เรือนไทย

General Category => ประวัติศาสตร์ไทย => ข้อความที่เริ่มโดย: เทาชมพู ที่ 18 ก.พ. 13, 16:27



กระทู้: คดีพระยาพิพิธฤทธิเดชถวายผู้หญิง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 ก.พ. 13, 16:27
เรื่องนี้เป็นคดีครึกโครมคดีหนึ่งในสมัยรัชกาลที่ 4   ที่เอามาตั้งกระทู้ เพราะไปเจอบทความอันเป็นเท็จ   คนรุ่นหลังเอามาเขียนเพียงครึ่งเดียวแล้วบิดเบือนตามใจชอบ เพื่อจะก่อความเสียหายให้สถาบัน    ก็เลยไปค้นหาข้อเท็จจริงมาให้อ่านกันว่าเรื่องเต็มๆเป็นยังไงค่ะ

เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อพ.ศ. 2401   เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสหัวเมืองชายทะเลทางฝั่งตะวันออก  คือชลบุรี  จันทบุรี และตราด   พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์และข้าทูลละอองฯ เป็นจำนวนมาก ทรงใช้เวลาประทับแรมอยู่หลายคืน
เมื่อเสด็จไปถึงเกาะช้าง ประทับแรมอยู่ที่นั่น   พระองค์เจ้าทักษิณชาพระราชบุตรีและเจ้าจอมมารดา ก็มาถวายบังคมลาไปเยี่ยมญาติที่เมืองตราด    ชื่อพระยาพิพิธฤทธิ์เดช  ผู้สำเร็จราชการเมืองตราด และญาติอีกคนชื่อพระผลภูมิไพศาล


กระทู้: คดีพระยาพิพิธฤทธิเดชถวายผู้หญิง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 ก.พ. 13, 16:31
เหตุการณ์ก็เรียบร้อยดีไม่มีอะไร   เมื่อเสด็จกลับมาถึงกรุงเทพฯ ก็ทรงทราบความจากเจ้าจอมมารดาของพระองค์เจ้าทักษิณชาว่า  พระยาพิพิธฯ เตรียมหลานสาวในวงศ์ตระกูลไว้ 3 คนเพื่อจะมาถวายตัวรับราชการฝ่ายใน    แต่ว่าไม่ทันการ  พระเจ้าอยู่หัวเสด็จกลับกรุงเทพฯเสียก่อน
ก็โปรดฯให้เจ้าจอมและคุณเถ้าแก่ฝ่ายใน ไปรับตัวหญิงสาวทั้งสามมา   พระราชทานเงินตราคนละ 10 ตำลึงและผ้าคนละ 3 สำรับ    แล้วส่งตัวเธอทั้งสามไปหัดละครและมโหรี  พร้อมกับพักอยู่กับเจ้าจอมและญาติที่รับราชการอยู่ฝ่ายใน

ความจริงเรื่องก็ควรจะจบเพียงแค่นี้    เพราะหญิงสาวสามคนนั้นก็ได้เข้ารับราชการสมกับที่ผู้ใหญ่ถวายมา     ขอให้สังเกตว่าทรงรับเข้ามาทำราชการฝ่ายใน คือให้มาหัดละครและมโหรี    ไม่ได้มาเป็นเจ้าจอม    ส่วนการพักก็พักอยู่กับญาติที่เป็นผู้ใหญ่ในพระบรมมหาราชวัง มีคนคุ้มครอง   
แต่เรื่องไม่จบ  เพราะในปีต่อมานั้นเอง  มารดาของหญิงสาวมาร้องเรียนถวายฎีกาว่า  พระยาพิพิธฯ ไปคร่าเอาตัวลูกสาวมาจากพ่อแม่ที่ไม่ได้มีความผิดอะไร    เพื่อจะส่งตัวมาถวายพระเจ้าแผ่นดิน  บิดามารดาของหญิงสาวไม่ยินดีให้ลูกสาวเข้ามาอยู่ในวัง   จะมาถวายฎีกาเพื่อขอลูกสาวกลับไป


กระทู้: คดีพระยาพิพิธฤทธิเดชถวายผู้หญิง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 ก.พ. 13, 16:34
หมดเวลา  ขอพักชั่วคราว ดูเรตติ้ง  ;D


กระทู้: คดีพระยาพิพิธฤทธิเดชถวายผู้หญิง
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 18 ก.พ. 13, 16:52
มารายงานตัวเพิ่มเรทติ้งครับ   8) เรื่องนี้คุ้นๆ มากว่าเคยอ่านเมื่อหลายปีมาแล้ว แต่จำรายละเอียดอะไรไม่ได้แล้ว


กระทู้: คดีพระยาพิพิธฤทธิเดชถวายผู้หญิง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 ก.พ. 13, 17:13
อ้าว มีคนเล่าตัดหน้าเสียแล้วหรือ

ถ้างั้น เดี๋ยวซายาเพ็ญก็จะมาตัดหน้าบอกตอนจบรึเปล่านี่


กระทู้: คดีพระยาพิพิธฤทธิเดชถวายผู้หญิง
เริ่มกระทู้โดย: giggsmay ที่ 18 ก.พ. 13, 17:39
มาเช็คชื่อคะคุณครูขา


กระทู้: คดีพระยาพิพิธฤทธิเดชถวายผู้หญิง
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 18 ก.พ. 13, 17:41
ถ้างั้น เดี๋ยวซายาเพ็ญก็จะมาตัดหน้าบอกตอนจบรึเปล่านี่

ฮัดเช้ย !


