เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 [2] 3 4
  พิมพ์  
อ่าน: 48502 นิทานก่อนนอนนานาชาติ
Little Sun
พาลี
****
ตอบ: 212

กำลังตามหาความฝัน


ความคิดเห็นที่ 15  เมื่อ 21 มิ.ย. 02, 16:45

 ขออภัยผู้อ่านทุกทันค่ะที่ทำบรรทัดซิกแซก    
บันทึกการเข้า
nekoi
อสุรผัด
*
ตอบ: 1

โรงเรียน สาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายมัธยม


ความคิดเห็นที่ 16  เมื่อ 21 มิ.ย. 02, 19:32

 ว้าว เหมือนกลับเป็นเด็กเลย ชอบมาก ๆ ค่ะ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 17  เมื่อ 22 มิ.ย. 02, 10:59

 นิทานเรื่องนี้มาจากเบงคลี
 เป็นเรื่องของช้างบินได้ ก็เลยขอยืมภาพเจ้าดัมโบ้มาเป็นภาพประกอบค่ะ

ครั้งหนึ่ง มีเจ้าของไร่คนหนึ่งปลูกพืชผลได้งามดี
อยู่มาคืนหนึ่ง เจ้าของไร่ได้ยินเสียงสวบสาบในไร่  ตอนเช้าตื่นขึ้นมาก็พบว่าฟักแฟงแตงร้านที่ปลูกไว้ถูกถอนหักยับไปเยอะ   มีรอยเท้าช้างเข้ามาเหยียบย่ำ แล้วหายไปไหนก็ไม่รู้
ด้วยความเจ็บใจ   แกก็ซุ่มดูในคืนต่อมา  เผื่อเจอจะได้เล่นงาน
พอตกดึกก็เห็นช้างตัวหนึ่งเหาะลงมาจากฟ้า ลงมาหักถอนพืชผลกินตามสบาย  จนพอใจแล้วก็เหาะกลับขึ้นไป
เจ้าของสวนหายตะลึงก็วิ่งเข้าไปคว้าหางช้างไว้  ช้างเหาะขึ้นแกก็เลยได้บินตามช้างขึ้นไปด้วย

ช้างบินขึ้นไปถึงบนสวรรค์  บนนั้นมีไร่เหมือนกัน  แต่พืชผลบนสวรรค์งามกว่าในมนุษย์มาก
เจ้าของสวนก็โดดลงไปบนไร่ เที่ยวเดินดูจนทั่ว ด้วยความตื่นตาตื่นใจตลอดคืน  

พอช้างบินลงมาแกก็จับหางช้าง ดิ่งลงมาด้วย แล้วกลับบ้านอย่างปลอดภัย
ด้วยความอดไม่ได้แกก็ไปคุยให้เพื่อนบ้านฟัง  
ใครต่อใครไม่เชื่อแกก็ท้าให้ขึ้นไปพร้อมกัน
พอช้างลงมาในคืนต่อไป   แกก็คว้าหางช้างไว้ เพื่อนบ้านก็เกาะแกไปเป็นพรวน

ทุกคนตื่นเต้นกันมาก  ระหว่างเหาะขึ้นไปก็คุยกันไม่หยุดปาก   แกคุยว่าแตงบนสวรรค์ลูกใหญ่มาก  
เพื่อนบ้านอยากเห็นว่าขนาดแค่ไหน  ก็เซ้าซี้ถามไม่หยุด

เจ้าของไร่รำคาญ เลยกางมือออกให้ดู บอกว่า "ขนาดนี้แน่ะ"
ผล...ก็เลยร่วงลงมากันหมด ช้างก็เหาะหนีไป
หลังจากนั้นก็ไม่มีใครมีโอกาสขึ้นสวรรค์อีกเลย  
บันทึกการเข้า
ทองรัก
พาลี
****
ตอบ: 390

นักวิจัย


ความคิดเห็นที่ 18  เมื่อ 23 มิ.ย. 02, 20:29

 วันนี้บรรยากาศในนี้เงียบเหงาจังค่ะ
ไม่มีใครใจดีผ่านมาเล่านิทานก่อนนอนให้ฟังบ้างหรือคะ
บันทึกการเข้า
Little Sun
พาลี
****
ตอบ: 212

กำลังตามหาความฝัน


ความคิดเห็นที่ 19  เมื่อ 24 มิ.ย. 02, 11:32

 ลิตเติ้ลอาสาเล่าเองค่ะ  เรื่องนี้น่ารักนะคะ  

เจ้าหญิงก้อนหินกับเจ้าชายหยดน้ำ"

