จ้อ
|
พอดีเพื่อนส่งมาให้อ่านเลยเอามาแปะให้อ่านกัน ผมไม่แน่ใจว่าเนื้อหารุนแรงไปหรือเปล่า
/>ถ้าผมไปโพสต์เรื่องนี้ที่บอร์ดอื่นสงสัยคงทะเลาะกันเป็นเรื่องเป็นราว เพราะเรื่องเกี่ยวกับสถาบันนี่ล่อแหลม
/>แต่มั่นใจว่าโพสต์ในเรือนไทยน่าจะปลอดภัย ถ้าสมาชิกท่านไหนเห็นว่าไม่เหมาะสมก็แจ้งให้ทราบได้นะครับ
/>ผมจะได้ลบออก
บทความนี้เป็นของ ดร. ใจ อึ้งภากรณ์ จากจุดประกายกรุงเทพธุรกิจ คอลัมน์ร้อยแปดวิถีทัศน์ :วันพุธที่ 26 มิ.ย. 45
โดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่าท่านใช้ภาษารุนแรงไปหน่อย แต่มีหลายแง่มุมที่ผมเห็นด้วย
/>------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
/>ความหมายของ SOTUS กับอนาคตปัญญาชนไทย
/>ในตอนเย็นของวันทำงานธรรมดาๆ ที่จุฬาฯ วันหนึ่ง ผมเดินออกจากห้อง เพื่อไปขึ้นรถไฟกลับบ้าน
แต่ปรากฏว่า มีเสียงโห่ร้อง อย่างน่ากลัวเกิดขึ้น จากตึกคณะเศรษฐศาสตร์
ตอนแรกผมไม่แน่ใจว่า เสียงนี้เป็นเสียงฝูงสัตว์ป่า หรือกลุ่มอันธพาลกันแน่ แต่พอยืนฟังสักพัก
/>ก็รู้ว่าเป็นนิสิตจุฬาฯ เห่าหอนโห่ร้องว่า คณะของตน และมหาวิทยาลัยของตน ดีกว่าคนอื่น ฯลฯ
ผมเดินต่อไปที่ตึกรัฐศาสตร์ ก็ปรากฏว่ามีเสียงประหลาดๆ แบบนี้เกิดขึ้นเช่นกัน แต่ออกมาจากห้อง
/>ที่ประตูหน้าต่างปิดหมด สักพักหนึ่งผมเดินไปที่หน้าเสาธง ก็เห็นวัยรุ่นอันธพาลชาย 3 คนยืนปรามนิสิตหญิงปี 1 คนเดียว
/>เขาใช้วิธีบังคับทารุณ ให้ผู้หญิงคนนั้น วิ่งไปวิ่งมา หรือนั่งลงแล้วยืนขึ้น ทั้งหมดกระทำไป
เพื่อทำลายความเป็นปัจเจกความคิดสร้างสรรค์ และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ของนิสิตคนนั้น
เพราะการบังคับ ให้คนทำสิ่งที่ไร้สาระเพื่อ 'พิสูจน์' ความจงรักภักดี
/>มันแย่ยิ่งกว่าการบังคับทาส หรือนักโทษให้ขุดคลอง ยิ่งกว่านั้น ขณะที่พวกรุ่นพี่กำลังบังคับให้นิสิ! ตปี
1 วิ่งไปวิ่งมาอย่างไร้สาระ ก็มีการตะโกนด่า อย่างที่คุณพ่อคุณแม่ หรือครูของนิสิตคนนั้น
/>คงไม่มีวันกระทำ เพราะมันเป็นพฤติกรรมแท้ของคน ที่ไม่มีอารยธรรม และนอกจากนี้ ทั้งหมดนี้
กระทำต่อหน้ากลุ่มนิสิตปี 1 เพื่อเป็น 'ตัวอย่าง' ให้เขาเห็น
สรุปแล้วมันเป็นภาพของการทำลายศักดิ์ศรีซึ่งกัน และกันระหว่างนิสิตรุ่นพี่ และรุ่นน้อง ทั้งผู้กระทำ
/>และผู้ถูกกระทำกลายเป็นสัตว์ป่า เพราะผู้กระทำหลงเชื่อว่า ตนเองมีสิทธิที่จะกระทำแบบนั้นกับผู้อื่น
การตะโกนแบบหยาบๆ เพื่อบังคับให้คนภายใต้อำนาจเราทำสิ่งที่ไร้สาระ
/>เรียนรู้โดยตรงจากการฝึกกองทหารในระบบทุนนิยม
/>ถ้าดูภาพยนตร์เรื่องชีวิตการฝึกทหารก็จะเห็นวิธีการแบบนี้ เป้าหมายหลักคือ
การฝึกให้พลทหารทำตามคำสั่งโดยไม่คิด และไม่เถียง เพราะพวกนายพลมองว่าเป็นการสร้าง
'ประสิทธิภาพในการรบ'
/>ขอเน้นอีกครั้งหนึ่งว่าวิธีการนี้ใช้เพื่อสร้างประเพณีบรรยากาศการทำตามคำสั่งโดยไม่คิดเอง
ดังนั้นนี่คือสิ่งที่นักศึกษาใน 'มหาวิทยาลัยชั้นนำ' ของไทยกำลังถ่ายทอดจากรุ่นพี่ไปสู่รุ่นน้อง
/>ดังนั้นอย่าหวังอะไรมากจากเด็ก SOTUS ที่จบจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
