เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 2 [3] 4
  พิมพ์  
อ่าน: 18158 ความหมายของ SOTUS กับอนาคตปัญญาชนไทย โดย อ.ใจ อึงภากรณ์ (ลอกมาครับ)
กลับมาแล้วคนดี
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 30  เมื่อ 01 ธ.ค. 06, 20:30

 ระบบ SOTUS นี่ผมเฉยๆนะครับ แต่ผมว่าน่าจะปรับปรุงให้ดีขึ้น เช่น เป็นวิชาการมากขึ้น ไม่ใช่ไร้สาระประมาณว่า สั่งให้น้องทำ พอน้องไม่ทำ ก็ด่า แต่พอน้องทำ ก็ยังด่าอยู่ดี อย่างงี้ไร้สาระมากครับ ไม่มีเหตุผลเลย แล้วไอ้เอะอะอะไรก็อ้างรุ่นๆทั้งปีทั้งชาตินั่นน่ะ พอซักที เปลี่ยนใหม่เถอะ เอาให้ลึกซึ้งกว่านี้ แยบยลกว่านี้ รุนแรงน้อยกว่านี้ แต่ก็คงจะสอนน้องอย่างงั้นไม่ได้ง่ายๆ เพราะพวกพี่ว๊ากเรียนไม่ค่อยเก่ง แต่ถึงจะเก่ง แต่ก็เก่งแต่ในตำรา ไม่ใช่คนช่างคิดแต่อย่างใด แต่บทความของอาจารย์ใจ ทำให้ผมได้ความรู้เกี่ยวกับสงครามและปรัชญาการเมืองเพิ่มขึ้นอีกอย่างแล้วล่ะครับ ขอบคุณ จขกท.และ อ.ใจมากๆ    
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01 ธ.ค. 06, 20:31 โดย กลับมาแล้วคนดี » บันทึกการเข้า
กลับมาแล้วคนดี
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 31  เมื่อ 01 ธ.ค. 06, 20:45

ผมเฉยๆกับ SOTUS นะครับ แต่ผมว่าน่าจะมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง พัฒนาให้เป็นวิชาการ และมีเหตุมีผลมากกว่านี้ ไม่ใช่ พอสั่งให้น้องทำ แล้วน้องไม่ทำ ก็ด่า แต่พอน้องทำ ก็ยังด่า หรือเอะอะอะไรก็อ้างรุ่นๆ หลายๆครั้งอ้างอย่างไม่มีเหตุผล หรือเหตุผลไม่พอ อย่างงี้ก็แย่ ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องลงโทษน้องอย่างรุนแรงทั้งๆที่พวกเราไม่ใช่นักเรียนนายร้อยนั่นหรอก พอทีเถอะ เปลี่ยนซะ พัฒนาขึ้นมา ผมรู้ว่าพวกเราเด็กมหาลัยคงเลิกรับน้องกันไม่ได้ ดังนั้น แทนที่จะยกเลิก ก็พัฒนามันขึ้นมาสิ วัฒนธรรมคือสิ่งที่เป็นพลวัตร เปลี่ยนแปลงไปทุกวันๆ ถ้าการรับน้องและโซตัสคือวัฒนธรรมของมหาลัยไทย ก็ปรับปรุงมันซะ ทำให้มันมีเหตุผลมากกว่านี้ เวลาสอนน้องก็สอนอย่างมีเหตุผล ให้น้องเข้าใจอย่างลึกซึ้งและถ่องแท้ ไม่ใช่ให้น้องเข้าใจแต่อะไรดาดๆอย่างงี้ แต่ทำจริง คงทำได้ยาก เพราะพี่ว๊ากส่วนใหญ่ เรียนไม่ค่อยเก่ง ที่เก่งๆก็คือเก่งแต่ในตำรา ยังคิดกันไม่ค่อยเก่ง ปฎิบัติกันก็ยิ่งไม่เก่งเข้าไปใหญ่ คงต้องอาศัยระยะเวลาอีกซักช่วง อย่างไรก็ตาม กระทู้นี้ทำให้ผมรู้เกี่ยวกับปรัชญาสงครามบางอย่างด้วย ต้องขอบคุณ จขกท.และ อ.ใจด้วยนะครับ อิอิ  
บันทึกการเข้า
Karine!!
ชมพูพาน
***
ตอบ: 130

