เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 2 [3] 4 5 6
  พิมพ์  
อ่าน: 79981 เรื่องของนางอัปสร
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 30  เมื่อ 20 พ.ค. 02, 12:35

นี่คือนางอัปสรในภาพพุทธประวัติ ที่ศรีลังกาค่ะ
บันทึกการเข้า
นิลกังขา
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1012

ทำงานราชการ


ความคิดเห็นที่ 31  เมื่อ 21 พ.ค. 02, 02:39

 Late in his life, Sir Arthur C. Doyle took interrest in spiritualism and supernatural occurings. I believe at that time he had already abandoned his most famous character - Sherlock Holmes. He wrote many books about spirits and "karn khao song" and even had his characters from "The Lost World" - Prof. Challenger and young reporter Malone (who became the Prof's son-in-law) investigated these phenomena in "The Land of Mist". In those books of his a century ago, 'media' didn't mean the press or mass media but 'Khon song chao' krab. It is interesting to note that earlier in his life when he was still writing about Holmes' adventure, he was a sceptic. He always had the Great Detective proving the cases of these ghosts or monsters or vampires to be just man-made hoax.



On the fairies hoax that Khun Pinkandgrey mentioned, I think because he himself wanted so much to believe it, he was duped by the two girls so easily. I remember reading somewhere that the girl who later confessed (long after Sir Arthur was dead) said that  she and her sister drew the fairies themselve, cut the images up and pasted them on cardboard, and held them upright (for photographing) using pins. Actually, one photographer expert noticed the pins in the photo, and thought that they were the fairies' navels. This led to great and exciting speculation that if fairies did exist, they must be lifeforms that were somehow similar to mammals as they had navels (and therefore should have had placenta)... - all the excitement over nothing at all !
บันทึกการเข้า
นิลกังขา
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1012

ทำงานราชการ


ความคิดเห็นที่ 32  เมื่อ 21 พ.ค. 02, 02:58

 Sometimes farang experts can be doped too.



I went back to look at the fairies' and apsaras' picures again, and saw that (according to the imagination of some artists)some fairies did have navels... Well, well, well.



Of course the navel is one of the cutest part of the female human body. And if the (human) artists want to depict fairies as cute and pretty ladies, they probably would imagine fairies to have navels like their human counterparts.



But just think a bit... back to Biology 101.  The navel is what was left of the channel where we humans got our nutrients from our moms back when we were still in moms' wombs. If the apsaras are Oppatika "beings which are just born by themselves" from the sea, not from any mother, then they should not have any navel at all???



I guess we have discover one way to prove if a given lady is human or non-human : look for her navel. Anyone want me to conduct the test on her?ฮืม But first I have to be sure I myself am human - Aha... I have my navel, ladies and gentlemen. I looked and found it right where it should be. Therefore, I am not an alien, am I?
บันทึกการเข้า
นิลกังขา
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1012

ทำงานราชการ


ความคิดเห็นที่ 33  เมื่อ 21 พ.ค. 02, 02:59

 Sometimes farang experts can be doped too.



I went back to look at the fairies' and apsaras' picures again, and saw that (according to the imagination of some artists)some fairies did have navels... Well, well, well.



Of course the navel is one of the cutest part of the female human body. And if the (human) artists want to depict fairies as cute and pretty ladies, they probably would imagine fairies to have navels like their human counterparts.



But just think a bit... back to Biology 101.  The navel is what was left of the channel where we humans got our nutrients from our moms back when we were still in moms' wombs. If the apsaras are Oppatika "beings which are just born by themselves" from the sea, not from any mother, then they should not have any navel at all???



I guess we have discover one way to prove if a given lady is human or non-human : look for her navel. Anyone want me to conduct the test on her?ฮืม But first I have to be sure I myself am human - Aha... I have my navel, ladies and gentlemen. I looked and found it right where it should be. Therefore, I am not an alien, am I?
บันทึกการเข้า
คุณพระนาย
มัจฉานุ
**
ตอบ: 85