/>เพราะถ้าตอนสอบเข้าเขาคิดเองเป็น พอผ่านการฝึกฝนในห้องเชียร์ในปีแรกก็คงไม่มีมันสมองเหลือเพื่อการวิเคราะห์โลกอีก
สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องของระบบทหารคือ ในสงครามระหว่างฝรั่งเศสกับเยอรมนี
หลังการปฏิวัติฝรั่งเศสปี 1789 หรือในสงครามระหว่างเวียดนามกับสหรัฐในทศวรรษที่ 60 และ 70
/>ฝ่ายที่ชนะไม่ได้ชนะเพราะมีการฝึกทหารให้เป็นหุ่นยนต์ที่ทำตามคำสั่ง
/>แต่ชนะเพราะทหารฝรั่งเศสหรือทหารเวียดนามเข้าใจด้วยมันสมองของตนเองว่า
/>เขาออกรบเสี่ยงตายเพื่ออะไร พูดง่ายๆ ไม่ต้องมีใครมาสั่งให้เขารบอย่างกล้าหาญหรอก
/>เขารบอย่างกล้าหาญเพราะเขาเห็นด้วยกับอุดมการณ์ที่เขากำลังปกป้อง Henry Kissinger
เข้าใจเรื่องนี้ดี เพราะเขาสารภาพว่า
/>"เราแพ้สงครามเวียดนามเนื่องจากเราใช้การทหารในการรบในขณะที่ฝ่ายตรงข้ามใช้การเมือง"
กลับมาสู่มหาวิทยาลัยของผมที่หวัง 'เป็นเลิศทางวิชาการ' .... ถ้าเราถามนิสิตรุ่นพี่หรือนิสิตเก่าว่า
กิจกรรมในห้องเชียร์ทำไปทำไม เขาจะตอบว่ามันเป็นกิจกรรมร่วมภายใต้ระบบ SOTUS
/>ที่สร้างความสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในคณะ เขาจะอธิบายต่อว่าการผ่านความยากลำบาก
/>(การถูกบังคับอย่างทารุณโดยรุ่นพี่) ช่วยให้ทุกคนรู้จัก! กันดีขึ้น และสามัคคีกัน
ดังนั้นผมขอเสนอว่าจริงๆ แล้วถ้านิสิตจะฝ่าความยากลำบากพร้อมๆ
/>กันก็ควรอาสาสมัครหมู่ไปขุดโคลนออกจากท่อระบายน้ำตามถนนอย่างที่นักโทษเขาทำกัน
/>หรืออาสาสมัครไปเก็บขยะตามสลัมแถวๆ คลองเตย หรือทำความสะอาดห้องน้ำสาธารณะ ฯลฯ
จะมีประโยชน์ต่อสังคมมากกว่า แต่ผมเชื่อว่านิสิตพวกที่หลงใหลในระบบ SOTUS คงไม่มีวันทำ
/>เพราะลึกๆแล้วระบบนี้เป็นระบบที่ปกป้องโครงสร้างอำนาจระหว่างรุ่นพี่กับรุ่นน้อง
"สิงห์ดำ แดง เหลือง ม่วง ลาย ฯลฯ" หลังจากที่เรียนจบจากมหาวิทยาลัยแล้วออกไปทำงาน
พูดง่ายๆ SOTUS มันไม่แค่ทำลายความคิดของนิสิตขณะที่ศึกษา
/>แต่มันปกป้องระบบอำนาจนิยมในหมู่ชนชั้นนำในสังคมไทยด้วย
/>สำหรับคนที่ไม่เข้าใจว่า SOTUS คืออะไร ขออธิบายว่าเป็นตัวย่อจากภาษาอังกฤษ 5 คำดังนี้
S มาจากคำว่า Stupid หรือ 'โง่' ระบบห้องเชียร์ช่วยให้นิสิตโง่มากขึ้น เพราะทำลายเซลล์ในสมอง
/>และความสามารถในการคิดเองเป็น แถมกิจกรรมต่างๆ
/>ที่ทำในห้องเชียร์ถูกกำหนดว่าต้องเป็นเรื่องโง่ๆ ด้วย ห้ามเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม
ต้องวิ่งไปวิ่งมา ขังรุ่นน้องในห้องโดยปิดประตูหน้าต่าง และไม่เปิดแอร์ ทำถูกก็! โดนด่า
/>ทำผิดก็โดนด่า ไม่ทำก็ด่า ทำก็ด่า ทำไปทำมาทั้งรุ่นน้อง
/>และรุ่นพี่โง่กันอย่างสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
/>ทำกิจกรรมเสร็จแล้วออกมาจากห้องก็ต้องไหว้รุ่นพี่อีก ถ้ารุ่นพี่สั่งให้ไหว้หมา 'เพื่อความสามัคคี'
ก็คงต้องไหว้มั้ง? แถมเรียนจบก็นำความโง่ไปใช้ในสังคมภายนอก
/>หมอบคลานกราบไหว้สิ่งที่ไม่ควรกราบ ไม่ต้องใช้สมองคิด สังคมจะได้โง่
/>สรุปแล้วโคตรโง่เลย !