กำลังค้นหาทางสว่างของชีวิต


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 32  เมื่อ 06 ธ.ค. 06, 23:50

 ไม่รู้ว่า ประสบการณ์ที่ทุกท่านเจอเป็นอย่างไร แต่จากที่อ่านๆมา เห็นจะเป็นไปในทางไม่เห็นด้วยทั้งนั้น ไม่ว่าจะพูดกันในเรื่องความล้าหลังหรือผู้นำมาปฏิบัติก็ตาม
เอาเป็นว่าตอนนี้การีนก็ยังเป็นคนในระบบนี้อะนะคะขอพูดความหมายที่แตกต่างกันไปเสียหน่อยแล้วกันนะคะ
สิ่งที่ย่อมาเป็น SOTUS นี้ ไม่ใช่โซตัสอย่างที่ทุกคนยกมาข้างต้น แต่เป็นตัวย่อของ"คำขวัญทั้งห้าของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย"
(ไม่รู้ของทั้งมหาวิทยาลัยหรือเปล่า การีนก็ไม่แน่ใจ หรือแค่ของคนในคณะเหมาเอาเองก็ไม่ทราบ)

S=SPIRIT ความมีน้ำใจ เพื่อสร้างสังคมที่น่าอยู่
O=ORDER ระเบียบวินัย รู้กฎของสังคมและประพฤติตาม (ก็รวมถึงระเบียบของมหาวิทยาลัยด้วย)
T=TRADITION ประเพณี คือ สิ่งดีงามที่สามารถ"ปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์" ซึ่งควรสืบทอดต่อไป
U=UNITY ความสามัคคี
S=SENIORITY ความเคารพอาวุโส เคารพในผู้อยูมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม อาจารย์ ภารโรง รุนพี่

***เรื่องของ "อาวุโส" มาอยู่อันดับสุดท้าย

เวลาอยู่ในห้องเชียร์ รุ่นพี่จะบอกเสมอว่า นี่ไม่ใช่โซตัส แต่มันเป็น"คำขวัญทั้งห้า"
อันที่จริงแล้ว ดูกันตามเนื้อความ มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โต บ้าอำนาจอะไร
อย่างเรื่องเคารพอาวุโส ก็เป็นเรื่องธรรมดาของสังคมอยู่แล้ว

การีนเห็นด้วยกับ "คำขัวญทั้งห้า" นี้ แต่....ในความจริง
มันมีนัยในคำขวัญนี้อะสิคะ ซึ่งการีนว่า....มันไร้สาระมาก ตูเกลียดมัน

ไม่ชอบห้องเชียร์

สุดท้าย คนที่อายุมากกว่าเราเพียงปีเดียว ก็ยังมาแหกปากใส่หน้าตู แล้วถามว่า ทำไมไม่ไหว้ ทำไมไม่เข้าห้องเชียร์ ทำไมไม่ทักพี่ ทำไมไม่รู้จักพี่...
"ตูจะไหว้...ก็ต่อเมื่อคนนั้นสมควรไหว้"
"ห้องเชียร์ มีคอนตูเรียน จะให้ตูโดดเรียนมาหรือไง"
"พี่ทั้งคณะ (ทั้งสาขา) มีเป็นสิบเป็นร้อย ตูเพิ่งเข้ามาไม่ถึงสัปดาห์ ตูจะไปรู้จักไหม"

รุ่นพี่ไม่ได้ส่งตูเรียนหนังสือ ทำไมจะต้องเชื่อฟังทุกอย่าง...ไม่เข้าใจ

ทำไม เมื่อกลายเป็นพี่ ถึงได้ "บ้าอำนาจ"

ในคำขวัญทั้งห้า ข้อ TRADITION ยังกับข้อกฎหมาย ดิ้นได้...ตีความได้
ประเพณีที่เปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์ได้

SOTUS ตอนนี้...ที่ตอนนี้เปลี่ยนแปลงจน...มันไม่ใช่ SOTUS

จึงกลายเป็นประเพณีที่ควรสืบทอด???

พูดเอาเองนี่หว่า




บันทึกการเข้า

การศึกษาก้าวไกล ประเทศไทยรุ่งเรือง (แต่ตอนนี้ตูรุ่งริ่งชอบกล)
จ้อ
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1081

แต่งงานแล้วจ้า ...