กระทู้: คดีพระยาพิพิธฤทธิเดชถวายผู้หญิง
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 18 ก.พ. 13, 17:51
ระหว่างคุณครูยังไม่สอน  ซายาเพ็ญก็ยังไม่มาปาดเล่าตอนจบ นักเรียนก็ต้องจับกลุ่มซุบซิบนินทาคุณครูกับตามประสา   ผมแอบอ่านที่เรือนไทยนี่มานานหลายปี ที่จริงสมัครสมาชิกก็หลายหนแต่ไม่เคยสำเร็จเพราะตัวเองไม่อ่านคำแนะนำขั้นตอนการสมัครให้ดีเอง    แต่ระหว่างนั้นได้เห็นชื่อเพ็ญชมพูกับเทาชมพูนี่ก็สงสัยมาตลอดว่าสองท่านนี่เกี่ยวข้องกันยังไง  ทำไมต้องชมพูเหมือนกัน เห็นสองท่านแซวกันไปแซวกันมาสนิทสนมกันดีมาก อดคิดไม่ได้ว่าสองท่านมีความสัมพันธ์กันเช่นใด  น่าจะมีนักเรียนคนอื่นๆ สงสัยแบบผมบ้างเหมือนกัน   มีอยู่วันนึงอดรนทนไม่ได้ต้องส่งข้อความไปถามซายาเพ็ญ ท่านบอกว่าที่ชื่อคล้ายกันเป็นความบังเอิญล้วนๆ

อิอิ ผมน่าจะเปลี่ยนชื่อ login จากประกอบเป็นดำชมพู   รุ้งชมพู  หรือทมิฬชมพูเพื่อเพิ่มความสงสัยให้คนอื่นบ้าง  ;D  ;D  ;D


กระทู้: คดีพระยาพิพิธฤทธิเดชถวายผู้หญิง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 ก.พ. 13, 18:11
เปลี่ยนชื่อจากเทาชมพูเป็นอย่างอื่นดีกว่าเรา    จะได้เหลือคุณประกอบชมพู กับคุณเพ็ญชมพูสองคนก็พอ


กระทู้: คดีพระยาพิพิธฤทธิเดชถวายผู้หญิง
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 18 ก.พ. 13, 18:25
เชื่อว่าในเรือนไทย            มีอีกหลายสีชมพู
สีงามนามก็หรู               วอนคงอยู่คู่เรือนไทย

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)


กระทู้: คดีพระยาพิพิธฤทธิเดชถวายผู้หญิง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 ก.พ. 13, 18:37
ถึงเปลี่ยนชื่อก็อยู่เรือนไทยเหมือนเดิมได้นี่คะ

กลับมาเรื่องเดิมดีกว่า  คั่นเวลาหน้าม่านนานไปแล้ว เดี๋ยวกระป๋องน้ำหมากจะลอยมาตกบนเวที
****************
แม่ของหญิงสาวหนึ่งในสามคนนั้น ในคดีไม่ได้บอกว่าชื่ออะไร  แต่ว่าหล่อนก็ช่างกล้าเอาการ กล้ามาทูลเกล้าฯถวายฎีกา ก็แสดงว่าหล่อนคงมั่นใจในความยุติธรรมที่จะได้รับ
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ เมื่อทรงได้รับฎีกาแล้วก็ไม่ได้นิ่งนอนพระทัย     อย่างแรกทรงมีพระราชดำริว่า

"บุตรเป็นที่รักแห่งบิดามารดา    ถ้าพระยาพิพิธฤทธิเดชกรมการไปเกาะบิดามารดามาจองจำ  ลงเอาพัศดุเงินทอง    หรือไปฉุดลากบุตรสาวกรมการราษฎรมาเป็นของตัวเอง   หรือนำไปถวายให้เจ้าอื่นนายอื่น  โดยพลการข่มเหง   พระยาพิพิธฤทธิเดชกรมการจะมีความผิด"

ข้อนี้แสดงชัดว่าพระเจ้าแผ่นดินท่านไม่ยอมขุนนางของท่านไปข่มเหง  บังคับขู่เข็ญเอาลูกสาวชาวบ้านมาเป็นเมีย     หรือแม้แต่ไม่ได้เอามาเป็นเมีย  แต่ไปฉุดลูกสาวชาวบ้านไปถวายเจ้านายหรือผู้เป็นใหญ่      ถ้าทำละก็  ถูกถวายฎีกาเมื่อไร   เป็นโดนข้อหาทำผิดจังๆ  


กระทู้: คดีพระยาพิพิธฤทธิเดชถวายผู้หญิง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 ก.พ. 13, 20:15
ได้เห็นชื่อเพ็ญชมพูกับเทาชมพูนี่ก็สงสัยมาตลอดว่าสองท่านนี่เกี่ยวข้องกันยังไง  ทำไมต้องชมพูเหมือนกัน เห็นสองท่านแซวกันไปแซวกันมาสนิทสนมกันดีมาก อดคิดไม่ได้ว่าสองท่านมีความสัมพันธ์กันเช่นใด  น่าจะมีนักเรียนคนอื่นๆ สงสัยแบบผมบ้างเหมือนกัน   มีอยู่วันนึงอดรนทนไม่ได้ต้องส่งข้อความไปถามซายาเพ็ญ ท่านบอกว่าที่ชื่อคล้ายกันเป็นความบังเอิญล้วนๆ

