เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
เมื่อไม่นานมานี้มีข่าวเกี่ยวกับราชสกุลชุมสาย ลงหนังสือพิมพ์เกือบทุกฉบับ ตอนนี้เรื่องก็จบลงไปแล้ว เรื่องที่จะชวนคุย ไม่เกี่ยวกับข่าวนั้นโดยตรง แต่เป็นเรื่องของราชสกุลนี้ ว่ามีความเป็นมาอย่างไร ค่ะ
"ชุมสาย" เป็นราชสกุลในรัชกาลที่ 3 สืบสายจากพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์เจ้าชุมสาย กรมขุนราชสีห์วิกรม พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว กับเจ้าจอมมารดาเอม (หรือเรียกกันว่า เอมใหญ่) ประสูติเมื่อวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2359
ทรงกรมเมื่อรัชกาลที่ 4 เป็นกรมหมื่นราชสีห์วิกรม ก่อนเลื่อนขึ้นเป็นกรมขุน ทรงกำกับกรมช่างศิลาและกรมช่างสิบหมู่
สิ้นพระชนม์เมื่อ พ.ศ. 2411
ประวัติทางฝ่ายเจ้าจอมมารดาเอมใหญ่ เกี่ยวพันกับประวัติศาสตร์สมัยปลายธนบุรีและต้นรัตนโกสินทร์ บิดาของท่านเดิมเป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่ ชั้นสมเด็จพระวันรัตน อยู่วัดบางว้าใหญ่(วัดระฆัง)
ในตอนปลายกรุงธนบุรี สมเด็จพระเจ้าตากสินทรงนั่งพระกรรมฐาน สำคัญพระองค์ว่าทรงบรรลุถึงโสดาบันแล้ว มีพระราชดำรัสถามพระราชาคณะทั้งหลายว่า พระสงฆ์จะกราบไหว้ฆราวาสผู้บรรลุโสดาบันได้หรือไม่ สมเด็จพระวันรัตน ถวายพระพรว่า ได้ แต่ก็มีพระเถระบางรูป ยึดมั่นในพระวินัย กราบทูลว่าไม่ได้ ต่อให้ฆราวาสบรรลุขั้นไหน พระสงฆ์ก็ไม่ต้องกราบไหว้ ผลคือพระเถระที่ทูลปฎิเสธ ต่างถูกลงโทษไปตามๆกัน
ต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯขึ้นครองราชย์ ทรงนำเรื่องนี้มาชำระอีกครั้ง เห็นว่าสมเด็จพระวันรัตนทำผิด ไม่ปฏิบัติตามพระวินัยพุทโธวาท ตามพระทัยเจ้านายในทางผิด สมเด็จพระวันรัตนจึงถูกจับสึก กรมพระราชวังบวรมหาสุรสีหนาททรงมีพระอาญาให้เฆี่ยนหลัง 100 ที แล้วให้ประหารชีวิต เพราะทรงมีเรื่องแค้นเคืองกันมาก่อนตั้งแต่สมัยธนบุรี แต่สมเด็จฯรอดตายมาได้ เพราะขณะนั้นพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ขณะยังทรงกรมเป็นเจ้าฟ้ากรมขุนอิศรสุนทร ทรงอ้อนวอนขอพระราชทานอภัยโทษประหาร เพราะเคยทรงเล่าเรียนเป็นศิษย์เป็นอาจารย์กันมา ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ทรงกตัญญูรู้คุณอาจารย์
สมเด็จฯก็เลยได้รับการเว้นโทษประหาร กลายเป็นนายทองอยู่ ฆราวาสธรรมดา
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงเห็นว่านายทองอยู่มีความรู้แตกฉานเชี่ยวชาญทางภาษา น่าเสียดายถ้าจะให้อยู่เฉยๆ ก็เลยทรงโปรดให้เข้ารับราชการเป็นหลวงอนุชิตพิทักษ์ ต่อมาได้เลื่อนเป็นพระยาพจนภิมณฑ์(บางแห่งสะกดว่า พจนาพิมล)
พระยาพจนฯ ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า จึงถวายธิดาชื่อเอม เป็นบาทบริจาริกาตั้งแต่ยังทรงเป็นกรมพระราชวังบวรฯในปลายรัชกาลที่ 1 แต่สมเด็จพระพุทธเลิศหล้าฯทรงเห็นว่าคุณเอม "เป็นลูกครูบาอาจารย์ จะรับไว้เป็นเมียหาสมควรไม่ ครั้นจะคืนไปก็จะเป็นที่เสียใจแก่บิดา แต่จะรับไว้เป็นลูกสะใภ้ได้อยู่" จึงทรงรับคุณเอมไว้ แล้วพระราชทานให้พระเจ้าลูกยาเธอพระองค์ใหญ่ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ ซึ่งต่อมาขึ้นครองราชย์เป็นพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นิลกังขา
แขกเรือน
สุครีพ
     
ตอบ: 1012
ทำงานราชการ
|
ความคิดเห็นที่ 1 เมื่อ 24 พ.ค. 03, 05:17
|
|
ราชสกุล ชุมสาย ณ อยุธยา นั้น ผมรู้จักชื่อและเคารพสมาชิกในสกุล 2 ท่านครับที่ค่อยใกล้สมัยพวกเราหน่อย คือ ม.ล. มานิต ชุมสาย นักเขียน นักอ่าน และดูเหมือนท่านจะเป็นเจ้าของร้านหนังสือและโรงพิมพ์ด้วย กับคุณสุเมธ ชุมสาย ณ อยุธยา สถาปนิกมือวางอันดับหนึ่ง
ขออนุญาตคุณเทาชมพูครับ ผมอาจจะจำสลับ แต่ผมยังกับนึกว่าพระนามองค์ต้นราชสกุลนั้นคือกรมขุน "สีหราช" วิกรม ถ้าไม่ใช่ ก็ขออภัยครับ ผมอาจจะไปจำสับสนกับพระนามท่านอื่นที่เป็นสีหราชราชสีห์เหมือนกัน (มีสร้อยพระนามใครอีกคนที่คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็น สีหราชเกรียงไกร...?)
