เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: [1]
  พิมพ์  
อ่าน: 6883 โกศกระดูกพระเยซู กลายเป็นของปลอม
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
 เมื่อ 20 มิ.ย. 03, 13:03

 ต่อจาก กระทู้
 http://www.vcharkarn.com/snippets/vcafe/show_message.php?Cid=20&Pid=6906&ooc=2

คุณนิลกังขาเข้ามาบอกว่า

คุณ Paganini ทราบแล้วเปลี่ยน

หน่วยงานทางการด้านโบราณคดีของอิสราเอล ออกมาชี้แล้วครับว่า โกศพระเยซูหรือพี่ชายพระเยซูที่ว่านั้น เป็นของปลอมทำเลียนแบบขึ้นในสมัยนี้เอง รายละเอียดอยู่ในข่าวเอพีวันนี้หรือเมื่อวานนี่แหละครับ ใครเมตตาทำลิ้งก์ให้หน่อยเถิด
นิลกังขา  วันที่ 20 มิ.ย. 2546 05:30:28

หาลิ้งค์ไม่เจอค่ะ  คุณPaganini ช่วยเล่าต่อหน่อยนะคะ
บันทึกการเข้า
นิลกังขา
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1012

ทำงานราชการ


ความคิดเห็นที่ 1  เมื่อ 20 มิ.ย. 03, 19:28

 โกศใส่กระดูกที่อ้างว่าเป็นของท่านเจมส์ หรือนักบุญเจมส์ พี่ชายของพระเยซู นั้น เราเคยคุยกันไว้หน่อยหนึ่งในกระทู้ที่คุณเทาชมพูอ้างถึง

ปรากฏว่าข่าวสำนักข่าว AP - Associated Press ประจำวันที่ 18 มิ.ย. แจ้งว่า หน่วยงานทางการทางด้านโบราณคดีของอิสราเอลออกมาแถลงแล้วว่า เป็นของทำปลอมครับ เผอิญผมก็ทำลิ้งก์ไม่เป็นเสียอีก ท่านที่สนใจอาจจะลองให้กู๊เกิ้ลเสิร์จหา ข่าวเอพี วันที่ 18 มิ.ย. ใช้คีย์เวิร์ดว่า กล่องกระดูก เซนต์เจมส์ พระเยซู โบราณคดี อะไรทำนองนั้น น่าจะหาได้ครับ

ตามข่าวว่า ตัวกล่อง (หรือที่คุณปากานีนี่เรียกว่า โกษ) นั้น อาจจะเป็นของเก่าจริง แต่รอยจารึกภาษาฮิบรูหรือภาษาอารามาอิก หรือภาษาอะไรก็ตามแต่ที่คนยิวเขาใช้ตอนนั้น ที่ว่า เป็นกล่องกระดูกของ "เจมส์ (หรือชื่อฮิบรูว่า ยาคอบ) ผู้เป็นพี่ชายของเยซู (หรือชื่อภาษาดั้งเดิมว่าเยชัว) และเป็นลูกชายของโยเซฟ"  รอยจารึกนี่ นักโบราณคดีอิสราเอลเขาว่าปลอมครับ สลักกันในสมัยปัจจุบันนี่เอง

ทำให้นึกถึงเทคโนโลยีการตรวจหาความเก่าแก่ของรอยจารึกที่คุณเทาฯ เคยพูดถึงในกระทู้ที่แล้วครับ

สงสารคุณปากานินี่อยู่อย่างหนึ่งที่ให้บังเอิญข่าวของคุณปากานินี่เกี่ยวกับการค้นพบอะไรต่างๆ ที่คุณปากานีนี่ใจดีเขียนมาลงในข่าววิชาการนั้น กลายเป็นของปลอมไปซะแล้วสองครั้ง ครั้งหนึ่งคือการอ้างว่ามีการค้นพบซากไดโนเสาร์พันธุ์ใหม่ในเมืองจีนอันเป็นเครื่องชี้บ่งว่า ไดโนเสาร์เป็นบรรสัตว์ของสัตว์ปีกพวกนกจริงๆ แต่แล้วก็ปรากฏว่าซากฟอสซิลนั่นอาเฮียแกทำปลอมขึ้น (แต่ไม่กระเทือนทฤษฎีเดิมที่ว่า ไดโนเสาร์ สัตว์เลื้อยคลาน และสัตว์ประเภทนก เป็นญาติกัน เพราะยังมีหลักฐานอื่นๆ ที่ไม่ปลอมสนับสนุนอีกมากมาย) ครั้งนี้เรื่องโกศกระดูกพี่พระเยซู ก็กลายเป็นของปลอมไปซะอีกแล่ว

