สวัสดีคุณพวงร้อยครับ
ชอบ flashers 2 ตัวนั่นครับ
ได้ความจากเว็บของทางศาสนจักรคาทอลิกไทยว่า วัน "สมโภชนักบุญทั้งหลาย" นั้น คือวันที่ 1 พ.ย. ดังนั้นคืนวันก่อนวันที่ 1 พ.ย. คนไอริชจะเรียกว่าเป็น Hallow E'en ก็คงได้ เหมือนกับคริสตมัสอีฟ คือคืนก่อนวันคริสต์มาส
แต่ผมสงสัยว่ามีการเปลี่ยนแปลงในปฏิทินหรือเปล่า เพราะวันที่ 2 พ.ย. นั้น เป็นวันที่ศาสนจักรคาทอลิกกำหนดไว้ให้ระลึกถึงความตาย และคนตายญาติพี่น้องมิตรสหายที่ล่วงลับไปแล้ว เรียกว่า "วันระลึกถึงวิญญาณในไฟชำระ" ไฟชำระนี่อธิบายง่ายๆ ก็คือสถานที่หนึ่งที่คาทอลิกว่า วิญญาณตายไปแล้วต้องไปอยู่ครับ ถ้าไม่ขึ้นสวรรค์หรือลงนรกไปก่อน จะเห็นได้ว่าเนื้อหาของวันที่ 2 พ.ย. นี่ใกล้ๆ กันกับวันฮัลโลวีนชอบกลอยู่ ไม่รู้ว่าเป็นการเอามาสลับกันทีหลังหรือไม่
ผมเคยมีข้อสังเกตว่า ธรรมเนียมของศาสนาหรือวัฒนธรรมหรือชุมชนต่างๆ นั้น ไล่ไปไล่มาก็มักมีแนวคิดคล้ายกันในรอบปี วันฮัลโลวีนของฝรั่งไอริชเป็นวันปล่อยผี วันแถวๆ นั้น (แต่ไม่ตรงวันกันเป๊ะ) ของศาสนจักรคาทอลิกปัจจุบันเป็นวันระลึกถึงผี วันสารทของไทยเราเดิมเป็นวันทำบุญให้ผี (บรรพบุรุษ) เทศกาลหนึ่งของจีนที่เรียกว่า Hungry Ghosts Festival ก็เป็นวันทำบุญเซ่นผีเปรตเร่ร่อนที่อดอยาก (คนจีนเมืองไทยจะเรียกวันสารทจีนหรือไม่ก็ไม่แน่ใจ ที่มีทำบุญทิ้งกระจาดกันน่ะครับ) แถมยังมีเทศกาลเช็งเม้ง หรือชิงหมิงให้ไหว้รำลึกถึงผีบรรพบุรุษอีก
แล้วก็มีวันรื่นเริงเสร็จงานเก็บเกี่ยว อันนี้มีตรงกันหลายชาติ มีวันเริ่มต้นปลูกพืชหน้าใหม่ของรอบปี อย่างของเราก็วันพืชมงคล ของชนกลุ่มอื่นๆ ก็มี
มีช่วงสงบใจหยุดพักเรื่องทางโลกชั่วคราวเพื่อหันไปสนใจเรื่องทางจิตใจ ซึ่งมีตั้งแต่ช่วงเข้าพรรษาของไทยพุทธ Lent ของฝรั่ง เดือนถือศีลอดของมุสลิม กระทั่งเทศกาลกินเจของจีน คอนเซ็ปต์คล้ายๆ กัน
ว่ากันถึงเรื่องการแต่งตัวแฟนซีเป็นผีเล่นสนุกกัน ของไทยเราก็มีประเพณีผีตาโขน ใครทราบรายละเอียดมั่งครับ ช่วยเล่าหน่อย ผมคลับคล้ายคลับคลาว่าไทยเราลากเรื่องให้ไปเกี่ยวกับพระพุทธประวัติตอนออกพรรษาปีหนึ่งที่พระพุทธเจ้า (ตามตำนาน) เสด็จขึ้นไปโปรดพระพุทธมารดาบนสวรรค์ และประทับจำพรรษาที่บนนั้น 3 เดือน เมื่อออกพรรษาเสด็จกลับลงมาในโลก ทรงแสดงปาฎิหาริย์เปิดโลกให้สัตว์ในภพภูมิต่างๆ ทั้งเทวดา พรหม คน สัตว์ ผีนรก เห็นกันและกันหมด เป็นมหาชุมนุม พวกผีก็มาเฝ้ารับเสด็จพระพุทธเจ้าด้วย ต่างรื่นเริงโลดเต้นสนุกสนาน ... กลายเป็นตำนานผีตาโขน
