เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 2 [3]
  พิมพ์  
อ่าน: 20290 "เยาวราช" คือใคร
ฝอยฝน
ชมพูพาน
***
ตอบ: 104

architect


ความคิดเห็นที่ 30  เมื่อ 17 ก.ค. 02, 05:17

 ยินดีค่ะ ดร.จ้อ  
ฝนจะพาดร. จ้อไปเลี้ยงฉลองความสำเร็จทันทีที่สะดวกนะคะ  ส่วนเรื่องสะพานพรุ่งนี้ค่อยคุยนะคะ  วันนี้ขอไปทำงานต่อก่อน    
บันทึกการเข้า
จ้อ
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1081

แต่งงานแล้วจ้า ...


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 31  เมื่อ 17 ก.ค. 02, 05:24

 ตืิ่นไปทำงานตั้งแต่ตีห้าเลยหรือครับ ผมอยู่ที่นี่ไม่เคยไปทำงานก่อนสิบโมงเช้าเลย
เนื่องจากว่ากว่าจะตื่นก็เที่ยงแล้ว แหะๆๆ ไม่ทราบเหมือนกันว่าเรียนจบได้ยังไง ยังงงอยู่ หึๆๆๆ
บันทึกการเข้า
ฝอยฝน
ชมพูพาน
***
ตอบ: 104

architect


ความคิดเห็นที่ 32  เมื่อ 17 ก.ค. 02, 05:31

 อิ อิ ...งานไม่เสร็จ ต้องเร่งทำให้ทันวันศุกร์ แบบพอกหางหมูไงคะ  นอนไม่หลับ ตื่นมาตั้งแต่ก่อน ตี 4 แล้วค่ะ      
บันทึกการเข้า
bookaholic
ชมพูพาน
***
ตอบ: 145


ความคิดเห็นที่ 33  เมื่อ 17 ก.ค. 02, 14:17

 ขอเข้าคลาสวิชาเดาชั่นอีกคนครับ
สำเพ็ง มีวัดชื่อวัดสำเพ็งอยู่ที่ถนนสำเพ็งใต้   ไม่รู้ว่ามีมาก่อนสร้างเมืองหลวงหรือเปล่า  ในพงศาวดารบอกว่าตอนสร้างพระบรมมหาราชวัง  ร.๑ โปรดให้ชาวจีนย้ายไปอยู่ท้องที่วัดสำเพ็ง    
ถ้าวัดมีมาก่อน สำเพ็งก็น่าจะเป็นชื่อเฉพาะของวัด  แต่จะมาจากชื่อ สามเพ็ง คือนายหรือนางเพ็งสามคนช่วยกันสร้างวัด  ก็ไม่มีหลักฐาน
ผมมาคิดเอาว่าเมื่อท่านทั้งหลายที่รู้ภาษาจีนยังงงๆว่าไม่น่าจะเป็นจีน  ก็อาจจะไม่ใช่จีน     เรื่องเป็นภาษาแขกตัดไปได้ เสียงมันไม่น่าจะบวชมาจากบาลี    ภาษาอังกฤษยิ่งอิมพอสสิเบิ้ล
งั้นผมเดาเอาดื้อๆว่าเหลือภาษาไทย  สำเพ็ง อาจจะมาจาก สามเพ็ง ภาษาไทยดีๆนี่แหละ    เพราะเมื่อใครสร้างวัดเขาก็มักจะตั้งชื่อไว้เป็นอนุสรณ์   คนไทยชื่อเพ็งกันถมไป แล้วชื่อกันทั้งชายหญิง  ถ้าจะมีมิสเตอร์และมิสซิสเพ็ง หรือมิสเพ็งอีกซักคนช่วยกันสร้างวัด เลยชื่อสามเพ็ง  นานๆหดเป็นสำเพ็งก็น่าจะเดาได้ไม่ถูกตีมือนะครับ

แถวนั้นมีวัดชื่อสามอยู่อีก ๒   คือวัดสามปลื้ม  วัดสามจีนที่ต่อมาคือวัดไตรมิตร  ตั้งข้อสังเกตเฉยๆครับ  อาจเป็นความนิยม

