เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: [1] 2 3
  พิมพ์  
อ่าน: 38204 เจ้าดาราทอง
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
 เมื่อ 30 ต.ค. 03, 11:15


ในปลายทศวรรษที่ 1930    สมัยที่สยามยังไม่เป็นที่รู้จักของประชาชนทั่วไปในยุโรป
เจ้าชายสยามองค์หนึ่งทรงทำให้ชื่อของประเทศสยามระบือลื่อเลื่องลงหนังสือพิมพ์ทุกฉบับในอังกฤษ   ชื่อเสียงขจรขจายทั่วประเทศอื่นๆในยุโรป
ที่สนใจกีฬา
เพราะทรงชนะเลิศอันดับหนึ่งของการแข่งรถระหว่างชาติทั่วทวีปยุโรป   3 ปีซ้อน คือ 1936,1937 และ 1938  จนคว้าตำแหน่ง   "ดาราทอง" ของสมาคมนักแข่งรถอังกฤษมาครองได้

เกียรติประวัติที่ควรจารึกไว้ คือ
ทรงชนะที่หนึ่ง 4 ครั้ง  จากการชิงถ้วยเจ้าชายเรนีย์แห่งโมนาโก   ชิงรางวัลระหว่างชาติที่บรูคแลนด์ส    ชิงรางวัลใหญ่ของปีการ์ดี และชิงรางวัลของอาลบี
ชนะที่สอง 2 ครั้ง จากการแข่งที่เกาะแห่งเมน และการแข่งขันที่กรุงดับลิน
ชนะที่สาม 2 ครั้งจากการแข่งที่ภูเขาไอเฟิล  และการชิงแชมเปี้ยนภูเขาที่บรูคแลนด์ส

เจ้าชายสยามองค์นั้นคือพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดช
หรือคนไทยเรียกกันสั้นๆว่าพระองค์พีระ

เมื่อเสด็จกลับสยาม สื่อมวลชนไทยในสมัยนั้นถวายสมญาว่า "เจ้าดาราทอง"
ราษฎรไปรับเสด็จกันคับคั่ง  ทรงกลายเป็นวีรบุรุษในวงการกีฬาและขวัญใจประชาชน
สีฟ้าสดของรถแข่งที่ทรงขับ เรียกกันว่าสีฟ้าพีระ หรือ Bira blue กลายเป็นสีฮิทกันพักใหญ่ของสาวๆ
ในงานเลี้ยงที่จัดขึ้นต้อนรับพระองค์เจ้าพีระฯ    แขกสาวๆในงานแต่งกายด้วยสีฟ้าสด สวยละลานตากันทั้งงาน
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 1  เมื่อ 30 ต.ค. 03, 11:22

 พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดช  ทรงถือกำเนิดเป็นหม่อมเจ้า พระโอรสในเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์  สมเด็จกรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ผู้เป็นพระราชอนุชาพระองค์เล็ก ร่วมพระชนกชนนีกับพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
หม่อมมารดาของพระองค์พีระ คือหม่อมเล็ก สกุลเดิมยงใจยุทธ  เป็นป้าของพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ

ต่อมาพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เลื่อนหม่อมเจ้าพีระขึ้นเป็นพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้า
ภาษาชาวบ้านเรียกว่า "พระองค์เจ้าตั้ง" คือพระองค์เจ้าที่เลื่อนขึ้นจากหม่อมเจ้า
โอรสธิดาของท่านดำรงฐานันดรเป็นหม่อมราชวงศ์ ตามลำดับฐานันดรเดิมของท่านพ่อ

