เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 2 [3] 4
  พิมพ์  
อ่าน: 48504 นิทานก่อนนอนนานาชาติ
Little Sun
พาลี
****
ตอบ: 212

กำลังตามหาความฝัน


ความคิดเห็นที่ 30  เมื่อ 27 มิ.ย. 02, 15:57

 วันนี้งดเล่าซักหนึ่งวันดีกว่าค่ะอยากฟังคนอื่นๆเล่าบ้างนี่คะอย่างน้อยทุกคน
ต้องเคยฟังนิทานที่น่าประทับใจกันมาบ้างแล้วตอนเป็นเด็กๆ  ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยนะคะนึกว่าสงสารลิตเติ้ลตาดำๆ
บันทึกการเข้า
ทองรัก
พาลี
****
ตอบ: 390

นักวิจัย


ความคิดเห็นที่ 31  เมื่อ 27 มิ.ย. 02, 17:46

 เข้ามาสนับสนุนลิตเติ้ลด้วยคนค่ะ
อยากฟังเพื่อน ๆ คนอื่นเล่าบ้าง
โดยเฉพาะคุณภังคี   ท่าทางจะเล่านิทานเก่ง  
ทองรักเองเล่าไป 2 เรื่องแล้วนะคะ
บันทึกการเข้า
Little Sun
พาลี
****
ตอบ: 212

กำลังตามหาความฝัน


ความคิดเห็นที่ 32  เมื่อ 27 มิ.ย. 02, 17:47

ค้างคาวกับฝนร้อยห่า
และปลาโลมากับทรายในท้องทะเล
 
วันหนึ่งค้างคาวกล่าวแก่นกฮูกว่า..
"ข้าแต่ท่านผู้เป็นปราชญ์แห่งสัตว์ทั้งหลาย ข้ามีความสงสัยมาช้านานแล้ว
ต้องการจะรู้ว่าคุณของมารดามีมากน้อยเพียงไร หมายความว่ามีกี่ประการ"

นกฮูกตอบว่า "คุณแห่งมารดาของเจ้ามีเท่ากับเม็ดฝนร้อยห่า"

"ถ้าเช่นนั้นข้าจะไปนับเม็ดฝนร้อยห่า" ว่าแล้วค้างคาวก็บินไป

 อีกวันหนึ่งปลาโลมากล่าวแก่นกฮูกว่า..
"ข้าแต่ท่านผู้เป็นปราชญ์แห่งสัตว์ทั้งหลาย ข้ามีความสงสัยมาช้านานแล้ว
ต้องการจะรู้ว่าคุณของบิดามีมากน้อยเพียงไร หมายความว่ามีกี่ประการ"

นกฮูกตอบว่า "คุณแห่งบิดาเจ้ามีเท่าเม็ดทรายในท้องทะเลทั้งหลายรวมกัน"

"ถ้าเช่นนั้น ข้าจะไปนับเม็ดทรายในท้องทะเล" ว่าแล้วปลาโลมาก็ว่ายน้ำไป

ในที่สุด วันหนึ่งค้างคาวกล่าวแก่นกฮูกว่า..
"ข้าแต่ข้าแต่ท่านผู้เป็นปราชญ์แห่งสัตว์ทั้งหลาย
ในพิภพนี้มีสัตว์ปีกเท่าใด ก็ได้ช่วยข้านับเม็ดฝนร้อยห่าพร้อมกันแล้ว
สัตว์ปีกทุกตัวนั้นยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่สามารถจะนับเม็ดฝนร้อยห่าได้
ขอท่านผู้เป็นปราชญ์แห่งสัตว์ทั้งหลายได้โปรดบอกข้าผู้น้อยปัญญาว่า
คุณแห่งมารดามีมากน้อยเพียงไร"

นกฮูกได้ฟังจึงว่า "คุณแห่งมารดาของเจ้านี้มีมากเท่าฝนร้อยห่า
เมื่อฝนร้อยห่าไม่สามารถนับได้ ก็หมายความว่า
คุณของมารดาไม่สามารถจะคณนาหรือนับได้เช่นเดียวกัน"

