ความเดิมจากคคห.ที่แล้ว
มีเรื่องเล่าว่าดึกดื่นเที่ยงคืนท่านมักจะไม่ยอมหลับยอมนอน แต่งนอกเครื่องแบบออกไปเที่ยวเดินท่อมๆตามสถานที่อโคจรต่างๆ วันหนึ่งสายตรวจของตำรวจมาพบเข้า เห็นหน้าตาท่าทางมีพิรุธ จับค้นตัว เอ้า เจอปืนพกเข้าอีก เลยลากท่านไปโรงพัก ท่านก็ยอมไปโดยดี ครั้นถึงที่หมาย นายตำรวจทั้งโรงพักยืนระวังตรงทำความเคารพผู้บังคับบัญชากันพรึบพรั่บ ท่านสั่งตามสารวัตรใหญ่มาสั่งการ ให้ขังตำรวจสายตรวจชุดนั้นเสีย7วันฐานไม่รู้จักผู้บังคับบัญชา
แต่หลังจากพ้นโทษแล้ว ท่านสั่งให้เลื่อนขั้นคนละ1ขั้น เป็นรางวัลที่ขยันหมั่นตรวจตราความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง
กิติศัพท์นายใหม่ของตำรวจก็ร่ำลือไปทั่ววงการสีกากี ท่านอาจจะไปปรากฏตัวที่โรงพักไหนคืนใดคืนหนึ่งก้ได้ ถ้าโรงพักไม่เนี๊ยบนายตำรวจเป็นต้องโดน อย่าว่าแต่โรงพักเลย ตามซ่องนางโลมทุกแห่งก็เข้าไปซุ่มดูว่าจะมีตำรวจมารับส่วยหรือมาเบ่งเอาของฟรีหรือเปล่า บางครั้งแกล้งนั่งแทกซี่แล้วสั่งให้คนขับฝ่าไฟแดง พอตำรวจเรียกก็แกล้งยัดเงินใส่มือ ใครรับก็เสร็จ ความจริงถ้าท่านเล่นมุขนี้ไปเรื่อยๆสงสัยลูกน้องจะติดคุกหมดกรม แต่ท่านก็เล่นเพียงให้เขาลือกัน แล้วพฤติกรรมชั่วก็จะซาลงไปเอง แต่ท่านก็เล่นยากขึ้นด้วย ไมนานจะใส่หมวกหลุบหน้าหรือปลอมแปลงตัวเองอย่างไรลูกน้องก็จำได้
มีแห่งหนึ่งที่หลวงอดุลไม่เคยไปเลย คือองค์กรของคนจีนทั้งหลาย ไม่ว่าสมาคมตระกูลนั้นตระกูลนี้หรือสมาคมที่ตั้งขึ้นเพื่อการกุศล สถานที่เหล่านี้เป็นของแสลงสำหรับตำรวจ ใครเข้าไปแล้วอาจถูกนัวเนียเสียผู้เสียคน ในหนังสืองานศพของท่านมีคำไว้อาลัยของนายจิ้นติน ตันธุวนิชย์ อดีตประธานกรรมการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งเขียนว่า พล.ต.อ.อดุลเป็นคนเดียวที่คนจีนในเมืองไทยเรียกว่า “โอวมิ่นเปากง” หรือท่านเปาหน้าดำ การปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตของท่านเป็นอานิสงส์ต่อคนจีนที่ทำมาค้าขายมาก ท่านเคยเชิญคณะกรรมการมูลนิธิไปพบครั้งหนึ่งเพื่อขอบคุณในนามของกรมตำรวจในช่วงสงคราม ซึ่งมูลนิธิได้ช่วยแบ่งเบาภาระของรัฐบาลอย่างแข็งขัน แต่เมื่อท่านเกษียนจากราชการแล้ว วันหนึ่งท่านไปที่มูลนิธิ กล่าวว่าที่ท่านมาเยี่ยมชมเพราะมีความศรัทธาในกิจกรรมที่บำเพ็ญประโยชน์ต่อเพื่อนมนุษย์ และนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ท่านเหยียบเข้ามาในองค์กรของคนจีนเพื่อจะเอาใบหุ้นของธนาคารศรีนครจำนวน15หุ้น มาโอนให้มูลนิธิเป็นทุนเพื่อใช้ในการทำกุศลต่อไป
พล.ต.อ.อดุลเป็นนักการเมืองอีกคนหนึ่งที่มือสะอาดจากเงินสกปรก เกษียนแล้วยังไม่มีบ้านต้องอยู่บ้านหลวงจนถึงแก่กรรม ใบหุ้นท่านจึงมีเพียงเท่านั้น สงสัยจะเป็นหุ้นเสน่หาให้มาเป็นของขวัญแต่ครั้งไหนไม่ทราบ แต่มูลค่าน้อยไปที่จะเรียกผู้ให้มารับคืนพร้อมกับตบกระโหลก สู้เอามาทำบุญเสียดีกว่า แต่หุ้นธนาคารสมัยโน้นมิได้มีมูลค่าต่อหุ้นจิ๊บจ๊อยเหมือนสมัยที่เขาแตกราคาพาร์เพื่อจะปั่นกระทู้ เอ้ยขอโทษ ปั่นตลาดอย่างเช่นที่เป็นอยู่เวลานี้แน่นอน
เฮ้อ คนดีท่านก็ดีเกิน ไอ้คนชั่วมันก็ชั่วเกิน โกงจนรวยแล้วรวยอีกก็ไม่รู้จักพอ