      หลังจากผิดหวังในความรัก เจ้าหญิงก็เสียใจ นั่งนิ่งไม่เคลื่อนไหว จนร่างกายค่อยๆ กลายเป็นหิน



ชายใดสามารถทนกอดก้อนหินได้ด้วยความรักจริง

ก้อนหินจะกลับมาเป็นเจ้าหญิงงดงามดั่งเดิม



เจ้าชายน้ำหยดอ่านแผ่นป้ายหน้าก้อนหินรูปทรงประหลาดอย่างสนใจ



"ต้องกอดนานเท่าไหร่" เจ้าชายถามคนเฝ้าก้อนหิน



"ไม่รู้... เพราะยังไม่มีใครทนกอดได้สำเร็จสักคน"



คนเฝ้าก้อนหินตอบโดยไม่เงยหน้า



"เราจะกอดเจ้าหญิงเอง"



แล้วเจ้าชายก็ค่อย ๆ นั่งลงบรรจงกอดก้อนหินอย่างทะนุถนอม



..........



หนึ่งปีผ่านไป เจ้าชายน้ำหยดยังกอดก้อนหินอยู่



"นี่ท่านยังกอดก้อนหินอยู่อีกหรือ" คนเฝ้าก้อนหินรู้สึกทึ่งกับความอดทนของเจ้าชาย



"ท่านทำได้อย่างไร"



"เพราะข้าอยู่กับปัจจุบัน" เจ้าชายเห็นคนเฝ้าก้อนหินงง



เจ้าชายจึงอธิบายต่อ "ถ้าท่านกอดก้อนหิน หนึ่งวัน ท่านทำได้หรือไม่"



"สบายมาก"



คนเฝ้าก้อนหินตอบโดยไม่ต้องคิด "แล้วถ้ากอด สองวัน ล่ะ"



"อาจเริ่มเบื่อนิดๆ"



"แล้วถ้า สามวัน สี่วัน หรือสิบวันล่ะ"



"ไม่เอา ข้าไม่มีความอดทนขนาดนั้นหรอก"



"นั่นเพราะท่านไม่อยู่กับปัจจุบัน...ท่านคิดไปก่อนล่วงหน้าว่าไม่ไหว"



"ไม่เข้าใจ"



"ในเมื่อท่านบอกว่ากอดก้อนหินหนึ่งวันได้สบายมาก พรุ่งนี้หรือวันต่อไป

มันจะต่างกันตรงไหน มันก็เป็นแค่ หนึ่งวัน ที่ผ่านไปเช่นเดียวกัน"



เจ้าชายลูบก้อนหินราวกับมีชีวิต



"ในสายตาท่าน อาจจะเห็นว่าข้ากอดก้อนหินนี้มาเป็นเวลาหนึ่งปี

แต่ในความรู้สึกข้า ข้าเพิ่งกอดเจ้าหญิงผ่าน 'หนึ่งวัน'

มาแค่ 365 ครั้งเท่านั้นเอง"



"ข้าก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี แต่ช่างมันเถอะ ข้าต้องการรู้แค่ว่า

ที่ท่านกอดก้อนหินเพราะท่านรักเจ้าหญิงจริง ๆ หรือเพราะต้องการเอาชนะ"



"ข้ารักจริง" ปากเจ้าชายตอบโดยมือยังไม่คลายกอดจากก้อนหิน



"เอาอย่างนี้ละกันท่าน... นั่นน่ะมันแค่ก้อนหิน ส่วนข้าสิ 'เจ้าหญิง' ตัวจริง"



คนเฝ้าก้อนหินลุกขึ้นยืน ถอดเสื้อผ้าชุดมอมแมมออก



"ข้าว่า... ท่านมากอดข้าดีกว่า"



......... ตกลงเลยไม่รู้ว่าจะให้เจ้าชายดีใจ

หรือกระโดดเตะเจ้าหญิงดี.................