อย่างไรก็ตาม  ชีวิตของพระองค์เจ้าพีระฯ ในเบื้องต้น ดำเนินไปเหมือนเจ้าชายในเทพนิยาย
นอกจากชาติกำเนิดสูงแล้ว  เจ้าชายสยามก็ยังมีการศึกษาดีเยี่ยมสำหรับเจ้าชายไทยในสมัยนั้น
พระชนม์ 13  ก็เสด็จไปศึกษาต่อที่โรงเรียน อีตัน ซึ่งเป็นโรงเรียนมัธยมขึ้นชื่อที่สุดของอังกฤษ มีแต่เจ้านายและลูกผู้ดีมีตระกูลเรียนกันทั้งนั้น
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวก็เคยทรงศึกษาที่นี่เช่นกัน

พระองค์เจ้าพีระเป็นเด็กชายลักษณะดี    เป็นที่เมตตาของผู้ใหญ่     พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเมตตาประหนึ่งเป็นพระราชบุตร ทรงรับไว้ในปกครอง

เมื่อเสด็จไปอังกฤษ  พระองค์พีระทรงพบกับพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าจุลจักรพงศ์( พระโอรสในเจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนารถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ)  ซึ่งทรงศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์
ถ้าลำดับญาติกันแล้วพระองค์พีระอยู่ในฐานะอา  และพระองค์จุลเป็นหลาน  
แต่ว่าพระองค์จุลทรงมีพระชันษาแก่กว่า 7 ปี   เกิดถูกชะตาเหมือนเป็นพี่ชายน้องชายแท้ๆ
พระองค์จุลจึงทรงทูลขอพระบรมราชานุญาตจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ ขอเป็นผู้ปกครองพระองค์พีระแทน
ทรงสนับสนุนให้เข้าแข่งกีฬา   จนได้ชัยชนะ  โดยที่ทรงดูแลออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้
และทรงอุปการะพระองค์พีระอย่างดีจนตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์จุล

(ภาพถ่ายนี้พระองค์พีระทรงฉายกับหลวงสุรณรงค์
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 2  เมื่อ 30 ต.ค. 03, 11:23


ภาพนี้ค่ะ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 3  เมื่อ 31 ต.ค. 03, 13:17

 นอกจากความสามารถในการแข่งรถ  พระองค์พีระยังเป็นนักกีฬาที่โปรดการเล่นเรืออีกด้วย
ที่น่าทึ่งมากคือทรงมี "หัว" ทางศิลปะ ควบคู่ไปกับการกีฬา
จนตัดสินพระทัยไม่เข้าศึกษาต่อที่เคมบริดจ์ แต่เบนเข็มไปศึกษาด้านประติมากรรมแทน

ทรงไปศึกษาเรื่องการวาดลายเส้นที่ Byam Shaw Art School  ที่นี่เองทรงพบหญิงสาวสวยชาวอังกฤษชื่อ ซีริล เฮย์ค็อก

ซีริลเป็นลูกผู้ดี  พ่อมีเชื้อสายขุนนางเก่าแก่  ส่วนทางตระกูลแม่ก็เป็นพ่อค้าที่ร่ำรวยจนได้บรรดาศักดิ์เป็นเซอร์  
ญาติคนหนึ่งเคยเป็นนายกเทศมนตรีของลอนดอนผู้เคยรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมาแล้ว

พระองค์พีระและซีริลหลงรักกันตั้งแต่แรกพบ   จนกระทั่งได้แต่งงานกันในที่สุด
เธอก็เลยกลายมาเป็นหม่อมซีริล ภาณุพันธุ์ ณ อยุธยา  เดินทางมาประเทศไทยพร้อมกับพระสวามี
เธอชอบประเทศไทยมาก
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 4  เมื่อ 31 ต.ค. 03, 13:57