O มาจากคำว่า Out-Dated ซึ่งแปลว่า 'ล้าสมัย' ความล้าสมัยของระบบห้องเชียร์ และ SOTUS
/>ดูได้จากการที่มีการยกเลิกระบบนี้เองโดยนักศึกษาไทยในยุค 14 ตุลาคม 2516
ซึ่งเป็นยุคตื่นตัวทางสังคมของนักศึกษา ในยุคนั้นเริ่มมีขบวนการนักศึกษาที่ปฏิเสธความโง่
/>และความป่าเถื่อนของระบบรุ่นพี่รุ่นน้อง ประเพณีต่างๆ ที่พวกพี่ๆ โง่
/>นำมาใช้ในสมัยเผด็จการทหารก็เลยกลายเป็นเรื่องตลก และถูกยกเลิกไป
/>แต่ปรากฏว่าตอนนี้เกือบ 30 ปีผ่านไป สังคมนักศึกษาก็ยังจมอยู่ในความโง่ของอดีต
/>สาเหตุก็ไม่ใช่เพราะนักศึกษาโง่หรอก แต่เพราะชนชั้นปกครองไทยอยากให้โง่ต่างหาก
/>ดังนั้นเมื่อนักศึกษาเริ่มคิดเองเป็น และเริ่มเคลื่อนไหวทางสังคมหลังสมัย 14 ตุลา
ชนชั้นปกครองกลัวว่าจ! ะปกป้องอภิสิทธิ์ไม่ได้
/>จึงมีคำสั่งร่วมลงมาให้สังหารหมู่ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในวันที่ 6 ตุลาคม 2519
/>และมีคำสั่งตามมาให้เผาหนังสือที่อาจปลดแอกพวกเราจากความโง่ตามห้องสมุดต่างๆ ด้วย
ในยุคโลกาภิวัตน์ ใครๆ เขาพูดกันว่าพลเมืองต้องมีส่วนร่วมในการปกครอง
ต้องร่วมตรวจสอบผู้แทน ต้องมีประชาธิปไตย ต้องคิดเองเป็น
/>และมีการเสนอมานานว่าควรปฏิรูปการศึกษาเพื่อพัฒนานักศึกษา แต่ในหมู่นิสิตรุ่นต่างๆ ที่บ้าคลั่ง
SOTUS การเปลี่ยนแปลงในโลกภายนอกคงไม่มีความหมาย น่าสงสารไม่มีสมองก็คิดเองไม่เป็น
แล้วคงไม่รู้จักเปลี่ยนวิธีปฏิบัติ
T ย่อจาก Tyranny ซึ่งแปลว่า 'การใช้เผด็จการกดขี่ผู้อื่น' ระบบ SOTUS
ใช้วิธีการไร้สาระของการกดขี่เพื่อความไร้สาระ
/>และเป็นระบบที่นำมาหนุนความคิดแบบอำนาจนิยมกราบไหว้ในสังคมภายนอก
/>แต่เราไม่ควรลืมประวัติศาสตร์ของเราเอง ในปี 2475, 2516 และ 2535
/>มวลชนชาวไทยรวมตัวกันล้มระบบเผด็จการ และชนะ
/>ดังนั้นถ้านิสิตนักศึกษารุ่นใหม่ต้องการล้มเผด็จการของห้องเชียร์ และรุ่นพี่
ก็คงต้องเรียนบทเรียนจากอดีต คนหนุ่มสาวไทยสามารถล้มเผด็จการได้
/>และเคยยกเลิกระบบรุ่นพี่รุ่นน้องในจุฬาฯ ด้วย แต่ทำคน! เดียวไม่ได้ ต้องรวมตัวกันปฏิเสธความโง่
/>แล้วพวกรุ่นพี่ที่ดูเหมือนจะมีอำนาจล้นฟ้าก็จะกลายเป็นมนุษย์น้อยที่น่าสงสารเท่านั้นเอง
/>ดีไม่ดีเขาอาจไหว้เราเป็นการขอบคุณก็ได้เพราะเราสามารถปลดแอกความโง่จากเขาได้
สิ่งที่สำคัญคือ นิสิตต้องทำเอง ไม่ใช่ไปหวังว่าคนอื่นอย่างผมหรือใครที่ไหนจะทำให้
/>อย่าลืมว่าคนสามารถเอาแอกออกจากควายได้ แต่เนื่องจากควายเอาแอกออกเองไม่ได้
/>ควายจำต้องเป็นทาสของมนุษย์ตลอดกาล
U มาจาก Uncivilised ซึ่งแปลว่า 'ป่าเถื่อน' ไม่มีอารยธรรม การใช้อำนาจระหว่างรุ่นพี่กับรุ่นน้อง
/>การทำกิจกรรมไร้สาระ การตะโกนในทำนองว่า "คณะ@--@ดีกว่าคณะ@--@"
/>การทำลายความเป็นปัจเจกมนุษย์ และการทำลายมันสมองที่จะคิดเอง
/>ล้วนแต่เป็นความป่าเถื่อนไร้อารยธรรม แม้แต่สัตว์ในป่ายังมีอารยธรรมมากกว่าพวกบ้า SOTUS
/>เพราะสัตว์มันคิดเองไม่เป็นตามธรรมชาติเรายกโทษให้มันได้
/>แถมมันไม่มีวันจงใจโง่หรือแกล้งคนอื่นเหมือนพวกนิสิต SOTUS
/>รู้ไหมว่าระบบ SOTUS นี้คนไทยเอามาจากไหน? ลองคิดดูว่าที่ไหนไร้อารยธรรมที่สุดในโลก
/>คนกลุ่มไหนกำลังทำตัวเป็นอันธพาลระดับโลกาภิวัตน์จนเกิดการเกลียดชังกันทั่วทุกแห่ง
/>คนกลุ่มไหนพร้อมจะก! อบโกยขณะที่คนยากจนอดอยาก คนกลุ่มไหนฆ่าเด็กในนามของเสรีภาพ ....
ใช่ครับ ระบบ SOTUS มาจากส่วนบนของสังคมสหรัฐอเมริกาที่ล้าหลัง และไร้อารยธรรมที่สุด พวก
/>'รักชาติไทย' ทั้งหลายว่าอย่างไรครับ? จะเดินตามก้นสหรัฐเหมือนคนกวาดมูลต่อไปไหม?
