อยากออกความคิดเห็นเรื่องที่ไม่ตรงทีเดียวนัก แต่ก็น่าจะเฉียดๆ(ไม่ถึงกับเสียมรรยาทนัก มั้ง) นิดหนึ่งว่า ที่เรารบสู้พม่าไม่ได้ในสมัยนั้น นั้น สรีระของเราเป็นปัจจัยหนึ่งไหม รูปร่างเราเสียเปรียบไหม(เอ่ย)
มานิต
ไม่เกี่ยวแต่อย่างใดครับ มูลเหตุที่ สยามอยุธยา มักจะเสียเปรียบพม่า(ไม่ได้แปลว่าสู้ไม่ได้เสมอไป) มาจาก
๑..หลักนิยมในการสงครามของสองอาณาจักรต่างกัน พม่าจะนิยมเข้ากระทำ แต่สยามอยุธยานิยมตั้งรับ(ใช้มาตั้งแต่พระเจ้าอู่ทอง จะเปลี่ยนบ้างก็เห็นจะมีแค่ยุคของ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช กับ สมเด็จพระนารายณ์มหาราช เท่านั้น มาเปลี่ยนอีกทีก็ ธนบุรีเป็นต้นมา)
๒..ความสามารถในการควบคุมพลเมือง(ถ้าสมัยก่อนก็คงจะต้องเรียกว่า ไพร่)ต่างกัน อาจจะเนื่องด้วยหลายสาเหตุ เช่น ความใกล้ไกลของศูนย์กลางอำนาจ(อยุธยา,หงสาวดี) , นโยบายของกษัตริย์แต่ละพระองค์ , พระปรีชาสามารถของกษัตริย์แต่ละพระองค์ ฯลฯ เป็นต้น
ส่วนใหญ่ที่เห็น สยามไม่ค่อยจะมีนโยบายไปตีพม่าเสียเท่าไร แต่จะเน้นขยายอิทธิพลลงมาทางด้านอ่าวเบงกอล ผ่านทางเมืองท่าสำคัญ ๆ เช่น ทวาย,มะริด,ตะนาวศรี มากกว่า และก็ขยายไปทางด้านตะวันออก อย่าง เขมร และ ลาว ซึ่งทรัพยากรน่าจะอุดมสมบูรณ์กว่าทางพม่า ที่มีผู้คนเยอะกว่า
และถ้าทำสงครามกับพม่าอาจจะต้องเสียทรัพยากร(เงินทอง,ไพร่พล,อาหาร) เยอะกว่า การไปทำสงครามกับ อาณาจักรด้านตะวันออกเช่น เวียงจันทน์,เขมร,ล้านช้าง ฯลฯ เป็นต้น (ไม่ได้แปลว่า สยามอยุธยาสู้ไม่ได้ หรือ อ่อนแอกว่าพม่า แต่ อยุธยาเลือกที่จะไม่ทำสงครามเอง )
อีกประการ คำว่า "ราชาธิราช (หรือก็คือ สมมติเทพ เป็นพระเจ้าจักรพรรดิผู้ปกครองชมพูทวีป ฯลฯ)" คำ ๆ นี้ ในสองอาณาจักร(พม่า,อยุธยา) มีความหมายที่ต่างกัน
ของพม่า จะเน้นไปที่การต้องพิชิตให้ได้ทุกหัวเมือง เน้นสงครามเข้าว่า ,
แต่ของ สยามอยุธยา ส่วนใหญ่(เน้นว่าส่วนใหญ่) จะเน้นไปที่ ความรุ่มรวยในด้านของการดำรงชีวิต ,ศิลปวัฒนธรรม ประเพณี,เงินทอง ส่วนการทำสงครามจะสื่อไปในความหมายของการไปปราบมาร(ตามแนวคิดของพระพุทธศาสนา และมันก็ส่งผลออกมาเป็นรูปธรรม ทั้งในเรื่องของ อาวุธ หรือแม้แต่ วรรณคดีอย่าง ลิลิตยวนพ่าย นั่นชัดเจนมาก ๆ ครับ) เสียมากกว่า
สรุปง่าย ๆ พม่าเน้นทำสงคราม ถ้าชนะคือ HERO แต่ของ สยาม เป็น HERO อยู่แล้ว แต่ที่ทำสงครามเพื่อปราบมาร ในความคิดผม ถ้าเปรียบไป พม่าก็คงเหมือน นครรัฐ สปาร์ตา ส่วน สยามจะเป็น เอเธนส์ ครับ
ที่ผมเดา ๆ ได้ก็คงมีเท่านี้ครับ