   
บันทึกการเข้า
ทองรัก
พาลี
****
ตอบ: 390

นักวิจัย


ความคิดเห็นที่ 20  เมื่อ 24 มิ.ย. 02, 11:49

 กำลังคิดอยู่เชียวว่าจะไปตามหาเจ้าชายแบบนี้ได้ที่ไหน
คุณลิตเติ้ลหักมุมตอนจบซะทองรักตามไม่ทันเลยค่ะ
อารมณ์โรแมนติกหายไปทันที กลายเป็น      
ขอบคุณนะคะ คนใจดี
บันทึกการเข้า
สร้อยสน
ชมพูพาน
***
ตอบ: 143

ลูกจ้าง รัฐวิสาหกิจ


ความคิดเห็นที่ 21  เมื่อ 24 มิ.ย. 02, 13:32

 หนุ่มใหญ่ตรงนี้ เขาบอกว่าถ้าเขาเป็นเจ้าชายก๊จะหอมแก้มเจ้าหญิงหนึ่งที(หรือหลายๆที)ทีเลิกหลอกให้กอดก้อนหินต่อไม่เตะเจ้าหญิงหรอกค่ะ พิสูจน์รักแค่นี้เรื่องเล็ก ท่านว่างั้น
เรื่องน่ารัก คนเล่าก็เล่าเก่งมากค่ะลิตเติ้ล
บันทึกการเข้า
ภังคี
มัจฉานุ
**
ตอบ: 73

รับจ้าง


ความคิดเห็นที่ 22  เมื่อ 25 มิ.ย. 02, 06:39

 ช่ายแล้วหนู ทองแท้ไม่กลัวไฟลนนะจ๊ะ เจ้าหญิงน่ารักออก ขี้เล่นดีจัง
บันทึกการเข้า
Little Sun
พาลี
****
ตอบ: 212

กำลังตามหาความฝัน


ความคิดเห็นที่ 23  เมื่อ 25 มิ.ย. 02, 12:29


ดีใจค่ะที่ยังมีคนมาอ่านนิททานอยู่  วันนี้ยึดกระทู้อีกวันดีกว่า
เรื่องนี้ก็เป็นนิทานนะคะ
ศิลปะในการขอทาน
 ชายคนหนึ่งขับรถเข้าไปในเมืองซึ่งเป็นเวลาพลบค่ำ ขณะที่ขับรถมานั้นเขาสังเกตุเห็น
หญิงชราคนหนึ่งกำลังถือตะเกียงเดินก้มๆ เงยๆอยู่ เหมือนจะหาอะไรในพงหญ้าข้างถนนนั้น
ด้วยความสนใจ เขาจึงหยุดรถแล้วเดินตรงเข้าไปถามหญิงชรานั้นว่า

"นี่ยาย ยายกำลังก้มหาอะไรอยู่หรือ"

"อ๋อ...ยายกำลังหาเหรียญบาทที่ทำตกลงไปในพงหญ้านี้ ยายหามาตั้งครึ่งชั่วโมงแล้ว
หาเท่าไรก็หาไม่เจอสักที พ่อหนุ่มจะช่วยยายหาหรือ" หญิงชราพูด

ด้วยความสงสารชายหนุ่มจึงควักเงิน 10 บาทออกมา แล้วยื่นให้แก่หญิงชรา
พร้อมกับพูดขึ้นว่า "เอาเงิน 10 บาทนี้ไปก็แล้วกันนะยาย เหรียญบาทคงหาไม่เจอแล้ว"
เมื่อรับเงินจากชายหนุ่ม หญิงชรากล่าวขอบใจแล้วก็ดับตะเกียงจากไป

ชายหนุ่มคนนั้นก็ขับรถเข้าไปทำธุระในเมือง เมื่อทำธุระเสร็จแล้วเขาก็ขับรถออกมา
ตามเส้นทางเดิม เขาประหลาดใจมากที่ได้เห็นหญิงชราคนหนึ่ง กำลังจุดตะเกียงส่องหา
อะไรบางอย่างในพงหญ้าข้างถนน ด้วยความสงสัยเขาจึงหยุดรถแล้วเดินเข้าไปดูใกล้ๆ
เขาก็จำได้ทันทีว่า หญิงชราคนนี้ ก็คือหญิงชราคนเดิมที่เขาให้เงินไป 10 บาท
เมื่อตอนหัวค่ำนั่นเอง เขาจึงถามหญิงชรานั้นว่า "นี่ยาย...ยายทำเงินตกหายอีกแล้วรึ"

หญิงชราเงยหน้าขึ้น ก็จำชายหนุ่มผู้ใจดีคนนี้ได้ จึงตอบไปว่า
"ใช่แล้วหลาน...แต่หลานชายไม่ต้องควักเงินให้ยายอีกนะ"

