หึหึ เข้าไปอ่านกระทู้ที่คุณวีณาฯ ว่ามาแล้ว ก็สมควรมึนอยู่หรอกครับ
ยังไงก็รีบกลับมาเล่าก็แล้วกันนะครับ เพื่อนๆ หลายคนรออยู่ ^_^
......................................................
คัดมาฝากคุณหนุ่มบ้านนาฯ จากเว็บเดิมครับ ต้นฉบับเต็มก็ลองไปเยี่ยมที่ URL
http://anurakthai.cscoms.com/anurakthai/thai/rite/rite5.htm' target='_blank'>
http://anurakthai.cscoms.com/anurakthai/thai/rite/rite5.htm นะครับ
......................................................
ในการจัดพิธีไหว้ครูโขน - ละคร จะเห็นได้ว่าในพิธีจะมีหัวโขนหรือศีรษะครู
ที่เป็นเสมือนตัวแทนของครูแต่ละองค์ นำมาตั้งประกอบในพิธีมากมายตามโอกาส
และความพร้อมของผู้จัด ในเรื่องของประวัติเทพเจ้าที่เกี่ยวข้อง ลักษณะที่สำคัญ
ตลอดทั้งความสำคัญของหัวโขนเทพเจ้าที่พอจะนำมาเป็นตัวอย่าง ได้แก่
๑.หัวโขนพระอิศวร แทนองค์พระอิศวร เป็นเทพเจ้าผู้ทำลายล้าง
๒.หัวโขนพระนารายณ์ แทนองค์พระนารายณ์ เป็นเทพเจ้าผู้บริหาร และรักษาโลก
๓.หัวโขนพระพรหม แทนองค์พระพรหม เป็นเทพเจ้าผู้สร้างโลก
๔.หัวโขนพระอินทร์ แทนองค์พระอินทร์ เทพเจ้าผู้คอยช่วยเหลือคนดี
๕.หัวโขนพระพิฆคเณศ แทนองค์พระพิฆคเณศ เทพเจ้าแห่งความรู้ สติปัญญา
....และศิลปศาสตร์
๖.หัวโขนพระวิสสุกรรม แทนองค์พระวิสสุกรรม เทพเจ้าแห่งการช่าง และการก่อสร้าง
๗.หัวโขนพระปรคนธรรพ แทนองค์พระปรคนธรรพ เป็นครูทางปี่พาทย์
๘.หัวโขนพระปัญจสีขร แทนองค์พระปัญจสีขร เป็นครูทางด้านดนตรี (เครื่องสาย)
๙.หัวโขนพระพิราพ แทนองค์พระพิราพ เป็นเทพแห่งการประสบโชค
....และความตาย ศิลปินโขน - ละครไทย ให้ความเคารพในฐานะเป็นครู
....ในวิชาดุริยางคศาสตร์ และนาฏศิลป์
๑๐.หัวโขนพระฤาษีกไลโกฎ พระภรตฤาษี พระฤาษีตาวัว พระฤาษีตาไฟ
....แทนองค์พระฤาษีกไลโกฎ พระภรตฤาษี พระฤาษีตาวัว พระฤาษีตาไฟ
....เป็นครูทางด้านการฟ้อนรำ ที่ศิลปินมักกล่าวถึงเสมอโดยเฉพาะพระภรตฤาษี
...................................................................
ขอเพิ่มเติมสักนิดครับ ในหัวข้อที่ ๖ พระวิสสุกรรม หรือพระเวสุกรรม หรือพระวิศนุกรรม
ในที่นี้นับถือว่าเป็นเทพผู้ให้กำเนิดเครื่องดนตรีทั้งปวงที่นำมาเล่นกันครับ
ส่วนในหัวข้อที่ ๙ พระพิราพ พระพิราพเป็นยักษ์กายสีม่วง ลักษณะหัวโขนที่นำมาใช้
จะเป็นยักษ์หัวโล้น ไม่ใส่มงกุฏครับ ในความเชื่อของนักดนตรีปี่พาทย์ และคนรำ
ถือว่าเพลงตระองค์พระพิราพเป็นเพลงหน้าพาทย์ชั้นสูงที่สุด ผู้ที่จะต่อเพลงนี้ได้
ต้องมีอายุเกินสามสิบปี เคยบวชเรียนมาแล้วไม่น้อยกว่าหนึ่งพรรษา และที่สำคัญ
ต้องผ่านการไหว้ครู และครอบครูปี่พาทย์ตามลำดับมาแล้ว ๔ ขั้นตอน (๔ ครั้ง) ครับ
ส่วนท่ารำเพลงตระองค์พระพิราพถือเป็นท่ารำชั้นสูงสุดของฝ่ายโขน เหมือนกันครับ
คนที่จะต่อท่ารำนี้ได้ก็มีข้อกำหนดมากมายเหมือนกัน ทำให้ในแต่ละยุคมีคนที่
ได้ครอบครูองค์พระพิราพ สามารถรำท่ารำนี้ได้น้อยยิ่งกว่าน้อยคือไม่เกินหนึ่งหรือสองคน
มีรายละเอียดเรื่องพระราชพิธีพระราชทานครอบประธานประกอบพิธีไหว้ครูโขนละคอน
และพิธีต่อท่ารำเพลงหน้าพาทย์องค์พระพิราพมาฝากจากเว็บเดิมครับที่ URL
http://anurakthai.cscoms.com/anurakthai/thai/rite/rite.htm' target='_blank'>
http://anurakthai.cscoms.com/anurakthai/thai/rite/rite.htm......................................................................