ราชสีห์หรือสีหราชก็ตาม + วิกรม แปลว่าสิงโตกล้า
ทำให้ใจเถลไถลคิดไปถึงอีกสกุลหนึ่ง คือ สิงหรา ณ อยุธยา ราชสกุลสายนั้นไม่ทราบว่าท่านผู้ทรงเป็นต้นราชสกุลทรงพระนามอะไรที่เกี่ยวๆ กับสิงโตรึเปล่า
เรื่องพระไหว้คนได้หรือไม่ได้นี่ น่าสนใจทีเดียว เป็นหลักฐานหนึ่งในพงศาวดารที่ใช้อ้างกันว่าพระเจ้าตากสินมหาราชกำลังจะเสียพระสติฟั่นเฟือนในปลายรัชสมัย ธรรมเนียมพุทธสายเถรวาทเรา เพศบรรพชิตถือว่ามีฐานะสูงกว่าเพศคฤหัสถ์ ไม่ว่าคฤหัสถ์นั้นจะทรงภูมิธรรมนั้นไหนก็ตาม ชาวบ้านที่บรรลุธรรมแล้วขั้นใดก็ตามแต่ ยังไงๆ ก็ต้องไหว้พระ แม้แต่พระปุถุชนธรรมดาที่เพิ่งบวชใหม่ในวันนั้น
แต่ก็เชื่อกันในทางพุทธเถรวาทด้วยว่า เพศฆราวาสนั้นเป็นเพศต่ำรองรับคุณธรรมภูมิธรรมขั้นสูงไม่ได้ ดังนั้นชาวบ้านอุบาสกอุบาสิกาถึงถ้าไม่บวช ปฏิบัติธรรมไป ก็บรรลุภูมิธรรมชั้นอริยะระดับต้นได้ คือระดับโสดาบัน เช่น มหาอุบาสกอุบาสิกาชั้นนำในพุทธกาล อย่างนางวิสาขายังงี้ ท่านอนาถปิณฑิกเศรษฐียังงี้ เป็นชาวบ้านยังไม่ได้บวชแต่เป็นโสดาบันกันแล้วทั้งนั้น แต่ถ้าจะให้บรรลุภูมิธรรมชั้นสูงขึ้นไปอีก ความเชื่อทางเถรวาทก็ว่า ต้องบวช เชื่อกันถึงกับว่าถ้าใครเผอิญได้บรรลุอรหัตผลตั้งแต่ยังเป็นคนอยู่ เช่นว่าอาจจะโชคดีมหาศาลพระพุทธเจ้าเทศน์โปรด หรืออย่างไรก็ตาม ก็ต้องบวชเป็นพระภิกษุ (หรือภิกษุณี)ในวันนั้น ถ้าไม่บวช ก็จะถึงปรินิพพานในวันนั้นเหมือนกัน ก็เป็นเกร็ดความเชื่อสายเถรวาทน่ะครับ มีนิทานเรื่องกามนิต ... เอ๊ย เรื่องสาวกพระพุทธเจ้าท่านหนึ่ง ชื่อพาหิยะหรืออะไรก็จำไม่ได้แล้ว อยู่ในคัมภีร์ ท่านได้พบพระพุทธเจ้าแล้วได้สนทนาธรรมกันโดยไม่รู้ว่าเป็นพระพุทธเจ้า คุยกันไปๆ จนกระทั่งบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ จึงได้ทราบว่าพระแก่รูปนั้นทรงเป็นพระพุทธองค์ ก็กราบทูลขอบวช พระพุทธเจ้าก็ประทานพุทธานุญาต ท่านก็รีบออกไปหาสบงจีวรจะมาบวช เผอิญไปถูกวัวบ้าขวิดตายในวันนั้นเอง เรื่องนี้เป็นต้นเค้าให้ฝรั่งเอาไปเขียนเป็นเรื่องกามนิตครับ
ในบ้านเมืองที่ถือพุทธเถรวาทแบบเราก็ยึดธรรมเนียมคล้ายๆ กับเรา เรื่องฐานะพระสูงกว่าคน มีการแยกพุทธจักรและอาณาจักรออกจากกันชัด อำนาจทางฝ่ายอาณาจักรของพระราชาไม่สามารถเข้ามาในวัดได้ แม้จะเป็นพระราชาก็ต้องไหว้พระ แต่ผมเข้าใจว่าพุทธสายมหายานและวัชรยานเขาไม่ได้ถือเช่นนั้นเคร่งเท่าเรา พระจีนหรือทิเบตจึงไหว้คนที่เป็นฮ่องเต้ได้ หรือแม้แต่จะไหว้ (พนมมือให้) คนธรรมดาที่ไปทำบุญก็ได้ การประนมมือของพระท่านเป็นการทักทายแบบพุทธเท่านั้นเอง