"ทำไมละยาย" ชายหนุ่มสงสัย

"นี่มันเป็นกลวิธีในการขอทานที่ได้ผลดีที่สุด...ขอบใจสำหรับเงิน 10 บาทนะหลานเอ๊ย"
พูดจบหญิงชราก็เดินจากไป ทิ้งให้ชายหนุ่มมึนงงอยู่ตรงนั้นเอง
บันทึกการเข้า
Little Sun
พาลี
****
ตอบ: 212

กำลังตามหาความฝัน


ความคิดเห็นที่ 24  เมื่อ 25 มิ.ย. 02, 12:35

 แถมอีกเรื่องค่ะชักจะติดลม  เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าเทพนิยายนานาชาติค่ะ
เรื่อง  ยังไงก็ต้องถูก
บันทึกการเข้า
Little Sun
พาลี
****
ตอบ: 212

กำลังตามหาความฝัน


ความคิดเห็นที่ 25  เมื่อ 25 มิ.ย. 02, 12:38

 ว้ามือเร็วดันคลิกก่อนยังแปะไม่เสร็จเลย

ณ เมืองเมืองหนึ่งในประเทศจีน
มีหมอดูกับลูกศิษย์คู่หนึ่ง   คอยให้คำทำนายแก่ผู้คนที่เดินทางผ่านไปมา
วันหนึ่ง ชายสามคนกำลังจะไปสอบไล่แข่งขันที่เมืองหลวง   จึงพากันไปหารือหมอดู
หมอดูไม่ยักตอบคำถามของผู้ใดเลย
แต่ใช้นิ้วมือนิ้วหนึ่งชูขึ้น   หลังจากฟังคนทั้งสามบอกเล่าให้ฟัง
ผลสอบประกาศออกมา   คนหนึ่งในสามคนนั้นสอบได้
ชื่อเสียงหมอดูผู้นั้นก็เป็นที่เลื่องลือขึ้นมา   ลูกศิษย์หนุ่มจึงถามท่านหมอดูว่า

"ความลับในการทายได้ถูกต้องนั้นคืออะไร..."

"ความลับของฉันก็คือไม่พูดอะไรเลย"

คำตอบของหมอดูยิ่งทำให้หนุ่มที่มาฝึกดูลายมืองงหนักขึ้นไปอีก
ท่านอาจารย์หมอดูก็ร่ายยาวต่อไปว่า

"เธอเห็นฉันชูนิ้วเดียวก็อาจหมายความว่า ในสามคนนั้น
จะสอบได้เพียงคนเดียว   แล้วผลออกมาก็ตรงตามที่ฉันทำนายไว้เผง
ถ้าสอบได้สองคน   คำทำนายฉันก็ถูกต้องอีกนั่นแหละ
เพราะชูนิ้วเดียวหมายถึงสอบตกคนหนึ่งก็ได้   ถ้าเขาสอบได้หมด
ทั้งสามคน   นิ้วเดียวก็หมายถึงว่า   ทั้งสามคนรวมกันนั่นแหละสอบได้
ทำนองเดียวกันนี้   ถึงในทางตรงกันข้าม   ก็ถูกอีกนั่นแหละ"

ลูกศิษย์หนุ่มได้ฟังคำอธิบายจบก็พูดขึ้นว่า

"โอ...มีอีกมากมาย   ที่ศิษย์ต้องเรียนรู้"  
บันทึกการเข้า
ทองรัก
พาลี
****
ตอบ: 390

นักวิจัย


ความคิดเห็นที่ 26  เมื่อ 26 มิ.ย. 02, 09:22

 แวะมาฟังลิตเติ้ลเล่านิทานค่ะ
สนุกดีจัง รูปคุณยายก็สวยด้วยค่ะ
ดูเหมือนบาติกเลย ขอบคุณนะคะ  
จะยึดกระทู้อีกวันก็ดีค่ะ
บันทึกการเข้า
Little Sun
พาลี
****
ตอบ: 212

กำลังตามหาความฝัน


ความคิดเห็นที่ 27  เมื่อ 26 มิ.ย. 02, 13:49


ตามคำขอได้อยู่แล้วค่ะคุณทองรัก  บ่มีปัญหา  
เรื่องนี้เอาไว้เล่าให้ลูกให้หลานฟังเล่นก็ดีนะคะ
 เรื่องทำไมช้างจึงตาเล็ก  และ เสือมีลาย
ยังมีเสือหนุ่มตัวหนึ่งดุร้ายมาก วันหนึ่งมันออกไปหากินตามปรกติ ขณะที่มันสอดส่ายสายตาหาเหยื่ออยู่นั้น มันก็แลเห็นช้างตัวหนึ่งกำลังยืนอยู่ใต้ต้นไม้ มันจึงวางแผนที่จะจับช้างให้ได้ แล้วเสือก็เดินตรงไปหาช้างทันที
ฝ่ายช้างเมื่อเห็นเสือเดินตรงมาหามันเช่นนั้น ครั้นจะวิ่งหนีไปก็ไม่ทัน จึงทำใจดีสู้เสือ แล้วพูดกับเสือไปว่า