ย้อนมาถึงวัดเกาะ ชื่อเดิมของวัดสัมพันธวงศ์คือวัดเกาะแก้วลังกา  เรียกกันสั้นๆว่าวัดเกาะครับ มาเปลี่ยนชื่อสมัยร. ๔
เรื่องจักรๆวงศ์ๆ พิมพ์ขายในโรงพิมพ์หน้าวัดเกาะ   เล่มละสลึง   เมื่อ๑๐๐ปีก่อนคงแพงเหมือนกันนะ

วัดเกาะมีชื่ออยู่ในประวัติศาสตร์รัตนโกสินทร์ว่าเป็นแหล่งที่มิชชันนารีฝรั่งสมัยรัชกาลที่ ๓ ลงจากเรือมาเผยแพร่ศาสนา ที่บ้านใกล้วัดเกาะก่อนอื่น พ.ศ. ๒๓๗๑

วัดเกาะเนี่ยอีกเหมือนกัน ไม่กี่ปีต่อมา ฝรั่งซ่าชื่อกัปตันเวลเลอร์เข้าไปยิงนกพิราบ จะยิงเล่นหรือยิงไปกินก็ไม่รู้  แต่นกตาย  ผลคือถูกพระสงฆ์ไทยเข้ามารุมสกรัมซะสะบักสะบอม
และผลข้างเคียงคือมิชชันนารีซึ่งเป็นฝรั่งเหมือนกันถูกไล่ที่  จนต้องย้ายไปอยู่แถวกุฎีจีน ฝั่งธนบุรี ใกล้ร.ร.ซานตาครูสในปัจจุบัน

เผลอเล่าเรื่องวัดอีกแล้ว  ทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจเลย  คุณเรไรจะหาว่าผมเป็นสมีอีกมะล่ะเนี่ย
บันทึกการเข้า
ถาวภักดิ์
พาลี
****
ตอบ: 240


ความคิดเห็นที่ 34  เมื่อ 18 ก.ค. 02, 12:00

 ขอความสุขสวัสดีจงมีแด่ครูBookครับ  จ้องจะทักตั้งแต่เรื่องมิลินทปัญหาแล้ว  ติดขัดแต่ยังไม่ได้สมัครสมาชิก  กว่าจะสมัครได้ก็ไม่มีใครเข้าไปต่อความอยู่หลายเพลาแล้ว  เลยยังไม่ได้ทักจนบัดนี้

พูดถึงเยาวราชระยะนี้ผมนึกได้แต่ของบำรุงพุง  เพราะมีมิตรท่านหนึ่งคอยฉุดกระชากลากถูไปนั่งหม่ำตอนดึกๆสัปดาห์ละ2-3ครั้ง จนชักจะเหมือนแป๊ะยิ้มเข้าไปทุกทีแล้ว  มีหวังตรุษจีนหน้า หาพัดมาควงก็คงเข้าขบวนเต้นสิงโตได้โดยไม่ต้องสวมหัว
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 35  เมื่อ 19 ก.ค. 02, 09:08

 ยังหาที่มาของ "สำเพ็ง" ลงตัวไม่ได้จนแล้วจนรอด

เลยขอย้อนกลับไปริมฝั่งเจ้าพระยา  ข้ามสะพานพระราม ๘ ที่เพิ่งเสร็จหมาดๆ เส้นทางเลียบผ่านธนาคารแห่งประเทศไทย หรือแบ๊งค์ชาติ
มองเห็นวังบางขุนพรหมเด่นอยู่ตรงนั้น

ย้อนหลังก่อนที่จะมีวังบางขุนพรหมในสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิต สร้างเมื่อรัชกาลที่ ๕
ละแวกนี้เรียกว่า "บางขุนพรหม"
น่าเสียดายที่ไม่รู้ว่าท่านขุนพรหมที่ว่านี้นามสกุลอะไร   รู้แต่ว่าท่านเป็นหนึ่งในขุนนางที่ได้รับพระบรมราชโองการในรัชกาลที่ ๑ ไปเป็นนายช่างสร้างพระพุทธบาทที่สระบุรี
แล้วท่านก็ป่วยเป็นไข้ป่า ถึงแก่กรรม
พี่ชายของท่านจึงสร้างวัดในบริเวณบ้านเดิมที่อยู่อาศัยให้เป็นที่ระลึกเรียกว่าวัดบางขุนพรหม
ละแวกนั้นชาวบ้านก็เรียกกันว่าบางขุนพรหม แทนชื่อเดิมว่าบ้านลาน  

