เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: [1]
  พิมพ์  
อ่าน: 10102 ราชสกุล ชุมสาย
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
 เมื่อ 20 พ.ค. 03, 10:04

 เมื่อไม่นานมานี้มีข่าวเกี่ยวกับราชสกุลชุมสาย ลงหนังสือพิมพ์เกือบทุกฉบับ
ตอนนี้เรื่องก็จบลงไปแล้ว  
เรื่องที่จะชวนคุย ไม่เกี่ยวกับข่าวนั้นโดยตรง แต่เป็นเรื่องของราชสกุลนี้ ว่ามีความเป็นมาอย่างไร ค่ะ

"ชุมสาย" เป็นราชสกุลในรัชกาลที่ 3  สืบสายจากพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์เจ้าชุมสาย   กรมขุนราชสีห์วิกรม  พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว  กับเจ้าจอมมารดาเอม (หรือเรียกกันว่า เอมใหญ่)
ประสูติเมื่อวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2359

ทรงกรมเมื่อรัชกาลที่ 4 เป็นกรมหมื่นราชสีห์วิกรม ก่อนเลื่อนขึ้นเป็นกรมขุน
ทรงกำกับกรมช่างศิลาและกรมช่างสิบหมู่

สิ้นพระชนม์เมื่อ พ.ศ. 2411

ประวัติทางฝ่ายเจ้าจอมมารดาเอมใหญ่  เกี่ยวพันกับประวัติศาสตร์สมัยปลายธนบุรีและต้นรัตนโกสินทร์
บิดาของท่านเดิมเป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่ ชั้นสมเด็จพระวันรัตน  อยู่วัดบางว้าใหญ่(วัดระฆัง)

ในตอนปลายกรุงธนบุรี   สมเด็จพระเจ้าตากสินทรงนั่งพระกรรมฐาน
สำคัญพระองค์ว่าทรงบรรลุถึงโสดาบันแล้ว
มีพระราชดำรัสถามพระราชาคณะทั้งหลายว่า
พระสงฆ์จะกราบไหว้ฆราวาสผู้บรรลุโสดาบันได้หรือไม่
สมเด็จพระวันรัตน ถวายพระพรว่า ได้
แต่ก็มีพระเถระบางรูป  ยึดมั่นในพระวินัย กราบทูลว่าไม่ได้  
ต่อให้ฆราวาสบรรลุขั้นไหน พระสงฆ์ก็ไม่ต้องกราบไหว้
ผลคือพระเถระที่ทูลปฎิเสธ ต่างถูกลงโทษไปตามๆกัน

ต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯขึ้นครองราชย์    ทรงนำเรื่องนี้มาชำระอีกครั้ง  
เห็นว่าสมเด็จพระวันรัตนทำผิด  ไม่ปฏิบัติตามพระวินัยพุทโธวาท  ตามพระทัยเจ้านายในทางผิด
สมเด็จพระวันรัตนจึงถูกจับสึก  
กรมพระราชวังบวรมหาสุรสีหนาททรงมีพระอาญาให้เฆี่ยนหลัง 100 ที แล้วให้ประหารชีวิต เพราะทรงมีเรื่องแค้นเคืองกันมาก่อนตั้งแต่สมัยธนบุรี  
แต่สมเด็จฯรอดตายมาได้ เพราะขณะนั้นพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ขณะยังทรงกรมเป็นเจ้าฟ้ากรมขุนอิศรสุนทร  
ทรงอ้อนวอนขอพระราชทานอภัยโทษประหาร  เพราะเคยทรงเล่าเรียนเป็นศิษย์เป็นอาจารย์กันมา ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์  
ทรงกตัญญูรู้คุณอาจารย์

สมเด็จฯก็เลยได้รับการเว้นโทษประหาร  กลายเป็นนายทองอยู่ ฆราวาสธรรมดา

พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงเห็นว่านายทองอยู่มีความรู้แตกฉานเชี่ยวชาญทางภาษา  น่าเสียดายถ้าจะให้อยู่เฉยๆ
ก็เลยทรงโปรดให้เข้ารับราชการเป็นหลวงอนุชิตพิทักษ์
ต่อมาได้เลื่อนเป็นพระยาพจนภิมณฑ์(บางแห่งสะกดว่า พจนาพิมล)

พระยาพจนฯ ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า  จึงถวายธิดาชื่อเอม  เป็นบาทบริจาริกาตั้งแต่ยังทรงเป็นกรมพระราชวังบวรฯในปลายรัชกาลที่ 1  
แต่สมเด็จพระพุทธเลิศหล้าฯทรงเห็นว่าคุณเอม
"เป็นลูกครูบาอาจารย์  จะรับไว้เป็นเมียหาสมควรไม่   ครั้นจะคืนไปก็จะเป็นที่เสียใจแก่บิดา
แต่จะรับไว้เป็นลูกสะใภ้ได้อยู่"
จึงทรงรับคุณเอมไว้ แล้วพระราชทานให้พระเจ้าลูกยาเธอพระองค์ใหญ่  กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์
ซึ่งต่อมาขึ้นครองราชย์เป็นพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
บันทึกการเข้า
นิลกังขา
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1012

