากบ้างน้อยบ้าง เวลาตัดสินใคร     วิธีจะทำให้มันเบาบางลงก็คือเจือปนด้วยเหตุผลและหลักฐานพยานต่างๆ เพื่อเป็นกลางมากขึ้น

คำตอบสุดท้าย-ดิฉันเป็นคนไม่มีสีสัน เลยไม่ชอบผู้ชายมีสีสันเท่าไหร่
ถ้าเกิดเป็นลูกสาวเจ้าของที่ดินของรัสเซียยุคพระเจ้าซาร์นิโคลัส   อย่างมากก็คงแต่งกับนายสกี้อะไรสักคน  ลูกชายเจ้าของที่ดินใกล้ๆบ้านที่เห็นกันมาแต่เล็ก    เจ้าชงเจ้าชายไม่เอาละ กลัว
ชาตินั้นทั้งชาติคงไม่ได้เห็นสยามกะเขาหรอก   มีโอกาสเห็นปารีสก็คงตอนหอบของลี้ภัยออกนอกรัสเซียเท่านั้นละค่ะ

ตั้งแต่ได้คุณ paganini มาช่วยปั่นเรตติ้ง  กระทู้นี้พุ่งพรวดเชียว
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 7
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.048 วินาที กับ 19 คำสั่ง