ต่อมาวัดได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่โดยหลานชายของขุนพรหม ๓ คน  เป็นพระยาทั้งสามคน
วัดจึงถูกเปลี่ยนชื่อเป็น "วัดสามพระยา"
บันทึกการเข้า
CrazyHOrse
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1899



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 36  เมื่อ 22 ก.ค. 02, 09:56

 กลับมาใหม่กับสำเพ็ง
เป็นอันแน่นอนแล้วว่าชื่อสำเพ็งนั้นไม่ใช่ชื่อจีน คำ"เผ่ง" ใน "ซำเผ่ง" นั้น เป็นตัวเดียวกับคำว่า "เผี่ย" (เสียงออกจมูก) ที่แปลว่า หมั้น แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้ใช้ในความหมายอย่างนั้นแต่อย่างใด

แต่คำว่าสำเพ็งนั้น ก็ยังเป็นคำที่ไม่รู้ที่มาอยู่ดี แต่ผู้หลักผู้ใหญ่ที่ผมได้สอบถาม ก็ให้ข้อมูลที่แตกต่างกันจากที่เคยเสนอกันไว้ที่นี้อีก 2 อย่างคือ
1.คำสำเพ็งมาจากชื่อวัดที่ชื่อ สามเพ็ง แล้วกร่อนเสียงเป็นสำเพ็ง
2.แต่เดิมบริเวณนั้นเป็นสามแพร่ง คนจีนเรียกไม่ชัดว่าซำเผ่ง คนไทยมาเรียกตามคนจีน(ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ในละแวกนั้น) ว่าสำเพ็ง ในภายหลังครับ

ก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าสำเพ็งมาจากไหน
บันทึกการเข้า

"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 37  เมื่อ 22 ก.ค. 02, 11:06

 ชักจะคล้อยตามว่าน่าจะมาจากวัดสามเพ็ง
ส่วนสามแพร่ง   คงเป็นคำไทยที่คิดว่าคล้ายสำเพ็งมากที่สุด
แต่ยังไม่เคยเจอหลักฐานว่าแถวนั้นเป็นทางสามแพร่งมาก่อน
การติดต่อกันในกรุงเทพและธนบุรีใช้ทางน้ำไม่ใช่ทางบก   ทางสามแพร่งถ้ามีก็เป็นทางเดินแคบๆ ไม่ค่อยมีบ้านคนอยู่อาศัยกัน
บ้านจะอยู่ริมน้ำมากกว่า
ทางสามแพร่งถือว่าเป็นที่ไม่เป็นมงคล   ตุ๊กตาเสียกบาลก็ไปทิ้งไว้ที่ทางสามแพร่ง
บางแห่งว่านักโทษก็ประหาร หรือเสียบกระจานไว้ที่ทางสามแพร่ง
ถ้าสำเพ็งมีทางสามแพร่งจริง  น่าจะมีบันทึกไว้บ้างนะคะ
บันทึกการเข้า
นิลกังขา
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1012

ทำงานราชการ


ความคิดเห็นที่ 38  เมื่อ 22 ก.ค. 02, 21:08

 ค่อนข้างเชื่อครู Book ด้วยคนว่าเป็นชื่อวัดสำเพ็ง หรือสามเพ็งมาก่อน ก่อนจะเป็นชื่อย่านครับ โดยเฉพาะถ้าวัดมีมาก่อนที่คนจีนจะย้ายมาอยู่แถวนี้

แต่ก่อน สำเพ็งเป็นคำด่ากันด้วยครับ ใครถูกด่าว่าเป็นผู้หญิงสำเพ็งก็คือว่าว่าเป็นโสเภณี เดี๋ยวนี้ความหมายนี้หายไปแล้วมั้ง เพราะเป็นที่น่าเศร้าใจว่าธุรกิจขายกามแพร่สะพัดไปทั่วกรุงเทพฯ ไปหมดแล้ว
บันทึกการเข้า
ฝอยฝน
ชมพูพาน
***
ตอบ: 104

architect


ความคิดเห็นที่ 39  เมื่อ 23 ก.ค. 02, 01:32

 เสฐียรโกเศศ ท่านเล่าไว้ว่า ในสมัยพระพุทธเจ้าหลวง พระองค์ท่านเสด็จไปทรงทอดผ้ากฐินหลวง ณ.วัด ประทุมคงคา เสด็จพระราชดำเนินเป็นขบวนพยุหยาตราน้อยทางสถลมารคไปตามถนนในท้องสำเพ็ง เริ่มตั้งแต่สะพานหัน ไปสุดทางที่วัด  ซึ่งถือว่าเป็นงานใหญ่เพราะไม่มีบ่อยๆ  ว่ากันว่า 3 ปีมีครั้ง โดยเฉพาะในขบวนพยุหยาตรา จะมีวอพระประเทีบยหลายวอ ซึ่งคนทั่วไปไม่ค่อยจะได้เห็นกัน เด็กๆก็จะตื่นเต้น