ทำงานราชการ


ความคิดเห็นที่ 1  เมื่อ 24 พ.ค. 03, 05:17

 ราชสกุล ชุมสาย ณ อยุธยา นั้น ผมรู้จักชื่อและเคารพสมาชิกในสกุล 2 ท่านครับที่ค่อยใกล้สมัยพวกเราหน่อย คือ ม.ล. มานิต ชุมสาย นักเขียน นักอ่าน และดูเหมือนท่านจะเป็นเจ้าของร้านหนังสือและโรงพิมพ์ด้วย กับคุณสุเมธ ชุมสาย ณ อยุธยา สถาปนิกมือวางอันดับหนึ่ง

ขออนุญาตคุณเทาชมพูครับ ผมอาจจะจำสลับ แต่ผมยังกับนึกว่าพระนามองค์ต้นราชสกุลนั้นคือกรมขุน "สีหราช" วิกรม ถ้าไม่ใช่ ก็ขออภัยครับ ผมอาจจะไปจำสับสนกับพระนามท่านอื่นที่เป็นสีหราชราชสีห์เหมือนกัน (มีสร้อยพระนามใครอีกคนที่คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็น สีหราชเกรียงไกร...?)

ราชสีห์หรือสีหราชก็ตาม + วิกรม แปลว่าสิงโตกล้า

ทำให้ใจเถลไถลคิดไปถึงอีกสกุลหนึ่ง คือ สิงหรา ณ อยุธยา ราชสกุลสายนั้นไม่ทราบว่าท่านผู้ทรงเป็นต้นราชสกุลทรงพระนามอะไรที่เกี่ยวๆ กับสิงโตรึเปล่า

เรื่องพระไหว้คนได้หรือไม่ได้นี่ น่าสนใจทีเดียว เป็นหลักฐานหนึ่งในพงศาวดารที่ใช้อ้างกันว่าพระเจ้าตากสินมหาราชกำลังจะเสียพระสติฟั่นเฟือนในปลายรัชสมัย ธรรมเนียมพุทธสายเถรวาทเรา เพศบรรพชิตถือว่ามีฐานะสูงกว่าเพศคฤหัสถ์ ไม่ว่าคฤหัสถ์นั้นจะทรงภูมิธรรมนั้นไหนก็ตาม ชาวบ้านที่บรรลุธรรมแล้วขั้นใดก็ตามแต่ ยังไงๆ ก็ต้องไหว้พระ แม้แต่พระปุถุชนธรรมดาที่เพิ่งบวชใหม่ในวันนั้น

แต่ก็เชื่อกันในทางพุทธเถรวาทด้วยว่า เพศฆราวาสนั้นเป็นเพศต่ำรองรับคุณธรรมภูมิธรรมขั้นสูงไม่ได้ ดังนั้นชาวบ้านอุบาสกอุบาสิกาถึงถ้าไม่บวช ปฏิบัติธรรมไป ก็บรรลุภูมิธรรมชั้นอริยะระดับต้นได้ คือระดับโสดาบัน เช่น มหาอุบาสกอุบาสิกาชั้นนำในพุทธกาล อย่างนางวิสาขายังงี้ ท่านอนาถปิณฑิกเศรษฐียังงี้ เป็นชาวบ้านยังไม่ได้บวชแต่เป็นโสดาบันกันแล้วทั้งนั้น แต่ถ้าจะให้บรรลุภูมิธรรมชั้นสูงขึ้นไปอีก ความเชื่อทางเถรวาทก็ว่า ต้องบวช เชื่อกันถึงกับว่าถ้าใครเผอิญได้บรรลุอรหัตผลตั้งแต่ยังเป็นคนอยู่ เช่นว่าอาจจะโชคดีมหาศาลพระพุทธเจ้าเทศน์โปรด หรืออย่างไรก็ตาม ก็ต้องบวชเป็นพระภิกษุ (หรือภิกษุณี)ในวันนั้น ถ้าไม่บวช ก็จะถึงปรินิพพานในวันนั้นเหมือนกัน ก็เป็นเกร็ดความเชื่อสายเถรวาทน่ะครับ มีนิทานเรื่องกามนิต ... เอ๊ย เรื่องสาวกพระพุทธเจ้าท่านหนึ่ง ชื่อพาหิยะหรืออะไรก็จำไม่ได้แล้ว อยู่ในคัมภีร์ ท่านได้พบพระพุทธเจ้าแล้วได้สนทนาธรรมกันโดยไม่รู้ว่าเป็นพระพุทธเจ้า คุยกันไปๆ จนกระทั่งบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ จึงได้ทราบว่าพระแก่รูปนั้นทรงเป็นพระพุทธองค์ ก็กราบทูลขอบวช พระพุทธเจ้าก็ประทานพุทธานุญาต ท่านก็รีบออกไปหาสบงจีวรจะมาบวช เผอิญไปถูกวัวบ้าขวิดตายในวันนั้นเอง เรื่องนี้เป็นต้นเค้าให้ฝรั่งเอาไปเขียนเป็นเรื่องกามนิตครับ

