เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: [1] 2 3 ... 6
  พิมพ์  
อ่าน: 16967 ฟุตบอลกับคนไทย ... (แบบว่าผมอยากคุยเรื่องฟุตบอลน่ะครับ)
จ้อ
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1081

แต่งงานแล้วจ้า ...


เว็บไซต์
 เมื่อ 01 ก.ค. 02, 06:34

จริงๆคืออยากถามว่ามีใครติดตามฟุตบอลโลกครั้งนี้บ้าง แต่... ไม่รู้จะตั้งหัวข้อว่าอะไรดี

ถึงแม้ว่าทีมชาติไทยจะไม่ได้ติดกลุ่มเข้ารอบกับเขาด้วยแต่ผมว่าคนไทยค่อนประเทศคงติดตาม
ไม่ว่าจะเป็นคนที่ชอบฟุตบอลจริง ไม่ว่าจะชอบดู ชอบแตะ ชอบจับ หรือ ชอบแทงก็ตาม
สาวๆบางคนชอบดูนักแตะรูปหล่อ อุๆๆๆ

ดูเหมือนว่าสมัยนี้ฟุตบอลเป็นกีฬายอดฮิตไปแล้ว
ผมเองก็ชอบฟุตบอลเลยขอตั้งกระทู้ฟุตบอลให้เข้าบรรยากาศ คงไม่ว่ากันนะครับเหอๆๆๆ

เข้าเรื่องไทยๆหน่อยดีกว่า ผมไปค้นประวัติฟุตบอลในประเทศไทยมาได้ความว่า การแข่งขันฟุตบอลในประเทศไทยนั้นเริ่มมาร้อยกว่าปีแล้ว


เมื่อแรกเริ่มเดิมทีนั้น สนามที่ใช้เล่นฟุตบอลของนักเลงลูกหนังชาวสยาม คือลานวัด และสนามตามโรงเรียน ก่อนการแข่งขันอย่างเป็นทางการครั้งแรก ณ สนามหลวง ในวันเสาร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2443 ระหว่างทีมบางกอกกับทีมศึกษาธิการ (2 - 2) จะปรากฏข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์ของเมืองไทย
             
ในสมัยรัฐบาล จอมพล ป. (แปลก) พิบูลสงคราม จึงได้อนุมัติงบประมาณ 170,000 บาท ตามที่ น.อ. หลวงศุภชลาศัย (บุ้ง ศุภชลาศัย) อธิบดีกรมพลศึกษาเสนอเรื่องขึ้นไป เพื่อนำมาดำเนินงานก่อสร้าง "สนามกรีฑาสถาน" (National Stadium) ณ บริเวณกรมพลศึกษา ปทุมวัน ซึ่งเช่าที่ดินของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอยู่ก่อนแล้ว       โดยเริ่มลงมือก่อสร้าง เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2480 สำหรับงานแบ่งออกเป็น 4 ช่วง คือระยะแรกสร้างอัฒจันทร์ด้านสกอร์บอร์ดขึ้นก่อน ระยะที่สองจึงสร้างอัฒจันทร์ฝั่งที่ประทับ ระยะที่สามก่อสร้างอัฒจันทร์ตรงข้ามกับสกอร์บอร์ด และระยะสุดท้ายสร้างอัฒจันทร์ฝั่งกระถางคบเพลิง จนแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2484 มีขนาดความจุผู้ชมประมาณ 40,000 คน นับเป็นสนามกีฬาระดับมาตรฐานสากลแห่งแรกของประเทศไทย และวันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2485 สนามกรีฑาสถานจึงถูกเปลี่ยนชื่อเรียกว่า "สนามศุภชลาศัยกรีฑาสถานแห่งชาติ" เพื่อเป็นเกียรติแก่หลวงศุภชลาศัย อธิบดีกรมพลศึกษาคนแรก

 http://www.siamfootball.com/html/body01_7.html

ใครไม่ได้ไปดูบอลโลกที่สนามเมืองโยโกฮามา ก็ดูสนามศุภฯแก้ขัดไปก่อนก็แล้วกันครับ ฮี่ๆๆ  
บันทึกการเข้า
จ้อ
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1081

แต่งงานแล้วจ้า ...