อิอิ ผมน่าจะเปลี่ยนชื่อ login จากประกอบเป็นดำชมพู   รุ้งชมพู  หรือทมิฬชมพูเพื่อเพิ่มความสงสัยให้คนอื่นบ้าง  ;D  ;D  ;D

มาฟันเฟิร์มว่าไม่เกี่ยวข้องค่ะ   ดูได้จากที่มาของชื่อ
ซ้าย = เพ็ญชมพู       ขวา = เทาชมพู


กระทู้: คดีพระยาพิพิธฤทธิเดชถวายผู้หญิง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 ก.พ. 13, 20:33
ต่อจากค.ห. 10

อย่างไรก็ตาม   พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ ก็ทรงให้ความยุติธรรมกับทั้งสองฝ่าย    มิได้ด่วนตัดสินลงไป  จึงโปรดเกล้าฯให้สอบสาวราวเรื่อง  ก็ได้ความว่าหญิงสาวที่พระยาพิพิธฤทธิเดชนำมาถวายให้รับราชการในวัง  ไม่ใช่ลูกสาวชาวบ้านทั่วไป แต่เป็นญาติชั้นหลานของพระยาพิพิธฯเอง    กล่าวคือปู่ทวดของเธอ เป็นลุงของพระยาพิพิธฤทธิเดชนั่นเอง   พระยาพิพิธฯก็อยู่ในลำดับญาติชั้นผู้ใหญ่ของสามสาวนั่น    ถ้าหากว่าจะถวายลูกหลานให้ได้ดีมีหน้ามีตาก็ไม่ถือว่าผิดจนต้องลงโทษ

แต่เมื่อพ่อแม่เขาไม่เต็มใจจะถวายลูกสาว    พระเจ้าอยู่หัวก็โปรดฯให้ตามสามสาวที่ว่านั้นมา ทรงถามว่าอยากจะอยู่ในกรุงเทพฯต่อ หรือว่าอยากกลับไปอยู่กับพ่อแม่     สาวคนแรกกราบบังคมทูลว่าอยากกลับไปอยู่กับพ่อแม่  ส่วนเงิน 10 ตำลึงและผ้านุ่ง3 สำรับที่พระราชทานให้เธอแต่แรก ก็ไม่ทรงเอาคืน   แต่ว่าพระราชทานให้เป็นเงินทำขวัญพ่อแม่ แทนเงินปรับพระยาพิพิธฯ

ส่วนหญิงสาวอีก 2 คน  พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ ทรงให้ตามตัวมาเช่นกันเพื่อถามความสมัครใจ     สาวสองคนนี้มาอยู่ในพระบรมมหาราชวัง อาจจะชอบใจชีวิตในวังว่าเป็นสุขกว่าชีวิตที่บ้าน     ก็เลยกราบบังคมทูลว่าไม่กลับไปอยู่กับพ่อแม่   ขออยู่ในวังต่อไป   ก็โปรดเกล้าฯให้เป็นไปตามนั้น   และพระราชทานเบี้ยหวัดให้คนละ 10 ตำลึง

ทั้งหมดนี้จะเห็นได้ว่าพระเจ้าอยู่หัวท่านมิได้ทรงบังคับฝืนใจราษฎรหญิงชายเลย   แม้ว่าทรงมีพระราชอำนาจเต็มจะกำหนดชีวิตข้าแผ่นดินอย่างใดก็ได้    ก็มิได้ทรงตามอำเภอใจ  และทรงดูความสมัครใจของคนเหล่านั้นเป็นหลัก     ถ้าเขาไม่เต็มใจก็ไม่บังคับ  ส่วนขุนนางที่จงรักภักดี และเจตนาดีจะให้ลูกหลานมีหน้ามีตา  มีเกียรติมากกว่าอยู่เป็นอำแดงในหัวเมือง   ก็ทรงประนีประนอมไม่ลงโทษให้เขาเสียน้ำใจ   
อย่างน้อยเราก็มองเห็นอยู่ข้อหนึ่งว่าพระยาพิพิธฯเป็นพี่ชายของเจ้าจอมมารดาจันทร์ของพระองค์เจ้าทักษิณชา    ตระกูลก็เป็นเจ้าเมืองตราดมาอย่างน้อย 2 ชั่วคน     การผูกใจสร้างความจงรักภักดีแก่ขุนนางระดับสูงเช่นนี้ก็เป็นความถูกต้องเหมาะสมอย่างหนึ่งในการบริหารแผ่นดิน


กระทู้: คดีพระยาพิพิธฤทธิเดชถวายผู้หญิง
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 18 ก.พ. 13, 20:45
ต่อจากค.ห. 10

อย่างไรก็ตาม   พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ ก็ทรงให้ความยุติธรรมกับทั้งสองฝ่าย    มิได้ด่วนตัดสินลงไป  จึงโปรดเกล้าฯให้สอบสาวราวเรื่อง  ก็ได้ความว่าหญิงสาวที่พระยาพิพิธฤทธิเดชนำมาถวายให้รับราชการในวัง  ไม่ใช่ลูกสาวชาวบ้านทั่วไป แต่เป็นญาติชั้นหลานของพระยาพิพิธฯเอง    กล่าวคือปู่ทวดของเธอ เป็นลุงของพระยาพิพิธฤทธิเดชนั่นเอง   พระยาพิพิธฯก็อยู่ในลำดับญาติชั้นผู้ใหญ่ของสามสาวนั่น    ถ้าหากว่าจะถวายลูกหลานให้ได้ดีมีหน้ามีตาก็ไม่ถือว่าผิดจนต้องลงโทษ