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 33  เมื่อ 07 ธ.ค. 06, 08:56

 ถ้ายึดความหมายของ SOTUS ตามที่น้อง การีนว่า ผมว่าที่ทำกันมา สองข้อแรกก็สอบตกแล้ว ผมจะยกตัวอย่างที่เจอบ่อยๆให้ฟังก็แล้วกัน

ถ้า S=SPIRIT หมายถึง ความมีน้ำใจ เพื่อสร้างสังคมที่น่าอยู่ เวลาที่รุ่นพี่สอนรุ่นน้องก็น่าจะสอนให้นึกถึงส่วนรวมด้วย เพราะความมีน้ำใจ การเคารพสิทธิของผู้อื่น และประโยชน์ของส่วนรวม ... แต่ที่เห็น ทุกๆปี ก่อนที่จะมีการรับน้อง ปรรดารุ่นพี่ทั้งหลายจะซ้อมรับน้องกันก่อน ความจริงก็ไม่ได้ผิดอะไรนักหรอก ถ้าใม่ไปซ้อมกันในที่และเวลาที่ไม่ควรซ้อม เช่น ไปซ้อมร้องเพลงปีกไก่กันหน้าหอสมุดอย่างงี้ ตีกลองร้องเพลงใช้โทรโข่งในเวลาราชการขณะที่คนอื่นเขาทำงานอย่างนี้เป็นต้น ผมยังมองไม่เห็นว่ารุ่นพี่เหล่านี้จะมีสำนึกในการสร้างสังคมที่น่าอยู่ตรงไหน ในเมื่อตัวเองยังไม่เข้าใจว่าสังคมที่น่าอยู่ควรจะเป็นอย่างไร แล้วจะเอาอะไรไปสอนรุ่นน้อง?

และถ้า O=ORDER หมายถึง ระเบียบวินัย รู้กฎของสังคมและประพฤติตาม คุณก็ลองสำรวจเครื่องแต่งกายของนิสิตรุ่นพี่ทั้งหลายดูสิ ว่ามีใครแต่งตัวถูกระเบียบซักกี่คน?  ความจริงไม่ต้องให้ถูกระเบียบก็ได้ เอาแค่ให้แต่งตัวสุภาพเวลาขึ้นเรียน เดี๋ยวนี้ก็ไม่มีแล้ว ในเมื่อรุ่นพี่ยังเห็นระเบียบวินัยเป็นเรื่องไร้สาระ แล้วจะไปสอนน้องได้หรือ?

ถ้า S=SENIORITY หมายถึง ความเคารพอาวุโส เคารพในผู้อยูมาก่อน ถ้าสอนกันมาดีจริง เวลาที่นิสิตทำผิด แล้วมีคนตักเตือน แทนที่จะชักสีหน้าใส่ เขาคงจะเอาไปปรับปรุงตัวบ้าง แต่นี้หลงคิดว่าโตแล้ว อยู่ปีสองปีสามแล้ว อาจารย์มีหน้าที่สอนหนังสือก็สอนไป อย่างมายุ่งเรื่องความประพฤติผม ... เออ รุ่นพี่คิดกันอย่างนี้ มิน่า ความประพฤติถึงได้แย่ลงๆทุกปี
บันทึกการเข้า
Karine!!
ชมพูพาน
***
ตอบ: 130

กำลังค้นหาทางสว่างของชีวิต


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 34  เมื่อ 07 ธ.ค. 06, 21:22

 เรื่องนี้แหละ ที่การีนก็ไม่เข้าใจ
ตะวอย่างคุณพี่จ้อว่ามาทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องจริง ซึ่งก็อยากเถียงอยู่บ้างที่เรื่องเครื่องแต่งกาย 55+ ตอนนี้การีนเป็นพี่...แล้วแต่งตัวถูกระเบียบนะ จริงๆไม่ได้แฟชันนิยมแต่อย่างใด 55+

แต่โดยมาก ก็เป็นอย่างที่คุณพี่จ้ว่ามานั่นแหละ ง่ายๆกันเลยดีกว่า ในห้องเชียร์ห้ามแต่งกายผิดระเบียบ ซึ่งก็ต้องรวมถึงการแต่งหน้าตาด้วย เชอะ...พี่เชียร์มันยังแต่งหน้าดั่งงิ้วไม่ปาน เข้าห้องเชียร์ และสั่ง(สอน?)น้องเลย