 หลังจากอยู่สยามได้ระยะหนึ่ง  พระองค์พีระก็พาหม่อมกลับอังกฤษเพื่อเตรียมตัวแข่งขันรถ Grand PriX ต่อไป
หลังจากนั้นอีกไม่กี่ปี  สงครามโลกครั้งที่สองก็ปะทุขึ้นจากเยอรมันบุกโปแลนด์แบบสายฟ้าแลบ      พระองค์พีระยังทรงอยู่ที่อังกฤษ  ไม่กลับสยาม
เหตุการณ์ทางการเมืองระหว่างประเทศตอนนั้นวุ่นวายมาก   ในตอนแรกสยามก็ดูจะเข้าข้างพันธมิตร  
แต่ต่อมา  ญี่ปุ่นบุกไทยเป็นทางผ่านไปสู่พม่า   รัฐบาลตัดสินใจยอมประนีประนอมเพื่อไม่ให้เสียเลือดเนื้อคนไทย
แล้วก็ตกบันไดพลอยโจน คบญี่ปุ่นเป็นมหามิตร จนถึงขั้นประกาศเป็นฝ่ายเดียวกับญี่ปุ่น แล้วเลยกลายเป็นศัตรูกับฝ่ายพันธมิตร

ทูตไทยถูกเรียกตัวกลับ   สถานทูตปิด   พระองค์พีระไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลไทย ก็ตัดสินพระทัยสมัครเข้าร่วมรบเป็นฝ่ายเดียวกับพันธมิตร
เสด็จไปเข้าศูนย์ฝึกอบรมการบิน เข้าประจำศูนย์ในฐานะครูฝึกเครื่องร่อนซึ่งทรงชำนาญอยู่แล้ว  ได้ตำแหน่งเป็นเรืออากาศโท  มีลูกศิษย์ลูกหาชาวอังกฤษมากมาย

เจ้านายสยามหลายพระองค์ที่อยู่อังกฤษ เข้าร่วมรบกับพันธมิตรต่อต้านเยอรมัน  พระองค์เจ้าจิรศักดิ์สุประภาพพระอนุชาพระองค์พีระ ที่เป็นพระโอรสบุญธรรมในสมเด็จพระปกเกล้าฯ สมัครเข้าเป็นนักบินอาสาสมัคร  นำเครื่องบินไปส่งลงเรือรบ
นักเรียนไทยรวมกันจัดตั้งขบวนการเสรีไทย   มีหม่อมเจ้าศุภสวัสดิ์วงศ์สนิท สวัสดิวัตน์เป็นหัวหน้า

น่าเสียดายว่าพระองค์เจ้าจิรศักดิ์ฯประสบอุบัติเหตุเครื่องบินชนภูเขาสิ้นพระชนม์  แต่ก็นับว่าโชคดี พระองค์พีระทรงอยู่รอดปลอดภัยมาได้ตลอดสงคราม
จนกระทั่งเยอรมันและญี่ปุ่นแพ้ฝ่ายพันธมิตร   สงครามโลกก็สงบลงในพ.ศ. 2488  สันติภาพคืนมาสู่ยุโรป

พระองค์พีระก็ทรงเริ่มชีวิตนักแข่งรถอีกครั้ง ทรงเดินทางไปแข่งตามประเทศต่างๆในยุโรป  มาจนถึงอเมริกาใต้ - อาร์เจนตินา
ทุกหนทุกแห่งที่เสด็จไป  ทรงได้รับการต้อนรับอย่างล้นหลาม  ผู้คนเข้ามารุมล้อมขอลายเซ็นไม่ผิดกับดาราดังๆของฮอลลีวู้ด
บันทึกการเข้า
นิลกังขา
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1012

ทำงานราชการ


ความคิดเห็นที่ 5  เมื่อ 31 ต.ค. 03, 15:16

 มาอ่านครับ

พระองค์พีระและสีฟ้าพีระมีชื่อเสียงมากในหมู่คนไทยสักสมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง

ในกระทู้หนึ่งเก่ามากบนเรือนไทย ตกกระดานไปนานแล้ว เคยมีใครสักคนตั้งกระทู้ถามว่าพระองค์พีระฯ เคยทรงแข่งรถกรังด์ปรีซ์ฟอร์มูล่าร์วันหรือไม่ เห็นจะไม่ทรงเคยนะครับ เพราะไอ้เจ้าฟอร์มูลาร์วันนั่นมันมาแข่งกันทีหลังยุคของท่านหลายปี