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 1  เมื่อ 31 พ.ค. 02, 08:56

มาถึงประวัติของฟุตบอลบ้าง ... ฟุตบอลที่เราเล่นกันอยู่ในปัจจุบันเรียกกันว่าฟุตบอลสมัยใหม่
วงการลูกหนังทั่วโลกถือว่ามีวิวัฒนาการรูปแบบการเล่นมาจากประเทศอังกฤษ
เนื่องจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์คือสถาบันแห่งแรกที่กำหนดกฎข้อบังคับเรียกว่า "กติกาเคมบริดจ์"
และจัดแข่งขันฟุตบอลตามกติกาดังกล่าว ใน ค.ศ. 1846 (พ.ศ. 2389) รัชสมัยสมเด็จพระราชินีวิคตอเรีย

ต้นกำเนิดของฟุตบอลจริงๆนั้นผมเข้าใจมาจากประเทศอิตาลีนะครับ อาจจะมาตั้งแต่สมัยโรมัน
ผมเคยเห็นกีฬาโบราณของอิตาลีเล่นคล้ายๆฟุตบอลผสมแอนด์บอลผสมรักบี้ ...
ไม่ทราบเหมือนกันว่าเรียกว่าอะไร

ส่วนฟุตบอลกับประเทศไทยนั้น น่าจะเข้ามาพร้อมๆกับกีฬาตะวันตกอื่นๆ
ผมไปค้นเจอในเว็ป http://www.siamfootball.com/ ได้ความว่า

พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงชอบเล่นกีฬาที่ชาวตะวันตกนำเข้ามาเผยแพร่
เช่น การล่าสัตว์ แข่งเรือ ขี่ม้าและตีคลี แต่ยังไม่มีการกล่าวถึงฟุตบอล

ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 (พ.ศ. 2411 - 2453)
ชาวยุโรปก็ได้เดินทางเข้ามารับราชการและทำการค้าในเมืองบางกอกได้ก่อตั้ง
"สโมสรรอยัลบางกอกสปอร์ตคลับ" (ROYAL BANGKOK SPORT CLUB) แถวๆปทุมวัน
โดยมุ่งเน้นกิจกรรมกีฬาเป็นสื่อสมานฉันท์ระหว่างชาวต่างชาติกับคนไทย คือยุคแห่งการเริ่มต้น
"กีฬาสากล" ของเมืองสยาม

จากแหล่งข้อมูลและหนังสือหลายเล่ม ต่างระบุว่าเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี (สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา)
ประธานสภาผู้แทนราษฎรคนแรกของประเทศไทย คือผู้นำการเล่นฟุตบอลเข้ามาสู่สยาม

ยุคเริ่มต้นนั้น ผู้ที่นิยมชอบเตะฟุตบอลจะถูกขนานนามว่า "นักเลงลูกหนัง" โดยเรียกการเล่น
ชนิดนี้ว่า "หมากเตะ" สนามที่ใช้แข่งขัน คือพื้นที่ว่างบริเวณลานวัด และสนามหญ้าหน้าโรงเรียน
ส่วนใหญ่จะใช้ลูกยาง ลูกเทนนิสและผลส้มโอ ที่ต้องคลึงให้พอน่วมแล้ว จึงนำเอามาเตะแทนลูกบอล

วันเสาร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2443 ณ ท้องสนามหลวงกระทรวงธรรมการจัดการแข่งขันกรีฑานักเรียน
ท่ามกลางผู้ชมทั้งคนไทยและชาวต่างชาติที่กำลังมุ่งให้ความสนใจ การแข่งขันกีฬาประเภท
หนึ่งระหว่างทีมบางกอกกับทีมศึกษาธิการ โดยผู้เล่นฝ่ายแรกเป็นคนอังกฤษทั้งหมด ส่วนฝ่ายหลังมี
ทั้งชาวสยามและยุโรป ผลเสมอกัน 2 - 2 ครึ่งแรก (0 - 1) หนังสือพิมพ์บางกอกไทม์ เรียกการเล่นนั้นว่า
 "ASSOCIATION FOOTBALL" หรือ "การแข่งขันฟุตบอลตามข้อบังคับ ของแอสโซซิเอชั่น" อย่างเป็นทางการครั้งแรกในเมืองสยาม
และลงบทความวิจารณ์ประโยคหนึ่งว่า "กีฬาฟุตบอล คือศิลปะชิ้นล่าสุดที่ควรค่าแก่การยกย่องในทุกด้าน"
บันทึกการเข้า
จ้อ
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1081

แต่งงานแล้วจ้า ...