S ตัวสุดท้ายมาจากคำว่า Stop It - 'เลิกเถิดเรื่องโง่ๆ ไร้สาระ'
/>เลิกเถิดเรื่องการกดขี่กันเองในหมู่นักศึกษา เลิกตะโกนบ้าๆ เพื่อเชียร์สิ่งที่ไม่น่าเชียร์ เลิกภูมิใจ
/>และเคารพกราบไหว้ในสิ่งน่าเบื่อย่ำแย่ เลิกกลัวที่จะขัดคำสั่งรุ่นพี่
/>รุ่นพี่เลิกกลัวที่จะไม่ทำตามประเพณีโง่ๆ ต่อไป....
/>แล้วถ้าเลิกไปนิสิตจะใช้เวลาทำอะไร? จัดการแสดงดนตรี จัดละคร ไปดูหนัง อ่านหนังสือ
อ่านหนังสือพิมพ์ และวารสาร สนใจปัญหาสังคม สนใจปัญหาการเมือง สนใจเรื่องสิ่งแวดล้อม
คุยกับเพื่อน คุยกับคนในครอบครัว จู๋จี๋กับแฟน ไปกินข้าวอร่อยๆ ออกกำลังกาย ไปเที่ยว
/>เขียนจดหมายมาวิจารณ์คนอย่างผมก็ได้ (มีอี-เมล์ข้างบน)...
/>ระบบห้องเชียร์ และ SOTUS มันน่าจะเป็นฝันร้ายจากอดีตที่ไม่เป็นจริง แต่ทุกวันนี้
ในหมู่คนหนุ่มสาวที่อ้างตัวว่าเป็นกลุ่มชั้นนำ (Cream of Thai Society) มันเป็นความจริง และ!
แย่ยิ่งกว่าฝันร้ายอีก
/>
จาก จุดประกายกรุงเทพธุรกิจ คอลัมน์ร้อยแปดวิถีทัศน์ :วันพุธที่ 26 มิ.ย. 45
โดย ใจ อึ๊งภากรณ์ เมื่อ วันเสาร์ที่ 29 มิถุนายน 2545, 23:03 น.
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
จ้อ
|
ความคิดเห็นที่ 1 เมื่อ 01 ก.ค. 02, 03:14
|
|
ขอแสดงความคิดเห็นในฐานะเคยเป็นนิสิตเก่า และเคยเห็นระบบการรับน้องรวมทั้งเข้าห้องเชียร์มาก่อน ผมคิดว่าผมเห็นด้วยกับความคิดของเจ้าของคอลัมน์นะครับ ที่พยายามจะบอกว่าระบบโซตัสในมหาวิทยาลัยนั้น ไม่จำเป็นต่อการพัฒนานิสิตนักศึกษาสักเท่าไหร่ ... แต่อ่านคอลัมน์นี้แล้วรู้สึกว่าจะรุนแรงไปหน่อย เหอๆๆ ผมกลัวว่าแทนที่นักศึกษาจะเห็นเหตุผลและปรับปรุงประเพณีของเขา กลับจะกลายเป็นต่อต้านซะมากกว่า
ผมเรียนจบมาหลายปีแล้ว ไม่คิดเหมือนกันว่าประเพณีเหล่านี้จะยังเข้มข้นอยู่ โดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่าเอาเวลาไปทำกิจกรรมอื่นบ้างน่าจะดีกว่า อย่างในอังกฤษ นักศึกษามีเวลาที่จะเข้าร่วมกิจกรรมกับชมรมต่างๆ ท้ังกีฬา ดนตรี สังคมสงเคราะห์ ช่วงเวลาที่เป็นเด็กปีหนึ่ง น่าจะเอามาใช้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์กับตัวเองและสังคม เพราะเป็นช่วงที่สมองกำลังสด พัฒนาได้ง่ายกว่า เอาเวลาไปนั่งร้องเพลงกันซะหมด...ผมว่าน่าเสียดาย
ถ้ามองอย่างเป็นกลางเรื่องจะรักษาประเพณีผมว่าก็เป็นการดี แต่ควรจะให้เป็นไปตามความสมัครใจของแต่ละคน ไม่ใช่มาบังคับกัน หรือขู่กันต่างๆนาๆ เหมือนครูฝึกกับนักเรียน ร.ด.