"สวัสดี เจ้าเสือผู้ยิ่งใหญ่ เจ้าจะไปไหนหรือ"
"ข้าก็จะมาจับเจ้าไปเป็นอาหารนะสิ" เสือตอบ
"ช้าก่อนเจ้าเสือร้าย เจ้าคงไม่รู้หรอกว่าตอนนี้ข้าไม่ได้เป็นอิสระแล้ว ข้าเป็นเชลยเขาอยู่" ช้างพูด
"พุทโธ่เอ๋ย อย่ามาหลอกข้าเสียให้ยากเลย เจ้าตัวใหญ่ออกอย่างนี้
ใครจะกล้ามาจับเจ้าเป็นเชลยได้ นอกจากข้าเจ้าป่าผู้ยิ่งใหญ่"
"นี่ไงเจ้าเห็นมั้ย ขาของข้าถูกล่ามโซ่อยู่กับต้นไม้นี้ ก็เพราะข้าตกเป็นเชลยของมนุษย์"
ช้างพูดพร้อมยกขาที่ถูกล่ามโซ่ให้เสือดู
"อะไรกันมนุษย์ตัวเล็กนิดเดียว ยังจับเจ้าล่ามโซ่ได้หรือ" เสือถามอย่างสงสัย
"ก็ใช่นะซิ มนุษย์ตัวเล็กๆนี่แหละ ถึงจะไม่มีเขี้ยวเล็บ ไม่มีเขาหรืองา แต่มนุษย์นั้นมี "ปัญญา" ช้างตอบยืนยัน

เสือพอได้ยินช้างพูดถึงคำว่า "ปัญญา" ก็สนใจ จึงถามช้างขึ้นว่า
"อ้ายตัวปัญญาของมนุษย์มันวิเศษแค่ไหนเชียว ถ้าข้าเจอละก็จะจับกินเสียให้เข็ด"
"ปัญญาของมนุษย์ก็อยู่ที่ตัวมนุษย์ซิเจ้าเสือเอ๋ย ถ้าเจ้าอยากเห็นจริงๆ ละก็ รีบแก้โซ่ที่ผูกขาข้าออกซิ แล้วข้าจะพาเจ้าไปดู"
"ได้เลย" เสือพูดแล้วตรงเข้าไปแก้โซ่ที่ผูกขาช้างออก แล้วช้างก็เดินนำหน้าเสือ มุ่งสู่บ้านมนุษย์ทันที

เมื่อถึงบ้านมนุษย์แล้ว ช้างก็ตะโกนเรียกมนุษย์ให้ออกมาพบข้างนอก ฝ่ายมนุษย์ไม่รู้ว่าใครมาเรียก ก็ออกมาจากบ้านโดยที่ไม่ได้ระวังตัว
ทันใดนั้น เสือซึ่งรอจังหวะอยู่แล้ว จึงตะครุบตัวมนุษย์ไว้ในกรงเล็บอย่างง่ายดาย
มันหัวเราะเยาะด้วยเสียงอันดัง ที่สามารถเอาชนะมนุษย์ผู้พิชิตช้างได้ เสือจึงหันไปพูดกับช้างว่า

"เจ้าช้าง ไหนเจ้าว่ามนุษย์มีปัญญาเก่งกล้า ยังไม่ทันได้ต่อสู้เลย ข้าก็จับมันได้แล้ว
และข้าจะกินมันเสียเดี๋ยวนี้แหละ"

มนุษย์เมื่อได้ยินเสือพูดอวดตัวเช่นนั้น ก็ใช้ปัญญาของตนต่อสู้กับเสือทันที โดยพูดกับเสือว่า
"ช้าก่อนเจ้าเสือ ถ้าเจ้ากินข้าตอนนี้ เจ้าก็จะไม่มีโอกาศเห็นตัวปัญญาของข้าเลย"