แต่เมื่อพ่อแม่เขาไม่เต็มใจจะถวายลูกสาว    พระเจ้าอยู่หัวก็โปรดฯให้ตามสามสาวที่ว่านั้นมา ทรงถามว่าอยากจะอยู่ในกรุงเทพฯต่อ หรือว่าอยากกลับไปอยู่กับพ่อแม่     สาวคนแรกกราบบังคมทูลว่าอยากกลับไปอยู่กับพ่อแม่  ส่วนเงิน 10 ตำลึงและผ้านุ่ง3 สำรับที่พระราชทานให้เธอแต่แรก ก็ไม่ทรงเอาคืน   แต่ว่าพระราชทานให้เป็นเงินทำขวัญพ่อแม่ แทนเงินปรับพระยาพิพิธฯ

ส่วนหญิงสาวอีก 2 คน  พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ ทรงให้ตามตัวมาเช่นกันเพื่อถามความสมัครใจ     สาวสองคนนี้มาอยู่ในพระบรมมหาราชวัง อาจจะชอบใจชีวิตในวังว่าเป็นสุขกว่าชีวิตที่บ้าน     ก็เลยกราบบังคมทูลว่าไม่กลับไปอยู่กับพ่อแม่   ขออยู่ในวังต่อไป   ก็โปรดเกล้าฯให้เป็นไปตามนั้น   และพระราชทานเบี้ยหวัดให้คนละ 10 ตำลึง

ทั้งหมดนี้จะเห็นได้ว่าพระเจ้าอยู่หัวท่านมิได้ทรงบังคับฝืนใจราษฎรหญิงชายเลย   แม้ว่าทรงมีพระราชอำนาจเต็มจะกำหนดชีวิตข้าแผ่นดินอย่างใดก็ได้    ก็มิได้ทรงตามอำเภอใจ  และทรงดูความสมัครใจของคนเหล่านั้นเป็นหลัก     ถ้าเขาไม่เต็มใจก็ไม่บังคับ  ส่วนขุนนางที่จงรักภักดี และเจตนาดีจะให้ลูกหลานมีหน้ามีตา  มีเกียรติมากกว่าอยู่เป็นอำแดงในหัวเมือง   ก็ทรงประนีประนอมไม่ลงโทษให้เขาเสียน้ำใจ   
อย่างน้อยเราก็มองเห็นอยู่ข้อหนึ่งว่าพระยาพิพิธฯเป็นพี่ชายของเจ้าจอมมารดาจันทร์ของพระองค์เจ้าทักษิณชา    ตระกูลก็เป็นเจ้าเมืองตราดมาอย่างน้อย 2 ชั่วคน     การผูกใจสร้างความจงรักภักดีแก่ขุนนางระดับสูงเช่นนี้ก็เป็นความถูกต้องเหมาะสมอย่างหนึ่งในการบริหารแผ่นดิน


ธรรมเนียมการถวายตัว จะต้องมีดอกไม้ ธูปเทียนแพ จัดวางไว้ แล้วนำไปกราบ ไม่รู้ว่าท่านนี้จักได้ทำสิ่งนี้หรือไม่หนอ


กระทู้: คดีพระยาพิพิธฤทธิเดชถวายผู้หญิง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 ก.พ. 13, 20:55
ไม่รู้เหมือนกันค่ะ       ในนี้ไม่ได้ระบุเอาไว้ว่าสามสาวนี้อยู่ในฐานะเจ้าจอม หรือนางข้าหลวง   บอกแต่ว่าทรงให้ไปเป็นนางละครมโหรี 
ฟังเหมือนเป็นระดับนางพระกำนัล หรือนางข้าหลวงในวังมากกว่า  แต่พระยาพิพิธฯ ท่านก็คงอยากถวายหลานเป็นเจ้าจอมละค่ะ

เคยได้ยินมาว่า  การถวายลูกสาวหลานสาวนั้นมีอีกทางหนึ่ง ไม่ใช่จู่ๆไปถวายตรงๆ  แต่ถวายผ่านเจ้านายฝ่ายใน หรือเจ้าจอม ส่วนใหญ่เป็นญาติกัน    จากนั้นท่านในวังดูแล้วว่าคนนี้ใช้ได้  ก็ขัดเกลาให้งามพร้อมเสียก่อนทั้งบุคลิกและกิริยามารยาท   แล้วจึงนำขึ้นถวายเป็นเจ้าจอมในภายหลัง   


กระทู้: คดีพระยาพิพิธฤทธิเดชถวายผู้หญิง
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 18 ก.พ. 13, 21:15
มาฟันเฟิร์มว่าไม่เกี่ยวข้องค่ะ   ดูได้จากที่มาของชื่อ
ซ้าย = เพ็ญชมพู       ขวา = เทาชมพู

ขออนุญาตอธิบายที่มาของชื่อ

สีชมพูมีความหมายในหลายสิ่ง
คือสุขยิ่งคือความรักสมัครสมาน
คือมิตรภาพคืออายุยืนยาวนาน
คือสีหวานแห่งมหา'ลัยในพระนาม