ใครบอกว่าคนประเภทเปรตอาจารย์กู้หรือสมพงศ์ เลือดทหารหรือเด็กเลี้ยงแกะในนิทายอีสป มีเฉพาะในเมืองไทย เมืองนอกก็มี อย่างในจีน และตะวันออกกลางในข่าวนี้เป็นต้น แม้แต่คนระดับผู้นำชาติอภิมหาอำนาจที่ผมไม่ขอเอ่ยชื่อประเทศหนึ่ง แถลงสุนทรพจน์ที่สำคัญที่สุดของประเทศเขาประจำปี ที่เรียกว่า สะเตท ออฟ เดอะยูเนี่ยน อะไรนั่น ยังกลายเป็นโกหกไปได้เลย เพราะดันไปแถลงอย่างเต็มปาก โดยอาศัยข้อมูลที่ต่อมาภายหลังรู้กันว่าเป็นเอกสารปลอม (และว่ากันว่า ที่จริงไม่ได้รู้ทีหลัง หน่วยข่าวกรองของชาตินั้นรู้มานานแล้วว่าเป็นเอกสารปลอม แต่ไม่รู้ว่าทำไมไม่ได้รายงานผู้นำของตัว) งานนี้ผมไม่รู้ว่าท่านผู้นำตั้งใจโกหกหาข้ออ้างรบ หรือว่าถูกลูกน้องหลอก หรือเกิดพลั้งเผลอผิดพลาดอะไรไปหยิบหลักฐานปลอมชิ้นนี้มาอ้างได้ เสียรังวัดหมดเลย (แต่ถึงยังไงๆ สงครามก็เกิดไปแล้ว และเขาชนะก็แล้วกัน)

ย่อหน้าสุดท้ายนี่นอกเรื่องโบราณคดีไปหน่อยครับ ใครสนใจ โปรดไปตั้งกระทู้ใหม่ได้ ผมอาจจะไปแจม แต่คงพูดโผงผางไม่ได้มากเท่าเก่า ผมอาจจะกระมิดกระเมี้ยนมากขึ้น ไม่ก็อาจจะไม่ว่างไปคุยเลย แต่ท่านที่สนใจลองค้นข่าวต่างประเทศในเร็วๆ นี้ ไม่เกินสิบวันที่ผ่านมานี่แหละ หาคำว่า เยลโลว์เค้ก (เป็นชื่อที่เขาใช้เรียกสารกัมมันตภาพรังสี) ดูเองก็ได้ครับ ให้ข่าวพูดเองดีกว่า อย่าเชื่อผมมาก ผมก็พล่ามบ้าน้ำลายไปเรื่อยเปื่อย
บันทึกการเข้า
paganini
องคต
*****
ตอบ: 406

ทำงาน


ความคิดเห็นที่ 2  เมื่อ 22 มิ.ย. 03, 23:41

 ขอบคุณ คุณเทาชมพูและคุณนิลกังขามากๆ ครับที่อุตสาห์โพสต์มาบอก  ยังงี้ถึงรักกันจริง
ที่จริงเขาก็เริ่มสงสัยมาประมาณ 2-3 เดือนแล้วครับ เพราะผมก็เคยอ่านเจอในข่าวไทยรัฐแต่ตอนนั้นเขาคงยังยืนยันไม่ได้เลยไม่ได้ตีข่าวใหญ่
 http://www.thairath.co.th/thairath1/2546/column/special/mar/2_3_46.asp