หลังจากนั้นปลาโลมาก็แจ้งแก่นกฮูกว่า..
 "ปลาทุกตัวในท้องทะเลทั้งหมดช่วยกันนับเม็ดทรายในท้องทะเล
แต่ในที่สุดก็ยืนยันว่าไม่สามารถจะนับได้ ขอให้นกฮูกบอกว่า คุณแห่งบิดามีมากน้อยเพียงไร"

นกฮูกจึงกล่าวว่า "คุณแห่งบิดาของเจ้ามีมากเท่ากับเม็ดทรายในท้องทะเลทั้งหลายรวมกัน
เมื่อเม็ดทรายในท้องทะเลไม่สามารถนับกันได้ ก็หมายความว่า
คุณของบิดาไม่สามารถจะคณนาหรือนับได้เช่นเดียวกัน"
บันทึกการเข้า
ทองรัก
พาลี
****
ตอบ: 390

นักวิจัย


ความคิดเห็นที่ 33  เมื่อ 27 มิ.ย. 02, 17:55

 ไหนว่าไม่เล่าแล้วไงล่ะ
แต่มาเล่าแล้วก็ขอบคุณนะคะลิตเติ้ล
อ่านแล้วคิดถึงพ่อกับแม่จังเลย    
บันทึกการเข้า
ภูวง
อสุรผัด
*
ตอบ: 39

ค้าขาย


ความคิดเห็นที่ 34  เมื่อ 28 มิ.ย. 02, 06:54

 ถ้าให้ภังคีเล่า นิทาน คุณเทาชมพูต้องเอาไม้เรียวมาตามตีต่อครับ นิทานของนายนี่ ออกจะพิลึกพิลั่นทั้งนั้น
บันทึกการเข้า
ทองรัก
พาลี
****
ตอบ: 390

นักวิจัย


ความคิดเห็นที่ 35  เมื่อ 28 มิ.ย. 02, 07:09

 ถ้างั้นเชิญคุณอาภูวงเล่าแทนคุณภังคีแล้วกันค่ะ
อยากฟังจัง
บันทึกการเข้า
ภังคี
มัจฉานุ
**
ตอบ: 73

รับจ้าง


ความคิดเห็นที่ 36  เมื่อ 28 มิ.ย. 02, 07:25

 
บันทึกการเข้า
Little Sun
พาลี
****
ตอบ: 212

กำลังตามหาความฝัน


ความคิดเห็นที่ 37  เมื่อ 28 มิ.ย. 02, 17:12

 คุณทองรักเรียกคุณภูวงเป็นอาถ้างั้นลิตเติ้ลก็ต้องเรียกคุณภูวงกับคุณภังคีว่าคุณลุงน่ะสิคะเนี่ย
บันทึกการเข้า
จ้อ
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1081

แต่งงานแล้วจ้า ...


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 38  เมื่อ 08 ก.ค. 02, 02:16

 ช้าไปนิดแต่คงไม่เป็นไร คือจะมาบอกว่าคืนนี้ เป็นคืนเทศกาล ทานาบะตะ ตามนิยายข้างบนโน้นน่ะครับ
(คืนวันที่ 7 กรกฎาคม แต่คงเริ่มเป็นวันที่ 8 สำหรับเมืองไทย)
ผมว่าจะดูทางช้างเผือกซักกะหน่อย แต่สงสัยจะผิดหวัง เพราะเมฆเต็มไปหมด ... กล้มใจกับอากาศประเทศอังกฤษ หุๆๆ
บันทึกการเข้า
ภูวง
อสุรผัด
*
ตอบ: 39

ค้าขาย


ความคิดเห็นที่ 39  เมื่อ 08 ก.ค. 02, 09:23

 ยังนึกไม่ออกเลยครับว่าจะเล่าเรื่องอะไรดี
แต่งกลอนให้อ่านเล่นละกัน

แลดูดาวพาใจให้สะท้าน
ถึงนงคราญขวัญพี่อยู่ดีไฉน
ต้องจำไกลจากนุชสุดอาลัย
เฝ้าถอบใจแหงนมองฟ้าพารัญจวน
บันทึกการเข้า
ทองรัก
พาลี
****
ตอบ: 390