หลุดออกนอกกระทู้ไปไกลแล้วครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
paganini
|
ความคิดเห็นที่ 2 เมื่อ 24 พ.ค. 03, 08:31
|
|
ขอบคุณ คุณเทาชมพูครับที่เขียนให้อ่านกัน แล้วคุณ นกข ขอบคุณที่นอกเรื่องจนผมได้รู้ว่า กามนิต มีที่มาจากพระไตรปิฎกนี่เอง ว่างๆจะชวนคุยเรื่องกามนิตผู้แสวงบุณย์ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 3 เมื่อ 25 พ.ค. 03, 09:13
|
|
นักวิทยาศาสตร์/วิศกรในเว็บนี้ อาจรู้จักพวกชุมสายอีกคน คือดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา
พระเจ้าบรมวงศ์เธอชั้น 3 พระองค์เจ้าชุมสาย มีพระนามทรงกรมว่า กรมขุนราชสีห์วิกรม ถูกต้องแล้วค่ะ คำว่า สีห ในหนังสือเก่าบางเล่มก็มี การันต์ บางเล่มก็ไม่มี
ส่วน เจ้านายอีกพระองค์ที่พระนามทรงกรมคล้ายๆกัน คือพระเจ้าลูกยาเธอในรัชกาลที่ 5 พระองค์เจ้าวุฒิไชยเฉลิมลาภ กรมหลวงสิงหวิกรมเกรียงไกร ได้เสด็จไปทรงศึกษาวิชาทหารเรือในประเทศอังกฤษ กลับมารับราชการในกองทัพเรือมาโดยตลอดค่ะ ทรงเป็นต้นราชสกุล วุฒิชัย
ส่วนราชสกุล สิงหรา สืบสายมาจากพระราชโอรสในรัชกาลที่ 3 คือพระเจ้าบรมวงศ์เธอชั้น ๓ พระองค์เจ้าสิงหรา กรมหลวงบดินทรไพศาลโสภณ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นิลกังขา
แขกเรือน
สุครีพ
     
ตอบ: 1012
ทำงานราชการ
|
ความคิดเห็นที่ 4 เมื่อ 25 พ.ค. 03, 22:48
|
|
ขอบคุณคุณเทาชมพูครับ
ตกอาจารย์ ดร. อาจ-อง ไปท่านหนึ่งจริงๆ ครับ ท่านก็เป็นนักวิทยาศาสตร์ไทยที่เก่งมากคนหนึ่ง ถึงขนาดที่เคยไปช่วยนาซ่าในโครงการยานไวกิ้งลงดาวพระอังคารมาแล้ว
คุณ Paganini เราเคยคุยกันเรื่องกามนิตกันครับในเรือนไทยกระทู้ไหนผมก็จำไม่ได้ แต่จำได้ว่าคุณพวงร้อยเข้ามาคุยกับผม ผมยังเคยบอกคุณพวงร้อยไปเลย ในฐานะที่ผมไม่ใช่นักดาราศาสตร์ ว่าผมเห็นว่าการบรรยายสภาพในโลกดาว ที่วาสิฏฐีและกามนิตไปเกิดเป็นเทพประจำดาวคู่ (ไบนารี ซิสเต็ม) นั้น น่าสนใจมากเมื่อปรับเทียบกับวิชาดาราศาสตร์สมัยใหม่
ท่านผู้เขียนเรื่องกามนิตเป็นฝรั่งที่ศึกษาพุทธศาสนาและปรัชญาอินเดียอื่นๆ อย่างลึกซึ้งมากครับ ดังนั้นท่านจึงสามารถจับเค้าเล็กๆ น้อยๆ หลายเรื่องในคัมภีร์พระไตรปิฏกและคัมภีร์อื่นมาขยายความ ถ่ายทอดเป็นนิทานแขกได้ราบรื่น ราวกับว่าคนเขียนเป็นแขกเอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|