เรื่องท่านพีระผมไม่ค่อยมีอะไรจะแจม ขอฟังคุณเทาชมพูไปเรื่อยๆ แจมได้แต่เพียงว่า คุณหลวงสุรณรงค์ที่อยู่ในพระรูปคู่กับท่านพีระนั้น เข้าใจว่าในรัชกาลปัจจุบันท่านได้เป็นราชองครักษ์ (มาถึงตอนนี้ 2546 ท่านคงจะถึงแก่กรรมไปแล้วแหละ) แต่ท่านเคยตามเสด็จในหลวงรัชกาลปัจจุบันไปสหัฐอเมริกา ปี 2503 พระองค์เจ้าหญิงวิภาวดีฯ ทรงเล่าไว้ในจดหมายเหตุตามเสด็จอเมริกาของท่านว่า ฝรั่งสมัยโน้น หรือแม้แต่สมัยนี้ก็เถอะ อ่านชื่อไทยหรือชื่อบรรดาศักดิ์ไทยที่ถอดเป็นตัวหนังสือภาษาฝรั่งได้อย่างขลุกขลักมาก เรียกว่าอ่านแล้วเจ้าของชื่อฟังไม่ออกว่าฝรั่งเขากำลังเรียกชื่อตัวเองอยู่ ในงานถวายเลี้ยงพระกระยาหารค่ำครั้งหนึ่งก็มีการขานชื่อยังงี้แหละ ขานแล้วผู้ถูกขานก็ต้องลุกขึ้นยืนถวายคำนับและแสดงความเคารพเจ้าภาพ มาถึงคุณหลวง ฝรั่งคนขานชื่อเรียกท่านว่า "ลู- อัง ซู- รวง - นาหรวง"  คุณหลวงฟังไม่เข้าใจ นั่งเฉยสบายดี ร้อนถึงผู้ตามเสด็จท่านอื่นต้องเตือนกันว่าเป็นชื่อคุณหลวงเอง
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 6  เมื่อ 31 ต.ค. 03, 16:16


ภาพประวัติศาสตร์ที่หายากยิ่งภาพหนึ่ง
คือภาพพระองค์พีระทรงขับเรือ "มัจฉาณุ" ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  เมื่อพระชนม์แค่ 11 พรรษา
พระองค์ถัดไปคือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล
และพระองค์ริมสุดคือสมเด็จพระพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา  กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 7  เมื่อ 01 พ.ย. 03, 08:21

 ชื่อคนไทยเป็นชื่อที่ฝรั่งกล้ำกลืนออกเสียงยากที่สุดชาติหนึ่งในโลก  โดยเฉพาะครูฝรั่งที่เรียกชื่อลูกศิษย์ด้วยนามสกุล
ของเขามีมิสเตอร์สมิธ  มิสเตอร์โจนส์    มาเจอนามสกุลคนไทย 20 พยางค์ขึ้นไป   อาจารย์ฝรั่งแทบจุกไปหลายรายแล้ว
ดิฉันเคยเรียนกับอาจารย์ฝรั่งอเมริกัน สอนภาษา พูดจาสำเนียงบอสตันด้วยความภูมิใจว่าออกเสียงอะไรต่อมิอะไรได้ถูกต้องชัดเจน   ไม่เหน่ออย่างพวกอเมริกันฝั่งตะวันตก  
ตลอดเทอม   อาจารย์ไม่เคยเรียกดิฉันผู้มีนามสกุลยาว 12 พยางค์เลยค่ะ   กลัวออกเสียงผิดแล้วเสียประวัติอาจารย์

ขอตัวไปพิมพ์ประวัติเจ้าดาราทองต่อค่ะ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 8  เมื่อ 01 พ.ย. 03, 13:17