ส่วนเรื่องที่คุณนิลกังขาเล่ามานั้น  อยากทราบครับแต่ขี้เกียจหา  ยังไงๆ คุณนิลกังขาช่วยสรุปให้ฟังหน่อยได้เปล่าครับ 555
เอาเป็นตัวละครสมมุติก็ได้
ดีแล้วประชาชนของก๊กนั้นจะได้ทราบสักทีว่าอะไรเกิดขึ้น 5555

อ้อสังเกตนะในวงการโบราณคดีมักมีการค้นพบลวงๆบ่อยจัง
บันทึกการเข้า
บ้านายคำเก่ง
มัจฉานุ
**
ตอบ: 52

ภาควิชาฟิสิกส์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 3  เมื่อ 24 มิ.ย. 03, 18:00

 ฝากเรียนคุณเทาชมพู, คุณนิลกังขา ... และมิตรสหายที่รู้จักทุกท่านครับ

ช่วงนี้ล้านนาค่อนข้างจะยุ่งมาก ... จึงไม่มีเวลามาเล่าเรื่องล้านนา

หวังใจเป็นอย่างยิ่งว่า ... ท่านทั้งหลายคงจะอดทนรอ ชาวล้านนาที่ไม่ค่อยมีภูมิความรู้มากนักคนนี้ ด้วยนะครับ

เรียนมาด้วยความเคารพครับ
บันทึกการเข้า
นิลกังขา
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1012

ทำงานราชการ


ความคิดเห็นที่ 4  เมื่อ 27 มิ.ย. 03, 00:54

 รับทราบเจ้า ถภ้าไปร่วมงานกระทู้บนได้ก็จะไปครับ แต่ว่าสงสัยว่าจะไม่ร่วมไม่ได้ครั้งนี้ ติดไว้โอกาสหน้า



กลับมาว่าเรื่องกระทู้ต่อ ไม่มีใครหาข่าวเอพีที่ว่าเจอหรือครับ? เสียดาย ผมหาเจอแล้ว แต่ทำลิ้งก์ให้ไม่เป็น



ที่จริงผมก็ใช้คำผิดไปหน่อยที่เรียกกล่องนั่นว่าโกศพระเยซู แต่ในข่าวภาษาฝรั่งก็มีฝรั่งบางคนเรียกกล่องนี้ว่า "Jesus' Box" จริงๆ แต่อันที่จริงเป็นกล่องที่อ้างกันว่าเป็นโกศของพี่ชายพระเยซู ไม่ใช่ตัวท่านเอง



ถ้าเชื่อตามพระคริสตประวัติ พระเยซูจะทรงมีพระอัฐธาตุหรือกระดูกอยู่ในโลกไม่ได้ เพราะเมื่อท่านสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อไถ่บาปมนุษยชาตินั้น ผ่านไปสามวันก็กลับทรงฟื้นจากความตาย ทรงเป็นขึ้นมาใหม่ แล้วก็เสด็จขึ้นสวรรค์ไปทั้งพระองค์ ดังนั้นจะมีชิ้นส่วนอวัยวะหรือพระธาตุของท่านอยู่ก็ไม่ได้ จะแย้งกับคริสตประวัติเอง ไม่เหมือนพระพุทธเจ้า ซึ่งมีพระธาตุหรือพระบรมสารีริกธาตุอยู่ เพราะตามประวัติทางศาสนาเองก็รับรองไว้ว่าเมื่อเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานแล้ว เหล่าสาวกก็ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ เสร็จแล้ว มีพระธาตุกระดูกท่านเหลืออยู่ก็แบ่งกันไปบูชา มีคนแบ่งคนสำคัญคนหนึ่งที่ยังมีชื่อปรากฏในคัมภีร์ คือ โทณพราหมณ์