Graduate Student New Mexico Institute of Mining and Technology, Socorro, NM USA


ความคิดเห็นที่ 34  เมื่อ 21 พ.ค. 02, 04:35

 มาแล้วครับ หลังจากดูภาพ นางอัปสร แล้วก็ Fairy ของฝรั่งไปแล้ว ก็มีข้อคิดเห็นอย่างนึง
คือในภาษาไทยเรานั้นเรียกว่า เทวดา กับนางฟ้า นางสวรรค์ แต่ว่าพอมาจริง ๆ แล้วนี่ นางฟ้า นางสวรรค์ แล้วก็นางอัปสรนั้น ถือเป็นพวกเดียวกันหรือเปล่า
ถ้านางฟ้า หรือ Fairy นั้นไม่จำเป็นต้องอยู่บนสวรรค์เสมอไป แล้วก็ช่วยคนได้นิด ๆ หน่อย ๆ แล้วก็มีทั้งดีและไม่ดี จนดูคล้าย ๆ นางไม้ แม่ย่านาง นางตะเคียน หรือรุกขเทวดา หรือเทวนารีที่สิงอยู่ตามต้นไม้ และภูเขา ถ้าเป็นจีน ก็เรียกว่า เป็นเซียน
ไถลไปของจีนนั้น สิ่งของหรือสิ่งมีชีวิตอะไรก็ตาม ที่มีอายุยืนยาว หลายร้อยปี จะกลายเป็นสิ่งวิเศษ มีตบะแก่กล้า
อย่างที่ดัง ๆ ก็ นางไม้ ถ้าบำเพ็ญภาวนา แล้วจะมีอิทฤิทธิ ก่อน เรียกว่ากลายเป็นปีศาจไปซะก่อน แล้วถ้าใฝ่ดี ก็จะกลายเป็นเซียน หรือ ปีศาจจิ้งจอก ก็เช่นกัน โดยเฉพาะปีศาจจิ้งจอกสาว จะกลายเป็นเซียน แต่มักจะเจอชายหนุ่มรูปหล่อ มาทำลายการบำเพ็ญภาวนาซะทุกที
กลับมาเรื่องนางฟ้า นางสวรรค์ กับนางอัปสร
คือนางอัปสรเนี่ย ต้องเรียกว่าน่าสงสารเลยล่ะครับ เพราะพูดตรง ๆ เธอก็คล้ายกับพวกนารีผล ด้วยซ้ำ คือ เป็นของกลาง เป็นโสเภณีของสวรรค์ เห็นได้ว่า สวรรค์ของศาสนาฮินดู นั้น กิเลสเยอะมากในชั้นนี้ นอกจากมีหน้าที่ให้ความสำราญกับเทวดาบนสวรรค์แล้ว นางอัปสร ยังมักจะถูกใช้งานหลักคือ ลงมา ทำลายตบะของเหล่าฤาษี บนโลกมนุษย์ ให้ฤาษีเหล่านั้น ลืมการบำเพ็ญภาวนาแล้วก็สูญเสียตบะไป
ถ้าไม่นับนิยายจากภารตะ แล้วมีนิยายไทยอยู่เรื่องนึง ก็พูดถึงนางอัปสรเหมือนกัน นั่นคือเรื่องรัตติกาลยอดรัก
ผมจำได้ดีคือภาคที่ศรัญญูเล่น (จำชื่อนางเอกไม่ได้) เรื่องย่อเรื่องนี้คือ ศรัญญูเป็น Dr. ทาง เทวะวิทยาสติเฟื่อง ที่มีตบะพิเศษสามารถเห็น ภูตผี วิญญาณ และก็เทพ เทวดานางฟ้าได้ ซึ่งทำให้แกกลายเป็นเหมือนคนบ้าไป แล้วก็ได้พบกับ รัตติกาลนางฟ้าผู้แสนสวยนี้ ซึ่งตอนใกล้จบได้สารภาพว่า มีหน้าที่มายั่วยวนให้พระเอกของเรา เลิกงานค้นคว้าทางจิตที่จะพิสูจน์เรื่องภูตผีไปซะ โดยตามยั่วยวนกันมาตั้งแต่ชาติที่แล้ว ที่พระเอกเป็นฤาษี นั่นคือสาเหตุที่ทำให้พระเอกมีตบะแก่กล้ามีจิตพิเศษ มองเห็นผีและวิญญาณได้ ตอนจบ นางฟ้ากับพระเอกหลงรักกัน จนนางฟ้าเธอยอมลงมาเกิดเป็นมนุษย์ แต่ว่าพระเอกต้องรอไปอีกยี่สิบปี ก็กว่าจะได้แต่งกัน ก็พระเอก ก็แก่พอควรแน่ล่ะครับ คงเกือบห้าสิบ หกสิบ ถึงจะได้แต่งงานกัน
เขียนวนไปวนมา เยอะแล้ว จบเลยละกันแหะ ๆ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 35  เมื่อ 21 พ.ค. 02, 10:28

