สิงคโปร์มีหมากฝรั่งขายแล้ว

[รตา]

 เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ฟังข่าวBBCตอนช่วงเช้าว่าสิงคโปร์ผ่อนปรนให้ขายหมากฝรั่งได้แล้ว ซึ่งเมื่อก่อนสิงคโปร์เป็นประเทศเดียวในโลกก็ว่าได้ที่ไม่มีการจำหน่ายหมากฝรั่งเลย ด้วยเหตุผลประการเดียว คือ ต้องการรักษาความสะอาด ไม่อยากให้เศษหมากฝรั่งติดตามพื้นหรือลิฟต์ แต่เมื่อไม่นานมานี้มีการโต้แย้งจากพวกสิงห์ขี้ยาที่อยากจะเลิกว่า เขาไม่สามารถหาหมากฝรั่งไว้เคี้ยวทดแทนได้ (เวลาเปรี้ยวปาก) พร้อมกันนั้นสิงคโปร์ก็ได้รับการกดดันจากอเมริกาที่จะทำข้อตกลงการค้าเสรี (Free Trade Agreement) ในการให้มีการจำหน่ายหมากฝรั่งขึ้นในสิงคโปร์

ข้อตกลงนี้ประสบความสำเร็จเมื่อต้นอาทิตย์ (ประมาณ19 พฤศจิกายน) ว่าให้มีการขายหมากฝรั่งได้  แต่มีข้อแม้คือ การขายหมากฝรั่งนั้นจะต้องใบสั่งยาจากแพทย์เท่านั้น ฉะนั้นเจ้าหมากฝรั่งนี่ก็จะมีขายแต่ในร้านขายยา ไม่ใช่ขายตามซุปเปอร์มาร์เก็ตในส่วนของขนมขบเคี้ยวเหมือนเมืองไทยค่ะ

(ข้อมูลได้จากข่าวBBCและThe Straits Times, Nov23 2002)

[ทองรัก]

 ขอบคุณคุณรตา ค่ะที่มาเล่าสู่กันฟัง
แต่สงสัยจังค่ะ ทำไมเขาใช้วิธีห้ามขายหมากฝรั่ง
แทนที่จะใช้วิธีฝึกอบรมให้พลเมืองมีระเบียบวินัยไม่ทิ้ง
เศษหมากฝรั่งไว้ในที่ที่ไม่สมควรทิ้งนะ

[รตา]

 คิดว่าลักษณะการเมืองเขาเป็นแบบDictator หรือผู้นำชี้นำหน่อยๆค่ะ แล้วการที่จะอบรมพลเมืองให้มีระเบียบวินัยนั้น คงจะต้องใช้เวลานาน เลยออกกฎอย่างนี้ซะเลย ได้ผลรวดเร็วดี อันนี้เป็นความเห็นว่วนตัวนะคะ

อ้อ ขอแนะนำตัวเองหน่อยนะคะ เป็นสมาชิกใหม่ค่ะ ตามสายลิ้งค์มาจากกระทู้เพชรนิลจินดาของคุณเทาชมพูค่ะ เป็นเวบบอร์ดที่๒ ที่รู้สึกปิ๊ง อยากพูดคุยด้วย ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ

[CrazyHOrse]

 ปัญหาเรื่องหมากฝรั่งของสิงคโปร์ในความเห็นของผม ผมว่าเป็นเพราะภาระในการจัดการกับหมากฝรั่งนั้นหนักหนาสาหัสมาก เราสามารถอบรมสั่งสอนคนได้ แต่เราไม่สามารถกะเกณฑ์ว่าการอบรมนั้นจะได้ผล 100% ได้หรอกครับ ยังมีคนแหกกฏเสมอในทุกสังคม แค่ 0.01% ที่ทิ้งหมากฝรั่งลงบนพื้นก็สร้างปัญหามากมายแล้วครับ(ลองคิดดูนะครับว่าอะไรบ้าง)

เรื่องห้ามสูบบุหรี่ก็อีกเรื่องหนึ่ง ผมเคยไปสิงคโปร์ตอนที่เขาห้ามสูบบุหรี่ใหม่ๆ เข้าห้องน้ำในห้างฯจะเจอคนแอบสูบบุหรี่ในห้องน้ำประจำเลยครับ ทั้งๆที่เขาห้าม แต่การห้ามแบบนี้นั่แหละ มันก็เหตุผลเดียวกับห้ามกินหมากฝรั่ง เพราะพิจารณาแล้วเห็นว่าไม่มีข้อดีเลยแม้แต่อย่างเดียว การที่กฎหมายห้ามการสูบในที่สาธารณะเป็นการส่งสัญญาณทางสังคมว่าพฤติกรรมนี้ไม่พึงประสงค์ครับ เชื่อว่าเยาวชนจะลดอัตราการติดบุหรี่ได้ถ้าเข้มงวดจริงครับ