 เมื่อสันติภาพคืนมาสู่สังคมยุโรปอีกครั้ง    กิจกรรมสังคมอย่างการกีฬาก็เฟื่องฟูขึ้นมาอีก  
ชีวิตของเจ้าชายหนุ่มสยาม และชายาสาวชาวอังกฤษดำเนินไปเหมือนความฝันเท่าที่มนุษย์จะพึงมีได้
พรั่งพร้อมทั้งสุข ความรัก  ชื่อเสียง ความสำเร็จ
มีโอกาสท่องเที่ยวอย่างเศรษฐีไปในสถานที่สวยงามหลายแห่งของโลกด้วยกันทั้งยุโรปและอเมริกา
ไม่ว่าไปไหนก็เป็นแขกเกียรติยศของสมาคมและบุคคลสำคัญ ในฐานะบุคคลผู้มีชื่อเสียงระดับโลก
ครั้งหนึ่งได้รับเชิญให้เข้าเฝ้าพระเจ้าจอร์จที่ 6 แห่งอังกฤษ (พระราชบิดาของพระราชินีนาถเอลิซาเบธในปัจจุบัน)เพราะโปรดเรื่องรถแข่งมาก  ทรงต้อนรับเจ้าชายสยามด้วยพระอัธยาศัยดีเหมือนเป็นพระญาติสนิทด้วยกัน

หม่อมมณี ภาณุพันธุ์ ณอยุธยา(คุณหญิงมณี สิริวรสาร)อดีตชายาของพระองค์เจ้าจิรศักดิ์สุประภาต บันทึกเอาไว้เกี่ยวกับท่านในหนังสือ "ชีวิตเหมือนฝัน" ว่า

"นิสัยใจคอของสองพระองค์นั้นต่างกันมาก   พระองค์จิรศักดิ์ฯ นั้นโปรดการสนทนาปราศรัยกับคนอื่น และมีจิตใจนึกถึงแต่ส่วนรวมเสมอ ส่วนพระองค์พีระฯทรงสนุกสนานร่าเริงกับสิ่งที่พอพระทัย   ไม่สนพระทัยกับเรื่องราวของคนอื่นๆเลย

วันหนึ่งดิฉันล้อเลียนท่านว่า พระองค์เป็นเศรษฐีขี้คร้าน The Idle rich ไม่เห็นทรงทำสิ่งใดให่้เป็นประโยชน์  คิดแต่ความสนุกสนานของท่านฝ่ายเดียว  
พระองค์พีระก็ทรงพระสรวลอย่างอารมณ์ดีและตรัสว่า

"ที่จริงพวกเธอน่ะสิที่ชอบวุ่นวาย   อยากให้ความช่วยเหลือคนอื่นๆทั้งๆที่พวกเขาไม่เห็นต้องการ  เช่นพวกมิชชั่นนารีเป็นต้น   พวกนั้นพร้อมที่จะเสียสละทุกอย่างไปอยู่ต่างแดน   ทำงานไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยาก  แต่พวกเขาก็ไม่เห็นได้ทำอะไรให้เป็นผลสำเร็จมากนัก  
ปรัชญาชีวิตของฉันก็คือว่า ไม่ขอไปยุ่งเกี่ยวกับชีวิตของคนอื่น    และฉันทำสิ่งที่ฉันพอใจถ้าหากสามารถทำได้   ถึงแม้ว่าฉันจะมิได้ทำประโยชน์อะไรให้เกิดขึ้นแก่ผู้ใด   แต่ก็ไม่เคยทำอะไรให้คนอื่นเดือดร้อน     การที่อยู่เฉยๆโดยไม่เบียดเบียนใครก็เป็นผลดีอย่างหนึ่งเหมือนกันนะ"

ก็มาดูกันต่อว่าปรัชญาชีวิตของพระองค์พีระ มีผลอย่างไรกับชีวิตของท่านค่ะ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 9  เมื่อ 01 พ.ย. 03, 13:30