พระเยซูคริสต์ตามประวัติท่านเสด็จขึ้นสวรรค์ไปทั้งองค์ อย่างที่ว่า จึงไม่มีพระคริสตธาตุเหลืออยู่ในโลกได้ เว้นแต่เป็นกระดูกของใครที่อ้างว่าเป็นญาติท่านก็เป็นอีกเรื่อง พระคริสตธาตุที่เป็นเครื่องรำลึกถึงองค์พระเยซูคริสต์ที่ฝรั่งเชื่อนั้น ส่วนมากจะเป็นอย่างที่ทางพุทธดูเหมือนจะเรียกว่าบริโภคเจดีย์ คือเป็นเครื่องใช้ไม้สอยอะไรที่เกี่ยวเนื่องกับท่าน ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของกายองค์ท่านเอง เป็นต้นว่า กางเขนที่ตรึงพระองค์นั้นก็กลายเป็นของศักดิ์สิทธิ์สำคัญอย่างยิ่งในทางศาสนาคริสต์ เรียกว่า กางเขนแท้ หรือฝรั่งเรียกว่า The True Cross หรือถ้วยเหล้าองุ่นที่พระเยซูทรงดื่มในการเสวยพระกระยาหารมื้อสุดท้ายหรือ Last Supper (อันเป็นต้นกำเนิดของพิธีศีลมหาสนิทของทางคริสต์) นั้น ก็กลายเป็นถ้วยศักดิ์สิทธิ์ เรียกว่า Holy Grail เป็นสิ่งที่ปรากฏในตำนานอัศวินฝรั่งโบราณหลายต่อหลายเรื่อง แม้จนกระทั่งมาปรากฏในหนังเรื่องอินเดียน่า โจนส์ อยู่ตอนหนึ่ง คงจำได้นะครับ หรืออีกอย่างที่มีชื่อเสียงก็คือ ผ้าห่อพระศพพระเยซู เมื่อเขาปลดองค์ท่านลงมาจากกางเขน (ก่อนจะทรงคืนชีวิตขึ้นมา) ที่บัดนี้เก็บรักษาอยู่ที่เมืองตูรินในอิตาลี และเกิด "ปาฏิหาริย์" คือ มีรอยพิมพ์ประทับลงไปในเนื้อผ้าเป็นรูปชายคนหนึ่ง ที่หลายๆ คนเชื่อว่าเป็นพระฉายาหรือรูปของพระเยซูเอง แต่บางคนก็ไม่เชื่อหาว่าปลอม ยังเถียงกันอยู่ครับ  



เห็นได้ว่าเป็นอะไรที่เป็นเครื่องใช้ไม้สอยทั้งนั้น ไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับองค์กายท่านเลย ทั้งนี้ ยกเว้นอยู่อย่างหนึ่ง ซึ่งอาจารย์คึกฤทธิ์เคยเล่าไว้ในหนังสือเรื่อง ยิว ของท่าน ผมเห็นแปลกดีก็เลยจำได้ แต่พยายามค้นเรื่องต่อก็ไม่มีข้อมูล อาจารย์คึกฤทธิ์ท่านว่า พระเยซูนั้นทรงกำเนิดมาเป็นยิว เติบโตขึ้นอย่างคนยิว แม้ยามเมื่อทรงพระชนม์อยู่ คนร่วมสมัยก็เรียกท่านว่า "แรบไบ" หรือครูบาของยิว ครอบครัวท่านก็รับนับถือข้อปฏิบัติของโมเสสเช่นเดียวกับยิวทั้งหลาย ดังนั้นเมื่อพระกุมารเยซูทรงเจริญเติบโตถึงอายุขีดขั้นหนึ่ง ก็ทรงเข้าทำพิธีสุหนัด หรือขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศเช่นเดียวกับชายชาวยิวทั้งปวง (และเช่นเดียวกับบุรุษมุสลิมทั้งปวงในสมัยต่อมาด้วย เพราะศาสนายูดายของยิวกับอิสลามของมุสลิมนั้น รวมทั้งศาสนาคริสต์ด้วย ถึงจะมีคนในศาสนาทะเลาะกันบ้างก็เป็นศาสนาพี่น้องเกี่ยวพันกันหมดครับ) หนังของพระเยซูชิ้นนั้นนั่นแหละ เป็นพระคริสต์ธาตุที่เกี่ยวเนื่องกับองค์กายท่านเองอย่างเดียวในโลก และตามที่อาจารย์คึกฤทธิ์ว่า จนบัดนี้ก็ยังมีการเก็บรักษาและสักการะบูชาอยู่ในโบสถ์แห่งหนึ่ง (แต่อยู่ที่ไหนผมก็ไม่ทราบ) เป็นสิ่งสำคัญทั้งในทางศาสนาและในทางประวัติศาสตร์โบราณคดีครับ นี่ผมอ้างตามที่อาจารย์คึกฤทธิ์ท่านว่าไว้นะครับ และอ้างถึงด้วยความเคารพและในฐานะเรื่องน่าสนใจทางประวัติศาสตร์ หวังใจว่าเพื่อนชาวคริสต์ ถ้าได้มาอ่าน คงไม่โกรธ เพราะผมไม่มีเจตนาจะลบหลู่ดูหมิ่นศาสดาของศาสนาใดทั้งสิ้นครับ
บันทึกการเข้า
นิลกังขา
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1012