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 2  เมื่อ 31 พ.ค. 02, 09:12

 อ่านไปอ่านมา... เว็ปเดียวกันบอกว่า
กีฬา "ฟุตบอล" (Soccer) มีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนาน
เมื่อประมาณ 200 ปีก่อนคริสต์ศักราชชาวจีนเรียกว่า "ทสิชู" (Tsu Chu)
โดยใช้ไม้ไผ่เป็นเสาประตู ส่วนชนชาติกรีกเรียกว่า "อีพิสไครอส" (Episkyros)
ที่มีประตูฝ่ายตรงข้ามคือเป้าหมาย ชาวเมืองฟลอเรนซ์ของอิตาลีเรียกว่า "คาลซิโอ"
(Calcio) ซึ่งแบ่งผู้เล่นข้างละ 27 คน

... อืมช่างบังเอิญจริง ปีนี้เป็นครั้งแรกที่ทีมชาติจีนได้เข้าร่วมฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย

มาดูทีมชาติไทยกันบ้างดีกว่า ทีมชาติไทยชุดแรกเกิดขึ้นเมื่อ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2458
เมื่อพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 ทรงจัดตั้ง "กรรมการคณะฟุตบอลแห่งสยาม"
แข่งขันครั้งแรกกับทีมสโมสรสปอร์ตคลับซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวอังกฤษ ปรากฎว่าไทยชนะซะด้วย
ส่วน  "สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศสยามในพระบรมราชูปถัมภ์" เมื่อวันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2459.

เอารูปทีมชาติไทยชุดแรกมาให้ชมกันครับ ... ฮ่าๆ เบคเค่มยั่งเทห์ไม่เท่า
บันทึกการเข้า
อ้อยขวั้น
มัจฉานุ
**
ตอบ: 60

ทำงานบริษัทเอกชน


ความคิดเห็นที่ 3  เมื่อ 31 พ.ค. 02, 11:04

 ต๊ายยย  คุณจ้อไปคว้าเอารูปวงดุริยางค์ที่ไหนมาโพสท์หลอกว่าเป็นนักบอลไทยรึเปล่าค้าาา
บันทึกการเข้า
CrazyHOrse
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1899



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 4  เมื่อ 31 พ.ค. 02, 11:57

 เคยเห็นในสารคดีว่า ฟุตบอลเริ่มมาจากอเมริกาใต้ โดยชาวอินคา เอาศีรษะของศัตรูที่รบแพ้มาเตะแข่งกันเป็นการเฉลิมฉลอง อึ๋ย...
บันทึกการเข้า

"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
สร้อยสน
ชมพูพาน
***
ตอบ: 143

ลูกจ้าง รัฐวิสาหกิจ


ความคิดเห็นที่ 5  เมื่อ 31 พ.ค. 02, 12:05

 ขอร่วมวงด้วยค่า รู้สึกดิฉันจะจุ้นซะทุกเรื่องนะเนี่ย
แต่เป็นกีฬาโปรดมาตั้งแต่เด็กๆค่ะ เพราะเข้าใจง่าย เวลาจบการแข่งขันแน่นอน และเป็นเรื่องของการเล่นเป็นหมู่คณะ

แต่ละท่านในภาพคงไปไหนๆกันหมดแล้วนะคะ แต่งตัวน่ารักจัง

ปีนี้ดิฉันเศร้ามากค่ะ เพราะฮอลแลนด์ทีมโปรดล่องจุ๊นตกรอบไปก่อน แต่ดูทีมอื่นๆก็ได้ค่ะ ชอบลีลาการเล่นค่ะ(ไม่เกี่ยวกับความหล่อนะคะ แหม)

อิตาลีนี่มีมาตรฐานการเล่นดีนะคะมักเข้าในรอบลึกๆ ทั้งๆที่วิธีการเล่นของเขาไม่น่าจะใช้ได้ ยิงลูกแล้วมาอุดประตู(เลยแพ้ฝรั่งเศสนัดชิงบอลยุโรป)

