คุณหมอธีระ วรธนารัตน์ อาจารย์ภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับงานวิจัยของทีมวิจัยญี่ปุ่นเรื่องนี้ ว่า
ทีมงานจาก Sato Lab ในญี่ปุ่น เผยแพร่ผลการศึกษาเกี่ยวกับ Omicron ในหนูแฮมสเตอร์ พบว่าเมื่อเทียบกับสายพันธุ์ก่อน เช่น อัลฟ่าและเดลต้าแล้ว ไวรัส Omicron นั้นดูจะแบ่งตัวได้ดีในส่วนของเซลล์บริเวณหลอดลมหรือขั้วปอด ในขณะที่การแบ่งตัวในเซลล์ปอดนั้นพบว่า Omicron มีประสิทธิภาพน้อยกว่าสายพันธุ์ก่อน ๆ
ผลดังกล่าวก็สอดคล้องกับการศึกษาทางห้องปฏิบัติการของ GuptaR Lab ที่ออกมาก่อนหน้านี้ ที่ชี้ให้เห็นว่า Omicron จับกับตัวรับร่วม TMPRSS2 ที่เซลล์ปอดได้ไม่ดีนักเมื่อเทียบกับสายพันธุ์เดลต้า และชี้ให้เห็นว่า Omicron แบ่งตัวในเซลล์หลอดลมได้มากกว่าเดลต้า ๗๐ เท่า แต่ในเซลล์ปอดด้อยกว่าเดลต้า ๑๐ เท่า
ทั้งนี้ทั้งนั้น จำเป็นจะต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมต่อไป เพราะความรู้ที่มีตอนนี้มาจากห้องปฏิบัติการและในหนูแฮมสเตอร์ อาจไม่การันตีว่าผลที่เกิดขึ้นในคนจะสอดคล้องกับที่พบมากน้อยเพียงใด
แต่ที่แน่ ๆ เราเห็นจากการติดเชื้อแพร่เชื้อในโลกแห่งความเป็นจริงว่า Omicron นั้นแพร่ระบาดได้เร็วมากกว่าเดิมหลายเท่า ติดเชื้อซ้ำได้มากกว่าสายพันธุ์เดิม กลุ่มเป้าหมายขยายวงกว่าเดิม ครอบคลุมทั้งคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน คนที่ฉีดไม่ครบ คนที่ฉีดครบก็ยังติดได้ รวมถึงคนที่เคยมีประวัติติดเชื้อมาก่อนแล้วด้วย
นอกจากนี้ยังชัดเจนว่าดื้อต่อภูมิคุ้มกันจากวัคซีนและจากการติดเชื้อมาก่อน และดื้อต่อโมโนโคลนัล แอนติบอดี้หลายชนิดที่ใช้ในการรักษา
หลายประเทศนั้นพบว่า การแพร่ระบาดของ Omicron ทำให้เด็กและเยาวชนต้องป่วยและเข้ารับการรักษาในรพ.มากขึ้น ซึ่งเหตุผลหนึ่งที่อธิบายคือ เป็นกลุ่มที่ยังเข้าถึงวัคซีนได้จำกัด
ทั้งนี้ สำหรับ Omicron ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับภาวะอาการคงค้างหลังการติดเชื้อ หรือ Long COVID ว่าจะมีมากน้อยเพียงใด
ถามคุณหมอเพ็ญชมพู
อ่านแล้วต้องแปลไทยเป็นไทยอีกที สรุปว่า โอมิครอนอาจจะเป็นเชื้อที่ติดง่าย แต่ไม่รุนแรงเท่าเดลต้า ใช่ไหมคะ
การที่โอมิครอนแบ่งตัวได้ดีในเซลล์หลอดลม เมื่อจามไอเขื้อไวรัสก็ออกมามากขึ้น ทำให้ติดเชื้อและระบาดได้ง่ายขึ้น การแบ่งตัวในเซลล์ปอดได้น้อยลง ทำให้อาการรุนแรงน้อยลงด้วย แต่ไม่ใช่จะไม่เกิดเสียเลย