เพ็ญชมพู "ชมพูเต็ม" เต็มด้วยสุข
สนานสนุกเต็มด้วยรักชักวาบหวาม
เต็มด้วยมิตรภาพในวัยอันงาม
หวังทุกยามเรือนไทยนี้สีชมพู


(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)


กระทู้: คดีพระยาพิพิธฤทธิเดชถวายผู้หญิง
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 18 ก.พ. 13, 21:18
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อพ.ศ. 2401   เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสหัวเมืองชายทะเลทางฝั่งตะวันออก  คือชลบุรี  จันทบุรี และตราด  

จากประกาศเรื่องพระยาพิพิธฤทธิเดชผู้สำเร็จราชการเมืองตราษส่งหญิงเข้ามาถวาย ๓ คน ปีมะเมีย สัมฤทธิศก กล่าวถึงวันเวลาตอนนี้ว่า

"ด้วย ณ วันจันทร์ เดือนยี่ แรม ๕ ค่ำ ปีมะเสง นพศก เสด็จพระราชดำเนินทางชลมารคออกไปทรงประพาสทางทเลตั้งแต่เมืองชลบุรีออกไปจนถึงเมืองจันทบุรีเมืองตราษ"

เหตุการณ์ที่เสด็จพระราชดำเนินทางชลมารค เกิดเมื่อเดือนยี่ ปีมะเส็ง นพศก คือ จ.ศ. ๑๒๑๙ ตรงกับ พ.ศ. ๒๔๐๐

แต่เรื่องไม่จบ  เพราะในปีต่อมานั้นเอง  มารดาของหญิงสาวมาร้องเรียนถวายฎีกาว่า  พระยาพิพิธฯ ไปคร่าเอาตัวลูกสาวมาจากพ่อแม่ที่ไม่ได้มีความผิดอะไร    เพื่อจะส่งตัวมาถวายพระเจ้าแผ่นดิน  บิดามารดาของหญิงสาวไม่ยินดีให้ลูกสาวเข้ามาอยู่ในวัง   จะมาถวายฎีกาเพื่อขอลูกสาวกลับไป

"ครั้น ณ เดือน ๙ ปีมะเมีย สัมฤทธิศก มารดาของหญิงคนเหนึ่งเข้ามาทำเรื่องราวถวายฎีกากล่าวโทษพระยาพิพิธฤทธิเดช กรมการว่าบิดามารดาหญิงไม่มีความผิด พระยาพิพิธฤทธิเดชให้มาจับมาจำ เร่งรัดเอาบุตรหญิงได้แล้ว ส่งตัวเข้ามาทูลเกล้าฯ ถวาย บิดามารดาไม่ยอมยินดี จะขอบุตรกลับไป "

เหตุการณ์ถวายฎีกากล่าวโทษพระยาพิพิธฤทธิเดช เกิดขึ้นในเดือน ๙ ปีมะเมีย สัมฤทธิศก คือ จ.ศ. ๑๒๒๐ ตรงกับ พ.ศ. ๒๔๐๑

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3276.0;attach=9565;image)


กระทู้: คดีพระยาพิพิธฤทธิเดชถวายผู้หญิง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 ก.พ. 13, 21:28
มาฟันเฟิร์มว่าไม่เกี่ยวข้องค่ะ   ดูได้จากที่มาของชื่อ
ซ้าย = เพ็ญชมพู       ขวา = เทาชมพู

ขออนุญาตอธิบายที่มาของชื่อ

ขออำภัย   คุณเพ็ญชมพูเคยอธิบายมาแล้ว แต่ดิฉันไม่เก๊ทจนแล้วจนรอด  :(


กระทู้: คดีพระยาพิพิธฤทธิเดชถวายผู้หญิง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 ก.พ. 13, 14:05
ประกาศกระทู้
เจ้าเรือนขอยกเรื่องพ.ศ. /จ.ศ./ร.ศ.  และจะมีอีกกี่ ศ. ก็ตามให้ซายาเพ็ญรับผิดชอบบวกลบคูณหารหาคำตอบแต่ผู้เดียว  จะผิดจะถูกยังไง  โปรดอ่านกันเองจากค.ห.ของท่านผู้นี้     ส่วนดิฉันซึ่งเป็นโรคแพ้ตัวเลขชนิดเรื้อรัง  จะไม่บวกไม่ลบ ไม่คูณไม่หาร ซ้ำซาก   บอกแล้วบอกเลย เล่าหนเดียวพอ   เพื่อให้เรื่องเดินหน้าต่อไป จบกระทู้เร็วๆจะได้เริ่มกระทู้ใหม่ต่อไปอีก  เพราะยังมีอยู่ในคิวอีกเยอะ

อย่างไรก็ตาม ถ้าสมาชิกท่านใดถนัด และ/หรือมีความสนใจเรื่องพ.ศ. /จ.ศ./ ร.ศ. และอีกหลายๆ ศ.  โปรดร่วมวงกับซายาเพ็ญได้ตามปรารถนา    เจ้าเรือนไม่มีข้อขัดข้องแต่อย่างใด
จึงขอประกาศมาให้ทราบทั่วกัน
 :P  :P  :P
***********************
เรื่องพ่อแม่ร้องเรียนยังไม่จบ  ในปีเดียวกัน(ซึ่งคุณซายาเพ็ญจะบอกเองว่าเป็นวันเดือนปีอะไร)  ก็มีแม่มากล่าวโทษพระยาพิพิธฯอีกเหมือนครั้งก่อน  ว่าไปเอาลูกสาวเขามาโดยพ่อแม่เขาไม่ได้ตกลงปลงใจด้วย     พระเจ้าอยู่หัวก็ทรงตัดสินให้ลูกสาวกลับไปอยู่กับพ่อแม่  เงินและผ้าที่พระราชทานให้มาก่อนก็คืนให้ทำขวัญ แบบเดิม