ถ้าใจเต็มร้อยต้องเยอรมันค่ะ ถึงเป็นรองอย่างไรก็อึด สู้ไม่ถอย

ทีมจากอัฟริกา ลีลาดูดีเข้มดุดันแต่ถ้าเป็นรองเมื่อไรมักจะถอดใจเลย เหมือนอาร์เจนตินา
บอลไทยก็ยังไม่มีมาตรฐานค่ะ เล่นกับทีมอ่อนมักจะเละ ประมาท เล่นกับทีมแข็งๆก็ดีเป็นพักๆ ยังไงก็คงถึงระดับอินเตอร์ยากหน่อย สังเกตว่านักบอลจากเอเชียเรายังไม่ค่อยขึ้นระดับนะคะ ไม่เหมือนพวกคุณมืด ดูทีมฝรั่งเศสหรือฮอลแลนด์ทีไรเผลอว่าเป็นทีมจากอัฟริกาเรื่อยเลยค่า
บันทึกการเข้า
ทองรัก
พาลี
****
ตอบ: 390

นักวิจัย


ความคิดเห็นที่ 6  เมื่อ 31 พ.ค. 02, 12:41

 ชอบดูความหล่อของนักบอลอย่างเดียวค่ะ ไม่เกียวกับวิธีการเล่น
โรคนี้เป็นมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้วยังไม่หายซักที เที่ยวนี้เชียร์ทีมฝรั่งเศสค่ะ ชvบซีเนอดีน ซีดานมากค่ะ แต่ได้ข่าวว่าวันนี้เขาลงแข่งนัดแรกไม่ได้
บันทึกการเข้า
CrazyHOrse
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1899



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 7  เมื่อ 31 พ.ค. 02, 18:07

 แถมหน่อยฟังโฆษณาแล้วมันคันหัวใจเหลือเกิน เพราะบอลโลกครั้งนี้แหละที่คนไทยจะได้ดูบอลโลกแบบขาดทุน เพราะแทนที่สปอนเซอร์ผู้โฆษณาจะเป็นคน support ค่าใช้จ่าย ทั้งค่าเช่าเวลาทีวี และค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอด กลายเป็นว่า ค่าลิขสิทธิ์ทศภาคจ่าย ส่วนค่าเวลาไม่มีใครจ่าย แปลว่าช่อง 11 ขาดทุน แล้วช่อง 11 ก็ของรัฐ ไอ้ที่ต้องเอาไปโปะตรงนี้ก็รัฐไง แล้วเงินใครล่ะ... เงินภาษีประชาชนไง เห็นนักการเมืองตัวต้นเรื่องนี้เอามาคุยเป็นผลงานว่าทำให้ถ่ายทอดได้โดยไม่มีโฆษณา อยากถามจริงๆ ว่าเงินใคร??? พับเผื่อย...
บันทึกการเข้า

"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
ทองรัก
พาลี
****
ตอบ: 390

นักวิจัย


ความคิดเห็นที่ 8  เมื่อ 31 พ.ค. 02, 19:51

 แล้วเบียร์..... ล่ะคะ เห็นเขาออกโฆษณาว่าคนไทยได้ดูบอลโลกโดยไม่มีโฆษณา มีน้าแอด คาราบาวมาร้องเพลงให้ฟังอยู่ทุกวันค่ะ ไม่ทราบว่าเขามีส่วนใดส่วนเสียอะไรด้วยหรือเปล่าคะ หรือว่าเขาช่วยทศภาคจ่ายค่าลิขสิทธิ์ แต่ไม่เกี่ยวกับค่าเวลา    
บันทึกการเข้า
เปี้ยว
พาลี
****
ตอบ: 321

วิชาการ.คอม, อาจารย์ภาคฟิสิกส์ มหิดล


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 9  เมื่อ 31 พ.ค. 02, 20:07

 ฝรั่งเศสตามอยู่ 0-1
ฮูเร้ Senegal สู้ๆ !!