สมัยผมเป็นนิสิตปีหนึ่งก็มีรุ่นพี่ มาตามตัวให้ไปเข้าห้องเชียร์ ซ้อมร้องเพลง ๆลๆ ผมไม่เคยไปเชียร์กับเข้าซะที เหตุผลก็เพราะว่าผมไม่เห็นด้วยจะเป็นประโยชน์สำหรับผม เลยเอาเวลาตอนเย็นไปแตะฟุตบอลซะเป็นส่วนใหญ่ จนมีรุ่นพี่ๆเพื่อนๆหลายคนขู่ว่าระวังจะไม่รู้จักเพื่อน ตอนนั้นผมก็กลัวอยู่เหมือนกัน เพราะอยากมีเพื่อน(สาวๆเยอะๆ) แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เคยเข้าห้องเชียร์ซักกะครั้งหนึ่ง ขนาดพี่ระหัสผมยังไม่มีเลย หุๆๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 2 เมื่อ 01 ก.ค. 02, 11:25
|
|
ดิฉันเป็นคนต่อต้านระบบ SOTUS ของมหาวิทยาลัยอย่างสุดสุด เพราะถือว่าเป็นการระบายอารมณ์ป่าเถื่อน เพื่อความสะใจของเด็กหนุ่มสาวรุ่นพี่ที่ไร้วุฒิภาวะไม่กี่คน กระทำต่อเด็กหนุ่มสาวที่เข้ามาทีหลัง เพื่อให้พวกเขาทำกับน้องๆรุ่นต่อไป ราวกับเป็นกระสือบ้วนน้ำลายถ่ายทอดกัน
มีรุ่นพี่บอกดิฉันว่าทำไปเพื่อปลูกฝังความรักพี่น้อง เพิ่มความสนิทสนม กอดคอเป็นหนึ่งเดียวกัน ที่ว้ากน่ะแกล้งทั้งเพ ปลูกฝังความอดทนให้น้องๆต่อความไม่พอใจทุกชนิด เพราะเรียนจบไปจะต้องไปเจออีกมาก
ดิฉันคิดอยู่นานว่าถ้าเราอยากมีความรู้สึกในทางบวก อย่างความรัก และความอดทน ทำไมเราไม่เลือกวิธีปลูกฝังที่บวกเหมือนกัน ทำไมเราจึงเลือกวิธีทำให้น้องๆรู้สึกในทางลบ เพื่อจะบอกว่า..นี่ละคุณจะได้รู้ว่าคุณจะได้ทนได้แค่ไหน คุณไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงสังคมให้ผู้คนมีน้ำใจไมตรีต่อกัน แต่คุณคล้อยตามสังคมว่าคนโหดร้ายต่อกัน เพราะฉะนั้นก็ชิงโหดร้ายให้น้องๆดูเสียก่อน มันจะต่างอะไรกับพี่เอาไม้ตีน้อง เพื่อบอกว่า ต่อไปแกไปโรงเรียนก็จะถูกครูตีเจ็บๆ นี่ไงมาด้านไม้กับฉันก่อนดีกว่า
อีกความคิดหนึ่ง ที่ทำเพื่อปลูกความเป็นพี่น้องแน่นแฟ้นนี่ละค่ะ มันก่อให้เกิดการแบ่งสี แบ่งพวก ในแต่ละมหาวิทยาลัยอย่างรุนแรงเมื่อถึงเวลาทำงาน ในบางหน่วยงานจะแบ่งแยกความสนิทสนม ตามสถาบัน ถ้าคุณมาจากที่เดียวกัน โอเค เลย ยอมรับ แต่ถ้าคุณพลัดมาจากอีกที่ ถูกเขม่นล่วงหน้าแล้วว่า...นี่เขาพวก.....นะ คนละแห่งกับเรา กีดกันไว้ก่อน ความล้าหลังของงานถูกถ่วงด้วยระบบรักพวกพ้องพี่น้องสีเดียวกันมากเหลือเกิน
ดิฉันเกลียดระบบ SOTUS เข้าไส้ ไม่เคยใช้ระบบนี้ในที่ทำงาน และในความก้าวหน้าของตัวเอง แม้ว่าจะมีความรู้สึกรักเพื่อนๆที่เคยเรียนมาด้วยกัน ก็เพราะเราเคยเล่นกันคุยกันทำรายงานด้วยกัน รักหรือไม่รักอาจารย์คนเดียวกัน ทั้งหมดนี้ไม่มี SOTUS ปลูกฝังก็รักได้ แม้แต่การกลับไปทำงานกิจกรรมให้สถาบันเรียน ก็เป็นความกตัญญูต่อครูบาอาจารย์ผู้ถ่ายทอดวิชา อยากตอบแทนเท่าที่ทำได้ ดีใจอยู่อย่างว่าเมื่อมาถึงวันนี้ บอกได้ว่าดิฉันเป็นได้อย่างทุกวันนี้ไม่เคยนำระบบ SOTUS มาใช้ในชีวิตเลยค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองรัก
|
ความคิดเห็นที่ 3 เมื่อ 01 ก.ค. 02, 13:20
|
|
สมัยที่เรียนอยู่นั่น ในมหาวิทยาลัยที่เรียนยังมีระบบ SOTUS เหมือนกันค่ะ แต่ไม่ถึงกับเข้มงวดรุนแรงอะไรนักหนา แค่พอให้นึกรำคาญบ้างในบางครั้งเท่านั้นเอง แต่ทองรักค่อนข้างเห็นด้วยกับคุณเทาชมพูนะคะว่า ปัจจุบันนี้ความล้าหลังของงานนี่ถูกถ่วงด้วยความรักพวกพ้องมากเหลือเกิน ถ้าคุณบังเอิญหลงเข้าไปทำงานในองค์กรที่กว่า 90% ของคนในนั้นมาจากสถาบันเดียวกันล่ะก็ คุณต้องฝ่าฝันมากเหลือเกินกว่าจะได้รับการยอมรับจากคนอื่น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