กระทู้: คดีพระยาพิพิธฤทธิเดชถวายผู้หญิง
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 19 ก.พ. 13, 14:10
เรื่องพ่อแม่ร้องเรียนยังไม่จบ  ในปีเดียวกัน(ซึ่งคุณซายาเพ็ญจะบอกเองว่าเป็นวันเดือนปีอะไร)  

ครั้น ณ วันพุธ เดือน ? ขึ้น ๑๔ ค่ำ ปีมะเมีย สัมฤทธิศก มารดาของหญิงอีกคนหนึ่ง เข้ามาทำเรื่องราวทูลเกล้าถวายกล่าวโทษพระยาพิพิธฤทธิเดชการมการ ว่าด้วยบุตรเหมือนอย่างครั้งก่อน


"ด้วย ณ วันจันทร์ เดือนยี่ แรม ๕ ค่ำ ปีมะเสง นพศก เสด็จพระราชดำเนินทางชลมารคออกไปทรงประพาสทางทเลตั้งแต่เมืองชลบุรีออกไปจนถึงเมืองจันทบุรีเมืองตราษ"

เหตุการณ์ที่เสด็จพระราชดำเนินทางชลมารค เกิดเมื่อเดือนยี่ ปีมะเส็ง นพศก คือ จ.ศ. ๑๒๑๙ ตรงกับ พ.ศ. ๒๔๐๐


อันที่จริงเริ่มตั้งแต่เสด็จพระราชดำเนินทางชลมารค  ถ้านับวันเดือนปีอย่างปัจจุบันคือเริ่มพุทธศักราชเมื่อเดือนมกราคม ไม่ใช่เริ่มนับเมื่อวันขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๕ เหมือนในสมัยรัชกาลที่ ๔  ก็น่าจะตกอยู่ใน พ.ศ. ๒๔๐๑ เช่นกัน

ดังนั้นถ้านับอย่างปัจจุบัน ตั้งแต่เสด็จพระราชดำเนินทางชลมารค จนถึงถวายฎีการอบสอง จึงอยู่ในปีเดียวกัน

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)



กระทู้: คดีพระยาพิพิธฤทธิเดชถวายผู้หญิง
เริ่มกระทู้โดย: sirinawadee ที่ 19 ก.พ. 13, 14:15
มาลงชื่อเรียนค่า


กระทู้: คดีพระยาพิพิธฤทธิเดชถวายผู้หญิง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 ก.พ. 13, 14:16
เรื่องนี้ เห็นทีจะปิดเป็นความลับได้ยาก   เพราะพระยาพิพิธฯโดนร้องเรียนถวายฎีกาเข้าหลายครั้ง ไม่ใช่ครั้งเดียว(ซายาเพ็ญคงจะนับจำนวนครั้งมาให้เอง ถ้าอยากทำ) ขาเม้าท์ในสมัยนั้นก็คงจะมีไม่น้อยกว่าสมัยนี้    ว่าพระยาพิพิธฯไปบังคับลูกสาวมาจากชาวบ้านมาถวายหลายคน เจอข้อหาหลายครั้ง    เหตุใดจึงไม่ถูกลงโทษว่ากระทำผิด     พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ ก็คงจะทรงรู้ข้อครหาเหล่านี้  จึงทรงเฉลยเอาไว้ในประกาศเรื่องนี้  สรุปได้ความอย่างที่บอกมาในค.ห.ก่อนหน้านี้ว่า  หญิงสาวเหล่านั้นไม่ใช่ลูกคนอื่น แต่เป็นญาติวงศ์วานว่านเครือของพระยาพิพิธฯ เอง

ทรงเห็นว่าพระยาพิพิธฯ ทำเช่นนี้ก็เพื่อจัดแจงให้ลูกหลานหญิงเข้ามารับราชการ อยู่อุ่นหนาฝาคั่งกับเจ้าจอมมารดาจันทร์ และพระเจ้าลูกเธอทักษิณชาให้เป็นเกียรติยศ      พ่อแม่ผู้หญิงก็ได้หน้าและอาจจะได้บรรดาศักดิ์ต่อไป ที่ลูกสาวมารับราชการในพระบรมมหาราชวัง     ตีความได้อีกอย่างว่า หากหญิงสาวเหล่านี้มีวาสนาได้เป็นเจ้าจอมในภายหน้า  พ่อแม่ก็พลอยมีหน้ามีเกียรติไปด้วย
แต่ว่าพ่อแม่หญิงเหล่านี้เป็นคนบ้านนอก   ไม่รู้ว่าอะไรดีอะไรงาม   อะไรเป็นคุณเป็นโทษ   ก็เลยมาขอเอาลูกกลับไป

พระเจ้าอยู่หัวเห็นว่าความคิดของพ่อแม่แบบนี้เอามาเป็นมาตรฐานไม่ได้   นี่คือพูดอย่างเบาๆตามภาษาสมัยนี้  แต่ในสมัยโน้นท่านเรียกว่า "ความคิดเหมือนคนเสียจริต  เอามาเป็นประมาณไม่ได้"