นักวิจัย


ความคิดเห็นที่ 40  เมื่อ 08 ก.ค. 02, 09:46

 มาแอบอ่านค่ะ  
เมื่อคืนนี้ลืมดูทางช้างเผือกเหมือนกัน
เลยไม่รู้ว่าตกลงหนุ่มเลี้ยงวัวได้ข้ามทางช้างเผือกมาพบกับ    
เจ้าหญิงทอหูกหรือเปล่า
(มัวแต่อ่านนิรมิต อีกรอบนึงหลังจากไม่หยิบมาอ่านหลายปี
แล้วเพราะกลัวภาพหลอนจากละคร)
บันทึกการเข้า
ทองรัก
พาลี
****
ตอบ: 390

นักวิจัย


ความคิดเห็นที่ 41  เมื่อ 09 ก.ค. 02, 06:30

 นิทานเรื่องนี้เป็นนิทานอีสปค่ะ  เรื่องแมวกับสุนัขจิ้งจอก
เรื่องมีอยู่ว่า กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วในยุคที่สัตว์ทุกตัวยังพูดได้อยู่
ครั้งนั้นแมวกับสุนัขจิ้งจอกเป็นเพื่อนกัน  
อยู่มาวันหนึ่งทั้งแมวและสุนัขจิ้งจอกมีโอกาสโคจรมาพบกันเข้า
ต่างคน เอ๊ย ต่างตัวก็พูดคุยกันถึงปัญหาที่มันเจออยู่ในแต่ละวัน  เจ้าแมวบ่นขึ้นว่า
"เพื่อนเอ๋ย ฉันนะแสนจะหน่ายกับการที่ต้องคอยวิ่งหนีคู่ปรับอยู่เรื่อยเลย "
 
สุนัขจิ้งจอกได้ยินดังนั้นก็ต้องถาม "อ้าว ! ทำไมล่ะ"
 "แหม ถ้าไม่หนี  ฉันก็โดนมันฆ่าตายไปแล้วน่ะซิ"  
แมวตอบ ไม่รู้ว่านึกในใจว่าไม่น่าถามเลยหรือเปล่านะคะ
"โธ่เอ๋ย  เรื่องจิ๊บจ๊อยเนี่ยนะ ฉันน่ะไม่เคยต้องมากังวลเลย"   สุนัขจิ้งจอกได้ทีโม้ให้แมวฟังซะเลย
"ไอ้ฉันน่ะ มีเล่ห์เหลี่ยมมากมายที่จะหลอกหล่อมัน ก่อนที่มันจะลงมือทำร้ายฉัน"    
 ระหว่างที่พูดคุยกันอยู่ เพื่อนเกลอทั้งสองก็พากันเดินเรื่อย ๆ เข้าไปในป่าลึก
สองข้างทางจะมีต้นไม้ใหญ่ที่มีนกอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
พวกนกต่างส่งเสียงจุ๊บจิ๊บ ๆ พูดคุยกันอย่างมีความสุข
"นี่ เจ้าแมวน้อย ฉันจะแสดงเล่ห์เหลี่ยมของฉันให้แกดูซัก 2-3 อย่างไหมล่ะ"
 
   สุนัขจิ้งจอกพูดยังไม่ทันขาดคำ ก็มีเสือตัวหนึ่งเดินผ่านมายังบริเวณนั้น  
เจ้าแมวเห็นดังนั้นก็รีบวิ่งจู๊ดขึ้นไปหลบอยู่บนต้นไม้อย่างเคย
ส่วนเจ้าสุนัขจิ้งจอก มัวแต่คิดว่าจะหลอกเสืออย่างไรดี ตัวเองถึงจะเอาตัวรอดได้
มัวแต่ชักช้ากว่าจะคิดออก ก็โดนเจ้าเสือจับกินเป็นอาหารไปซะแล้ว