บันทึกการเข้า
เมรี
อสุรผัด
*
ตอบ: 22

ทำงาน - NECTEC


ความคิดเห็นที่ 10  เมื่อ 31 พ.ค. 02, 20:52

 เย้ เย เซเนกัล ชนะแล้ว ฮูเร ฮูเร วู้วู้
แหม ตามลุ้นแทบแย่กลัวจะมีพลิกเอาตอนทดเวลาบาดเจ็บ
ปกติดูฟุตบอลแล้วมักจะตกหลุมชอบโกล์เป็นพิเศษ ไม่รู้เป็นไงซี
บันทึกการเข้า
ทองรัก
พาลี
****
ตอบ: 390

นักวิจัย


ความคิดเห็นที่ 11  เมื่อ 01 มิ.ย. 02, 07:20

  T_T
บันทึกการเข้า
นิลกังขา
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1012

ทำงานราชการ


ความคิดเห็นที่ 12  เมื่อ 03 มิ.ย. 02, 04:03

 Hmmmm. Chinese game called Tsu Chu ...
= Zhu Qiu? Foot + Ball?

I cannot type in Thai now. Can Khun Lin or Khun CrazyHorse or Pekingman kindly check for me please? Probably "Tsu Chu" is the Taiwanese way of Romanization. If these two words are really the words I think they are, then I would like to inform Khun Jor that this name is still the name of the game in Chinese even until today krab. And it is pronounced... er... the first word is pronounced Joo+, just like the Thai word for that body part of a male, and the second word is pronounced Cheew+, like the word angry or annoyed in Thai.

So, the word Football in Mandarin would sound to a Thai ear ... er... um ... something like "Angry P*nis" krab .....    
บันทึกการเข้า
สร้อยสน
ชมพูพาน
***
ตอบ: 143

ลูกจ้าง รัฐวิสาหกิจ


ความคิดเห็นที่ 13  เมื่อ 03 มิ.ย. 02, 06:39

 จำด้ว่าในหนังเรื่องเจาะเวลาหาจิ๋นซีมีการ จี้จู่? แบบเดียวกับฟุตบอลเลยค่ะ ตะแรกยังนึกว่าคนแต่งเรื่องถ้าจะโม้เอาเอง มาฟังคุณจ้อสาธยายเลยคิดว่า อืม คนจีนเขาเคยเล่นมาเหมือนกัน

โอ๋  คุณทองรักขาอย่าพึ่งเศร้า ฝรั่งเศส ล้างอาถรรพ์เรื่องแชมป์โลกไม่เคยได้แชมป์ ยุโรปมาแล้วนะคะ แหมพึ่งนัดแรกเอง อิตาลีปีที่ได้แชมป์ก็กระพร่องกระแพร่งมาก่อนนะ
บันทึกการเข้า
CrazyHOrse
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1899



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 14  เมื่อ 03 มิ.ย. 02, 11:20

 เพิ่งจะทราบเหมือนกันว่าชาวจีนเล่น "จู๋ฉิว" (จ๊กกิ๊ว ในสำเนียงแต้จิ๋ว) มานานแล้ว มิน่า...ผมเห็นในละครจีนเรื่องเจาะเวลาหาจิ๋นซี มีฉากคน 2000 ปีที่แล้วเล่นฟุตบอลกันอยู่ด้วย(เป็นละครจีนเรื่องแรกที่ดูจนติดในรอบสิบปีเลยล่ะคร้าบ) คิดเหมือนคุณสร้อยสนแหละครับว่าอีตาคนแต่งดำน้ำเองหรือเปล่า...

เรื่องกลุ่มแสงโสม(รวมเบียร์ช้าง)ของคุณเจริญ วัฒนภักดีนั้น เขาเป็นคนจ่ายค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดเป็นเงิน 7.5 ล้านเหรียญ(US) ครับ ว่ากันว่าทีวีพูลชะล่าใจเพราะครั้งที่แล้วจ่ายค่าสิทธิ์เพียงห้าล้านบาทเท่านั้นเอง (บาทนะครับ ไม่ใช่เหรียญ) ส่วนเรื่งค่าเวลาเท่าที่ทราบ สถานีออกเองครับ ไม่มีใครจ่ายให้
บันทึกการเข้า

"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
หน้า: [1] 2 3 ... 6
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.061 วินาที กับ 19 คำสั่ง