ครูไผ่
มัจฉานุ
 
ตอบ: 55
ศึกษานิเทศก์
|
ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ใกล้เมืองซัวเถา เมื่อหลายสิบปีก่อน .......... ลูกตัวร้อนจี๋... ลูกไม่ยอมกินนม ... ลูกหอบตัวโยน ... ลูกหายใจไม่ทัน ... กระตุก ... สาวน้อยวัยสิบแปด กอดลูกน้อยคนแรกวัยไม่กี่เดือนไว้แนบอกอย่างตกใจ วุ่นวาย สับสน .......... ข้างนอกห้อง ได้ยินเสียงคุณปู่ (คุณอาผู้เสมือนพ่อของสามี) ซึ่งกลับมาจากไปธุระข้างนอก บอกกับคุณย่า (อาสะใภ้ของสามี) "ข้างนอก มีคนเตียะอุง ตายกันหลายบ้านแล้ว เพิ่งคุยกันอยู่ดี ๆ เมื่อสองสามวันนี้เอง" .......... เมืองจีนในอดีต หลาย ๆ ปีจะมีครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นช่วงที่อุณหภูมิ ความชื้นและสภาพความกดของอากาศอยู่ในระดับที่เหมาะสมกับการแพร่พันธุ์อย่างรวดเร็วของเชื้อโรคชนิดหนึ่งซึ่งทำให้ผู้คนป่วยอย่างเฉียบพลันและล้มตายเหมือนใบไม้ร่วงจากการระบาดของเชื้อซึ่งฟุ้งกระจายอยู่เต็มในอากาศ
สาวน้อย คุณแม่ลูกอ่อน ก็เคยได้ยินผู้เฒ่าผู้แก่เล่าถึงเรื่องโรคระบาดชนิดนี้มาตั้งแต่จำความได้ และครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้รับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นจริง หรือลูกน้อยในอ้อมอกจะ "เตียะอุง" !!
คนจีนโบราณเรียกการระบาดของโรคชนิดนี้ว่า "เตียะอุง" (สำเนียงจีนแต้จิ๋ว) เตียะ แปลว่า โดน ติด หรือระบาด อุง แปลว่า ร้อน เนื่องจากผู้ป่วยโรคนี้จะมีไข้สูงมาก และมักจะรักษาไม่ทัน .......... เธอทบทวนเหตุการณ์ก่อนที่ลูกจะมีอาการ เมื่อเช้านี้ มีเทศกาลแห่พระ เธออุ้มลูกน้อยออกไปเบียดเสียดดูแห่กับเขาด้วย แต่เมื่อเช้านี้ ยังไม่ได้ยินข่าวคนตายกัน คนที่ตายในขณะนี้อาจจะติดเชื้ออยู่ก่อนแล้วและออกมาแพร่เชื้อโดยที่เจ้าตัวก็ไม่รู้...
ดึกแล้ว อาการของลูกยิ่งรุนแรงขึ้น ในสภวะที่มีข่าว "เตียะอุง" เกิดขึ้นในชุมชนอย่างนี้ ไม่มีใครกล้าออกไปนอกบ้าน และไม่มีบ้านไหนกล้าเปิดประตูรับแขก เพราะในวัฒนธรรมจีนโบราณผู้คนจะได้รับการบอกเล่าให้ทราบถึงภัยของสภาพ "เตียะอุง"มาตั้งแต่จำความได้ และคนจีนโบราณเรียกปีที่มีการ "เตียะอุง" ว่า "ฮิองนี้" (ปีดุ) ฮิอง (อ่านให้เป็นพยางค์เดียว) แปลว่า ดุ ร้าย นี้ แปลว่า ปี (สำเนียงจีนแต้จิ๋ว) .......... เธอกอดลูกไว้ทั้งคืน แม่จะทำอย่างไรดี พ่อก็อยู่ไกล ไม่ได้รับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นกับลูกและสภาพจิตใจของแม่ในขณะนี้ (สามีของเธอมีแม่เป็นคนไทยและพ่อเสียชีวิตไปตั้งแต่เด็ก คุณอาผู้เสมือนพ่อได้พาเขามาแต่งงานกับเธอที่เมืองจีน และสามีเธอได้เดินทางกลับเมืองไทยไปแล้วตั้งแต่ลูกน้อยยังอยู่ในครรภ์) คุณปู่ (คุณอาผู้เสมือนพ่อของสามี) เพิ่งส่งข่าวเธอให้กำเนิดลูกน้อยไปให้สามีทราบเมื่อไม่นานมานี้เอง ............ ลูกหายใจถี่จนแน่นิ่งไปก่อนฟ้าสาง ลูกยังเล็กเกินว่าที่จะบอกเล่าถึงความเจ็บปวดที่ได้รับ เธอเห็นสายตาของลูกที่มองมายังเธอเหมือนจะบอกลา พร้อมน้ำตาที่ทะลักออกมาก่อนสิ้นลม!! ลูก..ตาย...แล้ว
ที่ห้องติดกัน คุณอาของลูก (เด็กน้อยลูกคนสุดท้องของคุณปู่) ก็สิ้นลมไปภายในอ้อมกอดของคุณย่าวัยกลางคน ในเวลาไล่เลี่ยกัน
ส่วนเธอ คุณปู่ และคุณย่า รอดชีวิตมาได้ ทั้ง ๆ ที่กอดผู้ป่วยไว้แนบอกโดยไม่ได้มีการป้องกันตัวแต่อย่างใด !!
สิบหกปีหลังจากเหตุการณ์วิปโยค และหลังจากสงครามโลกครั้งที่สองสงบลงแล้ว เธอเดินทางมาอยู่กับสามีที่เมืองไทย ด้วยสุขภาพที่ดีเยี่ยมตราบจนวาระสุดท้ายของชีวิต เธอถึงแก่กรรมด้วยสภาวะโลหิตเป็นพิษในวัยแปดสิบเศษ เนื่องจากหัวใจขอพักการทำงานอย่างถาวร ไม่ยอมสูบฉีดเปลี่ยนโลหิตดำให้เป็นโลหิตแดงอีกต่อไป .........................................................................
ที่ยกเรื่องนี้มาเล่า เพราะทราบว่า ขณะนี้มีบางคนวิตกกังวลกับโรคไข้หวัดมรณะ (ปอดบวมมรณะ) จนไม่เป็นอันทำอะไร ไม่กล้าไปไหน ไม่กล้าเดินใกล้ใคร ฯลฯ ระแวงไปหมดจนใกล้เป็นโรคประสาทไปแล้ว
ขอให้รักษาสุขภาพ ระมัดระวังและป้องกันตัวให้ดีเท่าที่ทำได้ แล้วทำใจให้สบาย อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิดไป เห็นไหมว่า แม้เธอผู้นั้นจะไม่ได้เสียชีวิตเมื่อตอนอายุสิบแปด แต่พอล่วงเข้าวัยแปดสิบ เธอก็ต้องจากไปอยู่ดี จะเร็วหรือจะช้าก็ต้องไปค่ะ ทำให้ดีที่สุด เท่าที่จะทำได้ แล้วทำใจให้สบาย จะไปก็ไปอย่างมีความสุขค่ะ (ฮิ ๆ ปลอบใจตัวเองค่ะ เป็นคนกลัวเชื้อโรคมาก ๆ เลย)
|