 ความสุขเหมือนฝันของพระองค์พีระและหม่อมซีริลยืนยาวได้แค่ 11 ปี    ขึ้นปีที่ 12   ปรัชญาชีวิตของพระองค์พีระก็ก่อผลกระทบต่อหม่อม ในข้อที่ว่า ขอทำสิ่งที่พอใจ ถ้าหากสามารถทำ

ความที่ทรงเป็นคนดัง บุคลิกดี    ตรัสได้คล่องทั้งอังกฤษและฝรั่งเศส  และยังใช้ชีวิตอย่างเศรษฐี
สิ่งเหล่านี้กลายเป็นแรงดึงดูดผู้หญิงอื่นๆให้เข้ามาหลงใหลท่าน

พระองค์พีระมิได้เลิกรักหม่อมซีริล   เพียงแต่ว่า เมื่อถึงเรื่องที่ทรงพอพระทัยถ้าหากทำได้  ก็ทรงทำ
ถ้าหากว่าหม่อมซีริลโอนอ่อนผ่อนตามได้ไม่เดือดร้อน  ก็คงจะครองชีวิตคู่กันต่อไปได้  ถือว่าพวกหล่อนจะไม่มีความหมายกับท่านเท่าภรรยาตามกฎหมาย
แต่ว่าหม่อมซีริลทำใจไม่ได้ที่พระองค์พีระมีหญิงอื่น  แม้จะไม่ทรงจริงจังด้วยนัก    เธอถือว่าเป็นความเดือดร้อนสาหัสของภรรยา  เธอก็ตัดสินใจแยกกันอยู่พักหนึ่งเพื่อระงับจิตใจ

ระหว่างที่แยกกันอยู่โดยยังไม่ได้หย่าขาดจากกัน  สถานการณ์ก็ยิ่งทำให้ทั้งสองห่างเหินกันมากขึ้นอีก  
พระองค์พีระเสด็จไปแข่งรถที่อาร์เจนตินา ก็ได้พบชลิต้า หญิงสาวเลือดละติน ผู้สวยสดงดงามราวกับดาราหนัง    เมื่อทรงรับบาดเจ็บจากการแข่งรถ ก็มีหล่อนคอยปรนนิบัติดูแล  
ในที่สุดก็ทรงพาหล่อนกลับมาอังกฤษด้วยกัน  ประทับอยู่กับหล่อนไม่ได้กลับบ้านไปหาหม่อมซีริล
หม่อมซีริลจึงตัดสินใจหย่าขาดจากพระองค์พีระตามกฎหมาย   เมื่อค.ศ. 1950 ทั้งที่ยังรัก  พระองค์พีระเองก็ทั้งรักและอาลัยหม่อม  
ทรงอ้อนวอนให้หม่อมเปลี่ยนใจไม่หย่าแต่ก็ไม่ทรงคิดที่จะสละชลิต้าไปได้อยู่ดี  
ทั้งคู่จากกันด้วยน้ำตา  เพราะรู้ตัวว่าสามารถครองคู่กันได้เพียงแค่นี้   เหลือแต่ความเป็นเพื่อน

หม่อมซีริลไม่ได้แต่งงานใหม่  เธอมีเพื่อนใจเป็นหนุ่มโสดอายุ 40 กว่า
คบหากันมาจนเขาตายจากไปโดยไม่ได้สมรสกัน
ส่วนทางฝ่ายพระองค์พีระ  ทรงลังเลอยู่ถึง 3 ปีถึงตัดสินพระทัยเสกสมรสใหม่กับหม่อมชลิต้า
แต่ก็ยังระลึกถึงหม่อมซีริลเสมอ   ทรงเป็นมิตรกับเพื่อนชายของหม่อมซีริล แล้วพาชลิต้าไปด้วยเพื่อให้รู้จักกับหม่อม  ไปไหนมาไหนกัน 4 คน
แต่หม่อมซีริลก็ไม่ได้กลับมาหาท่านอีก    คงพบปะกันอย่างเพื่อนสนิทเท่านั้น
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 10  เมื่อ 01 พ.ย. 03, 14:06