ส่วนกรณีของมหาเทพทั้งสามที่มาอยู่ในพิธีไหว้ครูนี้ด้วยเข้ามาในฐานะเทพผู้เป็นประธาน
เกี่ยวกับเรื่องดนตรี และนาฏศิลป์ ผมนึกไม่ออกเหมือนกันนะครับว่าพระนารยณ์ กับ
พระพรหมท่านมาเกี่ยวข้องด้วยได้อย่างไร เท่าที่นึกออกก็มีแต่พระอิศวรนี่แหละครับ
อย่างน้อยๆ ก็มีสองตำนานที่กล่าวถึงบทบาทของพระอิศวรกับดนตรี และนาฏศิลป์
เรื่องแรกก็คือกำเนิดแม่แบบของท่ารำนาฏศิลป์ จากที่เราเห็นได้ในรูปปั้น "ศิวนาฏราช"ครับ
ผมไม่แน่ใจว่าพระอิศวรร่ายรำขึ้นมาเพื่อที่จะเบี่ยงเบนความสนใจ หรือสร้างความพอใจ
ให้แก่พระอุมาในภาคของเจ้าแม่กาลี หรือนางทุรคากันแน่ หรืออาจจะคนละกรณีเลยก็ได้
อีกตำนานที่พระอิศวรเกี่ยวข้องกับดนตรีคือตำนานกำเนิดเพลงหน้าพาทย์ "สาธุการ" ครับ
เล่ากันว่าพระอิศวรเกิดอยากจะลองฤทธิ์ขององค์พระพุทธเจ้า เลยมาขอท้าทาย
แต่รายละเอียดเป็นยังไงผมก็จำไม่ได้แล้วครับ เพราะอ่านเรื่องนี้มาเกือบยี่สิบปีแล้ว
เท่าที่จำได้ก็คือสุดท้ายพระพุทธเจ้าได้สำแดงปาฏิหารย์ขึ้นไปอยู่บนมวยผมของพระอิศวร
พระอิศวรจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถทำให้พระพุทธเจ้ายอมลงมาได้ จนสุดท้ายก็ต้องสร้าง
เพลงขึ้นมาก็คือเพลงหน้าพาทย์"สาธุการ"เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อองค์พระพุทธเจ้า
เห็นได้ว่าจากเนื้อเรื่องตำนานนี้ไทยแต่งแน่นอนครับ แต่ดูจะออกแนวปาฏิหารย์มากไปหน่อย
ส่วนเพลง"สาธุการ"เป็นอย่างไร เพื่อนๆก็ลองนึกถึงเวลามีงานพิธีไหว้ครูของแต่ละโรงเรียน
เวลาที่ประธานจุดธูปเทียน และ/หรือระหว่างที่กำลังถือพานเข้าไปไหว้ครู เพลงที่บรรเลง
ในขณะช่วงเวลานั้นก็คือเพลงสาธุการนี่แหละครับ
...........................................................
วันนี้คุณย่อหน้าใหม่เข้ามาแวะเยี่ยม ไม่เล่าเรื่องผีดราวิเดียนกับผีอารยันเสียหน่อยรึครับ
หรือไม่ก็รบกวนคุณเทาชมพูเจ้าของเรือนเข้ามาเล่าให้ฟังเรื่องเทพท้องถิ่นนี้ด้วยนะครับ
ระหว่างที่รอผมมีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มาเล่าสู่กันฟังสักนิด แต่ไม่ค่อยละเอียด
อารยธรรมที่เคยเจริญในแถบนี้มาก่อนเรียกว่าอารยธรรม Indus Valley เมืองที่เป็นศูนย์กลาง
ก็มี Mohenjo Daro แล้วก็ Harappa ครับ จะรุ่งเรืองอยู่ช่วงปี 2500 - 1700 ปีก่อน ค.ศ.
ซึ่งหลังจากนั้นก็ถูกชนเผ่าอารยันจากที่ราบสูงอิหร่าน ที่นับถือลัทธิฮินดูเข้ามาปกครอง
เรื่องความเชื่อของชาวพื้นเมืองอินเดียโบราณหรือชนเผ่าดราวิเดียนก่อนที่จะชาวถูกอารยัน
เข้ามาปกครองและครอบงำความเชื่อนี่ เขาก็นับถือเทพเหมือนกันนะครับแต่คติที่มีต่อเทพ
ของชนเผ่าดราวิเดียนจะแตกต่างกันอย่างมากจากชนเผ่าอารยัน ที่บอกว่าต่างกันมากก็คือ
เทพเจ้าของดราวิเดียนจะมีเกิดมีตายเหมือนมนุษย์ครับ แต่จะมีอิทธิฤทธิ์และอายุยืนยาวกว่า
เทพเจ้าจะสามารถเกิดใหม่ได้ แต่สำหรับมนุษย์เกิดใหม่ไม่ได้ครับ เพราะเขาไม่เชื่อเรื่อง
การกลับชาติมาเกิด มนุษย์จะมีโอกาสเกิดมาได้ครั้งเดียวเท่านั้น หลังจากตายไปแล้ว
จะได้ขึ้นสวรรค์ไปอยู่กับพระเจ้าหรือตกนรกก็ขึ้นอยู่กับการประพฤติตัวในยามที่ยังมีชีวิตอยู่
(ข้อมูลจาก
Encyclopedia of World Religions, Octopus Books Limited, 1971 p.118)
...........................................................