   สมัยก่อนลูกสาวชาวไทย ชาวจีน ที่มีอันจะกินต้องเก็บเนื้อเก็บตัว  จะออกมาหน้าบ้าน ก็เวลามีงานพระกฐินหลวงนี่แหละ  ชาวสำเพ็งจะตื่นเต้น ดีใจออกมาตั้งโตะบูชาประกวดประชันกัน หนุ่มๆก็จะได้ยลโฉมสาวๆสวยๆ
บันทึกการเข้า
ถาวภักดิ์
พาลี
****
ตอบ: 240


ความคิดเห็นที่ 40  เมื่อ 23 ก.ค. 02, 10:23

 คุณหลวงนิลฯ  พูดได้ตรงใจ
คนโบราณท่านตายาวนัก  ท่านเห็นความสำคัญของการขนส่งมวลชนมาตั้งแต่ร้อยปีก่อน  อุตส่าห์วางแผนกันที่ดินเอาไว้เป็นเครือข่ายใยแมงมุมทั้งกรุงเทพฯ  พอมาถึงยุคตาสั้น  เอาออกมาหาผลประโยชน์กันหมด  ที่น่ากุดหัวพวกตาสั้นมากที่ีสุดก็ตรงที่ปล่อยมาให้เป็นอัครสถานค้ากาม

ซึ่งไม่ใช่แต่เท่านี้นะครับ  แม้อาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัทที่รัฐบาลสั่งปิด  ก็เอามาให้เป็นแหล่งอบาย  ดูเอาเถิด คนที่รับผิดชอบปล่อยออกมาเป็นสถานที่แบบนั้น  เขาไม่นึกบ้างเลยหรือว่านี่เท่ากับบอกกับประชาชนและคนทั้งโลกว่า รัฐบาลประเทศนี้ไม่รังเกียจอบายเลย สักแต่ขอให้ได้เงินมาเถิด
บันทึกการเข้า
bookaholic
ชมพูพาน
***
ตอบ: 145


ความคิดเห็นที่ 41  เมื่อ 23 ก.ค. 02, 17:58

 กรุณาอย่าเรียกผมว่าครูเลยครับคุณถาวภักดิ์และคุณหลวงนิล
ผมเขิลลล
ผมพวกครูพักลักจำ   ใครชมก็หมดภูมิพอดีทุกทีหละครับ
บันทึกการเข้า
ถาวภักดิ์
พาลี
****
ตอบ: 240


ความคิดเห็นที่ 42  เมื่อ 24 ก.ค. 02, 10:36

 รึจะให้เรียกสมีก็ได้นะครับ

ครูBook ยังดีต้องรอให้มีคนชมถึงจะหมดภูมิ  ผมหมดตั้งแต่ปีมะโว้แล้ว  สงสัยต้องไปหากินกับไสยศาสตร์

ว่าแล้วก็ใช้ซะเลย  ที่ว่าว่าสำเพ็งเป็นถิ่นที่เคยมีทางสามแพร่งนั้น  หมอผีขอค้านครับท่านประธาน  ด้วยเหตุว่าทางสามแพร่งนั้นเป็นแดนอาถรรพณ์ เป็นที่สิงสถิย์ของสัมภเวสี วิญญาณเร่ร่อน  ดวงจิตที่ดำมืดด้วยวิบาก และมิจฉาทิฐิ เป็นจำนวนมาก เป็นดังซ่องโจร  หรือ ืืno man's land ในโลกทิพย์  จึงเป็นที่ที่ไม่อาจเจริญรุ่งเรืองเป็นถิ่นทำมาค้าขายได้  สำเพ็งเป็นที่อันสมบูรณ์ด้วยฮวงจุ้ยอันเกื้อต่อการค้าขายอย่างยิ่ง  ว่ากันว่าแม้ห้องแถวเล็กๆคูหาเดียวจะขอซื้อสักห้าสิบล้าน เจ้าของก็ไม่ยอมขาย ด้วยเป็นดังปากประตูเงินประตูทอง  สามารถดึงดูดการค้าให้สะพัดสร้างรายได้นับล้านต่อวัน  จึงเป็นไปไม่ได้ว่าสำเพ็งเคยเป็นถิ่นทางสามแพร่งมาก่อนด้วยประการฉะนี้
บันทึกการเข้า
V_Mee
สุครีพ
******
ตอบ: 1436