ชีวิตในช่วงที่สอง เป็นช่วงโชคดีของพระองค์พีระอีกครั้ง เพราะนอกจากจะมีีหม่อมสาวสวยคนใหม่ที่รักกันดูดดื่มแล้ว ก็ยังได้รับมรดกก้อนโตจากการขายมรดกวังบูรพาแบ่งกันในระหว่างเจ้าพี่เจ้าน้อง ทรงโอนไปไว้ที่ปารีสทั้งหมด  
เงินจำนวนนี้มากพอจะทำให้พระองค์พีระทรงซื้อรถยนต์บูอิคเปิดประทุนสีฟ้าพีระ เรือยอชต์ใหม่   และปรับปรุงวิลลาที่เมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศสที่ทรงซื้อไว้แล้ว  ดำเนินชีวิตอย่างเศรษฐี  

การใช้ชีวิตในช่วงนี้หรูหรามาก   เวลาขับบูอิคคันงามไปไหนมาไหนชาวปารีสมองกันจนเหลียวหลัง  
แต่การใช้ชีวิตอย่างเศรษฐี  มีแต่รายจ่าย  อยู่วิลล่าที่เมืองคานส์ ก็หมดเงินทั้งค่าภาษีและค่าซ่อมแซมดูแล แพงลิบ  
เมื่อโปรดขับรถเร็ว ก็ทรงขับบูอิคไปชนกับรถอีกคัน  รถใหม่เอี่ยมพังยับเยิน  ไม่มีประกันเสียด้วย  ต้องทรงจ่ายเงินอีกก้อนใหญ่ซ่อมรถกับจ่ายให้คู่กรณี

ในที่สุด ถึงปลายปี 2497  ก็ทรงเห็นว่าพ้นยุคที่จะทรงแข่งรถอีกต่อไปแล้ว  รถแข่งรุ่นใหม่ๆสมรรถภาพดีเกิดขึ้น แซงหน้ารถที่ทรงขับไปได้ง่ายๆ   ถ้าจะลงทุนซื้อรถใหม่พร้อมการดูแลในการแข่งรถอีกก็เป็นเรื่องสิ้นเปลืองมหาศาล

ประกอบกับหม่อมชลิต้ามีโอรส คือม.ร.ว. พีรเดช   จึงตัดสินพระทัยแขวนนวมอำลาชีวิตนักแข่ง  พาครอบครัวกลับมาตั้งรกรากในเมืองไทยใน พ.ศ. 2499
ทรงจบบทบาทของเจ้าดาราทองที่โด่งดังไปทั่วยุโรปและอเมริกา เมื่อพระชนม์ได้ 42 พรรษา
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 11  เมื่อ 01 พ.ย. 03, 14:29

 ถ้าหากว่าชีวิตของพระองค์พีระเป็นนิยาย   ฉากสุดท้ายก็คงเป็นตอนที่ทรงอำลาชีวิตนักแข่งรถ
แล้วเสด็จกลับบ้านเกิดเมืองนอนพร้อมครอบครัวที่สมบูรณ์แบบครบถ้วนพ่อ แม่และลูกชายวัยน่ารัก
จบลงอย่างมีความสุขทั้งคนดูและคนประพันธ์เรื่อง

แต่ชีวิตจริงยังไม่จบแค่นั้น  ยังมีความยุ่งยากตามมาอีกมากมาย
เริ่มต้นด้วย  หม่อมชลิต้าไม่มีความสุขที่อยู่ในประเทศไทย
เธอทนอยู่ได้แค่ 11 วันก็บินกลับไปฝรั่งเศส
อีก 7 เดือนต่อมาพระองค์พีระก็ทรงบินไปหย่าขาดจากหม่อมคนที่สอง
โดยตกลงกันว่าคุณชายพีรเดชจะอยู่ในความปกครองของมารดาจนอายุ 21 ปี