วรณัย
อสุรผัด
ตอบ: 84
คนธรรมดาที่แสนธรรมดา
|
ความคิดเห็นที่ 4 เมื่อ 02 ก.ค. 02, 10:56
|
|
เห็นด้วยกับอาจารย์ใจครับ โลกมันเปลี่ยน แต่นิสิตนักศึกษายังไม่ยอมเปลี่ยน ทั้ง ๆ ที่เขาเหล่านั้นก็มีความสามารถที่จะเรียนรู้ ศึกษา ทำความเข้าใจ รากเง้าในประวัติศาสตร์ของ Sotus และการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมของประเทศไทย
นิสิตนักศึกษา กลับไม่สนใจ ยังคงใช้ " วิธีการ" ที่"เชื่อ" ว่าจะทำให้เกิดผลในการ ผนึกและรื้อฟื้น รวมทั้ง บูรณาการกลุ่มก้อนเป็นพวกเดียวกัน
แต่" วิธีการ " มันล้าสมัย และ ดูจะเป็นการล้าสมัยที่เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ วิธีการอื่น ๆ ที่สามารถทำให้เกิด " ผลลัพธ์" แบบเช่นเดียวกัน ก็ทำได้ มี"รูปแบบ"" วิธีการ" ที่เป็นทางเลือกอีกมากมาย ที่ถูกนำเสนอมาประมาณ 5 - 7 ปีที่แล้ว
การเปิดห้องซ้อมเชียร์ และการว๊ากน้อง เริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ " วิธีการ" ยังคงเหมือนเดิม
นิสิตนักศึกษายังคง " ท่องจำ" สิ่งที่เคยปฏิบัติมา ไม่ว่าในกรณีไหน ในขณะที่นิสิตนักศึกษา ในมหาวิทยาลัยของเอกชน หลาย ๆ แห่ง กำลังมีศักยภาพและคุณภาพมากขึ้นเรื่อย ๆ และมากกว่านิสิตนักศึกษาในระบบของรัฐ
ในฐานะนิสิตเก่าจุฬาฯคนหนึ่ง ก็ยังคงต้องหันกลับมามองภาพของน้อง ๆ รุ่นต่อไปด้วยใจระทึกว่า
เมื่อวันหนึ่งนโยบาย Learning By Doing และ การออกนอกระบบราชการและการแปรรูปราชการของรัฐบาล ประสบผล( ขึ้นมา)
นิสิต ( ที่ยังคงหลงไหลระบบSotus เพราะกลัวน้องไม่เคารพ และไม่"รัก")จะพร้อมหรือยังที่จะเผชิญโลกกว้าง " แห่งความเป็นจริง" ที่มหาวิทยาลัย( รัฐและเอกชน)อื่น ๆ นำหน้าไปแล้ว หลายต่อหลายก้าว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
นักวิชาเกินในบอร์ดวิชาการ
|
|
|
ภูวง
อสุรผัด
ตอบ: 39
ค้าขาย
|
ความคิดเห็นที่ 5 เมื่อ 02 ก.ค. 02, 11:19
|
|
ผมเรียนในคณะที่ระบบSOTUSเข้มข้นเชียวครับ ดีที่เป็นนักกีฬาก็เลยมักจะอ้างเรื่องซ้อมบอลมากกว่าเข้าห้องเชียร์ พอเป็นรุ่นพี่ไม่เคยคิดนำส่วนไม่ดีของระบบนี้มาใช้กับน้องๆเลย มันไร้สาระเหลือเกิน พอหลัง๑๔ตุลาค่อย ผ่อนคลายไปมากแต่ก็ไปตกขอบแบบอื่น สรุปว่าความพอดีใดๆไม่ค่อยมีหรอกครับในสังคม ระบบพักพวกนี่ ไม่ดีเอามากๆ ยิ่งถ้ามาใช้ในวงทำงานด้วยกัน ที่ทำงานผมเมื่อก่อนอาการหนักจริง ๆเดี๋ยวนี้ดีขึ้น แต่กลายเป็นแบ่งสาขาอาชีพอีก สรุปว่าระบบนี้ขอเอาไว้ใช้ เพื่อความสนิทสนมส่วนตัวกันดีกว่า แต่ไม่ควรมาใช้ในวงงานเป็นอันขาด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Little Sun
พาลี
ตอบ: 212
กำลังตามหาความฝัน
|
ความคิดเห็นที่ 6 เมื่อ 02 ก.ค. 02, 17:15
|
|
ไม่ชอบเข้าห้องเชียร์เอาซะเลย ขาดบ่อยจนร้องเพลงอะไรไม่ค่อยได้ ต้องทำปากขยุบขยิบเสมือนว่าร้องเพลงได้ จนประธานว๊ากจับได้แต่ดีที่ไม่ลงโทษแแค่ว่าให้เจ็บใจเฉยๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ภูวง
อสุรผัด
ตอบ: 39
ค้าขาย
|
ความคิดเห็นที่ 7 เมื่อ 03 ก.ค. 02, 06:48
|
|