ในบ้านเมืองที่ถือพุทธเถรวาทแบบเราก็ยึดธรรมเนียมคล้ายๆ กับเรา เรื่องฐานะพระสูงกว่าคน มีการแยกพุทธจักรและอาณาจักรออกจากกันชัด อำนาจทางฝ่ายอาณาจักรของพระราชาไม่สามารถเข้ามาในวัดได้ แม้จะเป็นพระราชาก็ต้องไหว้พระ แต่ผมเข้าใจว่าพุทธสายมหายานและวัชรยานเขาไม่ได้ถือเช่นนั้นเคร่งเท่าเรา พระจีนหรือทิเบตจึงไหว้คนที่เป็นฮ่องเต้ได้ หรือแม้แต่จะไหว้ (พนมมือให้) คนธรรมดาที่ไปทำบุญก็ได้ การประนมมือของพระท่านเป็นการทักทายแบบพุทธเท่านั้นเอง

หลุดออกนอกกระทู้ไปไกลแล้วครับ
บันทึกการเข้า
paganini
องคต
*****
ตอบ: 406

ทำงาน


ความคิดเห็นที่ 2  เมื่อ 24 พ.ค. 03, 08:31

 ขอบคุณ คุณเทาชมพูครับที่เขียนให้อ่านกัน
แล้วคุณ นกข  ขอบคุณที่นอกเรื่องจนผมได้รู้ว่า กามนิต มีที่มาจากพระไตรปิฎกนี่เอง
ว่างๆจะชวนคุยเรื่องกามนิตผู้แสวงบุณย์ครับ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 3  เมื่อ 25 พ.ค. 03, 09:13

 นักวิทยาศาสตร์/วิศกรในเว็บนี้ อาจรู้จักพวกชุมสายอีกคน คือดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา

พระเจ้าบรมวงศ์เธอชั้น 3  พระองค์เจ้าชุมสาย  มีพระนามทรงกรมว่า กรมขุนราชสีห์วิกรม  ถูกต้องแล้วค่ะ    คำว่า สีห  ในหนังสือเก่าบางเล่มก็มี การันต์ บางเล่มก็ไม่มี

ส่วน เจ้านายอีกพระองค์ที่พระนามทรงกรมคล้ายๆกัน  คือพระเจ้าลูกยาเธอในรัชกาลที่ 5  พระองค์เจ้าวุฒิไชยเฉลิมลาภ  กรมหลวงสิงหวิกรมเกรียงไกร  
ได้เสด็จไปทรงศึกษาวิชาทหารเรือในประเทศอังกฤษ   กลับมารับราชการในกองทัพเรือมาโดยตลอดค่ะ   ทรงเป็นต้นราชสกุล วุฒิชัย

ส่วนราชสกุล สิงหรา   สืบสายมาจากพระราชโอรสในรัชกาลที่ 3 คือพระเจ้าบรมวงศ์เธอชั้น ๓  พระองค์เจ้าสิงหรา  กรมหลวงบดินทรไพศาลโสภณ
บันทึกการเข้า
นิลกังขา
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1012

ทำงานราชการ


ความคิดเห็นที่ 4  เมื่อ 25 พ.ค. 03, 22:48

 ขอบคุณคุณเทาชมพูครับ

ตกอาจารย์ ดร. อาจ-อง ไปท่านหนึ่งจริงๆ ครับ
ท่านก็เป็นนักวิทยาศาสตร์ไทยที่เก่งมากคนหนึ่ง ถึงขนาดที่เคยไปช่วยนาซ่าในโครงการยานไวกิ้งลงดาวพระอังคารมาแล้ว

คุณ Paganini เราเคยคุยกันเรื่องกามนิตกันครับในเรือนไทยกระทู้ไหนผมก็จำไม่ได้ แต่จำได้ว่าคุณพวงร้อยเข้ามาคุยกับผม ผมยังเคยบอกคุณพวงร้อยไปเลย ในฐานะที่ผมไม่ใช่นักดาราศาสตร์ ว่าผมเห็นว่าการบรรยายสภาพในโลกดาว ที่วาสิฏฐีและกามนิตไปเกิดเป็นเทพประจำดาวคู่ (ไบนารี ซิสเต็ม) นั้น น่าสนใจมากเมื่อปรับเทียบกับวิชาดาราศาสตร์สมัยใหม่

ท่านผู้เขียนเรื่องกามนิตเป็นฝรั่งที่ศึกษาพุทธศาสนาและปรัชญาอินเดียอื่นๆ อย่างลึกซึ้งมากครับ ดังนั้นท่านจึงสามารถจับเค้าเล็กๆ น้อยๆ หลายเรื่องในคัมภีร์พระไตรปิฏกและคัมภีร์อื่นมาขยายความ ถ่ายทอดเป็นนิทานแขกได้ราบรื่น ราวกับว่าคนเขียนเป็นแขกเอง
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.049 วินาที กับ 19 คำสั่ง