กระทู้: คดีพระยาพิพิธฤทธิเดชถวายผู้หญิง
เริ่มกระทู้โดย: werachaisubhong ที่ 19 ก.พ. 13, 14:32
มานั่งหลับอยู่หลังห้องรอคุณครูมาสอนต่อ


กระทู้: คดีพระยาพิพิธฤทธิเดชถวายผู้หญิง
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 19 ก.พ. 13, 14:42
แต่ว่าพ่อแม่หญิงเหล่านี้เป็นคนบ้านนอก   ไม่รู้ว่าอะไรดีอะไรงาม   อะไรเป็นคุณเป็นโทษ   ก็เลยมาขอเอาลูกกลับไป

พระเจ้าอยู่หัวเห็นว่าความคิดของพ่อแม่แบบนี้เอามาเป็นมาตรฐานไม่ได้   นี่คือพูดอย่างเบาๆตามภาษาสมัยนี้  แต่ในสมัยโน้นท่านเรียกว่า "ความคิดเหมือนคนเสียจริต  เอามาเป็นประมาณไม่ได้"

ในประกาศฯ ท่านว่าไว้ดังนี้

"ความคิดของบิดามารดาหญิงเด็กเหล่านั้น เปนคนนอกกรุงไม่รู้ว่าอะไรงามไม่งามจะเปนคุณเปนโทษ ความคิดเหมือนคนเสียจริตจะเอาเปนประมาณไม่ได้ พระยาพิพิธฤทธิเดชจะคิดดังนี้ จึงกดขี่ข่มเหงเอาตามใจตัว ด้วยคิดว่าเปนผู้ใหญ่ในวงศ์ญาติรู้จักดีชั่วงามไม่งาม มิใช่ว่าไปข่มเหงฉุดลากผู้อื่น ซึ่งไม่ได้เปนญาติเปนข้าเจ้าบ่าวนายอื่นมา จะเหนว่าเปนผิดไม่ได้"

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3276.0;attach=9565;image)


กระทู้: คดีพระยาพิพิธฤทธิเดชถวายผู้หญิง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 ก.พ. 13, 09:19
   พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ ทรงวินิจฉัยต่อไปว่า การกระทำของพระยาพิพิธฯที่เร่งรัดเอาลูกหลานผู้หญิงเข้ามาถวายในวังหลวง  ในเมื่อพระยาพิพิธฯเป็นผู้ถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา   การเอาลูกหลานมาถวายเจ้านายเหนือหัวของตน ก็เปรียบได้กับ "ขนทรายเข้าวัด"    มิใช่ว่าเป็นการเร่งรัดบังคับเพื่อรีดเอาเงินทองจากพ่อแม่ผู้หญิง    หรือเอาไปถวายเจ้าอื่นนายอื่นเป็นการเอาความดีความชอบ   จึงทรงเห็นว่าไม่สมควรจะเอาเบี้ยปรับจากพระยาพิพิธฯไปให้ผู้กล่าวโทษ

    ทรงเท้าความว่า  เมื่อก่อนนี้ผู้หญิงคนใดเข้ามารับราชการในพระบรมมหาราชวังแล้ว  ก็ไม่มีสิทธิ์จะออกจากงาน      ถ้าคิดจะออกไปก็ต้องทำอุบายว่าป่วยเป็นโรคร้ายแรงต่างๆ หรือเสียจริต   หรือเป็นผู้ร้าย  บางทีก็ต้องวิ่งเต้นเสียเงินเสียทองให้ผู้ใหญ่ในวังกราบบังคมทูล ให้พระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ลาออกไปได้
   แต่มาถึงรัชกาลนี้  พระเจ้าอยู่หัวทรงยกเลิกกฎดังกล่าว    ผู้หญิงคนไหนไม่สมัครใจจะรับราชการในวังก็ถวายบังคมลาออกไปได้เลย    เป็นเรื่องง่ายๆ  ไม่ต้องไปวิ่งเต้นกับใครอีก     อะไรที่พระราชทานไปแล้วก็มิได้ทรงเรียกคืน   คือพระราชทานแล้วพระราชทานเลย


กระทู้: คดีพระยาพิพิธฤทธิเดชถวายผู้หญิง
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 22 ก.พ. 13, 21:43
   แต่มาถึงรัชกาลนี้  พระเจ้าอยู่หัวทรงยกเลิกกฎดังกล่าว    ผู้หญิงคนไหนไม่สมัครใจจะรับราชการในวังก็ถวายบังคมลาออกไปได้เลย    เป็นเรื่องง่ายๆ  ไม่ต้องไปวิ่งเต้นกับใครอีก     อะไรที่พระราชทานไปแล้วก็มิได้ทรงเรียกคืน   คือพระราชทานแล้วพระราชทานเลย

รายละเอียดอยู่ใน

๑. ประกาศพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เจ้าจอมอยู่งานถวายบังคมลาออกได้ แลว่าด้วยเจ้าจอมมารดาแลหม่อมห้ามที่มีหม่อมเจ้ามีผัว ณ วันอาทิตย์ เดือน ๑๒ ขึ้น ๒ ค่ำ ปีมะเมีย สัมฤทธิศก