ประเด็น คือ การีนไม่เข้าใจว่ารู้ทั้งรู้ว่ามัน"ไม่มีใครชอบ"
รู้ว่าทุกคน(รวมรุ่นพี่บ้าเชียร์)ทำตามนโยบายแบบ SOTUS กันไม่ได้

ทำไมยังทำห้องเชียร์ ท่องSOTUS เหล่านี้
ไม่คิดว่ามันน่าอายบางหรือ ตัวทำไม่ได้ ยังมาสอนน้อง

บันทึกการเข้า

การศึกษาก้าวไกล ประเทศไทยรุ่งเรือง (แต่ตอนนี้ตูรุ่งริ่งชอบกล)
ต้นกล้าเป็นspy
อสุรผัด
*
ตอบ: 25

โรงเรียนแก่นนครวิทยาลัยครับ


ความคิดเห็นที่ 35  เมื่อ 07 ธ.ค. 06, 23:00

 ผมเรียนปีหนึ่ง คณะวิศวะ  
ถึงแม้ว่าหลายคนจะมองว่า SOTUS  เป็นสิ่งที่รุนแรงหรือไม่สร้างสรรค์  ล้าสมัย

แต่ผมคิดว่ามันมีข้อดีมากมายเช่นกัน
เริ่มแรกผมก็ไม่เ้ข้าใจหรอกครับว่าทำไมพี่เค้าต้องมาืทำแบบนี้  นับตั้งแต่เข้าเรียนใหม่ๆ  ต่างคนต่างมาจากต่างสถาบัน ต่างจังหวัด  แต่ตอนนี้ SOTUS มันทำให้เรารู้จักกันมากขึ้น  มีความอดทน มีระเบียบวินัย เคารพรุ่นพี่  

ในคนหมู่มาก จะมีสักกี่วิธี ที่จะฝึกคนได้เท่านี้
บันทึกการเข้า
จ้อ
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1081

แต่งงานแล้วจ้า ...


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 36  เมื่อ 08 ธ.ค. 06, 15:15

   ที่น้อง ต้นกล้าฯ บอกว่าสำหรับคนหมู่มากจะมีกี่วิธีที่ฝึกคนได้เท่านี้ … จริงๆนี่แหละเป็นสิ่งที่ผมสงสัย ว่าไม่มีวิธีอื่นแล้วหรือ หรือว่ามีวิธีอื่นแต่นิสิตนักศึกษาไม่เคยยอมเปิดใจรับ จะเอาแต่ SOTUS, รับน้อง, ซ้อมเชียร์, แล้วก็ ว๊าก …

ผมไม่ได้บอกว่าแนวคิดเชิงอุดมคติของ SOTUS ไม่ดีนะ แต่จะบอกว่าที่ทำกันอยู่น่ะมันตรงกันข้าม

สถาบันอุดมศึกษาเช่นมหาวิทยาลัยชั้นนำต่างๆในเมืองไทยเนี่ยะ น่าจะเป็นสถาบันที่สอนให้คนรู้จักคิด มากว่าทำตามเพราะกลัว จะด้วยกลัวอะไรก็แล้วแต่ ไม่ว่าจะทำเพราะกลัวรุ่นพี่แอนตี้ ทำเพราะกลัวรุ่นพี่บอกว่าอย่างนู้น บอกว่าอย่างนี้ ผมว่ามันไม่ได้สอนอะไรรุ่นน้อง อย่างบางคณะเช่น คณะรัฐศาสตร์ของอาจารย์ ใจ เจ้าของบทความนี้ ลองคิดดูว่าโลกปัจจุบันเราต้องการปลูกฝัง ประชาธิปไตย และ ให้ประชาชนเข้าใจสิทธิเสรีภาพ แต่กิจกรรมที่นิสิตทำ ผมว่ามันตรงข้ามกันนะ