เราคุยกันต่อเรื่องของ โซตัส ในหมู่ชาวสีชมพูด้วยกันครับ คุณสร้อยสนมีความทรงจำที่ค่อนข้างดี(เน้นครับดี)กับระบบนี้ เรื่องนี้คงต้องสรุปว่าอยู่ที่ผู้ปฏิบัติ แต่ที่จำได้อีกอย่างคือ รุ่นพี่ผู้ชายสมัยผม(ไม่ทราบคณะอื่นด้วยมั้ย) เน้นเรื่องการให้เกียรติ สุภาพสตรีมากๆเลยครับ พวกผู้ชายเราจะว้ากกันบ้าบออย่างไร แต่กับน้องผู้หญิง(โดยเฉพาะคณะผม) จะยกพวกเธอไว้สุดๆเลย คุณภาธร กับคุณสร้อยสน เข้ามาในช่วงหลัง ๑๔ตุลา และคณะของสองคนนี่ได้ชื่อว่า ระบบโซตัสค่อนข้างเหนียวแน่น คนใดคนหนึ่งว่างจะให้เข้ามาคุยครับ มีมุมมองที่ดีๆไม่น้อย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ภังคี
มัจฉานุ
ตอบ: 73
รับจ้าง
|
ความคิดเห็นที่ 8 เมื่อ 03 ก.ค. 02, 07:03
|
|
ผมไม่ชอบระบบนี้ มันบ้าบอสิ้นดี ไม่นึกว่าเด็กรุ่นใหม่ที่มีพัฒนาการในด้านอื่นแล้ว จะยังงมงายกับระบบนี้ เห็นวิธีการแล้ว ผมว่ารุ่นพี่สมัยก่อนยังทำอะไรน่ารักกว่าสมัยนี้อีก
ตอนนั้นพวกที่สนิทสนมกันคือพวกเตะบอลหน้าหอประชุมตอนเย็นครับ เรามากันจากหลากคณะ มีน้องจากช่างกลมาแจมด้วย สนุกกันมาก เสร็จแล้วไปสามย่าน โจ้ข้าวต้มกันต่อ ไม่มีระบบโซตัสมาวุ่นวายแต่เราสนิทกันดี เอิ้อเฟื้อกันตามสมควรเสมอ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
พุพู
อสุรผัด
ตอบ: 18
บริษัทเอกชน
|
ความคิดเห็นที่ 9 เมื่อ 03 ก.ค. 02, 08:53
|
|
มาจากระบบ SOTUS เหมือนกันค่ะ แต่คงเป็นคณะที่ SOTUS 1ไม่เข้มข้นเท่าไหร่ ออกไปทางขำ ๆ ตลก ๆ เสียมากกว่า ชอบแบบนี้มากกว่าค่ะ ไม่ต้องจริงจัง นั่งตัวตรงเป๊ะ ขาดเชียร์ไม่ได้เหมือนบางคณะ แต่สุดท้ายก็รักกันดี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นิลกังขา
แขกเรือน
สุครีพ
ตอบ: 1012
ทำงานราชการ
|
ความคิดเห็นที่ 10 เมื่อ 05 ก.ค. 02, 00:15
|
|
ผมมาจากมหาวิทยาลัยที่อาจารย์ใจสอนอยู่ แถมคณะที่ผมจบมายังเป็นคณะหนึ่งที่สมัยก่อนผมเข้า เน้นระบบโซตัสรุนแรงมากเสียด้วย ขนาดรุ่นโบราณเคยยกพวกตีกับอีกคณะหนึ่งที่เน้นโซตัสเหมือนกันมาแล้ว
ผมจบออกมาก็ยังได้ข่าวในวงงานใกล้ตัวผม แต่โชคดีที่ไม่ใช่วงงานของผม รุ่นพี่เก่าๆ ยังยึดกับเรื่องนี้เหนียวแน่นขนาดหนังสือพิมพ์ก็รู้ เวลาเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอำนาจในกระทรวงมหาดไทยทีไร นสพ. สมัยนั้นก็จะคอยดูว่าสิงโตสีไหนขึ้นสีไหนตก ที่ทำงานผมโชคดีที่คละกันหมด ไม่ได้แบ่งขั้วชัดอย่างนั้น พวกเราจบมาจากร้อยพ่อพันแม่ ไม่ใช่โรงเรียนเมืองไทยก็มี คละเคล้าปนกันหมด แล้วก็ทำงานด้วยกันได้ดี
สมัยที่ผมเข้ามาเรียน ช่วงหลัง 14 ตุลาฯ หลายปี ผมว่าระบบโซตัสเบาไปแยะแล้ว สมัยนั้น ยังมีการประชุมเชียร์เหมือนกัน แต่ก้ไม่ได้ซีเรียส เวลาทำกิจกรรมผมก็ไปทำกับชมรมบนศาลาพระเกี้ยว ซึ่งมีเพื่อนมาจากหลายคณะ แล้วยังข้ามไปจีบสาว เอ๊ย.. ทำกิจกรรมเชื่อมสัมพันธ์กับมหาวิทยาลัยอื่นอีก ทั้งกับมหาวิทยาลัยพี่น้องคู่รักคู่แค้นและมหาวิทยาลัยอื่น ต่างจังหวัดก็ยังมีเลย สนุกดีออก
ผมเพิ่งทราบจากอาจารย์ใจนี่แหละครับว่าโซตัสดูเหมือนจะกลับมาที่จุฬาฯ อีกในสมัยนี้ ถ้าจริงก็ไม่ใช่พัฒนาการที่ดีเลย ว่าเฉพะในวงงานที่เกี่ยวกับคณะของผม สิงโตสีอะไรนี่เขาไม่ค่อยถือกันแล้วครับ ใครยังมัวถืออยู่ก็เชยเต็มที น่าจะเปลี่ยนสัญชาติจากสิงโตเป็นไดโนเสาร์ได้แล้ว จะดำหรือจะแดงก็ตาม สมัยนี้สิงโตมีสารพัดสี ตั้งแต่สีทอง สีเขียว สีขาว ฯลฯ คนจบสังคมศาสตร์อื่นหรือศาสตร์สาขาอื่นๆ ที่ไม่ใช่สิงโตก็มีความสำคัญเช่นกัน แม้แต่คนที่ไม่จบมหาวิทยาลัยอะไรเลยก็มีความสำคัญและถ้าเราเปิดตาดู เราอาจจะเรียนรู้อะไรจากเขาได้เช่นกัน คนเก่งจริงต้องทำงานร่วมกันและคบกับใครๆ ได้ทั่วถึงจะเก่งจริง ไม่ใช่กอดกันรักกันอยู่ในพวกเดียวกันเท่านั้น