งานนี้ของตีมือให้ผู้รับผิดชอบในกระทรวงสาธารณสุข แต่ถ้าไม่เข้มงวดจับจริงผมจะกลับมาตีเข่านะครับ หนอยแน่... หลอกให้ดีจายยยยย    

[จ้อ]

 เคยได้ยินข่าว (คิดว่าจากบีบีซีอีกนั่นแหละ) เขาว่าเด็กรุ่นใหม่ๆ ของสิงคโปร์ไม่มองตัวเองว่าเป็นชาวเอเชียซะแล้ว แต่มองว่าเป็นฝรั่งตาน้ำข้าวไป ก็น่าแปลกดี แต่ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะจริงแค่ไหน เพราะสิงคโปร์นั้นมีตั้งหลายเชื้อชาติ ทั้งจีน มาเลย์ อินเดีย อีกอย่างท่าน ลีกวนยู ไม่น่าจะปล่อยได้ชนาดนั้น

คิดไปอีกที เด็กแถวๆบ้านผมพอแมนยูแพ้ทีแทบจะกินข้าวไม่ได้ ไม่รู้เหมือนกันว่ากลายเป็นคนเมืองแมนเซสเตอร์ตั้งแต่เมื่อไหร่ ที สินธนา แช่งกับทหารอากาศไม่เห็นมีใครดู ... ฮ่าๆๆ

[ทองรัก]

 เห็นภาพการจัดการกับหมากฝรั่งเศสตามที่คุณ CrazyHorse บอกเลยค่ะ ว่าถ้ามีคนแหกกฎนี่มันจะยุ่งยากขนาดไหน
ตัวเองเคยมีประสบการณ์แบบนี้เหมือนกันค่ะ แต่เป็นฝ่ายก่อเหตุนะคะ ไม่ใช่ฝ่ายจัดการ  สมัยเรียนอยู่ ป.4 เคยโดนเพื่อนผู้ชายแกล้งแล้วทำอะไรเขาไม่ได้ เลยแอบเอาหมากฝรั่งไปติดผมเค้าค่ะ  ปรากฏว่ายิ่งดึงออกมันยิ่งติดนุงนังไปหมด เพื่อนคนนั้นเลยต้องเอากรรไกรตัดออกค่ะ    

[อ้อยขวั้น]

 เค้าห้ามแล้วทำได้จริงนะคะ  ไม่เหมือนบ้านเรา  รณรงค์ห้ามทิ้งขยะ จับปรับ ได้ชั่วครู่ชั่วยาม  ตอนนี้ชักเหลวอีกแล้ว  วันก่อนแม่ค้าร้านอาหารห้องแถวโยนถุงขยะแหมะบนทางเดินเท้า  ทั้งๆ ที่เดินมาอีกหน่อยถังขยะก็ตั้งหราอยู่ตรงนั้นเอง  แล้วก็ชอบจังเลยเทน้ำล้างผักล้างจานลงบนถนน  แฉะไปหมด

ที่เด็กแถวบ้านกินข้าวไม่ได้เวลาผีแดงแพ้น่ะ  แทงไว้เยอะจนสตางค์หมดกระเป๋าหรือเปล่าคะคุณจ้อ? อิอิ

[caeruleus]

 ขอนอกเรื่องนะคะ ไปฟุตบอลต่ออีกสักหน่อย
ชาวแมนเชสเตอร์แท้ๆ ๙๙% จะเชียร์ทีม แมนเชสเตอร์ซิตี้ นะคะ (ถ้าให้เลือกระหว่าง ๒ ทีม)
ไม่ทราบว่าเพราะอะไร
แล้วก็ ๙๕% ของคนที่เชียร์ทีม ยูไนเต็ด ไม่เคยไปที่ old trafford หรือกระทั่งประเทศอังกฤษเลย

[VSL]

 ขอกลับเข้ามาเรื่องกฏหมายหมากฝรั่งต่อนะครับ
ผมคิดว่าการออกกฏห้ามเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ากว่าการอบรมนะครับ เพราะวิธีอบรม เราจะต้องทำต่อไปเรื่อยๆกับเยาวชนรุ่นต่อๆไป และถ้าอบรมเฉยๆโดยไม่มีกฏห้าม มันจะดูเหมือนว่าการอบรมนั้นไร้เหตุผล(เหมือนว่าไม่ผิดแล้วมาห้ามทำไม)