๒. ประกาศพระราชทานพระบรมราชานุญาตข้าราชการฝ่ายในถวายบังคมลาออก ๑๒ คน ณ วันจันทร์ เดือนอ้าย ขึ้น ๑ ค่ำ ปีมะเมีย สัมฤทธิศก

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)


กระทู้: คดีพระยาพิพิธฤทธิเดชถวายผู้หญิง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 ก.พ. 13, 22:39
ในประกาศเรื่องนี้ ทรงย้ำไว้ชัดเจนว่า การนำลูกหลานหญิงมาถวายแบบเดียวกับพระยาพิพิธฯ มิได้ทรงเห็นเป็นผิด     แต่ก็ทรงห้ามมิให้ขุนนางข้าราชการอื่นเอาอย่าง บังคับลูกหลานหญิงไปถวายเจ้านายองค์นั้นองค์นี้ หรือคนใหญ่คนโตอื่นๆ  ทำให้ราษฎรเดือดร้อน    แต่ถ้าถวายพระเจ้าอยู่หัวเพียงพระองค์เดียวก็มิได้ทรงเอาโทษแต่อย่างใด       ถ้าผู้หญิงไม่สมัครใจก็กราบถวายบังคมลาออกจากพระบรมมหาราชวังได้เสมอ

เป็นอันว่าพระยาพิพิธฯก็รอดตัวไป    ไม่พบหลักฐานว่าหลังจากนั้นท่านหาลูกหลานเครือญาติหญิงมาถวายอีกหรือเปล่า


กระทู้: คดีพระยาพิพิธฤทธิเดชถวายผู้หญิง
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 28 ก.พ. 13, 13:13
ผู้ที่ผิดคือแม่ของหญิงที่มาถวายฎีกาต่างหาก

"แลมารดาหญิงจะขอเอาบุตร์ไป ก็ชอบแต่จะบอกกล่าวให้เจ้าจอมฤๅท้าวนางข้างในช่วยกราบบังคมทูลพระกรุณาขอ ฤๅมารดาหญิงแลตัวหญิงควรจะร้องถวายฎีกาแต่ในพระบรมราชวัง มารดาหญิงก็ไม่ทำดังนั้น ไปเดินเหินหานายหน้าให้ต้องเสียพัสดุทองเงิน แลเก็บเอาความข้างในใส่ในเรื่องราวไปร้องถวายฎีกาหน้าพระที่นั่งสุทไธศวริย์ ให้เปนที่เสื่อมเสียพระเกียรติยศไปดังนี้ มารดาหญิงแลผู้แนะนำทำเรื่องราวมีความผิดอยู่"

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3276.0;attach=9565;image)


กระทู้: คดีพระยาพิพิธฤทธิเดชถวายผู้หญิง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 มี.ค. 13, 21:04
นึกว่าจะจบกระทู้แล้ว  คุณเพ็ญชมพูยังไม่จบ    เอ้า ไม่จบก็ไม่จบ

ผู้ที่ผิดคือแม่ของหญิงที่มาถวายฎีกาต่างหาก

"แลมารดาหญิงจะขอเอาบุตร์ไป ก็ชอบแต่จะบอกกล่าวให้เจ้าจอมฤๅท้าวนางข้างในช่วยกราบบังคมทูลพระกรุณาขอ ฤๅมารดาหญิงแลตัวหญิงควรจะร้องถวายฎีกาแต่ในพระบรมราชวัง มารดาหญิงก็ไม่ทำดังนั้น ไปเดินเหินหานายหน้าให้ต้องเสียพัสดุทองเงิน แลเก็บเอาความข้างในใส่ในเรื่องราวไปร้องถวายฎีกาหน้าพระที่นั่งสุทไธศวริย์ ให้เปนที่เสื่อมเสียพระเกียรติยศไปดังนี้ มารดาหญิงแลผู้แนะนำทำเรื่องราวมีความผิดอยู่"

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3276.0;attach=9565;image)
ในประกาศท่านบอกหรือเปล่าว่าเอาโทษแม่ของผู้หญิง เพราะว่ากระทำผิด?


กระทู้: คดีพระยาพิพิธฤทธิเดชถวายผู้หญิง
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 01 มี.ค. 13, 22:22
ท่านว่ามีความผิด แต่ไม่มีโทษ คงเพียงแต่ปรามไว้เท่านั้น

ทรงมีพระราชดำริเกี่ยวกับหญิงที่มีผู้นำมาถวายว่า

"อนึ่งผู้หญิงบ้านนอกขอกนาเปนลูกเลขไพร่หลวงไพร่ทาสขุนนางในหลวงไม่เอาเปนเมียดอก เกลือกจะมีลูกออกมาเสียเกียรติยศ แต่เมื่อผู้นำเอาหญิงงาม ๆ มาให้ก็ดีใจอยู่ ด้วยจะให้มีกิตติศัพท์เล่าฦๅว่า ยังไม่ชราภาพนักจึงมีผู้หาเมียให้เท่านั้นดอกจึงรับไว้ แล้วให้หัดเปนลครบ้างมะโหรีบ้างเล่นการต่าง ๆ ไปโดยสมควร จะได้ทำหม่นหมองในคนต่ำ ๆ เลว ๆ นั้นหามิได้ ถ้าบิดามารดามาร้องขอตัวคืนไป ฤๅตัวร้องจะออกเองก็ไปง่าย ๆ ดี ผู้หญิงนั้นก็บริสุทธิอยู่ไม่เศร้าหมอง"

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=5510.0;attach=38733;image)