 รัตติกาลยอดรักในทีวีต่างจากในหนังสือ   ในหนังสือของพนมเทียนบอกว่ารัตติกาลไม่ใช่นางอัปสร แต่เป็นเทวีแห่งราตรี   คือขึ้นถึงชั้นเจ้าแม่  ตอนจบพระเอกก็ดูเหมือนจะบรรลุนิพพาน ดับสิ้นเชื้อไปไม่ได้มาแต่งงานกัน   แต่พล็อตนี้คงไม่ถูกใจชาวประชาเท่าไหร่ถึงมาเปลี่ยนกันใหม่อย่างที่คุณพระนายเล่า

เรื่องสะดือนางอัปสรหรือสะดือนางไม้ที่คุณนกข.ตั้งข้อสังเกตมา   ศิลปินผู้วาดคงคิดว่ารักษาเอาไว้เป็นหนึ่งในอวัยวะครบ ๓๒ ของนางเหล่านี้ดีกว่าจะตัดออก เพราะพวกนี้ไม่ได้คลอดจากท้องแม่ตามธรรมชาตินะคะ
เอ แฟรี่คลอดจากท้องแม่แฟรี่หรือเปล่าก็ไม่แน่ เพราะเห็นแฟรี่เด็กๆมีถมไป   แต่นางอัปสรไม่มีแม่นั้นแน่นอนเพราะเกิดจากทะเล

ทำให้ดิฉันพลอยคิดต่อไปจากคุณนกข.ว่า  นอกจากนางอัปสรไม่ควรมีสะดือเพราะไม่ต้องตัดสายรกเมื่อเกิดแล้ว   หล่อนก็ไม่ควรมีจมูกเพราะไม่จำเป็นต้องหายใจเพื่อเอาอากาศไปให้ปอดฟอกโลหิต  อีกอย่างบนสวรรค์นั้นอากาศน่าจะบางเบามาก ออกซิเจนน้อย  หายใจด้วยจมูกก็ลำบาก
 นอกจากนี้หล่อนไม่ควรมีเอว และบริเวณหน้าท้องเพราะภายในไม่จำเป็นต้องมีกระเพาะ ลำไส้ ลำไส้ใหญ่ เพราะหล่อนไม่จำเป็นต้องกินอาหารเพื่อให้ร่างกายเจริญเติบโต หรือดำรงชีวิตอยู่เพราะหล่อนไม่แก่ ร่างกายไม่เสื่อม อยู่ได้ยาวนานมาตั้งแต่ผุดจากทะเลจนบัดนี้
จะว่าไปอวัยวะภายในของนางอัปสรไม่จำเป็นต้องมีเพราะไม่ต้องใช้งานเลยสักอย่าง ไม่ว่าจะเป็นปอด ม้าม ไต กระเพาะ ลำไส้  ฯลฯ มีกระดูกอย่างเดียวพอเพื่อให้เป็นโครงร่าง    หล่อนควรมีร่างกายแบบตุ๊กตาคือไม่มีอวัยวะภายในเลย
พอที...กลายเป็นบาร์บี้ไปแล้วค่ะ
บันทึกการเข้า
สร้อยสน
ชมพูพาน
***
ตอบ: 143

ลูกจ้าง รัฐวิสาหกิจ


ความคิดเห็นที่ 36  เมื่อ 22 พ.ค. 02, 07:05

 พึ่งจะได้เข้ามาชมค่ะ ตื่นตาทั้งภาพสวยๆ และตื่นใจกับบทวิเคราะห์ค่ะ

แล้วอย่างกรณี ยามะธิดานี่เธอมีศักดิ์สูงกว่า นางอัปสรมั้ยคะ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 37  เมื่อ 22 พ.ค. 02, 13:16

 สูงกว่าสิคะคุณสร้อยสน  เป็นเทพนี่คะ

วรรณคดีสันสกฤตมีเรื่องของนางอัปสรที่กาลิทาสนำมาแต่งเป็นบทละคร ชื่อ วิกรโมรวศี  
เป็นเรื่องของนางอัปสรสวยที่สุดชื่ออุรวศีซึ่งมารักกับมนุษย์