ทำงานราชการ


ความคิดเห็นที่ 5  เมื่อ 27 มิ.ย. 03, 02:12

 เรื่องของความเชื่อหรือศรัทธาของคน พูดยากครับ ถ้ามันเป็นสิ่งที่คนกลุ่มหนึ่งนับถือ อย่างน้อยเราก็ควรเคารพในศรัทธาของเขาแม้ว่าตัวเราเองจะไม่ได้เชื่อตามที่เขาเชื่อด้วย

ผมขอเล่าตามที่ค้นเจอในฐานะเรื่องน่าสนใจในประวัติศาสตร์ความเชื่อของคนก็แล้วกันครับ

ผมค้นไปค้นมาได้ความว่า พระธาตุหรือ relics ต่างๆ ทางศาสนาคริสต์นั้นดูเหมือนจะเฟื่องฟูอยู่มากในยุโรปสักสมัยกลาง ใกล้ๆ สมัยสงครามครูเสด มีการอ้างกันหลายอย่าง เศษไม้ที่เชื่อว่าเป็นเศษส่วนหนึ่งของ True Cross ก็มีหลายชิ้น หนังพระเยซูชิ้นนั้นก็มีการอ้างกันในหลายโบสถ์ ไม่รู้ชิ้นไหนของจริงกันแน่ แต่ดูเหมือนที่โบสถ์แห่งหนึ่งในฝรั่งเศส จะได้รับการเชื่อถือมากที่สุด ตามประวัติศาสตร์ว่า การเชื่อถือลักษณะนี้ แม้ชาวคริสต์เองก็เห็นไม่ตรงกัน เพราะชาวคริสต์ส่วนหนึ่งเห็นว่างมงาย และกลายเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดการปฏิรูปศาสนา ที่เรียกว่า The Reformation คือ ความเคลื่อนไหวที่ทำให้เกิดนิกายโปรเตสแตนท์ขึ้นด้วย เพราะคริสตศาสนิกจำนวนหนึ่งทนไม่ไหวที่ศาสนจักรโรมันคาทอลิกขณะนั้นเชื่ออะไรกันประหลาดมากมายเหลือเกิน จนท่านคัลแวงอาจารย์ใหญ่ฝ่ายโปรเตสแตนท์คนหนึ่ง (โธ่...นึกว่าใคร เพื่อนบ้านร่วมเมืองเดียวกับผมนี่เอง) เคยเทศน์วิจารณ์ฝั่งโรมันคาทอลิกไว้รุนแรงว่าการนับถือหนังตรงนั้นของพระเยซู และเรื่องอื่นๆ ทำนองนั้น ท่านเห็นว่าเลอะเทอะ

การปฏิรูปศาสนาทำให้ศาสนจักรโรมันคาทอลิกเองก็ต้องปรับปฏิรูปตัวเองเหมือนกัน และในสมัยหลังๆ มานี่ ทางการศาสนจักรคาทอลิกเองก็เคยมีประกาศทำนองว่า อย่าไปสนใจเรื่องทำนองนี้จนมากเกินไป ควรสนใจศาสนาที่ตัวศาสนา คือคำสั่งสอนของพระเยซู จะดีกว่า (ที่จะมัวไปสนใจอวัยวะส่วนไหนของท่าน...)

ซึ่งท่านพูดอีกก็ถูกอีกแหละครับ
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.042 วินาที กับ 19 คำสั่ง