ถ้าการสอนที่ดี คือรุ่นพี่สั่งให้น้องทำตามแทนจะใช้เหตุผล ถ้าไม่ทำตามก็ใช้อิทธิพลสั่งรุ่นน้องคนอื่นไม่ให้คบ แล้วคุณคิดว่ารุ่นน้องที่ได้รับการสั่งสอนด้วยวิธีเหล่านี้ ถ้าจบการศึกษา แล้วไปทำงาน เกิดพวกเขาต้องเจอผู้มีอิทธิพลสั่งให้ทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เขาจะยอมสู้ หรือยอมทำตามล่ะ? ... ถ้าให้เดา ผมว่าเด็กสวนใหญ่ก็อาจจะคิดว่า “ถ้าท่านผู้มีอิทธิพลทั้งหลายให้ทำอะไรที่บังคับจิตใจเกิน ก็นิ่งเสียเถิด อย่าไปต่อต้านรุนเเรง เดี๋ยวจะเกิดความ” ก็เพราะสังคมมหาวิทยาลัยสอนกันมาซะแบบนี้ก็ไม่แปลกที่สังคมภายนอกนับวันจะแย่ลงๆ

อีกข้อที่ผมไม่เข้าใจ คือทำไมจะต้องคิดว่าคนที่ไม่เห็นด้วยกับการรับน้องการซ้อมเชียร์ ต้องเป็นพวกไข่ในหิน? คนเราพื้นฐานต่างกัน การใช้ชีวิตต่างกัน ความชอบและรสนิยมก็ต่างกันด้วย ทุกครั้งนิสิตจะบอกว่า กิจกรรมพวกนี้เป็นการละลายพฤติกรรม คำถามก็คือ จะละลายไปทำไม? เขาจะเป็นคุณหนู จะชอบใช้ของแพง จะแต่งตัวสวยมันก็เรื่องของเขา ทำไมต้องบังคับให้แต่งตัวโทรมเหมือนกัน (ที่ไม่ใช่จะถูกระเบียบนัก) เป็นความสามัคคีหรือ? ก็คงไม่ใช่มั้ง ความสามัคคีสามารถเกิดขึ้นได้แม้ว่าคนจะใช้ชีวิตต่างกัน มีไลฟ์สไตล์ต่างกัน

ไม่มีวิธีอื่นแล้วหรือที่จะสอนให้รุ่นน้องรู้จักเคารพรุ่นพี่ รู้จักระเบียบวินัย? นี่แหละครับที่ผมสงสัยมากๆ  
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08 ธ.ค. 06, 15:24 โดย จ้อ » บันทึกการเข้า
นชน
อสุรผัด
*
ตอบ: 6


ความคิดเห็นที่ 37  เมื่อ 10 ธ.ค. 06, 02:16

 เข้าเมืองตาหลิ่ว ก็ต้องหลิ่วตาตาม

น้องใหม่ก้าวเข้ารั้วโดยมีพี่ปี่สองเป็นขาใหญ่
ไหนๆ เราก็เเก้ระบบไม่ได้
เราก็ยอมศิโรราบให้พี่
ไม่ใช่ตลอดกาลนี่นา

การเชียร์...อย่างมากเเค่สามเดือน
หลังจากนั้น พี่ๆ ก็หมดเเรงไปเองเเหละ
การไปทำเเข็งขืน เดี๋ยวจะถูกสังคมของที่นั้นๆ ลงโทษ
เป็นต้นว่าแอนตี้ มองอย่างหยามเหยียด ไม่พูดด้วย

เเน่นอนว่าพี่ไม่มีสิทธิ์ทำเช่นนั้น แต่ว่านั่นคือ norm
จงยอมรับกฎของธรรมชาติ
บันทึกการเข้า
Karine!!
ชมพูพาน
***
ตอบ: 130

กำลังค้นหาทางสว่างของชีวิต


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 38  เมื่อ 10 ธ.ค. 06, 18:52

 โอ้...สังคมจะเป็นไปด้วยประการฉันใด
ขอเพียงนบน้อมเอาตัวรอดไป...แค่นั้นก็พอ

ถ้าคิดกันเพียงแค่นี้ แค่ทำตามหัวหน้า...เดี๋ยวก็ได้ดี แม้หัวหน้าจะโง่บรมก็ตาม
ต่อไปก็...แค่ไปกาเลือกตั้ง เดี๋ยวก็ได้คนดี