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
"การคุยโม้โอ้อวด  ไม่เคยให้ผลดีกับใคร"
จบแล้วค่ะ เที่ยวนี้หารูปประกอบไม่ได้  ขอเชิญไปดูรูปแมวฉลาด ๆ ในกระทู้การ์ตูนนะคะ
ส่วนสุนัขจิ้งจอกก็ใช้จินตนาการถึงสัตว์เจ้าเล่ห์ ๆ เอาแล้วกันนะคะ
บันทึกการเข้า
ภังคี
มัจฉานุ
**
ตอบ: 73

รับจ้าง


ความคิดเห็นที่ 42  เมื่อ 09 ก.ค. 02, 07:14

 หนุกจัง หนุกจัง มีอีกมั้ยคร้าบ
บันทึกการเข้า
ทองรัก
พาลี
****
ตอบ: 390

นักวิจัย


ความคิดเห็นที่ 43  เมื่อ 13 ก.ค. 02, 16:49

 วันนี้วันหยุด พักผ่อนสบาย ๆ อยู่บ้านแล้วมาฟังนิทานกันต่อดีกว่า

วันนี้เป็นนิทานอีสปอีกตามเคย
เรื่องสายลมและดวงตะวัน
เรื่องก็มีอยู่ว่า  สายลมแวะผ่านมาทักทายดวงตะวันในสายวันหนึ่งที่ท้องฟ้าค่อนข้างมืดครึ้ม
ทั้งคู่คุยกันได้ไม่นานนัก ก็เกิดการโต้เถียงกันขึ้น
เพราะต่างคนก็คิดกันว่า ตนคือผู้ทรงพลังมากที่สุด
ในขณะที่กำลังโต้เถียงกันอยู่นั้นเอง  บังเอิญมีเด็กชายคนหนึ่งเดินผ่านมา  
ทั้งสองจึงตกลงกันว่า  ผู้ที่สามารถทำให้เสื้อคลุมของเด็กชายคนนั้นหลุดออกไปได้
จะกลายเป็นผู้ชนะ   และเป็นผู้ที่ทรงพลังมากที่สุดไปทันที
สายลม เป็นฝ่ายเริ่มต้นก่อนด้วยการพัดกระหน่ำอย่างรุนแรงที่สุดเท่าที่ตนจะสามารถทำได้
หวังจะให้เสื้อคลุมของเด็กชายหลุดออกจากร่างไป
แต่ยิ่งสายลมพัดแรงมากขึ้นเท่าใด  เด็กชายก็ยิ่งออกแรงดึงเสื้อให้กระชับตัวมากขึ้นเท่านั้น
จนสายลมเริ่มเหนื่อยอ่อน……… หมดกำลัง……………และต้องหยุดพัดไปในที่สุด
คราวนี้จึงเป็นโอกาสของ ดวงตะวัน บ้าง
มันค่อย ๆ โผล่ออกมาจากกลุ่มเมฆ   แล้วสาดแสงอันแรงร้อน……ส่องไปยังร่างของเด็กชายคนนั้น
แสงตะวันทำให้เด็กน้อยเริ่มรู้สึกร้อนขึ้น……ร้อนขึ้น……..ร้อนขึ้น
แต่ดวงตะวันก็ยังคงสาดแสงต่อไปไม่หยุดยั้ง
จนในที่สุด เด็กชายทนร้อนต่อไปไม่ไหว  จึงต้องถอดเสื้อคลุมออกจากตัว
ดวงตะวันจึงหันไปยิ้มให้สายลม  ก่อนที่จะบอกว่า  "ฉันคือผู้ชนะ"

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…….
การใช้ความรุนแรงไม่สามารถทำให้ได้มาซึ่งชัยชนะเสมอไป……….


รูปดวงตะวันยิ้มแฉ่งนี่แอบหยิบยืมมาจากการ์ตูนเรื่องนึงค่ะ
พยายามดูให้เข้ากับเรื่องหน่อยแล้วกัน
บันทึกการเข้า
Little Sun
พาลี
****
ตอบ: 212

กำลังตามหาความฝัน


ความคิดเห็นที่ 44  เมื่อ 14 ก.ค. 02, 19:02

 สวัสดีค่ะคุณทองรัก  อ้าวนี่รูปลิตเติ้ลนี่นา
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 [3] 4
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.074 วินาที กับ 19 คำสั่ง