ที่ว่ามาทั้งหมดก็ไม่ได้แปลวาผมไม่รักถ้ำสิงโตของผม ผมก็รัก แต่ผมไม่เห็นความจำเป็นว่าถ้าผมรักโรงเรียนผมแล้วทำไมต้องเกลียดโรงเรียนอื่นด้วย ประการหนึ่ง ประการสอง ไม่ได้แปลว่าผมไม่เคารพอาวุโสของรุ่นพี่และปรานีต่อรุ่นน้อง ผมก็ยังรักน้องรักพี่อยู่ แต่เช่นกันไม่ได้แปลว่ารักกันเองแล้วต้องไปเกลียดคนอื่นเขา เพราะในที่สุดยังมีสิ่งที่ยิ่งใหญ่ขึ้นไปกว่าคณะของผม ครอบคณะผมโรงเรียนผมอยู่ สิ่งเหล่านั้นจะถือว่าเป็นประเทศชาติก็ได้ มนุษยชาติก็ได้ หลักการและความถูกต้องก็ได้ มีอีกหลายอย่างครับที่จริงๆ ใหญ่กว่าโรงเรียนผมและควรได้รับความเคารพสูงกว่าโรงเรียนผมด้วย ถ้าหนึ่งในสิ่งเหล่านั้นเป็นประชาธิปไตยที่เรารู้สึกกันว่ามีค่า พวกเราเองน่ะแหละเล่าเรียนเกี่ยวกับสิ่งนี้มาในโรงเรียนของเรา แล้วเราจะเอาแง่มุมเผด็จการบางแง่ของระบบโซตัสที่ตรงกันข้ามเป็นขาวกับดำกับประชาธิปไตยมาปฏิบัติได้ลงคอเสียเองหรือ ปฏิบัติระบบโซตัสเสร็จแล้วก็เดินเข้าห้องเรียนวิชาทฤษฏีการเมืองพื้นฐานว่าด้วยประชาธิปไตย ไม่รู้สึกตลกบ้างหรือ?
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ภาธร
อสุรผัด
ตอบ: 24
รับจ้าง
|
ความคิดเห็นที่ 11 เมื่อ 08 ก.ค. 02, 06:52
|
|
เข้ามาช้าเชียวแต่ก็อยากคุยนิดหน่อยเหมือนกัน ผมอยู่คณะใหญ่ มีน้องใหม่ราวเจ็ดร้อยคน เพราะสมัยนั้นพวกเรียนเตรียมแพทย์ เภสัช ต้องมาเรียนที่คณะผมก่อน พี่ๆสมัยนั้นจะเน้นเรื่อง ความสามัคคี ไม่ว่าจะสาขาไหน รู้จักสนิทกันหมด ความมีระเบียบ น้องใหม่ทุกคนขอให้แต่งตัวเรียบร้อย ผู้ชายนุ่งกางเกงผ้าสีกรมท่า ผูกเนคไทเหมือนกันหมด เวลาไปเชียร์รวมต้องเดินตามกันเป็นคู่ๆ ผู้หญิงคู่ผู้หญิง ผู้ชายคู่ผู้ชายต่อท้าย เน้นความเรียบง่ายสมถะ วันบอลประเพณีไม่มีการออกไปตะลอนรถตามที่ต่างเหมือนสมัยก่อน มีแต่ทำความสะอาดถนนหนทาง ปลูกต้นไม้ นอกจากเวลาในห้องเชียร์แล้ว พี่ทุกคนจะเป็นกันเอง ไม่มีการสั่งให้น้องๆทำอะไรที่พิศดาร ให้คำแนะนำและช่วยเหลือน้องๆเป็นอย่างดีทุกคน ที่น่าประทับใจคือเวลาขึ้นสแตนเชียร์ต้องตากแดดกันหน้าดำ พวกพี่ที่เป็นสตาร์ฟ ก็จะยืนตากแดดกันหัวแดงเป็นเพื่อนน้องๆไม่มีใครกินแรง แอบหลบเข้าร่มเลยครับแม้แต่พี่ผู้หญิง พอหลัง ๖ตุลา กระแสขวาจัดค่อนข้างแรง แต่บรรยากาศในคณะก็ยังคล้ายๆเดิม ไม่มีการว้าก(เว้นเฉพาะในห้องเชียร์) การดูแลน้องๆก็ยังดีเหมือนเดิมแต่น่าเสียดายที่แต่ละคณะเขาแยกน้องใหม่ออกเด็ดขาดจากกัน บรรยากาศอันอบอุ่นระหว่างเพื่อนต่างคณะก็เลยขาดหายไป ไม่ทราบว่าเด็กรุ่นใหม่เขาไปได้วัฒนธรรมเต่าล้านปีจากไหนมาปฏิบัติกันใหม่นะครับ นำมาใช้โดยไม่ทราบถึงคุณค่าในด้านดีของระบบนี้เสียด้วย น่าเสียดายมาก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
จ้อ
|
ความคิดเห็นที่ 12 เมื่อ 07 ส.ค. 02, 21:55
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 13 เมื่อ 08 ส.ค. 02, 11:04
|
|
ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงก็ถือว่าเป็นกิจกรรมเชียร์ที่ทุเรศที่สุด ควรจะมีผู้รับผิดชอบ ยกเลิกไปโดยเร็วค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองรัก
|
ความคิดเห็นที่ 14 เมื่อ 08 ส.ค. 02, 15:37
|
|
เข้าไปอ่านดูแล้วค่ะ รู้สึกแย่จังเลยนะคะ ไม่รู้ว่าคิดกิจกรรมประเภทนี้มากันได้อย่างไร อาจารย์ฝ่ายกิจการนักศึกษาสมควรจะเข้ามาสอดส่องดูแลกันบ้างนะคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|