อะไร ทำนองนี้หรือเปล่าคะ

ถึงจะคิดแค่ว่าจบๆไป แต่เรื่องของ"เหตุผลที่แท้จริง"อยู่ตรงไหน


เชื่อไหม...น้องต้นกล้า...พี่ก็จบห้องเชียร์มาโดยไม่ต่อต้านอะไร...
ก็คิดง่ายๆนั้นแหละ แก้ระบบไม่ได้ เลยปล่อยไป

แต่ตอนนี้พี่ก็โดนแอนตี้จากคนในสาขาอะคะ

เหตุผลเพียงแค่...พี่ไปคบกับคนที่แอนตี้โซตัส...ไม่เข้าห้องเชียร์

มันเป็นระบบ"ตัดสินคน" ทั้งๆที่ไม่ใช่กฎหมายบ้านเมือง


เพราะฉะนั้น พี่จึงรู้ว่าระบบที่ว่ามันอาจจะแก้ไม่ได้แค่คนเดียว
แต่คนที่ไม่ชอบ(ซึ่งในแต่ละปี มันต้องมีมากกว่า 1 คนอยู่แล้ว) สามารถออกมาทำให้ระบบนี้มันเปลี่ยนแปลงไปได้

อย่างน้อยรุ่นต่อไป...ถ้าน้องต้นกล้าเป็นพี่...ก็ลองเปลี่ยนรูปแบบสิ
พี่ไม่ได้บอกให้เปลี่ยนระบบ แต่ให้เปลี่ยนรูปแบบ

คงไม่อยากให้ตัวเองเป็นคนที่ถูกรุ่นน้องด่าใช่ไหมล่ะ

ระบบนี้ไม่ใช่การยอมให้พี่ตลอดกาล แต่มันจะเป็นสังคมที่น้องต้องเจอตลอดไปต่างหาก...



บันทึกการเข้า

การศึกษาก้าวไกล ประเทศไทยรุ่งเรือง (แต่ตอนนี้ตูรุ่งริ่งชอบกล)
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12600



ความคิดเห็นที่ 39  เมื่อ 28 ส.ค. 15, 14:19

โซตัสนำมาซึ่งความเสื่อม เรามาถึงยุคที่นักศึกษาขู่ทำร้ายอาจารย์ และอธิการบดีบอกว่าเป็นเรื่องส่วนบุคคล ตกใจ



อาจารย์สาวประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส.) ท่านหนึ่ง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการรับน้องระบบโซ­ตัสของวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มมส. จนสร้างความพอใจแก่นิสิตในคณะ และมีการออกมาตอบโต้ โดยหลายข้อความโชว์อาวุธและแสดงให้เห็นถึง­การคุกคาม ข่มขู่อาจารย์ผู้ที่โพสต์

โดยอาจารย์ได้ชี้แจงว่ารู้สึกตกใจกับเหตุที่เกิดขึ้น ซึ่งตนได้โพสต์ข้อความที่สะท้อนความคิดเห็­นส่วนตัวของตน และเชื่อว่าการโพสต์คุกคาม ข่มขู่เป็นความคึกคะนองของนักศึกษาที่มีอา­จารย์บางรายให้การสนับสนุน

ขณะที่รักษาการอธิการบดี มมส. ระบุว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องส่วนบุคคล และสั่งให้มีการตรวจสอบ โดยอาจารย์สามารถร้องเรียนต่อผู้บังคับบัญ­ชาได้ การละเมิดสิทธิส่วนบุคคลถือเป็นเรื่องภายน­อก ไม่ควรเอามหาวิทยาลัยไปยุ่งเกี่ยว หากเป็นเรื่องของการทะเลาะเบาะแว้ง ก็เป็นเรื่องส่วนบุคคลต้องไปเคลียร์กันเอง แต่หากเด็กจะมาร้องเรียนกับทางมหาวิทยาลัย­ว่าถูกอาจารย์ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน เนื่องจากทางมหาวิทยาลัยก็มีระเบียบว่าด้ว­ยเรื่องคุณธรรม จริยธรรมของอาจารย์อยู่แล้ว