เสือได้ยินดังนั้นก็หยุดชะงัก แล้วถามมนุษย์ไปว่า
"ไหนละตัวปัญญาของเจ้า ก่อนตายเอาออกมาอวดข้าหน่อยเป็นไง"
"ได้ซิ ถ้าเจ้าอยากดู แต่ตัวปัญญาของข้าอยู่ในบ้าน ถ้าอยากเห็น เจ้าต้องปล่อยข้าไป
ข้าจะได้ไปจูงมันออกมาให้เจ้าดู"

ฝ่ายเสืออยากเห็นตัวปัญญาเป็นหนักหนา จึงหลงกลปล่อยมนุษย์ไป
มนุษย์เมื่อถูกปล่อยตัวเป็นอิสระแล้ว ก็วางแผนจัดการกับเสือ โดยพูดขู่เสือไปว่า
"ระวังนะเจ้าเสือ ตัวปัญญาของข้ามันตกใจง่าย ถ้ามันเห็นเจ้าเข้า มันจะวิ่งหนีเข้าบ้าน
แล้วจะไม่ยอมออกมาอีกเป็นเด็ดขาด"
"แล้วเจ้าจะให้ข้าทำอย่างไร" เสือถาม
"ไม่ยาก เจ้ามาให้ข้าจับมัดไว้กับต้นไม้เสียก็สิ้นเรื่อง" มนุษย์เสนอความคิด
"ตกลง" เสือตอบ

มนุษย์ก็จัดการมัดเสือไว้กับต้นไม้ แล้วก็เดินเข้าบ้านไป และออกมาพร้อมกับหวายในมือ
เสือเห็นมนุษย์ถือหวายออกมาก็แปลกใจ จึงถามว่า
"ไหนละตัวปัญญาของเจ้า ไม่เห็นจูงออกมาให้ข้าดู"
มนุษย์ชูหวายขึ้นแล้วพูดว่า "นี่ไงละตัวปัญญาของข้า"
"อ้ายนั่นมันหวาย จะเป็นตัวปัญญาได้อย่างไร" เสือแย้ง
"นี่แหละตัวปัญญาของข้าอ้ายเสือหน้าโง่ เจ้ามันอวดเก่งนัก ข้าจะสั่งสอนให้รู้สำนึกเสียบ้าง"

พอมนุษย์พูดขาดคำ ก็หวดเสือด้วยหวายอย่างมันมือ จนนับครั้งไม่ถ้วน

ฝ่ายช้างที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ก็หัวเราะด้วยความชอบใจ
เพราะด้วยปัญญาของมนุษย์ มนุษย์ไม่เพียงรอดชีวิต มันเองก็รอดชีวิตด้วย ช้างหัวเราะใหญ่
หัวเราะเสียจนน้ำตาไหลพรากอาบแก้ม ดวงตาของช้างเลยเล็กลง เล็กลง เหลือเท่าที่เห็นจนทุกวันนี้
ซึ่งไม่สมกับตัวของมันเลย ก็เพราะหัวเราะมากนั่นเอง

ฝ่ายเสือเมื่อถูกโบยด้วยหวาย ก็เจ็บปวดแสนสาหัส ดิ้นทุรนทุรายไปมาจนเชือกขาด
มันจึงวิ่งหนีอย่างสุดชีวิต จนถึงบัดนี้เสือก็ยังไม่รู้ว่า ปัญญาของมนุษย์คืออะไร
เสือเดินโซซัดโซเซ ไปขอความช่วยจากสัตว์ในป่าให้ช่วยรักษารอยแผลจากการถูกโบยด้วยหวาย
แต่ไม่มีสัตว์ใดช่วยเหลือ มีแต่สมน้ำหน้า เพราะเสือได้รังแกสัตว์อื่นไว้มากนั่นเอง ตัวของเสือจึงมีแผลเป็น
และกลายเป็นลายให้เห็น มาจนทุกวันนี้  
บันทึกการเข้า
ภังคี
มัจฉานุ
**
ตอบ: 73

รับจ้าง


ความคิดเห็นที่ 28  เมื่อ 27 มิ.ย. 02, 06:36

 เล่านิทานเก่งจัง  สนุกด้วยนะ
บันทึกการเข้า
อ้อยขวั้น
มัจฉานุ
**
ตอบ: 60

ทำงานบริษัทเอกชน


ความคิดเห็นที่ 29  เมื่อ 27 มิ.ย. 02, 13:37

 สนุกจังเลยค่ะ
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2] 3 4
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.044 วินาที กับ 19 คำสั่ง