ก่อนหน้านี้พระองค์พีระเคยพบปะแอร์โฮสเตสสาวสวยคนไทยคนหนึ่งแล้ว
ทรงพอพระทัยมากถึงกับเคยเชิญเธอไปเป็นแขก ณ วิลล่าที่เมืองคานส์  
ทำให้หม่อมชลิต้าหึงหวงอยู่พักใหญ่  
แต่ก็จบลงด้วยการที่ทรงคืนดีกับหม่อมแล้วใช้ชีวิตครอบครัวด้วยกันต่อมา
หญิงสาวสวยชาวไทยคนนี้ ก็คือคุณสาลิกา  กะลันตานนท์    
เธอคือหม่อมคนที่สามของพระองค์พีระ   ทรงสมรสด้วยเมื่อพ.ศ. 2500      
ส่วนเรื่องงาน ก็ทรงเริ่มชีวิตนักธุรกิจ  ตั้งบริษัท Bira Sport  เป็นผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ยี่ห้อ nectar จากเยอรมัน
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 12  เมื่อ 01 พ.ย. 03, 18:02


ภาพพระองค์พีระ เมื่อครั้งยังหวานชื่นกับหม่อมชลิต้า  
บันทึกการเข้า
พวงร้อย
สุครีพ
******
ตอบ: 904


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 13  เมื่อ 02 พ.ย. 03, 08:41

 ไม่ได้เข้ามาเรือนไทยเสียนาน  ดีใจที่ได้เห็นคุณเทาชมพูกลับมาเล่าเรื่องหายากให้ฟังอีกค่ะ  เคยอ่านเรื่องของท่านท่านจาก "เกิดวังปารุสก์"  แล้วก็มีติดค้างในใจมานานว่า  ชีวิตของท่านดำเนินไปอย่างไร  เพราะไม่เคยทราบเรื่องราวต่อมาอีกเลย  ขอขอบคุณคุณเทาชมพูเป็นอย่างยิ่ง  ที่กรุณานำเรื่องน่าสนใจมาเล่าด้วยนะคะ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 14  เมื่อ 03 พ.ย. 03, 10:59

 สวัสดีค่ะคุณพวงร้อย   ดีใจที่ได้เจอกันอีกค่ะ  
แวะเข้ามาให้สุ้มเสียงกันบ่อยๆนะคะ

ดิฉันไม่ได้เข้ามาที่นี่พักใหญ่ๆ    
พอดีเจอหนังสือน่าสนใจเข้าหลายเล่มตอนนี้ก็เลยเก็บความมาเล่าสู่กันฟัง
จะบอกรายชื่อหนังสือไว้ตอนท้ายค่ะ เผื่อสนใจไปหาอ่านต่อ

สมาชิกหน้าเก่าๆที่ล้อมวงคุยกันหายไปเกือบหมด
เห็นคุณนิลกังขาโผล่มาคนเดียว
คุณพวงร้อยแวะเข้ามานั่งฟัง   ถ้ามีอะไรสงสัยก็เชิญถามได้
จะพยายามไปหาคำตอบมาให้ค่ะ

จะพิมพ์วันละเล็กละน้อยเท่าที่หาเวลาได้  เล่าเรื่องพระองค์พีระจนจบ
แล้วเรียบเรียงเป็นบทความใส่ไว้ในเรือนไทย
เผื่อใครจะอยากนำไปศึกษาหรืออ้างอิง


มอบช่อดอกไม้ให้คุณพวงร้อยค่ะ
ที่โน่นเข้าหน้าหนาวหรือยังคะ?
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2 3
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.063 วินาที กับ 19 คำสั่ง