เรื่องมีอยู่ว่าท้าวปุรุรวัสเป็นกษัตริย์จอมยุทธ  ขนาดเคยไปช่วยพระอินทร์ปราบอสูรไม่ให้มารังควานสวรรค์ได้  ก็เลยได้ผูกมิตรกับพระอินทร์

วันหนึ่งอสูรกำเริบไปฉุดนางอัปสรชื่ออุรวศี  นางร้องให้ช่วย  พระเอกของเราได้ยินก็เลยยกทัพไล่ตามติดไปช่วยนางไว้ได้ตามฟอร์มพระเอก   ทำให้เกิดรักกันขึ้นแบบ love at first sight ตามฟอร์มอีกเหมือนกันค่ะ
แต่นางมีภาระต้องทำคือไปเล่นละครสวรรค์  ก็ต้องจากกันไป    พอไปเล่นอยู่  ความที่ผูกพันกับพระเอก นางก็ท่องบทผิดพลาด  ไปหน้าแตกกลางงาน
ทำให้พระภรตฤาษีเจ้าแห่งละครโกรธมาก  จึงสาปนางให้ต้องตกสวรรค์ไป   แต่พระอินทร์สงสารก็เลยเติมคำสาป  ส่งนางลงมาที่โลกมนุษย์ ให้มาอยู่กินกับท้าวปุรูรวัสเพื่อนเก่า
แต่มีข้อแม้ว่าเมื่อใดสามีเห็นหน้าลูกที่เกิดจากนาง  นางก็พ้นคำสาป กลับสวรรค์
นางอุรวศีก็เลยได้อยู่กินกับพระเอกอย่างเป็นสุข จนมีลูกชายชื่ออายุส
นางก็หาทางเลี่ยงคำสาป  ด้วยการ...

หยุดแค่นี้ก่อน เช็คเรตติ้งคนเข้ามาอ่านค่ะ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 38  เมื่อ 22 พ.ค. 02, 13:18


มีภาพเทวีสวรรค์มาฝากค่ะ  
คือพระอุมา  พระลักษมี และพระสุรัสวดี  
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 39  เมื่อ 22 พ.ค. 02, 13:21


นี่คือภาพพระสุรัสวดี ชายาพระพรหม มีนกยูงจับอยู่ใกล้ๆ  
บันทึกการเข้า
caeruleus
ชมพูพาน
***
ตอบ: 155


ความคิดเห็นที่ 40  เมื่อ 23 พ.ค. 02, 04:49

 แล้วนางอุรวศีทำยังไงคะ
มารอฟังคำตอบ    
บันทึกการเข้า
ฝอยฝน
ชมพูพาน
***
ตอบ: 104

architect


ความคิดเห็นที่ 41  เมื่อ 23 พ.ค. 02, 08:29

 รอคำตอบด้วยความตื่นเต้น
คิดไว้ในใจหลายข้อ  แต่คงจะไม่ตรงกับในเรื่องยุคนั้นค่ะ    
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 42  เมื่อ 23 พ.ค. 02, 09:39

กินไอศกรีมรอไปอีกนิดนะคะ
บันทึกการเข้า
สร้อยสน
ชมพูพาน
***
ตอบ: 143

ลูกจ้าง รัฐวิสาหกิจ


ความคิดเห็นที่ 43  เมื่อ 23 พ.ค. 02, 11:58

 มาช่วยเพิ่มเรทติ้งค่ะ อยากฟังต่อจนเนื้อเต้นเลย

รูปข้างบนนั่น(ที่๓๘) คนกลางคือพระลักษมีหรือคะ แสดงว่าจิตรกรที่วาดเป็นพวกที่บูชาพระนารยณ์ใช่มั้ยคะ เพราะให้พระลักษมีเด่นทีสุด  ดิฉันเองก็ไม่ค่อยแน่ใจว่า คนไหนคือพระลักษมีในภาพ เพราะทั้งสามท่านประทับบนดอกบัว แต่ที่แน่ๆคนขวา พระสุรัสดีแน่นอนค่ะ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 44  เมื่อ 23 พ.ค. 02, 13:19

 องค์กลางคือพระลักษมีค่ะ
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 [3] 4 5 6
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.043 วินาที กับ 19 คำสั่ง