ความคิดเห็นที่ 43  เมื่อ 10 ก.ค. 06, 12:13

 เข้ามาจะค้นกระทู้เก่าว่าด้วย ยุพราช  มาเจอกระทู้เรื่องถนนเยาวราช  เลยขออนุญาตร่วมสนุกขุดกรุของเก่ามาเล่าต่อ

ชื่อภนนเยาวราชนั้น  คิดว่าในหลวงรัชกาลที่ ๕ คงจะทรงตั้งให้หมายถึงสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร  

ที่ผมว่าเช่นนั้น  ก๋เพราะในรัชกาลที่ ๕ นั้น ได้โปรดพระราชทานพระนามพระราชโอรสชั้นเจ้าฟ้ามาตั้งเป็นชื่อถนนหรือสถานที่สำคัญเกือบทุกพระองค์  ลองลำดับดูเท่าที่จำได้นะครับ

ถนนพาหุรัด -  สมเด็จฯ เจ้าฟ้าพาหุรัดมณีมัย กรมพระเทพนารีรัตน์
ถนนบริพัตร  - สมเด็จฯ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต
ถนนจักรพงษ์ - สมเด็จฯ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประนาถ
ถนนอัษฎางค์ - สมเด็จฯ เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ กรมหลวงนครราชสีมา
ถนนยุคล - สมเด็จฯ เจ้าฟ้ายุคลฑิฆัมพร กรมหลวงลพบุรีราเมศวร์

พระนามชั้นสมเด็จเจ้าฟ้าฯ ที่นึกออกคงมีเท่านี้  แต่แปลกไม่ยักมีชื่อ ถนนวชิรุณหิศ หรือถนนวชิราวุธ  หรือจะเป็นเพราะได้พระราชทานาม ถนนเยาวราช และราชวงศ์ไว้แล้ว

ถนนเยาวราช นั้นตรงกับพระอิสริยยศ พระเยาวราช คือสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร นามนี้คงชัดเจน  ส่วนถนนราชวงศ์นั้น  ในความคิดของผมไม่ทราบจะถูกผิดประการใด  น่าจะมาจกคำว่า Prince Royal ในภาษาอังกฤษ  ซึ่งจะแปลว่า พระยุพราชก็ดี  หรือพระเยาวราชน้อยซึ่งเทียบได้กับกรมพระราชวังหลังก็ได้  และน่าจะหมายถึงสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ กรมขุนเทพทวาราวดี ซึ่งทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นลำดับที่ ๒ รองจากสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ
บันทึกการเข้า
V_Mee
สุครีพ
******
ตอบ: 1436


ความคิดเห็นที่ 44  เมื่อ 10 ก.ค. 06, 12:20

 มาต่อเรื่องพระนามเจ้านายที่เป็นชื่อถนนอีกนะครับ

ในรัชกาลที่ ๖ ได้ทรงดำเนินตามพระบรมราชวิเทโศบายในสมเด็จพระบรมชนกนาถ  ได้โปรดพระราชทานพระนามกรมในพระราชโอรส พระราชธิดาในรัชกาลที่ ๕ มาขนานนามถนนอีกหลายสาย เช่น
ถนนศรีอยุธยา - สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมขุนเทพทวาราวดี (กรุงเทพทวาราวดีศรีอยุธยา)
ถนนพิษณุโลก - สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ
ถนนราชสีมา - สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนครราชสีมา
ถนนนครสวรรค์ - สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต
ถนนอู่ทอง - สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมขุนอู่ทองเขตรขัตติยนารี
ถนนเพชรบุรี - สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงเพชรบุรีราชสิรินธร
ถนนนครไชยศรี - กรมหลวงนครไชยศรีสุรเดช
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 [3]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.069 วินาที กับ 19 คำสั่ง