จาก ข่าวช่อง ๓


บันทึกการเข้า
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


ความคิดเห็นที่ 40  เมื่อ 28 ส.ค. 15, 17:37

คำตอบของรักษาการอธิการบดีนี่ ทำให้ภาพลักษณ์ของ ม. มหาสารคามในสายตาผมต่ำเตี้ยจมดินไปเลย และทำให้รู้สึกยิ่งไปกว่าว่าการเป็น ดร. จนถึงเป็นศาสตราจารย์ ก็เก่งแค่ในส่วนที่ตนเชี่ยวชาญเท่านั้น ไม่ได้ครอบคลุมไปถึงวิจารณญาณหรือการรู้ถูกรู้ผิดแต่อย่างใด แต่ที่สำคัญคือรู้สึกมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ว่าระบบการศึกษาในประเทศไทย วิกฤติหนักมากจริงๆ และคงจะไม่มีทางแก้ไขได้แล้ว


สิ้นหวัง สิ้นหวัง สิ้นหวัง  ลังเล  ลังเล  ลังเล
บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
Anna
องคต
*****
ตอบ: 552


ความคิดเห็นที่ 41  เมื่อ 28 ส.ค. 15, 17:57

ถ้าคนดีสิ้นหวัง ก็เท่ากับปล่อยให้คนเลวได้มีโอกาสสร้างหวังซีคะ เพราะงั้น ดร.ประกอบอย่าเพิ่งสิ้นหวัง สู้ๆๆค่ะ ขอให้ได้เป็นอธิการบดีเร็วๆ เพี้ยง!  ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 42  เมื่อ 28 ส.ค. 15, 18:54

ถ้าอาจารย์ทะเลาะกับนิสิตด้วยเรื่องส่วนตัว ประเภทให้ยืมสตางค์กันแล้วไม่คืน   อธิการบดีไม่เข้าไปยุ่งด้วยก็ไม่เป็นไร   แต่นี่คือการคุกคามข่มขู่อาจารย์   อาจารย์ไม่ต้องไปร้องเรียน อธิการก็ต้องยื่นมือเข้ามาคุ้มครองอยู่แล้ว  และต้องเอาตัวนิสิตที่ว่ามาสอบสวนด้วย
ขอภาวนาให้ข่าวนี้ลงผิด   จะได้ไม่เสียความรู้สึกกับผู้บริหารมากไปกว่านี้

รอดูว่าสภามหาวิทยาลัยจะขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว รักษาระเบียบให้ตรงได้หรือไม่
บันทึกการเข้า
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


ความคิดเห็นที่ 43  เมื่อ 28 ส.ค. 15, 22:45

ข่าวไม่ได้ลงผิดครับ รักษาการอธิการคนนี้ได้โพสต์นิทานในเพสบุ๊คตัวเอง อ่านแล้วเข้าใจเลยว่าทำไมเด็กๆ ถึงกล้าขู่อาจารย์ ก็ผู้บริหารคิดแบบนี้นี่แหละ มีการแดกดันว่าอาจารย์ที่วิจารณ์เป็นพวกประชาธิปไตยจ๋าซะอีก เพียงแต่ตอนนี้ชักจะมาพลิกลิ้นแล้ว หลังกระแสโจมตีเยอะ แต่ที่แย่ยิ่งกว่านั้น คืออาจารย์ในภาควิชาเดียวกับเด็กพวกนี้ ออกมาให้ท้ายเด็กอีก ไม่รู้ผิดไม่รู้ถูกกันจริงๆ


บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12600



ความคิดเห็นที่ 44  เมื่อ 28 ส.ค. 15, 23:27

การเป็น ดร. จนถึงเป็นศาสตราจารย์ ก็เก่งแค่ในส่วนที่ตนเชี่ยวชาญเท่านั้น ไม่ได้ครอบคลุมไปถึงวิจารณญาณหรือการรู้ถูกรู้ผิดแต่อย่างใด

ดร.ประกอบพูดถูกทีเดียว เพราะดร.แห่งมมส.ท่านนี้นอกจากไม่รู้ผิดรู้ถูกแล้ว ยังไม่ชำนาญทั้งภาษาไทยและอังกฤษอีกด้วย

อุทธาหรณ์  ที่ถูกคือ  อุทาหรณ์

jump conclusion  ที่ถูกคือ  jump to conclusion

ดร.ท่านหนึ่งแห่งมธ. ท่านท้วงไว้  ยิ้มเท่ห์

http://education.kapook.com/view127761.html




บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 [3] 4
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.082 วินาที กับ 19 คำสั่ง